ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    moonlight secret

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 เงาจันทรา

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 48


    บทที่ 2 เงาจันทรา



    ดวงจันทร์สีเหลืองนวลลอยเด่นอยู่เหนือฟากฟ้าสีรัตติกาล



    บางครั้งวิเวียนก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนั้น ช่างคล้ายกับดวงจันทร์เหลือเกิน



    เหงาหงอย…. โดดเดี่ยว…. มีเพียงดวงดาวที่คล้ายกับคนแปลกหน้ารายล้อมมากมาย และดวงดาวเหล่านั้นกำลังดูดกลืนแสงสว่างในตัวเธอ



    เมื่อยังมีแสงสว่าง …. เธอก็ย่อมมีค่า….



    …แต่ถ้าเกิดแสงสว่างเหล่านั้นหายไปละ ….



    เธอจะยังมีค่าพอที่จะให้ใครนึกถึงอีกมั้ย…?



    โดยเฉพาะเค้าคนนั้น …. เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินอันแสนอ่อนโยน



    ไม่มีทาง วิเวียนส่ายหัว ยิ้มให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง บางสิ่งบางอย่างไม่สามารถครอบครองได้ ข้อนี้ตัวเธอรู้ดีที่สุด บางครั้งยิ่งฝืนยิ่งทำให้เจ็บ



    สายลมอ่อนๆ พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้หญิงสาวต้องสยิวกายกับความหนาวเย็นที่แทรกเข้าไปคล้ายมีดกรีดแทงขั้วหัวใจ



    ราตรีอันแสนยาวนาน…







    “จะไปไหนของเธอ”



    เสียงของคาโลเรียกให้เฟรินหยุดค้างกึกตรงลูกบิดประตู อดด่าตัวเองไม่ได้ที่ไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน



    นึกว่าหลับกันหมดแล้ว



    จอมกระล่อนหันมายิ้มแหยๆ ผิวปากเป็นทำนองเพลงมาร์ช



    “คือ พระจันทร์สวยดีน่ะ ฉันเลยอยากไปเดินเล่นชมจันทร์ซะหน่อยง่ะ”



    เจ้าชายเลิกคิ้ว



    ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันสนใจ อยู่ๆก็ลุกขึ้นมาเดินชมจันทร์ พิลึกชะมัด



    เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ว่าอะไร อดีตหัวขโมยก็เลยได้โอกาสแว้บไปทันที



    เสร็จตู เฟรินนึกอย่างยิ้มย่ามใจ แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้ลมหายใจหยุดกึก



    “เดี๋ยว ฉันจะไปด้วย”







    ร่างชายหนุ่มผมดำกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ตรงหน้าต่างทรงสูงของปราสาท นัยน์ตาสีม่วงเหม่อลอยไปไกล ในห้วงคำนึงคิด



    คิลรู้สึกประหลาดใจ… และรำคาญใจเป็นที่สุด ว่าทำไมเค้าถึงหาคำตอบเมื่อตอนกลางวันไม่ได้



    เรนอนน่ารัก ใช่ น่ารักมากๆ



    เค้าเริ่มคบกับหล่อนเมื่อปลายปีที่แล้ว และพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด



    แต่… มันคือรักหรือเปล่า



    หล่อนอาจจะอ่อนหวาน นุ่มนวล ทำอาหารเก่ง ช่างเอาใจ มันเลยยิ่งน่าแปลกใจเข้าไปอีกว่าทั้งที่หล่อนสมบรูณ์พร้อมขนาดนี้แล้ว ทำไมเค้าถึงไม่รักหล่อน



    ทำไม…?



    นี่อาจเป็นปัญหาที่เค้าขบคิดไปจนวันตายก็ไม่มีทางเข้าใจ







    “นายจะตามมาทำไม”



    เฟรินถามเสียงสูง หลังจากพยายามสลัดไอ้เจ้าชายน้ำแข็งเฮงซวยมาแล้วหลายรอบ



    “เปล่า ฉันแค่เดินตามทางของฉัน” คำตอบของอีกฝ่ายเรียกอารมณ์โมโหของหัวขโมยให้ครุกกรุ่น



    “ถึงแกจะเป็นแฟนฉัน ก็ไม่มีสิทธิ์มาสะกดรอยตามฉันนะ” เจ้าตัวจอมโวยเริ่มออกนิสัย ทำให้เจ้าชายแห่งคาโนวาลถอนหายใจเฮือก



    บางทีเขาอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อดัดนิสัยเฟรินก็ได้



    ร่างสูงสง่าของเจ้าชายหยุดกึก เหมือนพึ่งนึกอะไรออก เอ่ยถามตรงไปตรงมา



    “เธอจะไปหาวิเวียนหรือเปล่า”



    เฟรินยักคิ้วแผล็บเป็นคำตอบ สะบัดมือไล่คนตรงหน้า



    “รู้แล้ว ก็ไปซะทีดิ ผู้หญิงเค้าจะได้คุยกันตามประสาผู้หญิง”



    แต่เจ้าชายมาดน้ำแข็งกลับพูดขึ้นดื้อๆ



    “ฉันจะไปด้วย” คำประกาศจากเจ้าชายคาโลที่ทำให้เฟรินไม่กล้าขัด เพราะนัยน์ตามันเป็นประกายวาววับชอบกล







    เสียงอ้อมแอ้มขออนุญาตดังขึ้นกลางดึก กลัวว่าจะเป็นการรบกวนหากแต่บุคคลภายในห้องกลับเอ่ยอนุญาตด้วยเสียงราบเรียบไม่เหมือนกับคนที่ถูกรบกวนกลางดึกเลย



    ประตูแง้มออกเบาๆ แล้วร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนก็ก้าวผ่านองครักษ์เข้ามาภายในห้อง ตามด้วยเจ้าชายผมเงินที่ยืนยันว่าจะมาด้วยให้ได้



    ดูเหมือนวิเวียนจะแปลกใจเล็กน้อยที่มีเจ้าแห่งคาโนวาลมาด้วย



    “ท่านพี่หญิง เจ้าชายคาโล…” ดวงหน้างามมีแววฉงนเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มสง่างาม….



    เปลี่ยนไปเยอะจริงๆ เฟรินหมายเหตุไว้ในใจ แต่ดวงหน้ากลับฉีกยิ้มกว้างเป็นการตอบรับ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาทรงเกือกม้าสีดำสนิท



    คาโลไม่นั่ง กลับยืนมององค์จักพรรดินีตรงหน้าด้วยนัยน์ตาคมปลาบ



    ปกติผิวของวิเวียนก็ขาวอยู่แล้ว และยิ่งขาวจัดเมื่ออยู่ในห้องที่มีไฟสลัวๆ แสงจันทร์สาดส่องเข้ามากระทบ ขับความงดงาม ยิ่งทำให้หญิงสาวแทบจะเปล่าประกายสีทองนวลได้



    สมกับเป็นจักพรรดินีแล้วสินะ คาโลคิด ก่อนจะเบียนสายตามาที่เจ้าหญิงอีกองค์ภายในห้อง คนนี้สิ ฝึกเท่าไรก็ไม่เป็นสักที



    “ยินดีที่ได้พบอีกครั้งค่ะ ต้องรบกวนพี่หญิงมายามวิกาลเพราะตอนเช้าเราไม่สู้จะมีเวลานัก” บทสนทนาแรกจากวิเวียน น้ำเสียงทั้งนุ่มนวลอ่อนหวาน



    ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมคิงริชาร์ดถึงหลงนักหลงหนา ผู้ชายที่ไหนจะอดใจไหว ดีที่เธอเป็นผู้หญิงมาหลายปีแล้ว ไม่งั้นอาจจะต้องตกบ่วงมนตร์สเน่ห์ของเจ้าหล่อนไปโดยปริยาย



    คิดแล้วก็เหลือบตาไปข้างๆอย่างไม่สบาย ไม่แน่ใจว่าไอ้คุณเจ้าชายจากคาโนวาลมันจะหลงสเน่ห์หรือเปล่า หากดวงหน้าหล่อหลาปานรูปสลักยังคงเฉยชาเป็นเนื่องนิจ



    “กลางคืนยังอีกยาวนาน” เฟรินเปรยขึ้น “เจ้าหญิงมีเวลาคุยกับผมอีกเพียบ”



    ศอกของเจ้าชายน้ำแข็งกระทุ้งหลังเข้า



    “หมายถึง ฉัน นะ”



    ศอกของคาโลกระทุ้งอีก คราวนี้หมายถึง อีกคำหนึ่ง



    “คือ องค์จักพรรดินี ค่ะ” พูดเสร็จก็หันไปถลึงตาค้อนคนตัวสูงกว่าด้วยสายตาที่แปลความหมายได้ว่า พอใจหรือยัง



    หากเสียงสรวลเบาๆ ขององค์จักพรรดินีวัยเยาว์ ทำให้เฟรินระบายรอยยิ้มที่มุมปาก เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างสบายใจ



    เอาน่ะ… ยกโทษให้คาโลมันสักวันแล้วกัน



    “อยู่กับผม เจ้าหญิงพูดตามสบายก็ได้ ไม่ต้องใช้พวกศัพท์ยากๆ หรอก”



    ศอกของคาโลกระทุ้งเข้าเต็มอัก เล่นเอาคนถูกศอกหน้าเบ้เพราะความจุก



    …ก็ดันไปแย่งบทพูดของวิเวียนเอาซะดื้อๆ กรรมการคุมระเบียบก็เลยถองเข้าให้ดังปึ้ก…



    คราวนี้วิเวียนหัวเราะออกมาตรงๆ ดวงหน้างดงามประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย…



    จริงใจ และสวยงาม…



    อาจเพราะเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มของวิเวียนทำให้เฟรินไม่ติดใจเอาโทษกับกรรมการคุมระเบียบ…



    …ซึ่งก็เป็นโชคดีของเขา…







    “จริงเหรอคะ” เสียงหวานทวน คิ้วเรียวยาวเลิกขึ้นสูงจนแทบหายไปในเรือนผมสีทองสลวย



    “จริงสิ” เฟรินยิ้มร่า เมื่อเห็นท่าทางของน้องหญิง(ที่น่าจะสูงเท่าเธอแล้ว)มองด้วยสายตาอันตื่นเต้นกับเรื่องจริงปนโม้ที่เธอเก็บเอามาเล่าเมื่อตอนอยู่ปีห้า ….ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโม้เสียมากกว่า



    “แล้วพี่หญิงหนีออกมาได้ยังไงคะ” ถามเร็วบรื๋อ ทำให้คนเล่าต้องโบกมือจุ๊ๆ หัวเราะหึๆ อย่างเป็นต่อ



    ให้ตายสิ ไปเล่าให้เจ้าครี้ดฟังมันยังไม่เชื่อเลย แต่องค์จักพรรดินีแห่งเวนอลดันเชื่อซะได้



    ความคิดที่ต้องเก็บไว้ขำคนเดียวเพราะนัยน์ตาสีเขียวมรกตนิ่งเพื่อรอคำตอบอยู่



    “ผม..” เสียงสะดุด ตามจังหวะของศอกที่กระทบ เลยจำใจต้องใช้สรรพนามใหม่



    “พี่ก็เลยเรียกคทามาไว้ในมือ” ไม่ว่าเปล่าทำท่าทางให้ดูเสียด้วย “แล้วร่ายเวทย์ย้อนเวลาใส่มันซะเลย”



    องค์จักพรรดินียังปรบมือให้กับเรื่องเล่า(ปนโม้)ของมัน



    …แต่เจ้าชายกลับสอดเสียงเย็น…



    “ประสาท เวลาแค่นั้นจะพอร่ายเวทย์ย้อนเวลาได้ยังไง”



    วิเวียนหัวเราะอีก…



    คนเล่าชักมีอารมณ์ นี่มันจะขัดขากันไปทุกเรื่องหรือไง



    เห็นทีหลังจากคุยกับวิเวียนเสร็จ ต้องอบรมกันด้วยแข้งหน่อยแล้ว







    วิเวียนยิ้ม…และหัวเราะ



    หลายปีแล้วที่เธอไม่ได้ยิ้มหรือหัวเราะอย่างจริงใจและสนุกสนานเท่านี้มาก่อน



    …มันช่วยทำให้เธอลืมความกลัวเรื่องการแต่งงานไปได้บ้าง…



    อย่างน้อยก็ยังสบายใจกว่าทุกคืน…



    “แล้วคู่หมั้นของวิเวียนคือใครกัน” เฟรินถามขึ้นลอยๆ ตามนิสัย พร้อมกับศอกที่จิ้มเข้ามาทันที แต่เจ้าตัวดีขยับตัวหลบทัน



    …มาแล้ว… วิเวียนคิด เธอรู้ว่ายังไงพี่หญิงก็ต้องถามเรื่องสวามีของเธอ แต่เธอไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วเพียงนี้ เธอยัง…



    …ทำใจไม่ได้เลย…



    สายตาคาดคั้นของอีกฝ่ายทำให้วิเวียนรู้สึกอึดอัด แล้วอากาศรอบตัวก็พลันร้อนอบอ้าวขึ้นมาเฉยๆ



    เหมือนเวลาจะหยุดลง เมื่อเจ้าหญิงผู้ขึ้นเป็นจักพรรดินีเอ่ยชื่ออันแสนคุ้นเคยออกมา



    “เจ้าชายแห่งคาโนวาล”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×