คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โครงการฟิลาเดลเฟีย
โครงการ "เรนโบว์" (Project Rainbow) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า การทดลองฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia Experiment)
เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 1943 สหรัฐนาวีได้ดำเนินการทดลองงานเทคโนโลยี อย่างหนึ่งที่อู่ทหารเรือฟิลาเดลเฟีย งานทดลองนั้นเกี่ยวข้องกับ ทฤษฎีของไอน์สไตน์ที่มีชื่อเรียกว่า “ยูนิไฟด์ ฟีลด์” (Unified Field Theory) สาระสำคัญของทฤษฎีที่ว่านี้ ก็คือความถ่วง สภาวะแม่เหล็ก และไฟฟ้า ทั้งสามอย่างนี้ควบคุมโดยพลังงานอย่างเดียวกัน ดังนั้นถ้าเปลี่ยนแปลงถ้าเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะแม่เหล็ก กับไฟฟ้า ก็จะสามารถยักย้าย ความถ่วงและมวลสารได้ (แต่ทฤษฎีนี้ไม่สมบูรณ์ แล้วตอนหลังไอน์สไตน์ก็ขอถอน) จุดมุ่งหมายของการทดลอง ครั้งนี้ก็เพื่อ จะหาทางทำให้เรือไม่ถูก เรดาห์ของข้าศึกตรวจจับได้
สนามแม่เหล็กที่ถูกสร้างขึ้นจะทำการเบี่ยงเบนคลื่นเรดาร์ ทำให้คลื่นเรดาร์ไม่กระทบลำเรือและสะท้อนกลับไปยังตัวรับสัญญาณ ข้าศึกจึงไม่สามารถใช้เรดาร์ในการตรวจจับเรือรบดังกล่าวได้ ไม่เพียงแต่เท่านั้นสนามแม่เหล็กยังได้หักเหการเดินทางของแสง ทำให้เรามองไม่เห็นมันอีกด้วย ซึ่งหลักการดังกล่าวเหมือนกับการที่เราเห็นภาพลวงตาบนท้องถนนในวันที่แดดแรง (Mirage)
9.00 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม ขณะที่เรือพิฆาตคุ้มกันของนาวีสหรัฐชื่อ เอลดริดจ์ (Eldridge) หรือ ดีอี173 (USS Eldridge - DE-173)ซึ่งได้ติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า ไทม์-ซีโร่ เยอเนอเรเตอร์ (Time Zero Generator) และเครื่องกำเนิดแม่เหล็กไฟฟ้าอีก 4 เครื่อง กำลังแล่นทดลองอยู่ในทะเลนั้น พลันก็ปรากฏหมอกควันสีเขียวจาง ๆ ห่อหุ้มเรือ แล้วเรือเอลดริดจ์ก็หายวับไปจากสายตาของบรรดานายทหารเรือชั้นสูงที่เฝ้าดูการทดลองครั้งนี้อยู่ แต่น่าประหลาดที่ยังคงแล เห็นเหมือนรอยท้องเรือ เป็นร่องลึกลงไปในน้ำ ยี่สิบนาทีผ่านไปเรือเอลดริดจ์ก็กลับมา ให้เห็น อีกครั้งหนึ่ง
เรื่องไม่เพียงแต่แค่นี้ พวกลูกเรือบนเรือเอลดริดจ์คล้ายจะเป็นบ้า วิ่งกันให้พล่าน พร่ำส่งเสียงที่ฟังไม่เป็นภาษา บางคนมีอาการเหมือนเมาเหล้าส่งเสียง หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่พวกที่เฝ้าสังเกตการณ์ สามารถมองเห็นพวกเขาได้นั้น พวกลูกเรือกลับบอกว่าเขามอบไม่เห็นใครเลย และหลายคนยังบอกอีกว่า พวกเขาเห็นสถานีทหารเรือที่นิวปอร์ตในรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทดลองถึง
นักวิทยาศาสตร์ผู้รับผิดชอบการทดลองครั้งนี้ ได้คัดค้านขอให้ยุติการทดลองไว้ชั่วคราว เพื่อขอเวลาในการตรวจหาสาเหตุและทำการแก้ไขเสียก่อน
หลังจากที่ ดร.จอห์น ได้แก้ไขเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กแล้ว การทดลองเรือรบล่องหน ก็เริ่มขึ้นอีกครั้งในวันเส้นตายที่กองทัพเรือ
กำหนดไว้ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1943 ลูกเรือชุดใหม่ได้ขึ้นประจำการบน เรือพิฆาตเอลดริจ เครื่องสร้างสนามแม่เหล็กเริ่มทำงาน
เวลาผ่านไปราว 60 วินาที ทุกอย่างดูไปได้สวย เรือพิฆาตเอลดริจ เริ่มหายไปจากจอเรดาร์ แต่ก็ยังสามารถมองเห็นเป็นรูปโครงเรือลางๆ ได้ด้วยตา แต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างสีฟ้าวาบขึ้น!
ตามข่าวว่ามีเรือสินค้าอีกลำชื่อเรือมาเลย์ (SS Maley) ที่บังเอิญอยู่แถวนั้นก็พลอยเห็นเหตุการณ์ไปด้วย แล้วก็อีก ผู้เฝ้าสังเกตการณ์ แลเห็นหมอกสีเขียว ปรากฏขึ้นอีก
เรือพิฆาตเอลดริจ ได้หายไปจากน่านน้ำ!
ดร. จอห์น เริ่มมีอาการระส่ำระสาย เขาไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้แก้ไขเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กแล้ว แต่ทำไมเหตุการณ์เดิมยังเกิดขึ้น พวกเขาพยายามส่งวิทยุติดต่อกับเรือพิฆาตเอลดริจ แต่ก็ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด
ราว 4 ชั่วโมงต่อมา เรือพิฆาตเอลดริจก็กลับมาปรากฏตัวขึ้นที่เดิม เสาอากาศขนาดใหญ่ที่ใช้ รับ-ส่งคลื่นวิทยุหักโค่นลง
เหล่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างก็รีบรุดไปที่เรือพิฆาตเอลดริจทันที เมื่อไปถึงเรือพวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่พบ
ร่างของลูกเรือ 2 คน ถูกดูดจนตัวติดกับพื้นเรือ เหมือนประหนึ่งว่าร่างกายของเขาเป็นโลหะชิ้นหนึ่ง เช่นเดียวกับ
ลูกเรืออีก 2 คน ที่ถูกผนังเรือดูดเข้าไปจนติดเป็นส่วนหนึ่งของผนัง ส่วนลูกเรือคนที่ 5 นับว่าโชคดีหน่อยที่เพียงแค่
แขนข้างหนึ่งของเขาเท่านั้นที่ติดอยู่กับผนังเรือ เขายังมีชีวิตอยู่เพียงแต่ว่าต้องตัดแขนเขาเพื่อแยกตัวเขาออกจากผนังเรือ
ลูกเรือหลายคนถูกไฟไหม้ตามร่างกาย และทุกคนมีอาการสติแตก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จะมีก็แต่ลูกเรือที่ประจำการ
อยู่ในห้องด้านล่างของตัวเรือเท่านั้นที่ไม่ได้รับอันตราย และหนึ่งในนั้นก็คือ อัลเฟรด เบเลก (Alfred Bielek)
ผู้ที่เปิดเผยเรื่องราวการทดลองครั้งนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ความคิดเห็น