ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF SNSD x T-ara] Let it Rain [YoonA x Hyomin] {Yuri}

    ลำดับตอนที่ #2 : ̷ ̷ ̷ Let it Rain [YoonA x Hyomin] ̷ ̷ ̷ SHOT 1 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 55


     

    [SF SNSD x T-ara] ̷   ̷  Let it Rain ̷   ̷ [YoonA x Hyomin]

    Shot 1

     

     

              องขาเรียวก้าวฉับๆ ไปบนทางเดินโรยกรวดที่เชื่อมต่อระหว่างสวนหย่อมและตัวตึกคณะนิเทศศาสตร์ ในมือถือกล่องของขวัญกล่องเล็กที่ห่อด้วยกระดาษลายหมีริลักคุมะพร้อมผูกริบบิ้นสีสันสดใส ฮโยมินไม่ได้ถือมันไปมอบให้คนรักหรอก หากแต่คนที่จะรับมันคือน้องรหัสของเธอที่เพิ่งเข้าปีหนึ่ง ได้ยินมาว่าเจ้าตัวชื่นชอบเจ้าหมีริลักคุมะเป็นชีวิตจิตใจ เลยเลือกซื้อของขวัญมารับน้องด้วยตัวมาสคอทสุดโปรด ก็ได้แต่หวังว่าเค้าคงจะถูกใจ

     

    แต่แย่หน่อยตรงที่เธอกะจะมาเซอร์ไพรส์น้องทั้งที่ไม่รู้ชักหน้าค่าตา มีข้อมูลแค่ว่าน้องรหัสชื่อ อิม ยุนอา สวย หุ่นดี ตัวสูงประมาณเดียวกับเธอ แล้วลักษณะของผู้หญิงประมาณนี้ในคณะนิเทศศาสตร์มันมีน้อยเสียเมื่อไหร่

     

    ใบหน้าเรียวแหงนเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่ปกคลุมด้วยหมู่เมฆจนมืดครึ้ม น่ากลัวว่าอีกไม่นานฝนคงจะเทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา ขอแค่อย่าตกมาตอนนี้เลยเถอะเพราะยังต้องเดินจากตึกคณะนิเทศศาสตร์ไปยังตึกคณะมนุษย์ศาสตร์อีกที น้องรหัสกำลังเรียนวิชาทั่วไปอยู่ที่นั่น ว่าแล้วก็เร่งจังหวะฝีเท้าให้เร็วขึ้น...

     

     แต่เหมือนฟ้าฝนจะไม่เป็นใจเอาเสียเลยเมื่อเดินออกมาจากตัวตึกคณะนิเทศศาสตร์เพียงไม่กี่ก้าวฮโยมินก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความเย็นของเม็ดฝนที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า ต้องเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง เม็ดฝนที่กระทบกับผิวหน้านั้นไม่เล็กเลย หากมัวแต่ชักช้าคงได้เปียกทั้งคนทั้งของขวัญในมือ คิดแล้วหญิงสาวก็รีบสอดกล่องของขวัญนั้นเข้าไปในเสื้อแจ็ตเก็ตสีเข้มที่สวมใส่อยู่ ป้องกันไม่ให้ได้รับความเสียหายจากหยาดฝน ส่วนตัวเธอจะเปียกบ้างก็ไม่เป็นไร

     

    “จะมาตกอะไรตอนนี้เนี่ย...” บ่นพึมพำกับตนเองอย่างหงุดหงิดเตรียมออกวิ่งเพราะฝนเริ่มตกหนักขึ้น วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกว่าฝนที่หล่นลงมากระทบร่างนั้นหายไป เพราะมีร่มจากมือของใครคนหนึ่งกางกั้นไว้ ฮโยมินเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อยเห็นร่มสีฟ้าโปร่งใสบดบังทัศนียภาพของท้องฟ้าสีหม่น ก่อนหันมองผู้หวังดีที่อยู่ภายใต้ร่มคันเดียวกันแทบจะทันที...

     

    “ตอนฝนตกหนักๆ ไม่ควรวิ่งนะคะ ยิ่งวิ่งยิ่งจะเปียกเอานะ” เสียงที่ห้าวกว่าเธอเล็กน้อยกล่าวแนะนำแกมตักเตือน ริมฝีปากสีแดงสดกำลังฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้อย่างเป็นมิตร เป็นเหตุให้คนมองอดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ หน่วยตาใสทอประกายวิบวับอย่างมีชีวิตชีวาจากน้ำเลี้ยงในตา องค์ประกอบบนใบหน้าที่ลงตัว คำว่า สวยไร้ที่ติ คงดูไม่มากเกินไปนักสำหรับคำจำกัดความของเด็กผู้หญิงคนนี้

     

    ...ฮโยมินเผลอมองจนอีกฝ่ายต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

     

    “ขอบคุณนะคะ” ฮโยมินกล่าวขอบคุณพร้อมทั้งยิ้มแก้เก้อ ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินเคียงกันไปกลางสายฝนภายใต้ร่มสีฟ้าใสคันนั้น

     

    ฮโยมินเคยแอบคิดถึงฉากรักโรแมนติกจากหนังสือนิยายตามประสาผู้หญิงช่างฝันทั่วไป ในวันที่ฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าอยากมีใครสักคนเดินเคียงข้างและกางร่มให้ ซึ่งภาพของคนที่เคยจินตนาการไว้นั้นคือผู้ชายตัวสูงๆ หน้าตาหล่อเหลาเหมือนเทพบุตร... แต่นั่นมันก็เป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ เพราะในความเป็นจริงคนที่เดินกางร่มให้เธออยู่ขณะนี้คือเด็กผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ซึ่งดูไปแล้วน่าจะอายุอ่อนกว่าเธอด้วยซ้ำ หลายๆ อย่างดูผิดเพี้ยนจากภาพฝันไปหมด

     

    แต่ว่า... มันก็ไม่ได้แย่นักในความรู้สึก

     

    ด้วยความสูงไล่เลี่ยกัน ภายใต้พื้นที่จำกัดของร่มคันเล็ก ขณะก้าวเดินช่วงไหล่รวมไปถึงเรียวแขนของทั้งคู่จึงเฉียดกันไปมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ร่มคันนี้จะกันพวกเธอจากละอองฝนไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็อดรู้สึกซาบซึ้งกับความมีน้ำใจของอีกฝ่ายไม่ได้

     

    ...และน่าแปลกที่ความเงียบอันไร้บทสนทนาระหว่างคนแปลกหน้ากลับไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด เสียงฝนที่สาดเทลงมาราวฟ้ารั่วกลายเป็นบทเพลงอันไพเราะ ความหนาวเย็นของอากาศเทียบไม่ได้เลยกับความอบอุ่นที่อบอวลในบรรยากาศรอบๆ กาย คนที่แผ่ความรู้สึกนั้นออกมาไม่ใช่เธอ หากแต่เป็นเจ้าของร่มที่เดินอยู่ข้างๆ ต่างหาก

     

    พ่นลมออกมาจากปากเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเฉยๆ อวัยวะในอกข้างซ้ายก็คล้ายกำลังเต้นผิดจังหวะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฝน เพราะบรรยากาศโดยรอบที่ทำให้เผลอคล้อยตาม หรือเพราะเจ้าของร่มกันแน่นะที่ทำให้เธอมีอาการแปลกๆ

     

    พัค ฮโยมิน หัวใจเต้นแรงเพราะผู้หญิง ...มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต อาการแบบนี้เป็นเหมือนตอนที่เธอเพิ่งมีความรักครั้งแรกสมัยมัธยมต้นไม่มีผิด... ซึ่งมันก็นานจนเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกนั้นก็ถูกปลุกขึ้นมาด้วยฝีมือของคนแปลกหน้า... และที่สำคัญยังเป็นผู้หญิงด้วยกันอีก.. เธอต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ฮโยมิน

     

    “จะไปไหนคะ?” คนที่เป็นสาเหตุของอาการหัวใจเต้นแรงเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ ฮโยมินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันไปยิ้มกลบเกลื่อนให้ พบว่าอีกคนกำลังมองเธออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหวานนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสราวกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยมีเรื่องให้เดือดเนื้อร้อนใจ หรืออีกทีก็คงเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเอามากๆ

     

    “ตึกคณะมนุษยศาสตร์ค่ะ” ฮโยมินตอบออกไปในที่สุด

     

    “ไปที่เดียวกันเลยค่ะ ฉันก็เพิ่งมาจากตึกนั้นเหมือนกัน” ว่าพลางเอียงร่มไปทางฮโยมินที่ฝนกำลังสาดเข้ามา ฮโยมินเหลือบมองเสี้ยวหน้าของผู้มีน้ำใจแล้วแอบยิ้ม ช่างเป็นคนที่ใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ แม้กระทั่งกับคนที่เพิ่งพบหน้ายังให้ความสนใจขนาดนี้ หากใครได้เป็นเจ้าของหัวใจล่ะอีกฝ่ายจะดูแลดีขนาดไหน

     

    คิดแล้วก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาใครคนนั้นไม่ได้

     

     

     

     

     

    “ว่าแต่... มาเรียนที่ตึกนี้เหรอคะ?” เจ้าของร่มถามพลางสะบัดให้หยดน้ำที่เกาะอยู่บนร่มหลุดออกไป หลังที่ทั้งคู่เข้ามายืนอยู่ภายในตึกเรียนคณะมนุษยศาสตร์เป็นที่เรียบร้อย ดวงตาใสมองร่มในมืออย่างตั้งอกตั้งใจขณะหุบมันลง

     

    ฮโยมินเหม่อมองฝ่าสายฝนออกไปอย่างใจลอยก่อนตอบ

     

    “เปล่าหรอกค่ะ เอาของขวัญมาให้น้องรหัสน่ะค่ะ เค้าเรียนอยู่ที่นี่ แต่น่าจะหมดชั่วโมงแล้วล่ะ ...แล้วคุณล่ะคะ?”  ว่าพลางชูกล่องของขวัญลายริลักคุมะขึ้นให้อีกคนดูแล้วถามกลับ ถ้ามองไม่ผิดเหมือนฮโยมินจะเห็นประกายในตาคู่ใสนั้นวาววับขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อเห็นกล่องของขวัญในมือเธอ แต่ก็ถูกเจ้าตัวปรับเปลี่ยนมันจนหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพยักหน้ารับรู้

     

    “เพิ่งเรียนเสร็จน่ะค่ะ”

     

    “ว่าแต่เรียนวิชาอะไรคะ?” ฮโยมินโคลงศีรษะถามอย่างสงสัย และเผื่อว่าอีกฝ่ายจะเรียนคลาสเดียวกันกับน้องรหัสของเธอ

     

    “แมนโซฯค่ะ” ฮโยมินฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจด้วยไม่คิดว่าจะอีกฝ่ายจะบังเอิญเรียนคณะเดียวกันกับน้องรหัสของเธอ

     

    “อยู่ปีหนึ่งใช่มั้ยคะ? คณะนิเทศศาสตร์หรือเปล่า?”

     

    อีกฝ่ายพยักหน้ารับเร็วๆ ตาใสจับจ้องใบหน้าเรียวของฮโยมินอย่างกระตือรือร้น

     

    “อา.. ดีเลย แล้วน้องรู้จัก อิม ยุนอา มั้ยคะ? พอดีว่าพี่เป็นพี่รหัสเค้าน่ะ” สรรพนามถูกเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคนตรงหน้าเพิ่มขึ้น เด็กหน้าหวานหลุดขำออกมาเบาๆ เหมือนเห็นเป็นเรื่องตลก ฮโยมินโคลงศีรษะขมวดคิ้วมองอย่างแปลกใจ ปฏิกิริยาที่แสดงออกเมื่อได้ยินชื่อนั้นผิดปกติ ไม่แน่ว่าเด็กคนนี้อาจจะรู้จักกับ อิม ยุนอา หรืออาจจะถึงขั้นสนิทสนมเลยก็เป็นได้

     

    “ยิ้มแบบนี้แปลว่ารู้จัก” ฮโยมินหรี่ตามองอย่างเคลือบแคลง อีกฝ่ายพยายามกลั้นขำอยู่ครู่หนึ่ง มือเรียวยกขึ้นมาป้องปากพร้อมทั้งกระแอมเบาๆ เหมือนกำลังตั้งสติ แต่ก็ยังไม่หยุดยิ้มอยู่ดี

     

    เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พบหน้าที่ฮโยมินรู้สึกว่ารอยยิ้มสดใสของอีกฝ่ายมันกวนใจเธอเหลือเกิน

     

    “รู้จักสิคะ สนิทกันมากเลยล่ะ” เห็นแววตาใสไหวระริกเหมือนกำลังขบขัน เห็นอย่างนั้นแล้วฮโยมินก็ยิ่งนึกสงสัย อยากรู้ว่าเด็กคนนี้กำลังเล่นอะไรอยู่

     

    “งั้นพาพี่ไปเจอเค้าได้มั้ยคะ” ฮโยมินชะเง้อมองผ่านไหล่ของอีกคนไปเพื่อมองหาน้องรหัสของตน หากแต่คนที่บอกว่าสนิทสนมกับอิมยุนอากลับยังยืนนิ่งซ้ำยังทำท่าเหมือนจะหลุดขำออกมาได้ทุกเวลา... นั่นทำให้ฮโยมินเริ่มเคืองนิดหน่อย

     

    “เค้าก็อยู่แถวนี้ล่ะค่ะ”  ฮโยมินนิ่วหน้า เริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นลิ้น ท่าทางประกอบคำพูดนั้นก่อกวนอารมณ์เธออย่างร้ายกาจ อ้าปากจะถามออกไปอีกครั้งแต่เสียงที่ดังมาจากข้างหลังของคนหน้าเป็นก็หยุดคำพูดเธอไว้เสียก่อน

     

    “ยุนอา หาไรกินกัน... โอ๊ะ ขอโทษค่ะไม่เห็นว่ากำลังคุยกันอยู่” ผู้หญิงที่ตัวสูงกว่าคนหน้าใสเล็กน้อยเดินเข้ามาแตะไหล่พร้อมเอ่ยเรียก ชื่อนั้นทำให้ฮโยมินต้องอ้าปากค้างพร้อมเบิกตากว้าง... ก่อนที่ผู้มาใหม่จะค้อมศีรษะให้เป็นเชิงขอโทษที่เสียมารยาทเมื่อเห็นเธอเข้า นั่นล่ะฮโยมินถึงได้งับปากลง...

     

    ดูเหมือนเธอจะถูกน้องรหัสแกล้งอำเข้าให้แล้ว...

     

    คนหน้าหวานเหลือบมองเพื่อนตัวสูงครู่หนึ่ง ก่อนหันมาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ฮโยมินพร้อมยกมือขึ้นเกาแก้มของตนเบาๆ ท่าทางนั้นเหมือนกำลังบอกเธอว่า น่าเสียดาย ความแตกซะแล้ว

     

    “ฉันนี่ล่ะค่ะ อิม ยุนอา ที่รุ่นพี่ตามหาอยู่ สวัสดีอย่างเป็นทางการนะคะ” สารภาพพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วจึงค้อมตัวให้เกือบเก้าสิบองศา ผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้งข้างๆ ก็ค้อมศีรษะตามอย่างงงๆ เช่นกัน

     

    “เธอ... ยุนอาหรอกเหรอ?” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ น้องรหัสตัวแสบฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งปากและตาก่อนรับคำเสียงดังฟังชัด

     

    “ถูกแล้วล่ะค่ะ ฉัน อิม ยุนอา ปีหนึ่งคณะนิเทศศาสตร์เอกการแสดงค่ะ” 

     

    ฮึ่ม... แทนที่พี่จะรับน้องกลับกลายเป็นว่าน้องมันรับพี่ซะงั้น!

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “อ้าว ยุนอา... มาได้ไงเนี่ย?” เอ่ยทักน้องรหัสที่ทำท่าจะเดินตรงมายังโต๊ะอาหารที่เธอนั่งอยู่ ยุนอาชะงักไปเช่นกันเมื่อเห็นหน้าฮโยมิน มือที่แกว่งร่มสีฟ้าใสคันเดิมไปมาพลันหยุดชะงัก...

     

    วันนี้ฟ้ามืดแล้วหากแต่ก็ครึ้มเสียจนน่ากลัวว่าฝนจะเทลงมาอีกรอบ... พาลให้นึกถึงครั้งแรกที่เจอกันกับยุนอาเมื่อเดือนก่อน มุมปากของฮโยมินปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ พริบตาเดียวก่อนขับไล่ให้มันจะหายวับไป  

     

    ริมฝีปากสีสดคู่นั้นหลุดอุทานออกมาเบาๆ หากแต่ไร้เสียง ดวงตาใสเบิกกว้างก่อนกระพริบปริบๆ มองพี่รหัสที่บังเอิญเจอกันอย่างงุนงง

     

    “สวัสดีค่ะพี่ฮโยมิน” ค้อมตัวให้รุ่นพี่อย่างมีมารยาทก่อนตอบ “เพื่อนนัดมาค่ะ ที่ร้านนี้แล้วก็บอกว่าโต๊ะนี้ด้วย”  ชี้นิ้วไปยังหมายเลขโต๊ะที่ตั้งอยู่หมิ่นเหม่ตรงขอบโต๊ะ คิ้วเรียวขมวดเป็นปมด้วยสีหน้ายุ่งยากพร้อมทั้งบ่นพึมพำอะไรบางอย่างที่ฮโยมินฟังไม่ถนัดนัก คงจะต่อว่าเพื่อนของตนกระมัง

     

    “เพื่อนฉันคงบอกผิดโต๊ะมั้งคะ ฉัน.... ฉันไปรอโต๊ะอื่นดีกว่า” บอกพร้อมเตรียมหมุนตัวกลับแต่ฮโยมินเรียกเอาไว้เสียก่อน

     

    “เดี๋ยวก่อนสิ นั่งด้วยกันนี่ล่ะ พี่ก็รอเพื่อนอยู่เหมือนกัน” คำชักชวนเหมือนมีน้ำใจ แต่ก็แอบแฝงจุดประสงค์บางอย่างอยู่ในใจเงียบๆ

     

    ...ก็แค่อยากให้อยู่ด้วยกันนานอีกหน่อยเท่านั้นเอง...

     

    “...” ยุนอาเม้มปาก หันรีหันขวางอยู่กลางร้านอย่างลังเล จนฮโยมินต้องกระตุ้นซ้ำ

     

    “ยุนอาไม่ต้องเกรงใจหรอก นั่งด้วยกันก่อน”

     

    “ขอบคุณค่ะ” ค้อมศีรษะให้อีกครั้งแล้วขยับไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพี่รหัสเมื่อตัดสินใจได้

     

    “ท่าทางจะมากันหลายคนนะคะ” หันมองไปยังโต๊ะที่ถูกต่อนำมาวางต่อกันให้ยาวจนกินพื้นที่ไปเกือบค่อนร้าน

     

    “ก็คงจะอย่างนั้นล่ะมั้ง พี่ก็งงๆ อยู่ พวกมันนัดพี่มาแล้วก็หายไปไหนกันหมดไม่รู้” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเมื่อฟังฮโยมินพูดจบ ชักจะรู้สึกแปลกๆ กับบรรยากาศไม่ชอบมาพากลนี้แล้ว

     

    พรึ่บ!

     

    ไฟทั้งร้านพลันดับลงอย่างกะทันหัน เสียงอุทานพร้อมบ่นพึมพำของลูกค้าหลายคนในร้านดังระงม สายตาที่ยังไม่ชินกับความเหลือบมองขึ้นไปบนเพดานแล้วเหลียวซ้ายแลขวาอย่างงุนงง

     

    “ไฟดับได้ยังไงนะ” ฮโยมินบ่นพึมพำเบาๆ ขณะที่มือควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้ อาศัยแสงสว่างจากหน้าจอเพื่อให้มองเห็นสิ่งรอบๆ ตัว

     

    “ข้างนอกไม่ดับนี่คะ” บอกพร้อมมองออกไปนอกร้าน พบว่าตามอาคารบริเวณใกล้เคียงไฟยังส่องสว่างอยู่ จะมีก็แต่ร้านที่ยุนอากับฮโยมินนั่งอยู่เพียงแห่งเดียวที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด

     

    ระหว่างที่หันรีหันขวางอย่างทำตัวไม่ถูกอยู่นั้นเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ก็ดังออกมาจากทางหลังร้าน ในมือของใครสักคนมีเค้กก้อนใหญ่ที่ปักเทียนไว้โดยรอบนำหน้าคนอีกจำนวนหนึ่งออกมา

     

    ยุนอาขยับตัวลุกขึ้นยืนในความมืด ฮโยมินมองเค้กที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ๆ ไม่วางตา ...ทั้งคู่เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างขึ้นมาบ้างแล้ว... เสียงปรบมือพร้อมเสียงเพลงสุขสันต์วันเกิดที่ถูกขับร้องโดยผองเพื่อนและลูกค้าในร้านบางส่วนดำเนินต่อเนื่องไปจนจบ

     

    “สุขสันต์วันเกิดพี่รหัสกับน้องรหัสคร้าบบบบบบบ” สิ้นเสียงห้าวๆ ที่จำได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของฮโยมินทั้งคู่ก็หันมองหน้ากันเลิ่กลั่กผ่านแสงสลัวอย่างไม่เข้าใจ

     

    “สุขสันต์วันเกิดน้องรหัสพี่รหัส? หมายความว่ายังไงอูยอง” ฮโยมินหันไปเอาคำตอบกับคนพูด ยุนอาก็สงสัยในประเด็นนั้นเช่นกันจึงจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ ชายหนุ่มฉีกยิ้มแล้วกระแอมเบาๆ

     

    “ก็แกกับยุนอาน้องรหัสแกน่ะ เกิดวันที่ 30 พฤษภาเหมือนกัน แต่คนละปีไง” เจ้าของวันเกิดหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายเมื่ออูยองให้ความกระจ่าง ต่างคนต่างตกอยู่ในอาการประหลาดใจพอกัน

     

    “เอาล่ะๆ เป่าเทียนกันได้แล้วสาวๆ จะไหม้หมดแล้วน่ะ” ว่าแล้วก็ปรบมือกระตุ้นให้ฮโยมินกับยุนอาหายจากอาการมึนงง

     

    มือของใครสักคนผลักไหล่ยุนอาและฮโยมินเข้าหากันมาจนร่างกายเบียดชิด ทั้งคู่หันไปมองหน้ากันเอง ดวงตาสองคู่สบกันครู่หนึ่งภายใต้แสงนวลของเปลวเทียน ก่อนดึงสายตากลับไปยังเค้กก้อนใหญ่ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างปราณีต

     

    อาการหัวใจเต้นแรงกลับมาเยี่ยมเยียนพี่รหัสอีกครั้ง... หางตาเหลือบมองคนข้างกายอยากรู้ว่าคิดอะไรอยู่ รู้สึกเหมือนกันบ้างหรือเปล่า หรือว่าเธอจะบ้าไปเองคนเดียว...

     

    เปลวไฟที่ลุกไหม้ปลายเทียนที่ปักอยู่บนเค้กถูกเป่าให้ดับลงจนหมดทุกเล่ม ด้วยฝีมือของยุนอาและฮโยมิน... ไฟในร้านกระพริบสองสามทีก่อนจะสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าของวันเกิดถูกดันให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกัน โต๊ะตัวยาวรายรอบไปด้วยผองเพื่อนของยุนอาและฮโยมิน งานเลี้ยงขนาดย่อมเริ่มต้นขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยกันอย่างครึกครื้นบนโต๊ะอาหาร

     

    น้องรหัสคงไม่รู้ว่าที่พี่รหัสยิ้มกว้างจนแก้มแทบแตกแบบนี้ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากเจ้าตัวนั่นแหละไม่ใช่ใครอื่น...

     

     

    เป็นธรรมดาของงานเลี้ยงที่ต้องมีวันเลิกรา แต่งานวันนี้ฮโยมินกลับอยากยืดเวลาออกไปอีกนานๆ เพราะมันกำลังจะจบลง เพื่อนๆ และรุ่นน้องหลายคนแยกย้ายกันกลับที่พัก และอีกส่วนหนึ่งกำลังเรียกบริกรมาเก็บค่าอาหาร...

     

    รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เธอกับยุนอาหาเวลาที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันอย่างนี้ได้ยากเหลือเกิน แม้จะได้ชื่อว่าพี่รหัสกับน้องรหัส ทว่าต่างคนต่างก็ยุ่งกับเรื่องเรียนและกิจกรรมของมหาวิทยาลัยจนแทบปลีกตัวมาเจอกันไม่ได้ ซ้ำร้ายเวลาว่างก็ยังไม่ตรงกันอีก จะนัดทานข้าวกันสักมื้อยังทำได้ยาก

     

    ที่อิดออดอยู่ก็แค่อยากใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดให้คุ้มค่าก็เท่านั้น

     

    “กลับกันเถอะ” เสียงหนึ่งเอ่ยชักชวนให้กลับที่พักหลังจากจ่ายเงินค่าอาหารและเครื่องดื่มเป็นที่เรียบร้อย ยุนอาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่รีรอ ในมือถือร่มคันเดิมเอาไว้แน่นราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่า ทำให้ฮโยมินจำต้องลุกตามคนอื่นๆ ไปด้วย

     

    นอกร้านฝนเริ่มลงเม็ดเป็นรอบที่สามของวัน ยุนอากับซูยองเพื่อนสนิทยืนรอรุ่นพี่อยู่หน้าร้านก่อนที่ทั้งหมดจะเดินออกมาสมทบกัน

     

    “พวกน้องกลับกันยังไงเนี่ย?”

     

    “รถเมล์ค่ะ บ้านฉันกับซูยองอยู่ใกล้กัน” ยุนอาเป็นคนตอบคำถามนั้น

     

    “แล้วพวกพี่ล่ะคะ?” ซูยองถามกลับ

     

    “ก็คงจะเหมือนๆ กันนั่นล่ะ แต่ฝนตกอีกแล้วนี่สิ” ฮโยมินตอบพลางเงยหน้ามองฝนเม็ดเล็กที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้ามืดมิด

     

    “เอาร่มฉันไปใช้ก่อนสิคะ” ยุนอายื่นร่มในมือไปให้พี่รหัส ฮโยมินเหลือบตามองร่มคันนั้นอย่างลังเลไม่รับมันไปในทันที

     

    “แล้วพวกเธอล่ะจะใช้อะไร? เดี๋ยวก็เปียกหรอก”

     

    “นี่ไงคะ วันนี้ฉันก็พกมาจากบ้านด้วย” ซูยองชูร่มในมือขึ้นอวดอย่างภูมิใจ ฮโยมินจึงยอมรับร่มจากมือของยุนอาแต่โดยดี

     

    “ขอบใจมากนะ”

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณสำหรับงานเลี้ยงวันเกิดค่ะ” ยุนอากล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มในแบบฉบับของตนเอง ค้อมศีรษะให้รุ่นพี่แล้วเดินจากไปพร้อมกับซูยอง ทั้งสองคนอยู่ภายใต้ร่มสีดำคันเดียวกัน ยุนอาเป็นคนถือร่ม ส่วนซูยองวาดแขนขึ้นกอดคอเพื่อนสนิทด้วยความเคยชิน

     

    ฮโยมินมองแผ่นหลังทั้งคู่ที่เคลื่อนตัวห่างออกไปด้วยแววตาครุ่นคิด... เป็นไปได้ก็อยากไปเดินข้างยุนอาแทนที่ซูยองเหมือนวันนั้น...

    ­­

    ______________________



    อิอิ จบแล้วค่ะช็อตแรกกับยุนอาฮโยมิน เจอกันช็อตหน้าค่ะ




















    © Tenpoints !
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×