คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ค่ำคืนที่ต้องแลกด้วยชีวิต
ดวงดาวบนเวิ้งฟ้าระย้าระยับ บนหน้าผาสูงชัน มีพื้นหญ้าให้เหยียบแค่นิดเดียวติดขอบหน้าผา ส่วนใหญ่บนที่แห่งนี้จะเต็มไปด้วยต้นไม้อายุร่วมร้อยปี ปกติสูงใหญ่อยู่แล้ว ทว่าเมื่อมองจากมุมนี้ มุมที่มีหนูขนสีท้องฟ้ายืนอยู่ ต้นไม้เบื้องหลังเขาจึงดูใหญ่โตมหึมาหยั่งภูเขา แถมยังมีป่าที่มืดทมึนภายใต้ใบไม้ที่แสงดาวส่องไม่ถึงอีกด้วย
เขาเดินไปเดินมาบริเวณนั้น พลางชะเง้อมองลงไปยังผืนป่าเงียบสงัดเบื้องล่าง ในหัวเขาประมวลความคิดหลายอย่าง หลังจากรู้ที่ซ่อนของ แสงแห่งความหวัง วัตถุชิ้นเล็ก ๆ เขาก็ลงมือชิงมันมาทันทีโดยมีผู้ล่วงรู้เพียงเขาสองคนเท่านั้น และคิดใว้ล่วงหน้าแล้วว่าพวกแมวจะต้องตามมาเอากลับอย่างแน่แท้
เวลานี้จันทราได้ลับผืนป่าฟากโน้นไปแล้ว เสียงเงียบที่ได้ยินนั้นแสดงให้รู้ว่าหลายชีวิตหลับสนิท มีแต่เพียงเงาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าค้างคาวบินผ่านไปมา นาน ๆ ครั้งเท่านั้น
“ท่านผู้ลาดตระเวน ข้าขอถามเรื่องใดหน่อยจะได้ไหม” ลูกหนูตัวเล็กชื่อ ฟ้าธาร ที่ยืนริมหน้าผาเอ่ยทักทายค้างคาวที่ล่องผ่านอากาศลับไปพงไพรด้านหลัง ฟ้าธารเอี้ยวตัวทางซ้ายมองตามการบินขณะรอคำตอบ
“ว่ามาเถอะสหาย เจ้าต้องการสิ่งใด” ค้างคาวตัวเดิมบินวนป่าเบื้องหลังมาทางขวา จากนั้นจึงถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ดวงตายามค่ำคืนของเขาเป็นสีแดงเลือดทว่าแลดูอ่อนโยนนัก เป็นค้างคาวตัวใหญ่ทีเดียว เขากระพือปีกก่อนจะวางเท้าทั้งสองลงบนพื้นเพื่อชะลอความเร็ว และค่อย ๆ เดินเข้ามา
ฟ้าธารยกมือไหว้โดยนำมือซ้าย ทาบมือขวาแล้วก้มหัวลงอย่างนอบน้อม ค้างคาวรับไหว้ และปล่อยให้ฟ้าธารถามเรื่องที่สงสัย
“ข้าอยากถามท่านว่า ท่านเห็นพ่อของข้าบ้างไหม”
ฟ้าธารถามด้วยน้ำเสียงเกรงกลัวเคารพ เพราะรู้ดีแจ้งแล้วว่าผู้ที่ยืนตรงหน้าคือ หัวหน้าลาดตระเวนของป่าน้ำที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ และยังเป็นผู้นำเผ่าค้างคาวที่นี่ด้วย นาม รักป่า ชื่อเขาสะกดง่าย ๆ และตรงตามความหมายจริง ๆ เพราะเขาเป็นผู้ที่รักธรรมชาติมาก เป็นเพราะว่าเขามีชีวิตอยู่ร่วมกับป่ามานานโข สังเกตจากหนวดสีขาวที่ประดับใบหน้าเล็กเรียวนั้น
“แววตาเจ้าไม่ค่อยดีเลยนะ”
รักป่าไม่ตอบคำถาม เพียงพูดเชิงถามพลางมายืนข้าง ๆ และมองลงไปยังป่าสงัดเบื้องล่างเหมือนฟ้าธาร
“ข้าเป็นห่วงท่านพ่อ ท่านยังไม่กลับมาเลย” เขากล่าว นัยน์ตาเบื้องในแสดงความเป็นห่วงชัดเจน
“ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าฟ้าทะเลให้มากนักหรอก เจ้านั่นเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว” รักป่าหันมาสบตาสีฟ้าของฟ้าธาร แล้วนำมือเล็ก ๆ ขนาดหัวฟ้าธารที่โผล่ออกมาจากปีกอันใหญ่โต ตบลงบนหัวเขาเบา ๆ อย่างเอ็นดูพลางปลอบใจ
ที่ต้องปลอบใจเพราะฟ้าธารยังเป็นเด็กมาก เขาได้รับการฝึกทักษะการต่อสู้จากพ่อมาอย่างหนักก็จริง แต่จิตใจของเขายากจะโตตามได้อย่างเต็มที่ เป็นเพราะจิตใจที่หวั่นไหว เรื่องต่าง ๆ ที่เขาเจอในอดีตนั้นยังกดทับความรู้สึกของเขาอยู่ที่เดิม แม้ตัวจะโตเกือบเท่าพ่อแล้ว แต่จิตใจของเขาที่มีมาแค่แรมปีกว่า ๆ นั้น ยังคงเด็ก และอ่อนประสบการณ์
“เอาล่ะ ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไปทำสิ่งใดมาที่แน่ ๆ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องทำเพื่อเราแน่นอน ข้ายินดีช่วยเหลือสหายอย่างเต็มที่” รักป่ากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบไม่ล้อเล่น แต่ยังคงแฝงความอ่อนโยนดั่งใบไม้ร่วงโรยเช่นเดิม “เอาล่ะ ข้าขอไปเตรียมตัวรับศึกที่กำลังจะมาดีกว่า” เขากล่าวไม่ทันขาดคำ กระโดดลงหน้าผาไป
รักป่าหลังกระโดดทิ้งฟ้าธารให้ยืนอยู่ผู้เดียว เขากระพือปีกเพื่อรั้งตัวเองให้ลอยบนอากาศได้ หน้าผาแห่งนี้สูง และชันมาก ชันจนแนวผาตรงเก้าสิบองศาเลยทีเดียว
แนวหน้าผามีต้นไม้ต้นเล็ก ต้นน้อยแซกรากเข้าไปในชั้นหินจนหินปรุออกมาแม้จะเห็นได้ไม่ชัดเพราะเป็นเวลากลางคืน แต่ก็พอเห็นได้ราง ๆ จากแสงดาวที่สาดกระจาย
เขาบินวนตรงกลางหน้าผานั้น ระยะห่างจากด้านล่างถึงตัวเขา กับด้านบนถึงตัวเขาน่าจะเท่ากัน พูดง่าย ๆ คือ อยู่กึ่งกลางหน้าผาที่สูงชันเช่นนี้นี่เอง หินผาด้านหน้าเป็นเชิงสลับกัน มีต้นไม้ต้นใหญ่ และกิ่งก้านแผ่ออกมาใหญ่ทีเดียว และอาจจะใหญ่ที่สุดบริเวณผานี้
รักป่า ค้างคาวตาสีแดงตัวโตได้โอกาส สายตานั้นเล็งไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่นั้น และแล้วปีกทั้งสองก็เปลี่ยนทิศจากการกระพือบินวนไปมา กลายเป็นมีเป้าหมาย คือ ต้นไม้ต้นนั้น สายลมถูกดันให้ไปด้านหลัง ตัวของรักป่าพุ่งไปข้างหน้าราวกระสุนปืนไรเฟิ่ล เห็นเพียงแค่สายลมที่ถูกแหวก
ส้วบบ !! เขาพุ่งทะลุผ่านกิ่งไม้ ใบไม้ที่ขาดแหว่งอยู่เดิมทีแล้ว ภาพแรกที่ปรากฏคือ แสงไฟจากกองไฟสีส้มอ่อน ๆ และถ้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกกะหูลูกกะตา ทางซ้ายสุดโน้นถ้ากะระยะทางคงจะเกือบกิโล มีประตูหินทรงสี่เหลี่ยมสองบานที่มองจากตรงนี้ยังคงใหญ่โต หากเข้าไปใกล้ ๆ คงจะมโหฬารแล้วล่ะ รักป่าร่อนลงไปบนพื้นที่เรียบสม่ำเสมอกัน
มีประชากรค้างคาวเกือบร้อยตัวในห้องโถงถ้ำอันกว้างขวางนี้ ถ้าเทียบกันยังไม่ถึงหนึ่งในล้านของความกว้างถ้ำนี้เลยด้วยซ้ำ หลาย ๆ ตัวกำลังนั่งข้างกองไฟที่มีภาชนะตั้งให้ไฟเผาอยู่ ดูคล้าย ๆ หม้อดินเผา และนำเอาช้อน ไม่สิ ดูดูแล้วน่าจะเป็นเศษเปลือกไม้โค้งเล็กที่พอบรรจุของเหลวได้นำมาขัดเงามัดติดกับกิ่งไม้อันแกร่งเล็กมากกว่า ค้างคาวตัวหนึ่งในสามตัวที่นั่งล้อมกองไฟนี้ลุกขึ้นยืนตักของเหลวสีน้ำตาลในหม้อ ... สีน้ำตาลนะ หากมองจากแสงไฟสีส้มในถ้ำนี้ มาชิม แต่สะบัดหัวจากนั้นจึงนำอะไรบางอย่างที่ตั้งข้าง ๆ เตามาโรยใส่เพิ่มลงไฟเป็นผง ๆ คล้ายผงชูรส “พยายามเข้าลูกรัก เดี๋ยวเจ้าก็ทำอาหารเก่งเหมือนแม่เจ้าเองแหละ เนอะแม่” ค้างคาวอีกตัวที่นั่งวงเดียวกันบอกลูกตัวเองพลางหันไปยักษ์คิ้วกับผู้เป็นภรรยาที่นั่งข้าง ๆ กัน
วงอื่น ๆ ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ละวงคือหนึ่งครอบครัวที่กำลังทำอาหารเกือบรุ่งสาง หรือ อาหารเย็นของมนุษย์นั่งเอง รักป่ายืนตรงอย่าผึ่งผายเผยให้เห็นร่างกายที่กำยำสมส่วน และกล่าวทักทายสหายดังก้องทั่วถ้ำอันกว้างใหญ่ เหมือนเสียงตามสายในห้างชื่อดัง แต่ไม่ได้ทำเสียงแอ๊บแบ๊วเหมือนในห้าง ทว่ากลับจริงจัง ดุดัน และอ่อนโยน
“สวัสดีสหายทุกท่าน” เขากล่าวทักทาย ทุกคนในที่นั้นยืนขึ้น และประนมมือสวัสดี แต่ไม่ได้นั่งลง ยังยืนรอรับฟังสารที่เขาจะกล่าว เพราะไม่ง่ายนักที่หัวหน้าลาดตระเวน และหัวหน้าเผ่าจะมาทักทายยามที่กำลังเป็นเวลาของครอบครัวเช่นนี้
“ตอนนี้พันธมิตรของเรา กำลังตกอยู่ในอันตราย ซึ่งข้าคิดว่าศตรูของเราคือ เผ่าแมว ซึ่งเป็นเผ่าที่รังควานเรามาช้านานตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ และตอนนี้เขากำลังมารังควานทั้งเรารวมถึงพันธมิตรของเรา ฉะนั้นแล้วคืนนี้ จะเป็นคืนหนึ่งในรอบหลายสิบที่เราจะทำศึกใหญ่” เขาเว้นจังหวะให้สหายร่วมร้อย และเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อประตูใหญ่หนึ่งในสองบานด้านซ้ายเปิดให้เห็นถึงอีกด้านของภูเขาลูกนี้ได้หยุดคิดตาม
ค้างคาวเกือบทุกตัวในที่นี้มีแววตาที่ดุดันขึ้นมา เสมือนมีความแค้น และอิสรภาพที่ถูกละเลยในความสำนึก
“ศึกใหญ่นี้เราจะสู้ เมื่อเราคือเพื่อนกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้คิดถึงบันทึกประวัติศาสตร์ หนูคือพันธมิตร หรือ บรรพบุรุษของเราที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเป็นล้านชีวิตเพื่อให้รุ่นลูกของเขาได้วิวัฒนาการมาเป็นเราในปัจจุบัน มนุษย์หาว่าพวกเรากินหนู ซึ่งเขาหารู้ไม่ว่าการกินหนูของเรา หนูพวกนั้นคือหนูที่หลุดออกจากจิตสำนึกของพันธมิตร ไม่มีจิตใจ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่กิน กิน กิน และก็กินไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนพวกเรา และพันธมิตรของเรา ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องกำจัด” เขาเว้นช่วงอีกครั้ง
จำนวนประชากรค้างคาวตอนนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากร้อย เป็นสองร้อย เป็นห้าร้อย เป็นหนึ่งพัน และตอนนี้ก็ยืนกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ที่กว้างประมาณหนึ่งพันเมตร ยาวห้าร้อยเมตรของถ้ำนี้ ค้างคาวหลากขนาด สีตาบางตัวน้ำตาล บางตัวแดงนั้นสะท้อนแสงไฟแจ่มใส เข้มแข็ง
“เอ้าเตรียมประจำการทหารทุกคน อย่าลืมเด็กน้อยอยู่ในนี้ปลอดภัยที่สุด เวรยามเข้มงวด” ทหารค้างคาวคนอื่น ๆ ตะโกนก้องออกคำสั่ง “พ่อครับ ผมจะไปด้วย ผมโตแล้วนะครับ” ลูกค้างคาวตัวหนึ่งใกล้ ๆ รักป่าของร้องผู้เป็นพ่อที่ทำท่าจะโผบินออกจากถ้ำ “ไม่ได้นะลูก ลูกต้องอยู่ที่นี่ ข้างนอกอันตราย สัญญาพ่อจะกลับมา” พ่อลูกพูดคุยกัน แววตาของผู้เป็นแม่อ้อนวอนห้ามลูก ท้องแฟบลงด้วยการผ่อนลมหายใจผิดหวังของลูกค้างคาว
ผู้หญิงกล้าทุกตัวต้องออกไปแสดงความกล้าหาญเช่นกัน หากเขาไม่มีลูกตัวเล็กให้ต้องดูแล
เสียงกระพือปีกพึบ ๆ ๆ ๆ ดังก้องถ้ำแห่งนี้ กองไฟไหวเพื่อมตามแรงลมจากปีกพัด ค้างคาวหลายพันตัวหยิบอาวุธประจำกายอันเล็ก ที่ใช้ล่าเหยื่อ หรือ พูดง่าย ๆ คือมีดสั้นเล่มเล็ก ๆ ที่ถือใว้ข้างละเล่ม พลางใช้น้ำลายของตนที่มีคุณสมบัติทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้มาทามีดจนเป็นเงาวาวด้วย
ฟ้าธารได้ยินเสียงผิดปกติของใต้ผืนแผ่นดินที่เขาเหยียบย่ำ มันเป็นเสียงสั่นนิด ๆ เสียงนั้นเป็นเสียงกระพือปีก ได้ยินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ พึบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ค้างคาวจำนวนมหาศาลบินขึ้นจากเบื้องล่าง ฟ้าธารถอยกลับหลังด้วยความทึ่งในความน่าเกรงขาม หลายตัวบินวนอยู่สองสามรอบจากนั้นจึงโผไปเกาะกิ่งไม้ห้อยหัวอยู่บนนั้น แววตาส่องแสงสีแดงน่ากลัว หลายตัวหันมาสบตา และยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“นั่นไงมาโน่นแล้วฟ้าทะเล” รักป่าที่เพิ่งบินขึ้นมาเมื่อกี้ขณะฟ้าธารอึ้งกับฝูงค้างคาวพูดขึ้น “พ่อ” เขาพูดพลางกำกระเป๋าใบจิ๋วสีน้ำตาลของตนแน่น “ไหน ข้าขอดูสิ่งนั้นหน่อยได้ไหม” “ท่านรู้” ฟ้าธารถามอย่างสงสัยมาก พลางยื่นสิ่งนั้นไปให้ รักป่าเปิดออก “นี่สินะ สิ่งที่เผ่าแมวหวงนักหวงหนา มันเป็นอะไรกันแน่” เขามองวัตถุชิ้นสีน้ำตาลก้อนเล็ก ๆ เป็นรูปกรงเล็บโค้ง ๆ แต่แข็งเหมือนหิน “เอาล่ะ เจ้ารักษามันใว้ให้ดี ข้ารู้สึกได้ว่ามีความหมายอันเลอคุณค่าอยู่ในสิ่งสิ่งนี้” พลางยื่นกระเป๋าจิ๋วกลับให้ฟ้าธาร
เบื้องล่างฟ้าทะเลกำลังวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ซิกแซก และไต่เชือกที่ห้อยลงไปยาวมาก ๆ เกือบกิโล เขากระโดดไม่ได้คลานมาช้า ๆ กระโดดแต่ละครั้งได้ไกลทีเดียว ไม่นานจึงขึ้นมายืนตรงหน้าผู้เป็นลูก แล้วโผเข้ากอดฟ้าธารทันที “พ่อบาดเจ็บ พ่อครับผมใส่ยาให้” ฟ้าธารหยิบเอาห่อผ้าเล็ก ๆ จากกระเป๋า แผ่ออกข้างในมีผงสีเขียว โปะไปที่แขนข้างซ้ายบริเวณข้อศอก แผลเป็นวงกลม เลือดไหลไม่หยุด และนำผ้าเปล่า ๆ ที่ยาทาแผลหมดแล้วมัดใว้เพื่อห้ามเลือด
หนูตัวโตขึ้นมานิดนามฟ้าทะเลปากซีด หลังพันแผลเสร็จก็หันไปสบความคิดกับรักป่าที่ยืนอยู่แล้ว “ขอบคุณเจ้ามากสหายรัก ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องไม่ละเลยหน้าที่ของเราแน่นอน” ที่แท้ฟ้าทะเลก็บอกความจริงกับรักป่าใว้แล้ว และค้างคาวทุกตัวก็อาจจะรู้ด้วย
ทันใดนั้นเอง !!!! เบื้องล่างที่ป่าไพรไกลออกไป เกิดเงาตะคุ่มนับไม่ถ้วนกำลังคืบหน้าวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และแล้วก็มีแสงไฟขยับไหวไปมา ดูจากตรงนี้เล็กจิ๋ว แสงไฟนั้นมีสีเขียวอ่อน
“ถึงขนาดใช้ทักษะสายลมลิ่วลอยเลยหรือ ท่าว่าศึกนี้จะหนักหนาเทียวล่ะ” รักป่าเอ่ยขึ้น ทำเอาฟ้าทะเลพยักหน้าตาม
ฝูงศตรูจำนวนมหาศาลที่ใช้ทักษะสายลมลิ่วลอย เคลื่อนขบวนเข้ามาอย่างรวดเร็วทำเอาป่าไพรเบื้องล่างสว่างจ้าสีเขียวอ่อน ๆ บวกกับใบไม้สีเขียวอยู่แล้ว ทำให้ผืนป่านามว่า ป่าน้ำ อันใหญ่โตกลายเป็นทะเลป่าสีเขียวมรกตที่มีแสงพลังสายลมลิ่วลอยแทนดวงตะวันส่องสาดระย้าระยิบจากเบื้องล่าง
“ทหารทุกตัว เตรียมพร้อมมมมมมมม !!!!” พลเวหา พลกับดัก สหายปักษาแห่งฟากฟ้าป่าน้ำแห่งนี้ พลประชิด !!!! สู้ตายยยยยยยยยยยยยยยย !!!
………………………………… เหล่าค้างคาวเวหา ปักษา พันธมิตร ดิ่งลงจากหน้าผาสู่ศตรูที่โฉบใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว งานนี้ ชีวิตที่สละย่อมแลกด้วยความอยู่รอด และศักศรี
ความคิดเห็น