ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Name is Girl friend ฉันเนี้ยแหละผู้หญิงของนาย!!

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 We are Evil girl

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.ย. 54


    1ปีผ่านไป

                    ฉันเดินออกจากคอนโดหรูใจกลางสุขุมวิทย์ในชุดนิสิตถูกระเบียบ และเดินขึ้นรถพอร์ชสีแดงสดของฉันซึ่งคุณแม่เป็นคนซื้อให้เป็นของขวัญที่เข้ามหาลัยดังได้ ตอนนี้ฉันอยู่ปี2แล้วหล่ะ หลังจากที่ขึ้นรถคันหรูแล้ว ฉันก็เหยียบคันเร่งทะยานไปด้วยความเร็วกว่า100กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฉันมีชื่อว่ามิกะเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น แม่ฉันเป็นคนไทยทำงานเป็นปาปารัสซี่ของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ส่วนพ่อฉันที่เป็นคนญี่ปุ่นแท้ก็เป็นเจ้าของโรงงานผลิตรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่มียอดขายเป็นอันดับ1ของเอเชียมาหลายปีซ้อน ฉันอยู่ประเทศไทยเพียงคนเดียว เหตุผลที่ฉันอยู่ประเทศไทยก็เพราะว่าฉันเกิดที่นี่และอยู่ที่นี่จนถึงอายุ14ปี ฉันก็ย้ายไปเรียนญี่ปุ่นแต่เนื่องจากฉันไม่คุ้นสถานที่จึงได้กลับมาประเทศไทยตอนอายุ17ปี ที่แม่ฉันไว้ใจที่จะให้มาอยู่คอนโดคนเดียวเพราะฉันมีเพื่อนที่ดีที่สนิทกันมาตั้งแต่ป.4 แล้ว ปัจจุบันนี้ฉันและเพื่อนๆอยู่ปี2คณะนิเทศวิชาเอกธุรกิจและบริหาร ส่วนวิชาโทคือการแสดง

                    "มิกะ!!ทางนี้จ้า ทางนี้! " โมเมย์ เพื่อนของฉันทักฉันขณะที่ฉันกำลังเดินออกมาจากรถ

                    "มาช้าจริงๆนะ" เซรีน่าเพื่อนอีกคนของฉันทักขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง

                    โมเมย์เป็นเด็กแสบๆแรงๆพอๆกับฉันส่วนเซรีน่าจะเป็นคนนิ่งๆเงียบๆและสวยงามจนมีฉายาว่า'เจ้าหญิงหิมะ' ว่ากันว่าแทบไม่มีใครได้พูดคุยกับเธอเกิน3ประโยคเลยนอกจากฉันกับโมเมย์ จะว่าไป ความจริงแล้วกลุ่มฉันก็ดังอยู่พอตัวนะ ด้วยดีกรีความร้ายกาจและหน้าตาอันพึงประสงค์

                    "แหม!นิดหน่อยเองๆ" ฉันพูดทีเล่นทีจริงอย่างเฮฮา

                    "ฉันว่า..เราเข้าชั้นเรียนได้แล้นะ" เซรีน่าพูดด้วยเสียงเรียบๆและใบหน้านิ่งๆเหมือนเช่นเคย

                    "ค่า!คุณเจ้าหญิงหิมะ" โมเมย์พูดแบบอึนๆเมื่อนึกได้ว่าได้เวลาเรียนแล้ว

                    หลังจากนั้นพวกเราก็เคลื่อนตัวขึ้นไปยังห้องเรียน

                    เมื่อเลิกเรียน

                    "วันนี้พวกเราไปเที่ยวกันมั้ย!?" ฉันถามอย่างเฮฮาเช่นเดิม ทุกคนอยาคิดว่าฉันเป็นเด็กเที่ยวนะ แหม!ก็วันนี้หน่ะอาจารย์สุมิตราให้สอบทั้งวันเลย แถมยังให้เรียนรู้เนื้อหาของปี3อีกด้วย นี้เพิ่งกลางเทอมเองนะค่ะจะเอาเนื้อหาปี3ไปทำอะไร ในเมื่อเจอแบบนี้ก็ควรจะปลดปล่อยกันบ้างสิค่ะ

                    "อืมม..ก็ดีนะ" เห็นมั้ย!เซรีน่ายังพูดแบบนั้นเลย

                    "กรี๊ดๆๆ~ไปเลย ฉันรอเวลานี้อยู่  >< " โมเมย์กรีดร้องอย่างมีความสุข

                    "งั้นเดี๋ยวแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตอนสี่โมงเย็นมารวมตัวกันที่สตาร์บัคหน้ามหาลัยนะ" ฉันบอกเพื่อนๆทุกคน

                    "อื้ม" เซรีน่าก็ยังคงรักษาภาพพจน์เช่นเคย

                    "ขอแรงๆนะทุกคน!!!! " ก่อนจากกันโมเมย์ก็ตะโกนบอกทุกคน

                    ณ คอนโดชั้น21

                    ฉันตัดสินใจเลือกชุดคอร์เซ็ตเพ้นลายแนวพั้งค์ๆกระโปรงบานออกแนวโกธิคนิดๆ ชายกระโปรงสูงเหนือเข่าขึ้นมา1คืบครึ่ง รวบผมสีดำอมน้ำตาลขึ้นสูงจัดแต่งให้ชี้ฟู รองเท้าบูตส้นสูง4นิ้วยาวหนังแท้สีดำ แต่งหน้าหน้าโทนสโมกกี้อาย ทาปากด้วยลิปสีแดงสดของChanal ก่อนออกจากบ้านฉันก็ไม่ลืมหยิบกระเป๋าหนังแก้วสีดำออกมาด้วย

    ณ ร้านสตาร์บัคหน้าโรงเรียน

    "แล้วฉันจะไปไหนดีหล่ะเนี้ย!! นี่เพิ่ง3โมงกว่าๆเอง" ฉันพูดกับตัวเองอย่างหัวเสีย ฉันจึงตัดสินใจเดินข้ามถนนไปห้างที่อยู่ตรงข้ามมหาลัย ฉันเดินเล่นอยู่ในนั้นซักพักเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบจะได้เวลากำหนดนัดเจอกันแล้ว ฉันจึงเดินออกมาจากห้างและข้ามถนนกลับไป ระหว่างที่ฉันกำลังข้ามถนนอยู่นั้น ฉันรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่ฉัน เมื่อฉันหักกลับไปฉันก็พบกับเขาคนนั้น! คนที่ฉันควรจะลืมไปได้แล้วแท้ๆ แต่มันยังฝังลึกอยู่ในจิตใจ คนๆนั้นยังเหมือนเดิมอยู่เลย ดวงตาคมเข้มของเขายังเหมือนเดิม เขากำลังมองมาที่ฉันและมีผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเกาะแขนเขาและเหมือนจะกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่ เธอดูหงุดหงิดซะด้วย แต่เขาไม่สน ฉันก็ไม่สนใจเช่นกัน ณ วินาทีนี้มีแต่เพียงฉันและเขา พวเราจ้องกันอยู่นาน เหมือนโลกนี้มีเพียงเรา2คน เหมือนลมหายใจหยุดนิ่ง เราสองคนที่อยู่บนถนนคนละฝั่ง ก็เหมือนกับความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้ว..

                    "..กะ..มิกะ ยัยมิกะ!!! ได้ยินฉันมั้ยยะยัยหูตึง!! " เสียงที่เล็ดลอดเข้ามาในหูของฉันคือเสียงของโมเมย์ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์

                    "อ่ะ..อื้ม เราไปกันเถอะ" ฉันพูดเสียงเรียบๆเมื่อเห็นว่าโมเมย์และเซรีน่ามายืนรออยู่นานแล้ว เมื่อฉันหันหลังไปที่ๆชายคนนั้นยืนอยู่อีกที ดวงตาคมเข้มของชายคนนั้นฉายแววเศร้าสลดอยู่ช่วงหนึ่ง และก็กลับมาแข็งกระด้างอีกครั้ง และก็มีรถคันหนึ่งขับมา เมื่อรถคันนั้นขับพ้นไป เขาได้หายไปเสียแล้ว... 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×