คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : B : Chapter 1
ตึกสีขาวทรงยุโรปสวยสง่าตั้งอยู่สองฝั่งน้ำของเมืองเวนิส เมืองท่าที่สำคัญของ ประเทศอิตาลี สถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามมากมาย ที่คนทั้งโลกหวังเพียงซักครั้งในชีวิตจะได้ไปสัมผัสมัน ชายหนุ่มสองคน เดินไปตามแนวริมฝั่งของแม่น้ำ เดินแวะเข้าออกร้านรวงต่างๆเป็นว่าเล่น แต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาซักอย่าง
“โอ๊ย!! หยุดเดินซักทีเหอะ...นายมาหาซื้ออะไรเนี่ย เดินจนจะทั่วตลาดท่าน้ำแล้วนะ” ชายหนุ่มร่างสูง ผิวขาว หน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตร กล่าวบ่นเพื่อน
....ก็มันเล่นเดินตั้งแต่เช้า นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ....
“จะบ่นทำไมละ...วันนี้เราสองคนก็ว่างทั้งวันอยู่นี่นา”เขาละสงสัยจริงๆว่าจะบ่นทำไม ในเมื่อก็บอกแล้วนะ ว่าจะเดินหาของ ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา แต่นี่ตามมาเองยังจะบ่น เฮ้อ... ไอ้เพื่อนคนนี้
“ก็ใช่โว้ย ที่มันว่างอ่ะ...แต่ตอนนี้หิวแล้ว หาอะไรกินก่อนได้ป่ะ แล้วจะเดินเป็นเพื่อนแกทั้งวันเลย” อ่อ....ไอ้นี่ ที่บ่นเพราะหิวนี่เอง จะว่าไปท้องชักเริ่มร้องแล้วเหมือนกัน
“เออๆ...ไปกินข้าวกันก็ได้ไป....แต่ถ้ากินเสร็จแล้วแกยังบ่นอีกละก็ ฉันจะไล่แกกลับไปนอนรอที่ห้องแล้วนะโว้ย”
“ครับๆ....ไอ้คุณคิบอม”
ชายหนุ่มทั้งสองคนพากันเดินไปที่ท่าน้ำเพื่อนั่งเรือกอนโดรา ไปที่ร้านอาหาร
เรือกอนโดราพาทั้งสองคนมาหยุดที่ หน้าตึกที่เป็นอิฐสีแดง แลดูเก่าคงไว้ซึ่งกลิ่นอายแบบอิตาลีและแฝงความคลาสสิกไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
“ที่นี่หรอลุง..” ชายหนุ่มร่างสูงถามขึ้น
....ก็เมื่อตะกี้เขาบอกลุงว่า อยากได้ร้านอาหารอร่อยๆนี่นา ที่แน่นะ....
“ที่นี่แหละ..พ่อหนุ่ม ร้านนี้เก่าแก่มาก และรสชาติก็อร่อยมากเช่นกัน”
“แต่ว่า....” ยังไม่ทันที่ตนเองจะพูดจบ เพื่อนของตนก็ลุกขึ้นจากเรือไปแล้ว
“ไม่ต้องพูดมากน่า....หิวไม่ใช่รึไง รีบๆขึ้นมาสิ” ว่าแล้วก็เดินนำหน้าเข้าร้านอาหารไป
ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ อิตาลีแท้ๆ อิฐเป็นน้ำตาลอ่อน มีโต๊ะไม้สีมะฮอกกานี ตั้งอยู่ เรียงรายภายในร้าน แสงไฟเป็นสีส้มอ่อนๆ ดูสบายตาเหมาะแก่การพักผ่อน เดินเข้าไปได้กลิ่นลาซานญ่าหอมกรุ่น ชายหนุ่มคนแรกเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะตรงมุมหนึ่งที่สามารถเห็นบรรยากาศภายในร้านได้ทั้งหมด ไม่นานชายหนุ่มอีกคนก็ตามเข้ามา
“เออว่ะ...บรรยากาศดีชะมัดเลยว่าไหม”
“ก็ลุงเขาก็บอกแล้วนายนั่นแหละ..บ่นอยู่ได้....ซีวอน”
“รู้แล้วๆ...ว่าแต่จะอร่อยจริงรึเปล่าว่ะ”
“เอาน่า...เดี๋ยวนายก็รู้เอง”
ทันทีก็มีหญิงสาวเดินเข้ามา พร้อมกระดาษจดรายการอาหาร คิบอมและซีวอนสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย เพียงไม่นานอาหารหอมกรุ่นหน้าตาหน้ากินสองจานก็มาเสิร์ฟ
“ฮยอกแจ...เรียนเสร็จแล้ว ไปไหนกันดี” เสียงหวานของดงเฮตะโกนข้ามโต๊ะมา
“แล้วนายไม่ไปเดทกับนายกึนซอก นั่นรึไง” ฮยอกแจที่กำลังจัดกระเป๋าตะโกนตอบออกไป
“เออว่ะ...ลืมไปแล้วเนี่ย...กี่โมงแล้วว่ะ ตายห่า จะสี่โมงแล้วหรอ นัดหมอนั่นไว้สี่โมงครึ่งด้วย ไม่ทันแน่เลย” ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วก็บ่นวุ่นวายอยู่คนเดียว ฮยอกแจเห็นแล้วก็หลุดขำ ก่อนบอกเพื่อน
“นายเคยแคร์ด้วยหรอ...ดงเฮ เห็นทุกทีนายไม่เคยรีบไปเลยนี่นา”
“ก็แหม...ฮยอกแจ คนนี้ฉันถูกใจเป็นพิเศษนี่นา....อยากจะเก็บไว้นานๆหน่อยอ่ะ” ว่าแล้วดงเฮก็เดินออกจากห้องเรียนไป ยังไม่ทันพ้นประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงเพื่อนรักตามมา
“แล้วนายจะกลับมากินข้าวกับฉันรึป่าว...ดงเฮ”
“กลับซิ....ไม่กลับได้ไงไอ้เพื่อนขี้เหงา ไปละ” แล้วดงเฮก็วิ่งไปทันที
ใครมันขี้เหงาฟ่ะ...นายนั่นแหละดงเฮ เฮ้อ...แล้วนายกับอีตากึนซอกนั่น จะคบกันกี่วันนะ ตั้งแต่ดงเฮโดนไอ้หมอนั่นทิ้งไป ก็ไม่เคยคบใครนานเกินสองอาทิตย์เลยนี่หว่า.....โชคดีละกันนะ จางกึนซอก
ฮยอกแจเดินผ่านสนามฟุตบอลเพื่อจะกลับไปยังหอพัก พลันหันไปมองเห็นโดมสีเขียว ที่มีสระว่ายน้ำอยู่ภายใน .....อา..วันนี้อากาศร้อน ว่ายน้ำซักหน่อยน่าจะดี.........ฮยอกแจพาตัวเองเดินเข้าไปในโดมนั้น เดินเลี้ยวเข้าไปอีกหน่อยก็เห็นตู้ล๊อกเกอร์ชาย ที่มุมห้องจัดเป็นโซฟาไว้นั่งพัก ถัดไปอีกจะมีตู้ใบหนึ่งในนั้นมีชุดว่ายน้ำอยู่หลายตัว ที่อนุญาตให้หยิบไปใส่ได้ ฮยอกแจเลือกกางเกงว่ายน้ำตัวเล็กสีส้มสีโปรดของตนก่อนจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบผ้าเช็ดตัวและเดินออกไปยังสระว่ายน้ำด้านหน้า สระว่ายน้ำกว้างขนาดสี่ร้อยคูณสี่ร้อยเมตร มีคนอยู่เพียงไม่กี่คน ฮยอกแจวางผ้าเช็ดตัวและกระเป๋าของตน ไว้ที่เก้าอี้ริมสระ ก่อนเดินลงสระว่ายน้ำไป
“ดงเฮครับ...อันนี้คุณชอบรึเปล่า” จางกึนซอกหยิบสร้อยข้อมือที่มีตัวปลาการ์ตูนห้อยอยู่ขึ้นมาให้ดงเฮดู
“มันไม่ดูเป็นผู้หญิงไปหน่อยหรอ..อีกอย่างฉันไม่ชอบใส่ของพวกนี้อ่ะ” ดงเฮตอบปฏิเสธ ไปอย่างนุ่มนวล
ขอโทษจริงๆนะกึนซอก...ก็สร้อยข้อมือแบบนี้ฉันเคยมีแล้ว แต่มันเป็นอดีตที่ฉันไม่อยากจำถึงแม้มันจะเป็นความทรงจำที่ฉันเคยมีความสุขมากก็ตาม.....ดงเฮได้แต่มองไปที่กึนซอกอย่างรู้สึกผิด ต่างจากกึนซอกที่ไม่รู้อะไรเลย
“อ้าว...งั้นหรอครับ ดงเฮไม่ชอบหรอกหรอเนี่ย” กึนซอกได้แต่นึกเสียดายอยู่ในใจ ก่อนถามต่อ
“แล้วดงเฮชอบใส่เครื่องประดับรึป่าวครับ....แล้วชอบแบบไหนหรอ”
“ไม่ละ....ฉันไม่ชอบใส่หรอกมันดูเป็นผู้หญิงเกินไปน่ะ” ปากว่าไปยังงั้น
แต่ในใจมันไม่ใช่เลย เค้าเป็นคนชอบใส่เครื่องประดับมาก แต่เพราะมันทำให้นึกถึงคนบางคน เค้าเลยเลือกที่จะไม่ใส่มันอีกเลย ในขณะที่ดงเฮจมอยู่ในความคิดของตัวเองนั้น
Rrrr….Rrrrrrr….
“เฮ...ดงเฮ...ครับ”
“หา....หา!! มีอะไรกึนซอก” เสียงเรียกของกึนซอกทำให้ดงเฮรู้สึกตัว
“โทรศัพท์ดังน่ะครับ”
“อ่อ...เอ่อ ขอบคุณมากนะ ของตัวแปปนึงนะ” ดงเฮปลีกตัวออกมารับโทรศัพท์ทันทีโดยที่ไม่ดูที่หน้าจอเลยว่าเป็นใคร
“ฮัลโหลครับ....ดงเฮครับ”
[ดงเฮ...นี่พี่ฮีชอลนะ]
“อ่อ..ครับพี่มีอะไรหรอ”
[นี่นายอยู่ไหนน่ะ...รีบกลับมาที่มหาลัยเลยนะ...ฮยอกแจจมน้ำ กลับมาด่วน!!!]
“อะไรนะพี่..ฮยอกแจจมน้ำหรอ”
[ก็ใช่น่ะสิ ตอนนี้พี่อยู่โรงยิมรีบมาด่วนเลยนะ]
.......ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด.....
...อะไรนะ..ฮยอกแจจมน้ำหรอ..ทำไงๆดี....
“ดงเฮ...เป็นอะไรไปครับ” กึนซอกถามขึ้นเมื่อเห็นดงเฮยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“ดงเฮ...ดงเฮ” เขย่าตัวดงเฮเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงยืนนิ่ง
“กึน....กึนซอก..ฮยอก....ฮยอกแจ จมน้ำ ฉันจะทำยังไงดีละ” ดงเฮที่ตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วด้วยกลัวว่าตนจะต้องเสียเพื่อนรักไป
“ดงเฮ...ตอนนี้ฮยอกแจอยู่ที่ไหนครับ....เราต้องกลับไปหาฮยอกแจนะ”
“อยู่ที่โรงยิม ที่มหา’ลัย แล้วฮยอกแจจะเป็นอะไรมากรึเปล่า กึนซอก” ร่างบางน้ำตาเริ่มปริ่มที่ขอบตาใกล้จะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ....แต่ตอนนี้ดงเฮตั้งสตินะครับ....ฮยอกแจจะต้องปลอดภัย เราไปหาฮยอกแจกันนะครับ” ว่าแล้วกึนซอกก็พยุงตัวดงเฮไปที่รถ ก่อนจะขับรถพุ่งทะยานออกไปตามถนนสายหลักด้วยความเร็วสูง
“ฮยอกแจ...ฮยอกแจ...” มือของฮีชอลตบใบหน้าหวานของฮยอกแจเบาๆ พร้อมกับส่งเสียงเรียกรุ่นน้องของตน แต่ไม่มีท่าทีว่า ร่างบางที่นอนอยู่ตรงหน้าจะลุกขึ้นมาได้เลย
“ฮัน...ฮัน ทำไงดีละ....ฮยอกแจไม่ฟื้นซะที” ฮีชอลเริ่มจะน้ำตาคลอเบ้า ร้องเรียกคนรักที่นั่งอยู่ข้างตน ที่ทำหน้าที่ปั๊มหัวใจคนที่นอนสลบอยู่
“ฮีชอล...ผายปอดน้องสิ” ตอบแบบเรียบง่าย แต่รู้ไหมว่าทำยาก ทำก็ไม่เป็น ฮีชอลไม่รู้จะเริ่มไง
ก็เค้าไม่ใช่นักกีฬาว่ายน้ำของมหาลัยเหมือนฮันกยองนะ
“เอายังงี้นะ...ก่อนอื่นเลย ก็เอามือข้างหนึ่งบีบจมูกของน้องไว้...ส่วนอีกข้างหนึ่งจับคางน้องให้เงยหน้าขึ้นมานะ จากนั้นฮีชอลก็เป่าลมเข้าทางปากของน้องนะโอเคมั๊ย” ฮีชอลทำตามอย่างตั้งใจ ก่อนจะถึงวิธีสุดท้าย
นี่เค้าต้องจูบปากน้องใช่ไหมเนี่ย...เฮือก
“ฮีชอล..มัวทำอะไรอยู่...เร็วสิ....เดี๋ยวก็เป็นอะไรไปหรอก” ฮันกยองพูดเตือนสติคนรักที่มัวแต่คิดมากอยู่
เอาก็เอาว่ะ
ฮีชอลประกบปากกับฮยอกแจ แล้วเป่าลมเข้าไป พลางเลยหน้าขึ้นมาดูว่าน้องฟื้นรึยัง
“ทำไมยังไม่ฟื้นละฮัน..” ฮีชอลเริ่มใจคอไม่ดี ทำทุกอย่างแล้วทำไมฮยอกแจยังไม่ฟื้นละ
“แค่ก....แค่ก...” เสียงไอ และสำลักน้ำดังจากปากฮยอกแจ พร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลกระพริบถี่
“ฮยอก....ฮยอกแจฟื้นแล้ว”
“อืม....พี่...พี่ฮีชอล”
ผ่าง....!!!!!!!!
ประตูโรงยิมเปิดออกอย่างแรง เห็นร่างของดงเฮยืนอยู่หน้าประตู ตามมาด้วย จางกึนซอก ที่เหนื่อยไม่แพ้กัน
“ฮยอกแจ.....แกเป็นอะไรมากรึเปล่า....เจ็บตรงไหนไหม แล้ว....แล้ว..” ดงเฮพุ่งตัวเข้ามากอดฮยอกแจไว้แน่น แล้วพร่ำถามคำถามมากมายไปหมด
“ใจเย็นน่าดงเฮ...แล้วก็ปล่อยฮยอกแจเถอะ...มันเพิ่งฟื้นเมื่อกี้เองนะ มันปลอดภัยแล้ว” ดงเฮหันไปมองหน้าฮีชอลที ฮยอกแจทีเหมือนไม่แน่ใจ แต่เมื่อสุดท้ายฮยอกแจพยักหน้า ดงเฮถึงกับเข้าอ่อนทรุดนั่งลงกับพื้น
ก่อนน้ำตาหยาดใสๆ ของดงเฮจะร่วงลงมา ตามด้วยเสียงสะอื้นฮัก
“แก.. ยัยหมวย แกเป็นอะไร แกร้องไห้ทำไม” ฮยอกแจใจคอไม่ดีที่เห็นเพื่อนรักร้องไห้ขนาดนั้น มือบางยื่นส่งไปเช็ดน้ำตาให้เพื่อนรัก ดงเฮจับมือของเพื่อนไว้แนบหน้า ก่อนเอ่ยคำที่ทำให้รู้ว่า ดงเฮคนนี้รักเพื่อนมากแค่ไหน
“ชั้น..ชั้น กะ..กลัว .. แก..ไม่รู้..ฮึก..หรอก..ว่า ฮึก ..ตอนที่..พี่ ฮี..ฮึก..ชอล โทรไปบอก..ชั้นน่ะ..ชั้นตกใจ ฮึก..แค่ไหน ..” ดงเฮโผเข้าไปกอดฮยอกแจ ราวกับต้องการพิสูจน์ว่า เพื่อนรักที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือตัวจริง ฮยอกแจยังไม่ได้จากเค้าไปไหน
“ยัยหมวย ชั้นไม่เป็นไร ชั้นยังอยู่กับแกนี่ไง เราสัญญากันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าจะไม่ทิ้งกันน่ะ” มือของฮยอกแจกอดตอบเพื่อนรัก มือหนึ่งลูบหัวเพื่อนรัก เพื่อให้ได้สัมผัสว่าเค้ายังอยู่ตรงนี้ รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้
“อื้ม นั่นสินะ... ไปเหอะแก หิวข้าวแล้วละ ไปกินข้าวกันนะ” เมื่อรู้สึกสงบสติอารมณ์ได้ ดงเฮเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว ... ก็ท้องมันร้องแล้วนี่นา นี่ก็เย็นแล้ว ก็ต้องหิวข้าวเป็นธรรมดา...
ก่อนจะหันไปหาผู้ชาย ที่ตั้งแต่ดงเฮเข้าโรงยิม เค้าก็กลายเป็นอากาศธาตุไป
“กึนซอก เรื่องกินข้าววันนี้น่ะ ยกเลิกนะ ชั้นจะไปกินข้าวกับฮยอกแจ”
“แต่แก ไม่ต้องก็ได้ นัดเค้าไว้แล้วไม่ใช่หรอ”
“ไม่แก.. ชั้นจะไปกินข้าวกับแกวันนี้ วันนี้ชั้นจะอยู่กับแก” ดงเฮยื่นคำขาด เค้าไม่ยอมให้ฮยอกแจปฏิเสธหรอกนะ ดูซิห่างกันไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง เค้าเกือบต้องเสียเพื่อนที่รักที่สุด เค้าจะไม่ยอมห่างจากฮยอกแจอีกแล้ว คำขาดของดงเฮ ทำให้กึนซอกหน้าเจื่อนลงไป ก่อนจะบอกลาดงเฮ แล้วขึ้นรถกลับบ้านไป
“นี่ๆ ไก่ แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมวันนี้ ” ดงเฮหันไปถามเพื่อน แต่คำตอบที่ได้จากฮยอกแจ กลายเป็นความเงียบและการส่ายหัวช้าๆ ...นี่สินะ ที่ทำให้เค้าทิ้งเพื่อนคนี้ไปไม่ได้ ทั้งใสซื่อ ตามคนอื่นไม่ค่อยจะทัน แถมยังไม่ค่อยมีปากมีเสียงอีกด้วย..
“งั้นเอางี้ วันนี้ไปชาบูกันไหม เราไม่ได้กินมานานแล้วนะ กินชาบูก็ต่อด้วนไอศครีมร้านเดิม เป็นไงโอเคนะ?” จัดแจงออกความคิดเห็นเสร็จสรรพ ส่วนฮยอกแจก็ได้ยิ้ม ...ก็นะ เพื่อนว่าไงก็ว่าตามกันแล้วกัน... ส่วนคู่รักทั้งสองคนในโรงยิมนั่นน่ะหรอ มองหน้ากันแล้วก็ส่ายหัว มองไปที่เพื่อนรักทั้งสองคนที่เดินจูงกันไปทางร้านอาหาร อย่างเอ็นดู
....มันเจอเพื่อนแล้ว ลืมพี่เลยเว้ย...
.......................................................................
“เฮ้อ~ ในที่สุดก็กลับมาถึงหอสักที เมื่อยชะมัดเลย” ล้มตัวลงนั่งบนโซฟาได้ปุ๊บเสียงบ่นหงุงหงิงก็ลอยออกมาจากปาก ซีวอนปั๊บ
“แกตามชั้นไปเองนะ ไอ้คุณชาย บ่นอยู่นั่นแหละ” รำคาญเสียงเพื่อนตัวดีเหลือเกิน บ่นตลอดทางตั้งแต่ไปยันกลับ ....อะไรของมัน...
“ว่าแต่ตอนนี้เลิกบ่นแล้วเก็บของสิครับท่าน อีกสองสามวันต้องกลับโซลแล้วนะ” หันไปมองเพื่อนที่นั่งเล่นอยู่บนโซฟาโดยไม่ทุกข์ร้อน ราวกับว่าอีกตั้งเดือนถึงจะกลับโซล ...ตอนแรกก็ว่าจะกลับเดือนหน้า ที่ไหนได้ พี่ชายไอ้คุณชายนี่จะแต่งงานอาทิตย์หน้า ท่านพ่อท่านแม่ของไอ้ซีวอน ถึงต้องตามตัวกลับอย่างด่วน ว่าแต่มันเกี่ยวกะกูว่ะ ผม คิมคิบอมนะครับไม่ใช่ชเวซีวอน.. เฮ้อ~... ทำไมต้องกลับไปกะมันว่ะ...
“นี่ๆ ทำหน้างั้นแสดงว่าแกก็ยังไม่อยากกลับใช่ไหม ไอ้คุณคิบอม?” สองคนนี้เรียกว่าสนิทกันถึงขั้น มองตาแล้วรู้ใจ แค่เพื่อนเปลี่ยนสีหน้าหน่อยเดียวรู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
“เออสิว่ะ รึว่าแกอยากกลับกันละ ห๊ะ?” ราวกับคิดเหมือนกัน สีหน้าของซีวอนก็ไม่ต่างไปจากคิบอม ...นั่นสินะ ไม่ใช่ไม่อยากกลับ แต่ถ้ากลับไปที่โซล ถ้าต้องเจอคนๆนั้นที่ยังลืม จะทำหน้ายังไง จะพูดอย่างไร เค้ายังไม่กล้าที่จะกลับสู้หน้าคนๆนั้นตอนนี้... เหมือนว่าในใจของคิบอมนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปกับซีวอน เมื่อพ่อสิงโตหนุ่ม หันไปมองไอ้เพื่อนหน้านิ่ง สีหน้ามันก็ไม่ต่างกับตัวเค้าเองซักเท่าไรเลย
สองหนุ่มเพื่อนซี้ลงมือเก็บข้าวของ รื้อตู้นั่น รื้อตู้นี้ เก็บใส่กระเป๋าใบนั้นใบนี้ เก็บๆจัดๆ เอาของออกมารวมๆ กัน ทั้งสองคนก็ต้องตาโต เหมือนเพิ่งรู้สึกว่า เค้ามีของให้ต้องเก็บเยอะกว่าที่คิดไว้ กระเปาที่เตรียมจะใส่ของทั้งหมดได้รึนี่ สองหนุ่มมองหน้ากัน ก่อนที่ซีวอนจะตัดสินใจ คงต้องทิ้งของบางอย่างที่ไม่ใช้ ไม่มีประโยชน์อะไร เอาไว้ที่นี่ ... จะว่าไปเค้าสองคนก็มาอยู่ที่นี่ นานแล้วเหมือนกันนะ สองปีเห็นจะได้ ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยชื่อดังของโซล แล้วก็ต้องออกมากลางครัน เลยถูกบังคับถีบส่งให้มาอยู่ที่เมืองเวนิสนี่ ..อิตาลีช่างห่างไกลกับเกาหลีเสียเหลือเกิน
เมื่อได้คิดถึง สมัยเรียนอยู่ที่โซล พลันใบหน้าของใครบางคนก็หลุดลอยเข้ามาในมโนนึกของซีวอน ให้ได้นึกถึง ภาพวันเก่าๆเหล่านั้นอีกครั้ง มือแกร่งเก็บๆจัดของลงกระเป๋า ของชิ้นไหน สิ่งใดๆไม่ได้ ก็กองๆโยนๆ มันไว้แถวนั้น เพื่อให้แม่บ้านของคอนโดฯ มาจัดการที่หลัง พลันมือปัดถูกโดนอัลบั้มภาพเก่าเล่มหนึ่ง อัมบั้มภาพเล่มนี้เค้าเก็บไว้เค้าเองยังจำไม่ได้เลย แต่เมื่อได้มาเห็นมันอีกครั้ง ภาพเก่าที่อยากลืม มันกลับฉายชัดในความทรงจำ ราวกับ แผ่นฟิล์มเก่า ที่นำมาฉายซ้ำอักครั้ง มือหนาค่อย เปิดอัมบั้มภาพนั้นที่ละหน้า ก่อนที่จะรู้ตัว เมื่อได้เห็นภาพเก่าๆเหล่า หยาดน้ำตาใสๆ ก็ไหลลงมาอาบสองข้างแก้ม พลางนึกถึงภาพความสุขเมื่อวันวาน ที่คงไม่มีวันที่จะได้สัมผัสมันอีกครั้ง มือหนาถูกส่งขึ้นไปเช็ดน้ำตาของตน ก่อนใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้น จะเชิดขึ้น นัยต์ตาสีนิลนั้นหลับลง ก่อนจะระลึกถึงห้วงความทรงจำ .... ฮยอกแจ นายจะรู้ไหม ว่าชั้นคิดถึงนายมากแค่ไหน ชั้นไม่ได้ต้องการที่จะทิ้งนายแล้วมาอยู่ที่เมืองแห่งนี้ ถ้าชั้นกลับไปแล้วเจอนายอีก นายจะทำหน้ายังไงนะ มันเมินชั้นรึเปล่า รึว่านายจะยอมให้อภัยชั้นกันนะ ฮยอกแจ...
คิม คิบอมรู้สึกว่า เสียงเก็บของของเพื่อนมันเงียบลงจึงได้หันหน้าไปมองแล้วพบกับท่าทีแบบนั้น อีกทั้งในมือยังอัลบั้มภาพที่ต้องให้ไม่มีที่ให้ใส่ลงไปในกระเป๋าแล้ว ยังไงเพื่อนของเค้าก็ไม่มีวันทิ้งมันแน่นอน คิบอมได้แต่มองเพื่อนอยู่อย่างนั้นก่อนจะรู้ตัวว่าตัวเองยังเก็บของไม่เสร็จ ถึงแม่ว่าของๆเค้าจะไม่เยอะเท่าของซีวอน แต่มันไม่น้อยนัก จึงลงมือเก็บของต่อ แต่แล้ว สายตาเหลือบไปเห็นเสื้อไหมพรมสีน้ำเงิน ที่ซึ่งเค้าเก็บมันไว้อย่างดีและไม่เคยได้หยิบมันออกมาใส่ เพียงเพราะกลัวว่ามันจะเปื้อน มือนั้นเอื้อมลงหยิบเสื้อตัวนั้นก่อนจะนำมาพินิจพิเคราะห์ ....นานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่เห็นเสื้อตัวนี้ นานแค่ไหนกัน ที่เก็บมันไว้ ไม่กล้าจะมอง เพียงเพราะกลัวจะนึกถึงคนที่ถักมันกับมือ... มือหนาหยิบเสื้อตัวนั้นออกจากถุงที่แพ็คมันไว้ ก่อนที่มือนั้นจะลูบไปตามเส้นไหมของตัวเสื้อ ราวกับระลึกถึงความลำบากที่ว่ากว่าทุกเส้นไหม จะออกมาเป็นตัวเสื้อ มันนานแค่ไหน ใบหน้าที่เคยแสดงสีหน้าเรียบเฉยนั้น บ่งบอกให้รู้ว่า มีความสุขทุกครั้งที่ได้สัมผัสมัน และนึกถึงว่าคนทำพยายามทำเพื่อเค้ามากแค่ไหน ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน เมื่อได้นึกถึง น้ำตามันก็ไหบออกมาโดยไม่รู้ตัว...นี่เรา กลายเป็นคนอ่อนไหวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน คิมคิบอม.. นายไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ เพียงแค่ได้เห็นเสื้อตัวนี้ นายกลับเป็นถึงขนาดนี้ คนๆนั้น ทำให้นายเป็นถึงขนาดนี้เลยรึไง...คิบอมได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ แต่แล้วคำตอบที่ตอบตัวเองมันช่างชัดเหลือเกินว่า ยังไงเค้าก็ยังลืมคนที่ถักเสื้อให้เค้าไม่ได้จริงๆ .... ยัยหมวยน้อย ดงเฮของผม คุณจะรู้ไหม ว่าตอนนี้น้ำตาของผมมันกำลังไหลนะ แค่คิดถึงหน้าคุณ รอยยิ้มของคุณ เสียงหัวเราะของคุณ มันก็ทำให้คนอย่างผม ยิ้มได้ทั้งน้ำตาเลย คิดถึงจังเลย แต่ไม่รู้ว่า ถ้าได้พบหน้าคุณอีกครั้ง คุณยังจะยิ้มให้ผมเหมือนเดิมไหม ยังจะเรียกผมว่าคิบอม ด้วยเสียงหวานๆของคุณอีกไหม ดงเฮ....
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
HeartLess ตอนแรก ครบร้อยเปอร์แล้วเจ้าค่ะ ดีใจจังเลย ครึ่งหลังนี่แต่งยากน่าดู แต่ไรเตอร์ก็ยังไม่รู้ว่า สื่ออารมณ์ของพ่อหนุ่มสองคนนี้ออกมาได้ดีพอรึป่าว? ยังไงก็ช่วยคอมเม้นกันด้วยนะเจ้าค่ะ
ขอให้เรื่องนี้ คนอ่านเยอะๆด้วยเถิด!!!
Yuii
ความคิดเห็น