คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 00 [Intro] : จุดเริ่มต้น
บทนำ จุดเริ่มต้น
“เคยมีคนเคยกล่าวไว้ว่า ‘แม้โลกจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสงคราม หรือสีแดงฉานของเลือด…แต่ไม่ว่าจะอย่างไร…โลกก็ยังมีมุมมองที่สวยงามให้มองอยู่เสมอ…’ ”
“ข้าไม่เคยเบื่อเลย…แม้ว่าต้องจ้องมองโลกอยู่บนนี้…เพราะว่าข้ารู้ว่า แม้ทั้งโลกจะเต็มไปด้วยศึกสงคราม…แต่ยังมีดวงดาวที่เปร่งประกายอยู่ท่ามกลางความมัวหมองให้เห็นอยู่เสมอ…ดวงดาวที่ชื่อว่า…ความหวัง…”
‘บลูเมอร์เนียจำไว้นะลูก…ลูกห้ามไปญาติดีกันเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์เด็ดขาด…นี่เป็นคำสั่งของพ่อ!’
…
เสียงฮัมเพลงอันไพเราะดังขึ้นท่ามกลางความมืดก่อนจะค่อยๆ ปรากฏร่างของสิ่งมีชีวิตในตำนานที่อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลในทะเลอันมืดมิด ณ ทะเลสาบแห่งหนึ่ง…ในคืนที่ดวงจันทร์มีเพียงครึ่งเสี้ยวแต่กลับมีดวงดารามากมายที่ทอดยาวในทางช้างเผือกที่โดนบดบังด้วยม่านเมฆสีดำ…ในค่ำคืนนั้น…ผมได้พบกับเธอ…
“เอ๊ะ…!”
“เฮ้! เธอน่ะ…เป็นเงือกงั้นเหรอ?” ผมที่ซึ่งตอนนั้นยังคงเป็นแค่เด็กอายุเพียงเจ็ดขวบกว่าๆ นึกสนุกพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าไปยังเงาที่อยู่ตรงหน้า…อันที่จริงผมก็ไม่ได้เห็นหน้ามันหรอก เพราะวันนั้นมันมืดมาก…ผมเห็นเพียงหางปลาที่กระเพื้อมอยู่ใต้น้ำ และเสียงแหวกน้ำเป็นระยะๆ เท่านั้น…แต่ด้วยความเป็นเด็กผมจึงพูดออกไปอย่างไม่ทันคิด…และเรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้นจากประโยคน์นี้นี่เอง…
เงียบไปหลายอึดใจ ไม่มีเสียงตอบรับจากสิ่งสิ่งนั้นนั้น…แต่แล้วถ้าผมดูไม่ผิดเงานั่นพยักหน้าเล็กน้อย…เพียงเล็กน้อยเท่านั้น…แต่กลับทำให้ผมตกใจมาก…ผมอยากวิ่งหนีไปให้ไกล ในใจนึกถึงตำนานเกี่ยวกับนางเงือกที่พวกผู้ใหญ่ชอบเล่าให้ฟังว่า…นางเงือกนั้นเป็นสัตว์ที่ชั่วร้ายมีเขี้ยวแหลมคมตัวสีเขียวน่ากลัว และมีผมสีเขียวหยาบกระด้างเหมือนสาหร่าย! อาหารของพวกมันคือเนื้อสดๆ ของมนุษย์! และตรงหน้าผมคือนางเงือก!
“คะ…คุณนางเงือก…คุณคงจะ…ไม่กินผม…ใช่ไหม?” ผมพยายามพูดทีละคำอย่างยากลำบาก ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น เพราะถ้าผมเห็นไม่ผิดเหมือนเงาของนางเงือกนั้นค่อยๆ เข้ามาไกล้จนตอนนี้แทบจะติดกับริมทะเลสาบแล้ว
“ผม…ผมไม่อร่อยหรอกนะ! ไม่น่ากินด้วย…เอ่อ…ผมไม่ได้อาบน้ำใช่แล้ว! ผมไม่ได้อาบน้ำแล้วก็ไม่ได้อึมาหลายวันแล้วด้วย! เพราะฉะนั้นอย่ากินผมเลยนะ! ”
นี่ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย ผมนึกด่าตัวเองในใจทั้งๆ ที่ขาทั้งสองยังสั่นไม่หายผมหลับตาปี๋กำมือไว้แน่นแล้วสิ่งที่ผมได้ยินคือ
เสียงหัวเราะ?
มันเป็นเสียงหัวเราะที่ไพเราะที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา…มันเป็นเสียงที่รู้สึกได้ถึงความสุขใสราวกับเสียงของกระดิ่งเงิน…
“เอ่อ…เอ่อ…คือ” ผมค่อยๆ พูดอย่างอ้ำอึ้งๆ น่าแปลก…เสียงหัวเราะนั้นทำให้ผมลืมความกลัวไปหมดสิ้น…ค่อยผมจะค่อยๆ ลืมตาดูเธอเป็นเวลาเดียวกันกับที่หมู่เมฆสีดำค่อยๆ ลอยลับไปจนเหลือแต่แสงอันสุกสกาวของหมู่ดวงดารา…และตอนนั้น…ผมได้เห็นเธอเป็นครั้งแรก…
…ไม่เหมือนเลย…ไม่เหมือนที่พวกผู้ใหญ่พูดกันสักนิด…สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอันน่าสยดสยองมีผิวกายสีเขียวหน้าขยะแขยง เขี้ยวแหลมคม หรือแม้กระทั่งผมสีเขียวเข้มเหมือนสาหร่าย! สิ่งที่ผมเห็นนั้น…คือ…สตรีที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา…เธอน่าจะอายุราวๆ สิบห้าหรือแก่กว่าผมซักแปดถึงสิบปีถ้าเธอเป็นมนุษย์ ผมก็บอกได้เลยว่าเธอต้องเป็นหญิงสาวที่งดงาม…และแก่นแก้วมากๆ แน่ๆ เธอมีผมสีดำขลับที่ประดับด้วยไข่มุกสีขาวนวลดูตัดกัน แต่กลับทำให้ใบหน้าเธอดูมีเสน่ห์ และนัยน์ตากลมโตสีฟ้าราวกับท้องนภา แต่ฉายแววดื้อรั้นออกมาตลอดเวลา…ผิวพรรณสดสวยสีขาวอมชมพู ท่อนล่างของเธอนั้นอยู่ใต้น้ำแต่มีเพียงหางปลาที่มีเกร็ดที่แวววาวดั่งอัญมณีโผล่ขึ้นมาเพียงเล็กน้อย เธอคือ…นางเงือก?…
“นางเงือก…เหรอ?”
“เจ้านี่ตลกชะมัด…” ‘นางเงือก’ พูดกับผมก่อนจะยิ้มอย่างซุกซน
“ท่าน..สวยจัง”ผมพูดพลางจะเอื้อมมือไปแตะ แต่ก่อนที่มือจะไปถึงร่างของเธอนั้น…
“คิกๆ”เธอหัวเราะเล็กน้อย…เสียงหัวเราะที่ไพเราะราวกับกระดิ่งเงิน…ก่อนที่ผมจะได้แตะตัวเธอเธอก็สะบัดหางและ หายไปท่ามกลางความมืดของทะเลสาบทันที…
ผมได้แต่ปล่อยผมให้ยืนอึ้งเหม่อมองทะเลสาบ…
แต่เรื่องยังไม่จบ!
แสงดาวยังคงสาดส่องลงมาเช่นเคย แต่คราวนี้กลับมีดวงดาวที่ส่องแสงตอบกลับอยู่บนพื้นได้อย่างน่าฉงน…ผมค่อยๆ เดินเข้าไปเก็บดวงดาวที่ตกอยู่บนพื้นนั้นมาด้วยความแผ่วเบา…มันคือ…
ไข่มุก…งั้นหรอ?
…
เก้าปีต่อมา
“เราต้องขอแสดงความเสียใจกับคุณเรนเซียเป็นอย่างยิ่งนะคะ เพราะคุณ สอบไม่ผ่านด้านเวทโจมตี…ดังนั้นทางเราคงต้องให้คุณเซ็นต์ใบลาออกทันทีที่เรียนจบปีสาม…”
“ห่ะ?”
เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าน้ำทะเลถึงกับเบิกตากว้างทันที เมื่อได้เห็นข้อความจากไปรษณีย์เวทมนตร์ที่เพิ่งจะมีคนส่งให้เธอเมื่อตะกี้ ก่อนที่ริมฝีปากสีชมพูระรื่อจะเปิดปากร้องออกมาเบาๆ อย่างอดไม่ได้…เด็กสาวกระพริบตาสีแดงเพลิงถี่ๆ อีกครั้งพลางขยี้ตา ก่อนจะมองไปยังกระดาษแผ่นเล็กที่อาจจะทำให้ชีวิตเธอวอดวายได้อย่างช้าๆ อย่างไม่เชื่อสายตา…
…แต่น่าเสียดาย…การที่เธอขยี้ตาไม่ได้ทำให้ภาพที่เห็นเมื่อครู่บิดเบือนจากเดิมได้เลย…ความจริงที่ว่าเธอต้องออกจากโรงเรียนตอนจบปีสามซึ่งนั้นมันก็คือพรุ่งนี้?
“ม่ะ…ไม่จริง…ล้อเล่นกันใช่ไหม?”เด็กสาวค่อยๆ ขยับปากพึมพำราวกับคนบ้าอีกครั้ง ในหัวมีแต่คิดเรื่องต่างๆ นาๆ มากมาย จนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
ตอนนี้เด็กสาวอยู่ที่เมือง ‘ฟรานนาโซ่’ เมืองหลวงในทวีป ‘เคเนร่า’ ทวีปซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทวีปที่มีนักเวท สายโจมตีที่เก่งที่สุดในโลกมารวมตัวกัน แน่นอน ทวีปนี้ขึ้นชื่อว่า สามารถผลิตนักเวทสายโจมตีที่ดีที่สุดในโลก…แต่…มันติดอยู่ที่ว่า…เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าน้ำทะเลนั้นเป็นเด็กที่เกิดที่ทวีปนี้…โตในทวีปนี้แต่กลับไม่สามารถใช้เวทโจมตีได้เหมือนเด็กทั่วๆ ไป! เป็นเรื่องที่ถือว่าโชคร้ายมากๆ สำหรับเด็กที่เกิดในทวีปเคเนร่าและยังเป็นเด็กกำพร้าด้วยอย่างเธอ…แต่ไม่ใช่ว่าเธอใช้เวทอะไรไม่เป็นสักหน่อย
แต่เวทที่เธอสามารถใช้ได้นั้นมันก็แค่…เวทรักษาขั้นสองเท่านั้น…
เวทรักษา…ช่างมีประโยชน์เสียจริงๆ !
ไม่แปลกเลยที่โรงเรียนที่มีประวัติมายาวนานกว่าร้อยปีในทวีปเคเนร่าจะไล่เธอออก! นับว่าเป็นเรื่องโชคร้ายมากๆ สำหรับ ‘เรนเซีย’ ในตอนนี้ เพราะที่อยู่ของเธอก็อาศัยหอพักในโรงเรียน ส่วนข้าวก็ต้องพึ่งโรงอาหารของโรงเรียนถ้าเธอโดนไล่ออก สำหรับเด็กอายุเพียงสิบห้าและมีวุฒจบแค่ปีสามอย่างเธอคงอยู่ไม่รอดแหงๆ
“เฮ้อ…แล้วจะไปทำอะไรกินล่ะทีนี้…อยากเรียนต่ออยู่หรอกนะแต่ถ้าให้ไปเรียนโรงเรียนสำหรับเด็กใช้เวทไม่เป็นคงไม่ไหว เฮ้อ…” เธอถอดถอนพลางเอามือก่ายหน้าผากอย่างอดไม่ได้ เพราะหนึ่งคือค่าใช้จ่ายของโรงเรียนสำหรับเด็กใช้เวทไม่เป็นหรือเรียกว่า ‘โรงเรียน ฟูลนอนเซนท์หลีด’ นั้นถือว่าค่าเทอมแพงมาก ส่วนสองคือเด็กในโรงเรียนฟูนอนเซนท์นั้นค่อนข้างจะไม่ชอบเด็กพวกที่ใช้เวทเป็นเท่าไหร่…ถึงเธอคนนั้นจะใช้เป็นแค่เวทรักษาขั้นสองก็ตาม…
“คิดไปก็คงหนักสมอง…พรุ่งนี้ค่อยไปหาที่สอบปีสี่ดีกว่า…คงมีโรงเรียนที่ไม่สอบภาคปฎิบัติบ้างล่ะน่า” เรนเซียพูดปลอบใจตัวเอง พลางสะบัดหัวไล่ความคิดหนักหัวออกก่อนจะพึมพำ
“ก่อนอื่นคือ…ต้องเก็บข้าวของก่อนสินะ…”
…
ณ ตลาดใจกลางเมืองฟรานนาโซ่ ตลาดซึ่งมีคนเดินขวักไขว่อยู่ตลอดเวลา แม้ในยามเช้าหรือยามค่ำคืน…จนได้ขนานนามว่า ‘แอเรียที่ไม่เคยหลับแห่งฟรานนาโซ่’ ในตลาดนั้นมีทั้งคนพื้นเมืองหรือนักเวทและผู้กล้าจากแดนไกลมากมาย ทยอยเข้าออกทั้งวันเพื่อจับจ่ายซื้อไอเทมเวทหรืออาวุธแม้กระทั่งอาหารมายมายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เรนเซียมองซ้ายที ขวาทีเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเดินตรงไปอย่างไร้จุดหมายด้วยอาการเบลอๆ
…ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเด็กสาวก็มาโผล่อยู่ใจกลางตลาดซึ่งมีผู้คนหลากหลายเชื่อชาติเดินผ่านไปมา เรนเซียหยุดคิดอย่างงุนงงเล็กน้อยพลางมองรอบๆ ด้วยอาการแปลกใจ
นี่เราเหม่อขนานเดินฝ่าฝูงชนที่เบียดเสียดเข้ามาใจกลางตลาดโดยไม่รู้ตัวเลยหรือนี่? ร่างสูงสง่าคิดพลางก้มหน้าก้มตาขยี้ตาน้อยๆก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
แต่ภาพที่เห็นนั้นกลับไม่ใช่ตลาดของฟรานนาโซ่แล้ว…ไม่มีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา เด็กสาวได้แต่มองรอบตัวอย่างอึ้งๆ เหงื่อสองสามเม็ดเริ่มผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เช่นเดียวกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุและความร้อนที่ร้อนจนสามารถมองเห็นไอน้ำผุดขึ้นมาจากผืนดินได้
ตอนนี้สิ่งที่เด็กสาวเห็นคือทะเลทรายอันแห้งแล้ง…ไม่มีแอ่งน้ำ…ไม่มีสิ่งมีชีวิตมีเพียงต้นกระบองเพชรใหญ่ๆ หนึ่งต้นตั้งตะหง่านอยู่ไกลจากเธอไปราวสิบเมตรเท่านั้น…ฉับพลันอยู่ๆก็มีรถม้าสีน้ำตาลอึมทึมที่ติดตราสัญลักษณ์รูปนกอะไรสักอย่างอย่างผ่านมาพอดีเด็กสาวมองรถม้าคันนั้นก่อนจะรีบตะโกนเรียกให้สารถีที่ซึ่งใช้แส้ฝาดหวือไปที่ม้าได้ยิน…แต่แล้วรถม้าก็วิ่งผ่านเธอไปราวกับธาตุอากาศ
เรนเซียมองร่างตัวเองด้วยท่าทีงุนงงก่อนที่จะมีลมหอบหนึ่งพัดมาพร้อมๆ กับเศษดินทรายทำให้เรือนผมสีฟ้าน้ำทะเลปริวพริ้วสไหวไปตามแรงลม และร่างบางต้องเอามือเรียวบังนัยน์ตาสีแดงเปรวเพลิงไว้อย่างห้ามไม่ได้ เมื่อเห็นว่าลมไม่มีท่าทีจะหยุดเธอจึงหันหลังกลับไปยังทิศตรงกันข้ามกับสายลม
แต่เมื่อเด็กสาวหันหลังกลับไปนั้นเธอกลับต้องอึ้งอีกครั้ง เมื่อสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่ทะเลทรายแบบเมื่อครู่แต่กลับเป็นตลาดย่านการค้าของฟรานนาโซ่ ที่ซึ่งมีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่ซื้อของ และอุณหภูมิเริ่มกลับมาเป็นปรกติดั่งเช่นปลายฤดูใบไม้ผลิที่ธรรมดาๆ ของทุกปี
เด็กสาวมองภาพตรงหน้าพลางกระพริบตาสีเพลิงถี่ๆ อีกครั้ง แต่ภาพตรงหน้ายังคงเป็นเหมือนเดินไม่เปลี่ยนแปลง ยังมีเสียงพ่อค้า แม่ค้า ที่กำลังตะโกนเรียกลูกค้าแข่งกันอย่างไม่หยุดหย่อน
“สงสัยเราจะเสียใจมากจนเพี้ยนไปแล้วไปแหงๆ” เด็กสาวพึมพำอย่างอดไม่ได้พลางกวาดสายตามองร้านค้าแต่ละร้านด้วยท่าทีสนใจ…แต่แล้วเด็กสาวก็ไปสะดุดกับร้านขายไอเทมเวทเก่าซอมซ่อที่ทำจากไม้ทั้งหลัง และมีชายชราหน้าตายิ้มแย้มที่ดูยังไงชายชราคนนั้นอายุน่าจะราวๆ แปดสิบแล้วแน่ๆ แต่ชายชรากำลังตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้านจนเสียงดังโหวกเหวกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!
ไม่รู้อะไรดลใจให้เด็กสาวมองชายชราคนนั้นอย่างตาไม่กระพริบ นัยน์ตาสีทับทิมจ้องเขมงไปยังนัยน์ตาสีเทาเข้มควันของชายชราคนนั้นด้วยท่าทีแปลกประหลาด เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าตรงเสื้อผ้าซอมซ่อสีกระด่างกระดำของชายรานั้นมีสัญลักษณ์รูปนกอินทรี สัญลักษณ์ที่เธอเห็นในมโนภาพเมื่อตะกี้น่ะสิ?
และแล้วเหมือนชายชราจะรู้ว่ามีคนมองอยู่เขาค่อยๆ หันมาสบตาเรนเซียทันทีทำเอาเด็กสาวถึงกับสะดุ้งน้อยๆ ก่อนจะรีบหลบตาพลางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที
“แม่หนูตรงนั้นน่ะ…” เงียบไปสักพักก่อนที่ชายชราจะค่อยๆ พูดขึ้นช้าๆ พลางกวักมือเรียกเรนเซียพลางยิ้มให้ด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ค่ะ…คะ? หนูเหรอคะ?” เรนเซียสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะมองชายแก่ด้วยท่าทีงุนงง พลางชี้มาที่ตัวเอง
“ใช่แล้ว…แม่หนูนั้นแหละ…ไม่ลองมาดูไอเทมเวทร้านคนแก่คนนี้หน่อยล่ะ ‘พลังที่เข้มข้น’ ขนานหนูน่ะคู่ควรกับไอเทมร้านของข้าที่สุดแล้ว”
“เอ่อ…แฮะๆ” ริมฝีปากสีชมพูระรื่อพยายามเค้นเสียงหัวเราะเล็กน้อยกับมุขการเรียกลูกค้าของร้าน…เธอน่ะเพิ่งโดนเชิญออกเพราะใช้เวทโจมตีไม่ได้เมื่อเช้าเองนะ!
ตลกร้ายไปหน่อยแล้วมั้ง!
ชายชราคนนี้กลัวขายของไม่ได้แหงๆ !
แล้วถ้าเธอซื้อไปจริงๆ เธอจะใช้ไอเทมเวทยังไงกัน?
แม้จะรู้สึกหน้าชาเล็กน้อย แต่เด็กสาวเพียงเหลือบมองไปยังร้านไอเทมเวทเก่าซอมซ่อที่มีป้ายชื่อที่เป็นไม้แกะสลักดูกลมกลืนไปกับบ้านไม้ และแผ่นป้ายนั้นแกะสลักเป็นข้อความที่แทบจะอ่านไม่ออกแต่ได้ใจความว่า ‘ร้านมนตราแห่งฟรานนาโซ่’ สักพัก ก่อนจะยิ้มอย่างสมเพชตัวเองอย่างอดไม่ได้
นานๆ ทีเข้าร้านไอเทมเวทหน่อยจะเป็นไรไป? เด็กสาวคิดก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าร้านทันที…
…โดยไม่รู้เลยว่า…หลังจากออกมาจากร้านแล้ว…ชีวิตของเธออาจจะเปลี่ยนไป…ตลอดกาล…
-Miracle Legend-
และแล้วก็จบไปกับการรีไรท์ที่แสนจะยาวนาน ก่อนอื่นไรท์ต้องของของคุณทุกคนจริงๆนะคะที่ยังรอไรท์และไม่ลบFav. ไปกันซะก่อน บทนำฉบับรีไรท์ใหม่นี้ ไรท์หวังว่าทุกคนจะชอบมันนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ อ้อแล้วสำหรับคนที่ถามชื่อไรท์ในMy.ID ขอโทษจริงๆนะคะที่ไรท์ไม่ได้ตอบไปเพราะช่วงนั้นไรท์ยุ่งกับการสอบอยู่ ไรท์ชื่อ ‘แซนดี้’ ค่ะยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
สุดท้ายช่วยเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยจะดีมากค่ะ โชคดีและสนุกกับการอ่านนะคะ
P.S. ไรท์มา แก้คำผิดเล็กน้อย เปลี่ยนขนานตัวอักษร และแก้คำเว้นวรรค นิดหน่อย เมื่อ 27 – 12 - 55
ความคิดเห็น