คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Return to old ; 2
..อตีต..
“ซีวอน~ ซีวอนตื่นน~” เสียงเด็กน้อยตัวเล็กฟังจากข้างหูของเด็กชายอีกคนที่นอนอุตุห่มผ้าหนาบนเตียงนุ่น ขยับตัวพลิกหนีเมื่อรู้สึกถึงการรบกวนยามหลับฝัน
“ซีวอน~ คยูจะชวนซีวอนไปเล่นกันน้า.. ซีวอนไปเล่นกับคยูสิ” พยายามเรียกเท่าไหร่เพื่อนแสนดีคนนี้ก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาซะที
ฮิฮิ เดี๋ยวคยูจะแกล้งซีวอน
“เจ้าปูน้อย ไต่ขึ้นไป ไต่ขึ้นไป ขามันเยอะ มันไต่ไป มันไปไต่ไป~~” เด็กน้อยคยูฮยอนไล้นิ้วเป็นตัวปูไปตามท่อนแขนและหยุดอยู่ที่ต้นคอนิ่ม เจ้าตัวที่นอนอยู่ก็เกิดอาการจั๊กจี้จนต้องลืมตาขึ้นมาดูเพื่อนตัวเล็กยิ้มร่าที่แกล้งตัวเองสำเร็จ
“แกล้งเราหรอ? นี่แหน่ะ” คนที่นอนอยู่ก็ไม่ยอมถูกแล้งฝ่ายเดียว แกล้งดึงแขนเพื่อนตัวเล็กลงมากลิ้งขลุกๆบนเตียงด้วยกันพร้อมกับนิ้วเล็กที่จี้ไปตามร่างกาย เรียกเสียงหัวเราะในเช้าวันฟ้าใส
“ฮ่าๆๆๆ ซีวอน ฮิฮิฮิ ฮ่าๆๆ พอแล้ว ฮ่าๆๆๆ คยูยอมแล้ว ฮ่าๆๆๆ” เมื่อสู้ไม่ได้ก็ส่งเสียงยอมแพ้ออกมาอย่างน่ารัก ซีวอนเองก็หยุดมือลงแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆเพื่อนบ้านแสนน่ารัก
“คยูตื่นเช้าประจำเลย เมื่อไหร่เราจะตื่นเช้าบ้างนะ” ยู่ปากน้อยๆแล้วหันหน้ามองคนข้างๆที่เอาแต่ยิ้มตาแป๋วน่ารักตลอดเวลา
“ก็ซีวอนไม่เก่ง คยูเก่งกว่า ^0^”
ซีวอนได้แต่ยิ้มขำกับเพื่อนของเขา ก่อนจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกปฏิบัติการไล่ล่าแมลงบนภูเขา กิจกรรมเล็กๆน้อยๆของเด็กวัยมัธยมต้นในช่วงปิดภาคเรียน
โจ คยูฮยอน เด็กน้อยผู้ร่าเริงในชนบทเล็กๆ อาศัยอยู่กับหญิงม่ายผู้เป็นแม่แต่เพียงลำพังและเพื่อนบ้านผู้เอื้ออารี กับเด็กชายผู้ร่ำรวย ชเว ซีวอน ลูกชายของเศรษฐีเมืองกรุงที่เคยใช้ชีวิตที่นี่มาก่อน บ้านที่ยังถูกเก็บรักษาเอาไว้ถูกมอบให้เป็นที่พักผ่อนยามปิดภาคเรียนของลูกชาย
ทุกๆปิดภาคเรียนซีวอนจะกลับมายังบ้านเกิดของพ่อแม่ และก็ได้พบกับเพื่อนบ้านผู้น่ารัก จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นเพื่อนสนิท
ซีวอนรอเวลาที่จะปิดภาคเรียนและมาหาคยูฮยอน และคยูฮยอนเองก็เฝ้ารอให้ถึงวันที่ซีวอนจะกลับมาเล่นด้วยกัน จนกลายเป็น... ความคุ้นเคยที่ปรารถนากระมัง
สายใยความผูกพันธ์อันบางเบาถูกถักทอขึ้นอย่างปรานีต ประสานเข้าหากันอย่างนุ่มนวน ใช้ความรู้สึกที่บริสุทธิผลัดเปลี่ยนสายใยให้เชื่อมโยงจนเกิดสิ่งสวยงามที่แม้แต่บุบผายอดผาหินก็ไม่อาจเทียบ
ยิ่งเวลาเดินไปข้างหน้ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้สายใยเพิ่มพูลและแน่นหนาขึ้นจนไม่สามารถแบ่งแยกออกจากกันด้วยสิ่งใดๆ
ดวงตาใสที่เต็มไปด้วยความรู้สึกทอดมองไปยังท้องอากาศจากภูเขาสูง แสงแดดอุ่นสาดส่องกระทบผิวกายละเอียด เสื้อกล้ามตัวเล็กและกางเกงสามส่วนดูสบายตัวถูกขยับให้เคลื่อนไหวโดยกระแสลมเย็น ผมสีอ่อนปลิวไสวภายใต้หมวกสานในเล็ก
“ซีวอน มายืนตรงนี้สิ ลมเย็นดีนะ เร็วๆเข้า” มือเล็กกวักมือเรียกเพื่อนสนิทให้รีบมายืนด้วยกัน
คนที่ได้ยินถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ แทบจะเดินไม่ไหวเพราะข้าวของที่คยูฮยอนให้เขาแบกมามันช่างเยอะเหลือเกิน ไหนจะของตัวเองอีก ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเอาอะไรมาเยอะแยะ ก่อนจะมาก็บอกแล้วว่ามันเยอะเกินไป แต่สุดท้ายก็ต้องแบกมาจนหมด
‘นะๆ ซีวอน เอาไปหมดนี่แหละ มันจำเป็นหมดเลยนะ น้าาา~ ซีวอน นะๆๆๆ’
ลูกตื้อของคยูฮยอนทำให้ซีวอนยอมแบกขึ้นมาจนได้ ถึงจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ก็ยอมแบกมาให้ ถึงจะเหนื่อยแต่เพื่อเพื่อนตัวเล็กของเขาแล้ว ยังไงก็ได้เสมอ
“คยูก็มาช่วยกันถือซี่ ให้เราถือคนเดียวเลย” บ่นกระปอดกระแปดเพื่อเรียกให้คนที่เอาแต่สนุกกับการชมวิวหันมาสนใจบ้าง
“เข้มแข็งหน่อยสิ ซีวอนเป็นผู้ชายนะ” หันกลับมาพูดพร้อมกับยู่ปาก
“แต่คยูก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ ก็ต้องช่วยกันสิ ดูนะ นี่ไม้ของคยู ตะกร้าของคยู ผ้าปูของคยู ตะกร้าของกิน กระติกน้ำชาก็ของคยู รองเท้าที่เอามาเปลี่ยนอีกคู่ก็ของคยู ยังมีหมอนอีกใบด้วยนะ แล้ว....”
“ก็ได้ๆๆ คยูช่วยก็ได้ -3-“ คยูฮยอนเดินเข้าไปหาซีวอน หยิบเอาไม้ตาข่ายดักแมลงจากมือซีวอนมาช่วยถือ รวมทั้งของกินด้วย
จุ๊บ
“ขอบคุณนะ ^[+++]^ “ จูบเข้าที่แก้มบางไปทีนึงแล้วยิ้มแฉ่งออกมาจนคนที่ไม่พอใจเมื่อกี้ถึงกับหน้าขึ้นสีเนื้อทับทิม แล้วก็รีบเดินหนีขึ้นเนินไปเพื่อไปยังสถานที่ที่มีแมลงเยอะๆ ที่เดิมที่ทักมาเล่นบ่อยๆ
ซีวอนบ้า -//-
ซีวอนแอบหัวเราะให้กับท่าทีน่ารักของคยูฮยอน เดินตามขึ้นไปจนถึงพื้นที่ประจำที่มักจะมานั่งเล่นกันยามขึ้นมาบนภูเขา หยิบผ้าปูขึ้นมาปูลงบนพื้นหญ้า
“คนอื่นๆยังไม่มากันอีกหรอคยู?” ซีวอนเอ่ยถามพรางวางข้าวของลงบนผ้าที่ปูเอาไว้เพื่อนั่งเล่น
“เจ้าพวกนั้นต้องแอบไปจับแมลงกันก่อนแน่ๆเลย ไม่รอแล้ว” คยูฮยอนพูดอย่างหงุดหงิด หยิบไม้ตาข่ายกับตะกร้าขึ้นมาถือไว้
“คยูจะไปจับแมลงแล้วหรอ? พวกนั้นอาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้นะ เรารอสักพักก่อนก็ได้” ซีวอนพูดเพื่อให้คยูฮยอนใจเย็นลงและนั่งรอเพื่อนๆที่จะมาสมทบ
“เฮ้! พวกนาย มากันเร็วจังนะ” อี ฮยอกแจตะโกนขึ้นมาจากด้านหลัง ในมือมือเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างมาพร้อมเพื่อจับแมลงในครั้งนี้
“นี่จะไปแล้วหรอ? นายมันไม่เคยรอใครเลยนะ ดิบเถื่อนฮยอน!” เป็น อี ทงเฮที่เดินตามมาพร้อมสัมภาระในมือ มองเพื่อนตัวดีอย่างไม่ชอบใจนัก เพราะเจ้าเพื่อนตัวดีชอบชิ่งไปก่อนตลอด
“ไอ้ซาดิสต์เฮ ว่าใครดิบเถือนห้ะ!?” ปมคิ้วของคยูฮยอนผูกเข้าหากันจนคลายไม่ออก ขาเล็กรีบก้าวไปหาเพื่อเผชิญหน้าใกล้ๆ เพื่อนตัวแสบคนนี้กำลังทำเขาเดือดปุดๆเป็นหม้อซุป
สองสายตาฟาดพันกันอย่างไม่ลดละ ทั้งหน้าตายังแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างเด่นชัด ต่างคนก็ต่างก็แยกเขี้ยวออกเพื่อข่มขู่ให้อีกฝ่ายกลัว
ฮยอกแจกับซีวอนมองหน้ากันอย่างเอือมๆกับเพื่อนสองคนนั้น ไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้งก็ต้องเชือดเฉือนกันตลอด ไม่รู้ว่าไม่อาฆาตกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไอ้ซาดิสต์เฮ!!”
“ไอ้ดิบเถื่อนฮยอน!!”
“ไอ้ส่วนสูงทรยศต่ออายุ!!”
“ไอ้ตูดใหญ่หน้าแบกพระจันทร์!!”
“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!”
เสียงร้องโอดควรญดังประสานกันเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ เจ้าของเสียงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสองคนที่ยืนฟาดฟันกันทางวายตาเมื่อกี้ บัดนี้ได้ยอมถอยทัพลงกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บร้าวไปทั้งหัว
“พวกบ้า! เมื่อไหร่จะเลิกจ้องตาเบ่งลูกออกมาเป็นเห็บซะที รำคาญโว้ย!!” เพราะความเด็ดเดี่ยวของเด็กชายคนนี้ ที่ดันหัวของเพื่อนตัวแสบชนกันจนได้ฤกษ์หยุดกัดกันเสียที
“รยออุค! O[]O” << ฮยอกแจ
“ปีศาจอุค - * -“ << คยูฮยอน ทงเฮ
ฮยอกแจคือคนเดียวที่ตะโกนชื่อเพื่อนที่ตามมาสมทบท้ายสุดอย่างตกใจ ส่วนคยูฮยอนกับทงเฮเพียงแค่สบทอย่างเคืองๆเงียบๆ
นี่ถือว่าผิดปกติมากที่คนติดบ้านของคิม รยออุคจะโผล่พ้นประตูบ้านมาหลอนให้คนอื่นสยองแบบนี้
ท่ามกลางความตกใจและความไม่พอใจของผองเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงนั้น มีใครอีกคนที่ยังไม่รู้ร้อนรูหนาวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
เด็กชายอีกคนที่เดินตามหลังรยออุคมาพร้อมกับอุปกรณ์ครบชุดเพื่อจับแมลง..
มนุษย์หน้าเดียว เยซอง....
“รยออุคก็มาด้วยหรอเนี่ย เรานึกว่าเยซองจะมาคนเดียวซะอีก แต่ดีแล้วแหละ จะได้สนุกๆเนอะ.... ใช่มั้ยคยู... เอ่อ.... คยู”
ซีวอนเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กของตัวเองที่ในตอนนี้รังสีอาฆาตถูกแผ่ไปทั่วบริเวณจนสัมผัสได้ชัดเจน คยูฮยอนกำลังโกรธรยออุค และในไม่ช้าอาจเกิดสงครามโลกได้หากไม่สงบศึกแต่เนิ่นๆ
“ไหนๆก็มากันครบแล้ว เราว่าไปจับแมลงกันเถอะนะ” ซีวอนรีบลุกขึ้นหยิบไม้ตาข่ายและตะกร้าขึ้นมาแล้วเดินไปดึงมือคยูฮยอนให้ไปยังด้านหลังที่มีต้นไม้ขึ้นสูงเต็มไปหมด ซึ้งบริเวณนั้นมีแมลงจำนวนมากที่อาศัยอยู่
เมื่อคนอื่นๆเห็นว่าเพื่อนเดินนำหน้าไปแล้วจึงเดินเอาข้าวของที่ไม่จำเป็นวางไว้บนผ้าปูนั่งแล้วเตรียมตัวเพื่อไปไล่ล่าแมลง ฮยอกแจได้เอ่ยถามทงเฮถึงเรื่องหัวแต่ทงเฮก็บอกไม่เป็นไรพร้อมกับยิ้มยืนยันความโอเค
เยซองก็เอาแต่เดินเอ้อละเหยไปตามนิสัยส่วนรยออุคก็เดินติดเยซองไม่ห่าง ใจจริงเจ้าตัวก็ไม่อยากออกมาจากบ้านนักแต่ในเมื่อเห็นเพื่อนคนอื่นไปเล่นก็อยากจะลองมาทำแบบคนอื่นเขาบ้างก็เท่านั้น
บรรยากาสการจับแมลงของเหล่าเด็กๆ เป็นไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีการเอ่ยเสียงออกมาแม้แต่น้อย ราวกับกลัวว่าแมลงตัวจ้อยที่กำลังออกล่านั้นจะกระเจิงหนีหายไป ต่างคนต่างก็สะสมแมลงของตัวเองได้บ้างแล้ว คงมีแต่คยูฮยอนที่เริ่มหัวเสียแล้วในตอนนี้ เพราะตั้งแต่เมื่อกี้เขาก็ยังไม่สามารถจับเจ้าแมลงปอตัวนั้นได้สักที
ชิ.. แน่จริงก็อย่าบินหนีสิ
เด็กน้อยพยายามเดินเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบที่สุด ง้างไม้ตาข่ายขึ้นเพื่อเตรียมตะคุบลงไปยังบนกิ่งไม้เตี้ยตรงหน้า
1....
2....
“เฮ้ย...” คยูฮยอนอุทานออกมาอย่างเงียบเชียบ เงยใบหน้าขึ้นมองไล่ไปตามแนวไม้ตาข่ายที่คลุมแมลงปอตัวที่เขาอยากได้ไป แล้วก็พบว่าคนที่มาแย่งแมลงปอตัวนั้นของเขาไปคือเยซอง เซียนจับแมลงที่ทุกคนต่างก็ชื่นชม แต่ตอนนี้มันเกินไปแล้ว เซียนจับแมลงดันมาแย่งแมลงปอที่เขาอุตส่าห์เล็งไว้ตั้งนาน จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้
.!
คิดสิ.. คิด
“เยซอง ฉันให้ซาลาเปากับนายหนึ่งลูก แลกกับแมลงปอตัวนี้”
“ห้าลูก แลกกับแมลงปอ” เยซองมองคยูฮยอนอย่างมีชั้นเชิง ถึงจะดูเหมือนไม่คิดอะไร แต่ลงแรงไปแล้วก็ต้องเรียกราคาให้สมแรง
“ฉันต่อให้สองลูก”
“สี่ลูก”
“สามลูกขาดตัว”
“ตกลง”
เด็กแก้มอูมให้มือจับแมลงปอสีสวยขึ้นมาก่อนจะหยิบใส่ลงตะกร้าของเพื่อนตัวดีที่เปิดรออย่างต้อนรับตัวแมลงสีเขียวมรกต คยูฮยอนยิ้มร่าอย่างมีความสุข ก่อนจะเดินไปหาจับแมลงต่อไปด้วยรอยยิ้ม จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงมันทำให้เรี่ยวแรงเริ่มหมดลงเรื่อยๆ เด็กน้อยทั้งหก เดินกลับไปยังที่นั่งพัก
คยูฮยอนเดินมาเปิดตะกร้าอาหารโดยหยิบซาลาเปาสามลูกยื่นให้เยซองตามสัญญาธุรกิจที่ตกลงกันไว้
“แย่ชะมัด ฉันจับได้แค่เจ็ดเอง” ฮยอกแจนั่งลงบนพื้นนุ่มอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ ใบหน้ายุ่งเหยิงนั้นทำให้คนขี้แกล้งอย่างอี ทงเฮอยากพูดเย้าแหย่
“ก็นายมันอ่อนหัดนี่ จะคิดอะไรมากเล่า”
“จับเก่งตายล่ะ” ฮยอกแจสวนกลับไป มือเล็กหยิบกระติกน้ำขวดเล็กยกขึ้นดื่มแก้กระหาย
“ฉันจับได้มากกว่านายเยอะละกัน” ทงเฮยิ้มอย่างมีชัย พร้อมยักคิ้วยั่วประสาทให้เพื่อนตัวบาง
เยซองนั่งกินซาลาเปาค่าจ้างของตัวเองอยู่ในมุมเงียบๆ คนอื่นๆต่างก็หยิบอาหารที่เตรียมมาวางแชร์กันกินตรงกลางวง หยิบส่วนของตัวเองมาชิ้นหนึ่งแล้วกินเล่นไปเรื่อยๆ ซีวอนหงายมือตัวเองขึ้นดูเห็นฝุ่นและผงดินติดตามมือเต็ม ถ้าหยิบอาหารมากินคงดูไม่ดี
“คยูอ่า.. มืเราเปื้อนน่ะ ป้อนซาลาเปาหน่อยสิ” ซีวอนมองคยูฮยอนอย่างอ้อนๆ ยิ้มอ่อนๆเพื่อขอความเห็นใจ คยูฮยอนแอบลอบยิ้มจางๆออกมาก่อนจะฉีกซาลาเปาให้พอคำแล้วป้อนเข้าปากคนขอร้อง ซีวอนเคี้ยวเนื้อแป้งนุ่มอย่างเอร็ดอร่อยด้วยรอยยิ้ม
ส่วนทงเฮกับรยออุคต่างก็เฝ้ามองสังเกตุการณ์อยู่ตลอด ส่งสายตาหากันอย่างรู้ความนัยของกันและกัน ฮยอกแจหันมาเห็นเพื่อนสองคนมองตากันอย่างมีเลศนัยบางอย่าง ดูจากสายตาแล้วคงจะนั่งมองการกระทำของคยูฮยอนและซีวอนอยู่แน่ๆ
“นี่ นายสองคนคิดอะไรกันน่ะ” ฮยอกแจกระซิบถามเบาๆเพื่อไม่ให้เพื่อนสองคนที่นั่งสวีตป้อนขนมกันอย่างหวานแหว๋วได้ยิน
“ก็คิดว่าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไงเล่า” ทงเฮตอบกลับไปอย่างแผ่วเบาเช่นกัน รยออุคก็พยักหน้าสมทบกับคำพูดของทงเฮด้วย
ฮยอกแจเบนสายตากลับมามองยังเพื่อนสองคนนั้น คยูฮยอนป้อนขนมให้ซีวอน ซีวอนยิ้มเอียงคอซบลงที่ไหลของคยูฮยอน ใบหน้าเลือดฝาดจางๆที่แก้มขาว มันเชิญชวนให้เขาอยากจะจินตนาการความสัมพันธ์นี้จริงๆ เขาเองก็เป็นเพื่อนกับคยูฮยอนมาตั้งนาน เพิ่งมาเห็นเพื่อนตัวเองเป็นแบบนี้ก็ตั้งแต่มีเริ่มซีวอนเข้ามา
จะคิดได้ไหมว่าเป็นความรัก..?
กิจกรรมในวันนี้สิ้นสุดลง ท้องฟ้าสว่างเริ่มมีสีส้มเข้มเข้าปกคลุม อีกไม่นานคงจะเป็นดำจนทั่วกระดานอากาศ เด็กๆต่างคนก็แยกย้ายกันกลับไปยังบ้านของตัวเอง คยูฮยอนช่วยซีวอนถือสัมภาระบางส่วนด้วยมือข้างหนึ่ง ขาเล็กก้าวเดินไม่มีร้อนปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปช้าๆ แต่จริงๆถ้าหยุดนิ่งอยู่ตรงนี้ก็คงจะดี
ไอเย็นจากอากาศกระทบผิวนิ่มทั่วเนื้อที่ไม่มีใยผ้าปกคลุม ทั้งสองแขนและขาของคยูฮยอนเย็นเยียบ และบังเอิญที่หลังมือของซีวอนสัมผัวเข้ากับเนื้อเย็นบริเวณแขนเล็ก
“คยูตัวเย็นนะ หนาวรึเปล่า?” ซีวอนถามพลงก้าวเดินไปยังตามทาง
“แค่เย็นๆนิดหน่อยน่ะ ซีวอนไม่ต้องห่วง คยูแข็งแรงจะตาย” ผุดยิ้มขึ้นมาอย่างน่ารักเพื่อให้เพื่อนสนิทคล้ายความเป็นห่วง คยูฮยอนอยากจะพูดออกไปเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกเย็นไปทั้งตัว แต่ถ้าพูดไปแบบนั้นซีวอนคงจะต้องเร่งให้เดินกลับบ้านเร็วๆแน่
อยากจะให้ทางเดินนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
ซีวอนมองอย่างไม่วางใจนักแต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้เอาความอะไร มือเล็กๆของเขาสอดเข้าประสานกับมือของคนตัวเล็กไว้เรียกความตกใจให้กับคยูฮยอนหันมามอง คยูฮยอนมองมือที่ซีวอนจับแล้วมันก็พาลให้รู้สึกร้อนแทนจะที่จะหนาวในเวลานี้
“จับมือก็ทำให้อุ่นได้นะ อ้อ เดี๋ยวหยุดตรงนี้แปปนะคยู” ซีวอนดึงมือของคยูฮยอนให้เดินตามมายังข้างทางของทางเดินรถไฟ วางข้าวของลงบนพื้นทั้งที่ถืออยู่และที่คยูฮยอน
“ทำอะไรน่ะซีวอน?”
“ฟู่วว~~” ซีวอนไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อนตัวเล็ก แต่เป็นการเป่าไออุ่นๆลงที่มือเล็กใช้สองมือของตัวเองถูไปมาเพื่อให้มือเล็กนี้อุ่นขึ้น
“อุ่นขึ้นมั้ย? ฟู่วว~” เหลือบตาขึ้นมองถาม ปากก็ยังเป่าให้ความอบอุ่นกับมือเล็กอยู่
“ดีขึ้นแล้ว.. ขอบใจนะ อุ่นจริงๆ..” คยูฮยอนยิ้มขอบคุณซีวอน ซีวอนเองก็ยิ้มให้คยูฮยอน ยิ้มที่มาจากความรู้สึกจริงๆ
เหมือนผ่านไปเพียงเสี้ยววินาทีแต่มันเป็นหลายนาทีที่สายตาได้จ้องมองกัน ซีวอนปล่อยมือเล็กของคยูฮยอนออกก่อนจะเดินไปหยิบสัมภาระทั้งหมดที่กองอยู่มาถือไว้คนเดียว แล้วก็จับเข้าที่เจ้าของมือเล็กตามเดิม ก่อนจะออกเดินทางกลับบ้านอีกครั้ง
“คยูชอบรอยยิ้มของซีวอนนะ”
“เราก็ชอบให้คยูยิ้มเหมือนกัน เวลาคยูยิ้มแล้วเรามีความสุขมากเลยนะ ต้องยิ้มบ่อยๆล่ะ รู้มั้ย? ^^”
มีเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้น ต่อให้หนาวมากขนาดไหน แค่มีมือนี้คอยกุมอยู่ไม่ห่าง ยังไงก็อุ่นเสมอ
ความรู้สึกหนึ่งที่คยูฮยอนสัมผัสได้จากเจ้าของดวงตาที่มีเสน่ห์เมื่อครู่นั้น...
หัวใจของซีวอน..
+++++++
ทุกๆเช้าวันอาทิตย์ชาวบ้านทุกคนจะเดินทางไปโบสถ์ใกล้ๆโดยพร้อมกัน เพื่อไปทำพิธีทางศาสนา หญิงหม้ายส่องกระจกเงาดูระเบียบเรียบร้อยกับเสื้อผ้าของเธอ เรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าห้องนอนเล็กๆของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ ส่งเสียงเรียกจนลูกชายตัวน้อยจนเจ้าตัวเล็กขยับตัวลุกขึ้นนั่งงัวเงียตาไม่ยอมเปิด เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนลูบหัวยุ่งเหยิงของบุตรชายอย่างรักใคร่
“เมื่อคืนนอนดึกหรอลูก แม่เห็นหนูกลับบ้านมาก็อาบน้ำนอนเลยไม่ใช่หรอ หืม? ลูกรักของแม่” เธอเอ่ยถามพรางใช้นิ้วหยาบกร้านจากการทำงานหนักเกลี่ยคราบก้อนแข็งๆที่หัวตาออก
“พอคยูหัวลงหมอนมันก็ไม่หลับครับแม่” คยูฮยอนตอบด้วยเสียงงัวเงีย เรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นแม่ได้อย่างมาก พูดบอกให้บุตรชายไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวจะไปเข้าโบสถ์สาย เธอมองเด็กน้อยเดินกอดตุ๊กตาออกไปจากห้องพรางหัวเราะเบาๆในความน่าเอ็นดู
จัดแจงเก็บที่นอนและผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทาง สายตาของเธอหยุดมองยังรูปถ่ายที่ถูกแปะยึดติดอยู่ที่หัวเตียง ลูกชายของเธอกับเด็กชายบ้านหลังถัดไปที่พ่อแม่ของเขาเคยอยู่ที่นี่แต่บัดนี้ได้กลายเป็นเศรษฐีในเมือง
“สนิทกันจริงๆเลยนะ เด็กสองคนนี้” เธอพูดอย่างยิ้มแย้มก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าของบุตรชายในตะกร้าผ้าเพื่อใส่ไปโบสถ์ในวันนี้
หญิงหม้ายอย่างเธอไม่ใช่คนหัวโบราณ เธอไม่ใช่คนที่นี่โดยกำเนิดเพียงแต่เธอชอบที่นี่จึงย้ายที่อยู่มา ภาพถ่ายจากกล้องของเธอสร้างรายได้ไม่มากนักแต่มันเพียงพอที่จะเลี้ยงดูแลทั้งเธอและลูกน้อยไปได้ตลอด เป็นชีวิตเรียบง่ายที่เธอคิดว่าสวยงาม
คนเราเมื่อเจอสิ่งที่พอดีกับความสุขของตัวเองแล้ว
ก็จะหยุดอยู่ที่ตรงนั้นเสมอ
“แม่ครับ อาบน้ำเสร็จแล้ว”
“จ่ะ แม่เตรียมชุดให้แล้วนะ”
บางที..
หากเธอมีเวลามากกว่านี้คงจะดีไม่ใช่น้อย
“ขอบคุณนะครับแม่”
หญิงหม้ายหันกลับมายิ้มให้บุตรชายก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูดังเดิม
...........................................................................................
วัยเด็กของคยูค่ะ ๕๕๕
ตอนนี้ไม่เศร้าหรอกเนอะ
++++
ไรท์เตอร์ลงรีเทินแล้วคราวหน้ามายสตรองฮาร์ทตอนหกจะออนแอร์(?)
วคย.เจอกันชัวๆ ._ .
@Baby913M << (ขอขอบคุณ คุณเพื่อนที่มาช่วยแต่ง (. .) ) *ก้มกราบงามๆ*
ความคิดเห็น