ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจปราถนา

    ลำดับตอนที่ #2 : วิวาท

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ย. 54


    2

    เฮ่ เฮ้”

    “ ...รัน”

    “ รัน ทางนี้   เสียงร้อยเรียกทำให้รันตื่นจากภวังค์

    ทางนี้จ๊ะ    เสียงมาเรียนั่นเองที่เรียกมาแต่ไกล รันโบกมือทักทายตอบมาเรีย ที่ตอนนี้ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าห้องอาหารของมหาวิทยาลัย

    “ยายมา”

    แหม ...สายเลย   รันยกข้อมือสวยขึ้นดูนาฬิกาด้วยท่าทางเก้อๆที่ปล่อยให้มาเรียต้องรอนาน

    ไม่หรอกรัน”

    “  นี่ฉันก็พึ่งมาเหมือนกัน

    “ให้ตาย”

    “เธอไม่หรอกว่าวันนี้ฉันเจอกับอะไรมาบ้าง  มาเรียบ่นอุบ 

    รันมองหน้าญาติสาวด้วยความอยากรู้ อะไรที่เป็นสาเหตุให้ใบหน้าสวยของญาติเธอต้องยุ่งเหมือนยุงตีกันได้ขนาดนี้ คิ้วสวยได้รูปโค้งแทบชนกัน

    ให้ตายมันน่าโมโหจริงๆ  มาเรียยังไม่หยุดโวย

    เธอรู้ไหมรัน”

    “ฉันน่ะต้องเจอกับไอพวกเด็กปีศาจที่มาในคราบเทพบุตรรูปหล่อล่ะเธอเอ้ย”  รันพยักหน้าตาม

    “แล้วไง”   รันถามด้วยความสนใจ

    “ ก็นะ”

    “แถมผู้อำนายการยังเรียกฉันเข้าพบอีก”

    “เธอทายสิว่าเรื่องอะไร”

    “เรื่อง...”  รันถาม

    “ฉันล่ะจะบ้าให้ได้”

    “รันพวกเขาเข้าข้างไอ้พวกเด็กขี้เต๊ะบ้านั้น”

    “ยายมามันเรื่องอะไรกันแน่ที่เธอจะบอกฉัน” 

    “ฉันล่ะงงเรื่องที่เธอพูดอยู่นะเนี่ย”  มาเรียเม้มปากสวยได้รูปแน่น

    “ ฉันไม่สงสัยเลยทำไมต้องเข้าข้างเด็กบ้าพวกนั้นก็นะเป็นถึงลูกหลานมหาเศรษฐีระดับโลกนิ”

    “เธอเอ้ย... แถมเห็นว่าเป็นนักธุรกิจไฟแรงระดับแนวหน้าเลยล่ะเธอ หรือจะระดับโลกดีล่ะ ให้ตายฉันอยากจะบ้าตายจริงๆเล้ย”    มาเรียทำท่าโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ บ่นทอไม่หยุด

    “ให้ตายเป็นถึงคนสำคัญ  พวกนั้นมาทำอะไรที่นี่กันนะ ถ้ามาเรียนเห็นจะเชื่อยาก”   มาเรียเบ้ปากอย่างไม่อยากเชื่อในเรื่องที่เธอเจอมาในวันนี้

    “ให้ตายมาเรียฉันไม่เข้าใจ เธอช่วยหยุดโวยวายแล้วบอกฉันดีๆไม่ได้หรือไงเนี่ย”

    “เอาน่าฉันเองยังไม่รู้เลยมันเรื่องอะไร”  มาเรียพูดตัดบทเอาเสียดื่อๆ

    จริงสิ...เป็นไง      มาเรียถามขึ้น

    “เรื่องเธอหรือของฉันล่ะยายมา”   รันถามออกไปบ้าง

    “โถ... โถ...”

    “ให้ตายรัน เธอนี่เวลาโกรธยังสวย”

    “ฮิ  ฮิ”

    “เลิกเล่นเลยยายมา”

    ก็เรื่องที่แม่บอกไงเล้า

    “อย่าบอกนะยายรันว่าเธอลืมมัน”

    “ยารันอีกแล้วนะเธอน่ะฉันจะบ้าตายให้ได้เลย”   มาเรียช่วยเตือนเพราะดูเหมือนญาติสาวแสนสวยผู้รักสันโดษของเธอที่ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าเธอเคยบอกอะไรไป

    คุณป้า”

    “ อ้อ”

    “ ไปสิ”

    “ไป ฉันไปอยู่แล้วล่ะ   รันพูดพลางเดินหยิบอาหารไปพลาง

    จริงสิมาเรีย ใครไปบ้างล่ะ

    ก็พวกๆญาติๆเราเหมือนเดิมนั่นแหละเธอ”

    “ เอ่อ”

    “ทำไมมีอะไรอีกยายมา”   รันถามญาติสาวของเธอ มันดูแปลกๆเหมือนลังเลที่จะพูดอะไรต่อ

    “รัน”

     “เห็นเธอต้องทำใจนะเพราะดูเหมือนงานนี้แม่จัดใหญ่กว่าทุกที เท่าที่ฉันรู้แขกที่แม่เชิญมาแต่ละคนเป็นนักธุรกิจมหาเศรษฐีระดับโลกเลยนะเธอ”

     มาเรียหยุดตักอาหาร หันหน้ามาพูดกับรันด้วยท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจัง เธอรู้ดีว่าญาติเธอคนนี้ไม่ค่อยชอบนักหรอกกับงานเลี้ยงอะไรพวกนี้ หล่อนจึงถูกตั้งฉายาว่าเจ้าหญิงผู้สันโดษ

    “จริงสิเธอต้องตื่นเต้นแน่ๆถ้าฉันบอกว่าใครจะมาอีก”

    ใคร ...เธอหยุดตักอาหารถามอย่างสงสัย

    นี่คีบ เอแคลร์ให้ชิ้นสิ

     มาเรียทำปากยื่นชี้ไปยังถาดใส่เอแคลร์สีเหลืองอร่าม รันคีบเอแคลร์สีเหลืองหน้าทานให้มาเรียและตัวเองอย่างละชิ้น

    “ทายสิ”

    “เอาน่ารีบบอกมาเถอะ เธอก็เล่นอยู่ได้”

    ก็คนในตระกูลเดิร์สเตนเบอร์ก ไง   รันชะงักเมื่อได้ยินชื่อเจ้าของสถาบันที่พวกเธอกำลังทำงานอยู่

    จริงสิ”

    “อืมม์”

    “ให้ตายยายมา นี่คุณลุงคุณป้ารู้จักกับคนในตระกูลเดิร์สเตนเบอร์กด้วยเหรอเนี่ย   รันตื่นเต้นที่ได้ยิน

    ก็งั้นสิ ...”

    “แต่นะรันเจ้าของสถาบันจริงๆแล้ววันงานคุณแม่บอกไม่มาหรอก

    อ้าว”

    “ทำไมเป็นงั้นล่ะ

     รันหน้าสลด เธออยากเห็นว่าผู้ที่สร้างมหาวิทยาลัยนานาชาติที่น่าอยู่เคิร์สเตนเบอร์ก เป็นคนรูปร่างหน้าตาแบบไหน เธอพอได้ยินมาบ้างว่าเป็นตระกูลอันเก่าแก่ของกรีซ เพราะสถาปัตยกรรมที่ใช้ตกแต่งสถานที่ก็เน้นไปในทางรูปปั้นกรีซชะส่วนใหญ่ เป็นแบบที่เธอชื่นชอบมากทีเดียว

    ก็เธอคิดดูสิคนระดับนั้น”

    “ เขามีธุรกิจระดับโลกเลยนะเธอ เขาคงจะมีเวลาอยู่หรอก”

    “ อีกอย่างรู้สึกว่าเขาจะมีกันเพียงสองคนพี่น้องด้วย แถมหล่อระดับดาราหนังฮอลลีวูดทั้งคู่เลยล่ะเธอ

     รันพยักหน้าก็คงจะอย่างที่มาเรียพูดนั่นแหละเท่าที่เธอรู้มาก็ประมาณนั้น แต่เธอไม่ได้สนใจอะไรภายนอกมากนักหรอก นอกจากหนังสือวรรณกรรมที่เธอรักก็แค่อยากเห็นผู้ที่สร้างมหาวิทยาลัยที่น่าทึ่งอย่างเคิร์สเตนเบอร์กก็เท่านั้น เธอไม่ค่อยชอบอยู่ในโลกแห่งความจริงมากนัก

    รันคิดว่าโลกที่เธออยู่มันสวยงาม แตกต่างจากโลกข้างนอกนี่เป็นไหนๆ ที่ดูยังไงก็แสนจะโหดร้าย  ก็ดูอย่างพ่อแม่ที่เธอรักยังถูกโลกนี้พรากไป ไม่เห็นจะต้องให้เลือก เธอเลือกโลกแห่งความฝันที่แสนสวยของเธอดีกว่า

    จริงสิ ..

     “คนพวกระดับใหญ่โตพวกนั้นเหรอจะมางานเลี้ยงธรรมดา ธรรมดาอย่างนี้”

    ฮาๆๆ

     เราเลยอดเห็นเจ้าของที่นี่เลยเนอะมาเรียหัวเราะ โบกมือไปมา

    เอาน่าคนระดับนั้นเขาไม่ให้เราเห็นตัวได้ง่ายๆหรอก มาเรียบอกอย่างขอไปที

    รันไปนั่งที่เดิมเถอะ...

    “โน้นแน่ะ”

    มาเรียชี้ไปยังสวน ด้านหลังห้องอาหารที่แสนจะเงียบสงบที่พวกเธอชอบไปนั่งทานอาหารกันเป็นประจำตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา

    ได้

    แต่เดี๋ยวนะมาเรีย ฉันขอชื้อน้ำก่อน...

     รันเตรียมวิ่งไปร้านน้ำ  แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะเอาจานอาหารส่งให้มาเรียช่วยถือไว้แทน ร่างบางวิ่งปลิวหายเข้าไปภายในโรงอาหารของวิทยาลัย

    รันนั้นเธออย่าบอกนะว่ากินหมดนั่นน่ะ มาเรียมองแก้วน้ำผลไม้ที่มีขนาดใหญ่มากที่ญาติสาวถืออยู่

    โถ่...มาเรียเธอก็น่าจะรู้ดีไม่เห็นต้องถามทุกครั้งไป  คุณป้านะสิแกให้ฉันมาชะเยอะเลย ฉันก็บอกแกแล้วนะ

    ธรรมดาย่ะ ...คนที่นี่เขารักเธอกันทั้งนั้นแหละ

     มาเรียทำปากยื่นด้วยความหมั่นใส้ แต่ไม่จริงจังนัก ทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะ รันเป็นคนสวยน่ารักหุ่นบอบบางสวยจนหาตัวจับยาก เท่าที่เธอเคยเห็นใครมายังไม่เห็นมีใครสวยเหมือนญาติสาวเธอคนนี้เลยสักคน แถมนิสัยแสนจะอ่อนหวานผิดกับเธอลิบลับคนละแนวกันเลย

    เธอก็พูดไปนั่น

     รันหันไปค้อนให้มาเรีย เธอจึงไม่ได้ระวังตัวมองว่าข้างหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาใกล้ ทำให้เธอเสียหลักชนเข้าอย่างจัง รันล้มไปข้างหน้าเต็มแรง

    รันระวัง...”            ยังไม่ทันที่มาเรียจะร้องเตือนมันสายเกินไป

    ว้าย...รันชนเข้ากับร่างสูงใหญ่เข้าอย่างจัง

    ตายแล้ว..”

    “ยายรันเป็นไงบ้าง” มาเรียรีบคว้าแขนรันไว้แน่น

    “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ทันเห็น

    รันรีบล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนงามมาเช็ดให้ทันที แต่ดูเหมือนยิ่งเช็ดมันก็ยิ่งเลอะเปื้อนเป็นวงขนาดใหญ่น่าเกลียด

    ให้ตายซุ่มซ่ามชะมัด

     “ไม่มีตามองข้างหน้าหรือไงยายโง่”

    เสียงเหมือนตำนิลอยมา ข้างๆหู รันหน้าแดงก่ำไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมองว่าเป็นเสียงของคนที่เธอชนเข้าหรือเปล่า

    ไม่เอาน่าจอห์น

     เสียงชายอีกคนปรามเพื่อนของเขา รันจึงรู้ว่าเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่มากันมากกว่าหนึ่ง แต่เธอยังไม่กล้าหาญพอที่จะเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาอยู่ดี

    ทอมนายก็ดูเสื้อโทมัสสิ ฉันว่าตัวนี้พึ่งส่งมาถึงเมื่อเช้านี่เองไม่ใช่หรือไงโทมัส จอห์นพูดถากถาง ถามอย่างหาเรื่องเต็มที่ เขามองเสื้อของโทมัสอย่างไม่ชอบใจนักที่เห็นรอยเปื้อนขนาดใหญ่

    เอาน่า...เอาน่า นายก็ไวยวายอยู่ได้ ไอ้โทมัสมันไม่เห็นว่าอะไรเลย”  วิชัยปราม

    นายก็ใจดีเรื่อยเลยวิชัยเสียงจอห์นยังคงโวยวายไม่เลิกเขาปัดมือของรันที่กำลังเช็ดเสื้อให้โทมัสออกอย่างแรง

    ทำให้ใบหน้าขอรันแดงระรื่นขึ้นเนื่องจากความรู้สึกผิดไม่ใช้เพราะเจ็บที่มือเลยสักนิดถึงมือเธอจะดูแดงเป็นปื้นเพราะแรงกระทบจากมือของจอห์น แถมยังมีคนคอยตอกย่ำความผิดของเธอให้ลึกลงไปเสียอีก

    “หนอย นี่”

    วันนี้มันวันซวยอะไรกันนักนะ

    มาเรียไม่พอใจที่เห็นจอห์นทำแบบนั้นกับญาติเธอ มันทำให้เธอฉุนมาก แต่ดูเหมือนพวกคนกลุ่มนี้จะไม่สนใจเธอเลยสักนิดเดียวเหมือนเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย

    แล้วนั่นโทมัส มันเป็นบ้าอะไรของมันวะตาค้างเชียว

     จอห์นตบไหล่โทมัส เขามองตามสายตาเพื่อนจึงได้รู้ว่าทำไมโทมัสมันถึงต้องนิ่งเงียบ

    ให้ตายโทมัส...”

    “สวยว่ะ

     เสียงอุทานเบาๆหลุดออกจากปากของจอห์น ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่ร่างของรันที่อยู่ตรงหน้าของโทมัส สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ สาวน้อยแสนสวยร่างบางแสนงามยืนเด่นสง่า ในมือของเธอถือผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนน้ำผลไม้ที่ทำหก ใบหน้าแดงก่ำ สาเหตุที่ทำให้ใบหน้างามแดงได้ขนาดนั้นก็คงเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและการโวยวายของจอห์นอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขารู้แล้วว่าทำไมโทมัส ถึงได้ตะลึงนิ่งอยู่เหมือนคนเป็นบ้าใบ้

    โทมัสนายจะว่าไง... วิชัยถามเพื่อนเสียงเรียบ

    ฉันขอโทษฉันไม่ทันระวัง

     รันขอโทษขอโพยสียงสั่น เธอประมาทไปเอง ที่ทำให้เสื้อเขาเลอะไปหมด ไม่ผิดเลยที่พวกเขาจะพากันโกรธอย่างนี้

    เอาน่ารันเธอไม่ได้ตั้งใจเสียเมื่อไหร่ล่ะ

    เสียงมะนาวไม่มีน้ำของมาเรียดังขึ้นปลอบใจเพื่อน  เธอไม่เข้าใจนักว่าเรื่องแค่นี้มันจะอะไรกันนักหนาก็แค่ทำน้ำผลไม้เลอะแค่นิดเดียว คนระดับพวกเด็กบ้านี่ก็คงหาชื้อใหม่ได้สบายๆ

    แต่มาเรียฉันทำเขาเลอะเสียงเล็กสั่นไหว แหบพร่าอย่างประหม่าดังลอดออกมาไม่ดังนัก

    ก็เธอไม่เห็น เด็กพวกนี้สิต้องหลบเธอ เขาน่าจะเห็นว่าเธอเดินมา พวกเขาเองนั่นแหละควรจะหลบเธอ

    “คงคิดว่าตัวเองใหญ่ชะเต็มประดา เลยไม่คิดจะหลบใคร”

    “หรือหลบใครไม่เป็นก็ไม่รู้”  มาเรียพูดอย่างเอาเรื่อง แกมหมั่นไส้

    อ้าวเจ๊..ไหงงั้นล่ะ   จอห์นโวยใบหน้าหวานหล่อของเขามองหน้ามาเรียอย่างเอาเรื่อง

    แล้วมันจริงมั๊ยล่ะ

     มาเรียยังคงตอกกลับ เธอไม่ค่อยชอบเด็กโข่งขี้เต๊ะกลุ่มนี้นักหรอก เธอรู้จักนิสัยพวกเขาดี ไอ้พวกลูกหลานมหาเศรษฐีระดับโลกมองไม่เห็นหัวใคร แถมยังอวดดีคิดว่าพวกตัวเป็นนักธุรกิจชื่อดัง จึงมาทำเป็นเบ่งใส่คนนั้นคนนี้ทีคงคิดว่าที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยของเพื่อนพวกเขาสินะ

    “ให้ตาย ไม่อยากเชื่อ”  มาเรียทำปากจิจ๊ะไปมาขึ้นจมูก

     แม่เธอเชิญไอ้พวกเด็กบ้าไปงานเลี้ยงที่บ้านชายทะเลปลายสัปดาห์ด้วย เธอล่ะไม่อยากเจอเลยจริงๆไอ้พวกเด็กขี้เต๊ะไม่มีมารยาท แต่ที่น่าหมั่นไส้เด็กขี้เต๊ะพวกนี้เป็นพวกอัจฉริยะชะด้วย ได้รับความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยกันทุกคนแถมแต่ละคนมีธุรกิจระดับประเทศ

    นี่ๆๆนายจำได้เปล่า   ทอมทักขึ้น สะกิดจอห์น

    “ไรของนายทอม”

    ยายนี้ก็อาจารย์ ที่สอนภูมิศาสตร์ไง พวกนายจำหล่อนไม่ได้หรือไง

    อ๋อ ที่สอนภูมิศาสตร์ภายในประเทศ

    วิชัยเสริมจ้องมองใบหน้าสวยอย่างจำได้มีอะไรบ้างถ้าผ่านสายตาเขาแล้วจะจำไม่ได้เพราะเขาได้ขึ้นชื่อเป็นผู้อัจฉริยะด้านความจำมาตั้งแต่ยังเด็ก

    จริงสิ ฉันจำได้”  วิชัยบอก

    นายรู้ได้ไงทอม  จอห์นถาม

    “ก็นายเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์นายจะรู้ได้ไงไอ้บ้า”

    ก็วันนั้นไงที่พวกเรามาวันแรก ในห้องอธิการบดี เขาเอารายชื่ออาจารย์มาให้เราคัดเลือกอาจารย์ตัวอย่างดีเด่นไงเล้า  ทอมบอก

    อ้อ ที่นายบอกยายคนนี้ไม่น่าเชื่อถือไงจอห์น  

    จอห์นพยักหน้า เล่นเอามาเรียที่หน้าชา  ไม่พอใจเหมือนเธอถูกดูหมิ่นว่าตัวเธอไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะได้รับรางวัล

    หนอยไอ้เด็กบ้า”

    “พวกนาย...มันจะมากไปแล้วนะ” 

    มาเรียกรี๊ดลั่นด้วยอาการที่กลั้นไว้ไม่อยู่ ที่ได้ยินคำสบประมาทเข้าเต็มสองหูซึ่งๆหน้า

    “ คิดว่านายเป็นใครกันก็ไอ้พวก...นี่หาเรื่องกันในห้องอธิการบดียังไม่พอใจใช่มะ”

    “ อย่างงั้นได้เลยอย่าคิดนะว่าฉันจะกลัวเด็กบ้าอย่างพวกนาย”   มาเรียชี้หน้าพวกหนุ่มๆ โดยเฉพาะจอห์นที่เธอรู้สึกเกลียดที่สุด

    “นี่เจ๊..พูดดีๆนะใครกันเด็ก”

    “เจ๊หรือเปล่าที่เด็ก”

    “ไอ้เด็กบ้า”

    “ เจ๊เองหรือเปล่าตัวกะเปียกทำเป็นเก่ง”   จอห์นพูดโต้ตอบมาเรียอย่างไม่ลดละ

    “ใครเจ๊นายไม่ทราบ”

    “ ไอ้เด็กเมื่อวานชืน ฉันไปนับญาติกับนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”    มาเรียทำท่ายียวน ใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ

    “ให้ตายยายนี่”

    “มันน่านัก”  จอห์นชักยั๊ว กับท่าทางอวดดีของมาเรีย

    “ทำไม”

    “นายจะทำอะไรฉัน”

    “อีโถ...”

    “   นึกว่ากลัวสินะ”

    “หนอยฝันไปเถอะที่คนอย่างฉันจะกลัว ปลาหมออย่างนาย”

    “ยายนี่”  จอห์นกัดฟันกรอด

    พอเถอะมาเรีย

    รันปรามมาเรีย เพราะเธอเห็นท่าไม่ดีนัก เธอรู้ดีว่าถ้ามาเรียโกรธมันจะเป็นยังไงต่อไป เรื่องคงจะบานปลายไปกันใหญ่ เธอไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้น

    เธอก็อย่างนี้ทุกที   มาเรียหน้าง้ำ

     “นี่นะ”

    “ถ้าไม่เห็นแก่หน้ารันนะนายตายแน่ไอ้เด็กขี้เต๊ะ”   มาเรียกัดฟันกรอดยังไม่วายหาเรื่องต่อ

    ขอโทษค่ะ”

    “ ฉันควรรับผิดชอบเอง”

    “ เดียวตอนเย็นช่วยกรุณาส่งบิลไปให้ฉันที่หอสมุดเก่าห้องวรรณกรรม ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้เอง เพราะถึงยังไงมันเป็นความรับผิดชอบของฉันเอง

    “ไปเถอะยายมา”  รันตัดบทเสียงมั่นคงกว่าเมื่อแรก

     “สวยน่ารักแถมจิตใจดี ว่าไมโทมัส  จอห์นกระทุ้งศอกใส่เพื่อน โทมัสยังคงก้มมองร่างบางตรงหน้านิ่ง

    เฮ้  โทมัสนายว่าไง...  จอห์นร้องขึ้นเพราะเห็นเพื่อนไม่คิดจะทำอะไรนอกจากยืนนิ่งมองหน้าสาวตรงหน้านิ่ง

    อ่อ ...อืม

    เอ้าโว้ยเอา”

    “ อะไรของแกวะโทมัสเอาแต่อ่อ  อยู่ได้  

    ทอมโวยขึ้นบ้างอย่างหัวเสีย ไม่เข้าใจว่าคนอย่างโทมัสจะอะไรนักหนา พวกเขาเคยเจอสาวสวยพราวเสน่ห์มามากเสียจนไม่เห็นต้องมาตะลึงอยู่แบบนี้เลย

    เอาเป็นตามที่ฉันบอกก็แล้วกันนะค่ะช่วยส่งบิลไปแล้วฉันจะจัดการชดใช้ให้รันพูดตัดบท

    ขอตัวนะค่ะ   รันพูดตัดบทก็เดินจากไปกับมาเรีย ปล่อยให้หนุ่มๆมองตามหลัง

    รันเธอนี่มันจริงๆเชียว”

    “เธอ เลิกใจดีไม่เข้าท่าเสียทีจะได้ไหม ฉันล่ะปวดหัวกับเธอจริงๆเห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า ให้ตายสิ

    “โอ้ย...โอ้ย...”   มาเรียร้องตะโกนเสียงดังด้วยความอัดอั่น

    มาเรียยังหัวเสียไม่หายกับพวกเด็กแสบพวกนั้น ถึงเธอจะบอกว่าเด็กพวกนั้นเป็นเด็กแสบแต่ความจริงพวกเขาก็อายุไม่ได้แตกต่างจากพวกเธอมากนัก แถมหุ่นของพวกเขาแต่ละคนเห็นจะไม่ใช่เด็กเสียด้วยซ้ำแต่ละคน สูงใหญ่ล่ำกำยำกันแทบทุกคน แถมยังหล่อเข้าขั้นราดาระดับแนวหน้าที่หาตัวจับยากทีเดียว อีกอย่างเธอก็ไม่เคยเห็นใครหล่อเท่าเด็กพวกนี้มาก่อนเลยด้วย

    เอาน่ามาเรียเธอก็เห็นแล้วว่าฉันผิดที่ไปชนเขาเข้า  รันปรามไม่ให้พูดต่อ

    แล้วไงล่ะก็เธอไม่ได้ตั้งใจนี่ฉันพูดจริงมะ”   มาเรียยังคงแย้งต่อ

    เธอรู้ไหมรันพวกนั้นน่ะลูกหลายใครกัน สุดจะแสบเลยล่ะเธอเอ้ย”   รันตวัดสายตามองเพื่อน

    ใคร... ลูกหลานใครเหรอ  รันถามสายตาคู่สวยตวัดมองหันมองหน้ามาเรีย

    ก็นะ”

    “พวกนั้นนะถูกเรียกว่ากลุ่มเด็กอัจฉริยะ พวกเขาเรียนจบมาจากเมืองนอกนะเธอเห็นว่า มาทำธุระเกี่ยวกับเรื่องอะไรสักอย่างนี่แหละเธอรู้ไหมรัน ตอนที่พวกเขาเรียนแต่ละคนมีอาจารย์ส่วนตัวด้วย พวกเขาสามารถเลือกอาจารย์ที่สอนด้วยตัวเองเลยล่ะ แถมหนึ่งในนั้นก็เป็นลูกชายของเจ้าของสถาบันเคิร์สเตนเบอร์กนี้ด้วยนะ เธอรู้ไหมพวกเขานี่แหละที่บ้านเราเชิญไปร่วมงานเลี้ยงปลายสัปดาห์นี้น่ะ เธอเอ้ยสนุกแน่ๆ   

    มาเรียยิ้มด้วยความหมั่นไส้ให้กับบุคคลที่เธอกำลังพูดถึง

    จริงเหรอมาเรีย ถ้าอย่างนั้นงานนี้ก็ใหญ่มากนะสิ  รันเริ่มวิตกเธอไม่ชอบนักกับงานเลี้ยงใหญ่ๆเธอไม่ชอบพบปะผู้คนมากนักมันดูชอบกลแปลกๆเธอไม่ชอบให้ใครจับจ้อง หรือโดนใครจ้องมอง

    ไม่หรอกรัน”

    “ ก็พวกเด็กนี่เป็นเพื่อนบ้านเราที่บ้านพักตากอากาศกันทั้งนั้น เธอไม่เคยสังเกตเห็นบ้านที่รายล้อมติดกับทะเลหลังใหญ่ๆเรียงกันไปตลอดแนว ฝังซ้ายของบ้านเราก็คือบ้านพวกเด็กแสบพวกนี้ทั้งนั้น           

    รันพยักหน้ารับรู้ เธอเองไม่ค่อยได้ไปบ้านคุณป้ามากนักเพราะไม่อยากเจอกับพวกญาติๆ

    ให้ตาย”

    “  ฉันคิดว่าจะมีความสุขกับงานเลี้ยงคาวนี้แล้วเชียวนะ จะต้องมีมารร้ายมาขัดความสุขจนได้สิ”   มาเรียนบ่นพึมพำอย่างไม่ชอบใจนัก

    ไม่หรอกมาเรีย”

    “ พวกเขาไม่หน้ามาวุ่นวายกับเราหรอก    รันออกความเห็นปลอบ

    ก็ขอให้มันจริงเถอะ”

    “ ฉันเห็นหน้าพวกเขาก็หมดสนุกแล้วล่ะมาเรียทำหน้าเบ้

    เอาน่า   เอาน่า

    “กินเยอะๆจะได้โตไวไว”

    “ย่ะ...ยายแม่แก่เอ้ย”

      

                  

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×