ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The first fantasy(My School)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 การเริ่มต้นที่แท้จริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 63
      0
      12 เม.ย. 54

    Frist fantasy (My school)

    บทที่ 1 การเริ่มต้นที่แท้จริง

                    สองปีผ่านไป

                    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเทายาวถึงกลางหลังในชุดสีดำรัดรูปเวลาสองปีที่ผ่านมาช่วยขัดเกลาความสามารถของเขาให้อยู่ในระดับสูงสุด สัญชาตญาณที่แหลมคมชนิดที่ว่าได้ยินเสียงใบไม้แตะพื้นความสามารถทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเหล่ารัฐบาลโลกจริงๆเพราะว่ารัฐบาลโลกได้สั่งจับเป็นเขาเมื่อสองปีก่อนจนปีที่แล้วที่สั่งจับตายทำให้ความสามารถเพิ่มขึ้นทั้งไหวพริบและปฏิภาณเป็นเลิศ

                    ป๊อกๆๆ วี๊ด

                    “มันอยู่ทางนั้นตามไปเร็ว”ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีชัยก่อนจะเดินกลับไปทางตรงกันข้ามกับพวกที่วิ่งไป       เมื่อครู่คือหินที่สัมผัสกับตัวเขานานๆทำให้หินนั่นมีความสามารถคล้ายๆกับตัวเขาคือทำให้เครื่องนั่นร้องเหมือนกัน ชายหนุ่มนัยน์ตาเทาเดินออกมาภายนอกอาคารที่ปิดร้างเบื้องหน้าเป็นงานที่ชุลมุนไม่น้อย

                    “สองปีกับอีกหนึ่งวันสินะ”ชายหนุ่มพึมพำเบาๆกับตัวเองใช่แล้ววันนี้เป็นวันเกิดครบรอบ15ของเขาชายหนุ่มหลับตารำลึกความหลังเพียงไม่นานเพราะว่ามีสิ่งรบกวน

                    “หนูๆ”ชายชราคนหนึ่งเรียกเขาด้วยภาษาอังกฤษคลาวด์จึงหันไปหาพร้อมปั้นรอยยิ้มให้

                    “มีอะไรหรอครับ”คลาวด์ถามและสังเกตเห็นชายชรายื่นเครื่องรางที่เหมือนกับจี้ที่เขาสวมอยู่เพียงแต่ว่าของเขาเป็นสีแดงส่วนที่ชายชรายื่นให้นั้นเป็นสีน้ำเงินที่ดูแล้วน่าจะมีราคาไม่น้อยให้

                    “ของหนูรึเปล่า”ชายชรายิ้มอย่างเป็นมิตรให้ คลาวด์ส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ใช่รึ นี่มันตราของตระกูลดรากอนอายไม่ใช่รึไงกัน”เขาพูดพึมพำเบาๆทว่าด้วยประสาทสัมผัสทำให้เขาได้ยินอย่างชัดเจน

                    “หมายความว่าไงครับ”รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปแล้วสีหน้าเคร่งเครียดไม่น้อย ใช่ว่าทุกคนจะรู้นามสกุลของเขาซักหน่อย...จริงๆแทบจะไม่มีใครรู้เลยยกเว้นพวกรัฐบาลโลกที่กำลังตามล่าเขาเพราะอะไรซักอย่างที่เขาเก็บไว้...แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

                    “อ๋อ เข้าใจแล้ว หนูรับนี่ไปเถอะมันเป็นของหนูแล้วและเมื่อถึงเวลาหนูจะรู้เองว่าทำไมถึงได้มันมา”ชายชรายิ้มให้ก่อนจะเดินหายไปในฝูงชนคลาวด์ทำท่าจะเดินตามไปแต่ว่าเสียงตะโกนอันคุ้นเคยกลับดังขึ้นเขาจึงจำใจต้องเร้นกายหายไปพร้อมกับคลื่นที่มีชีวิต

                    ในโรงแรมแห่งหนึ่งที่เป็นดังบ้านของเขา ที่นี่เป็นหนึ่งในโรงแรมสาขาของเมจเพื่อนสาวร่วมห้องของเขาที่อยู่มากว่า6ปี จึงไม่มีการเปิดเผยที่อยู่ของเขาอย่างเด็ดขาดพนักงานส่วนใหญ่ยังไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่นี่เพราะได้รับคำสั่งว่าให้วางกุญแจไว้ตรงนี้ตรงนั้นแล้วพอคลาวด์เข้ามาก็เข้าพร้อมกับฝูงชนเพราะที่นี่เป็นร้านอาหารชื่อดังด้วยจึงแทบไม่มีใครจำหน้าเขาได้เลย

                    “อะไรกันนะ”ชายหนุ่มบ่นลอยๆ หลับตาก่อนจะนวดมันเบาๆ ปีที่แล้วเขายังคุยโทรศัพท์หาเพื่อนอยู่เลยแต่ตอนนี้ถ้าอยากมีชีวิตก็อย่าแตะโทรศัพท์เด็ดขาดอารมณ์ความเครียดสะสมมันจุกแน่นอยู่ที่อกถ้าพูดตามจริงเขานอนหลับไม่สนิทมาตั้งแต่ขึ้นเครื่องเมื่อสองปีที่ก่อนแล้วด้วยคลาวด์ล้วงกระเป๋าเพื่อตรวจความเรียบร้อยก่อนที่จะนำผ้าไปซักเพราะเขาคงพักอยู่ที่นี่อีกได้ไม่นานนักพวกมันเริ่มจะตรวจโรงแรมเข้ามาใกล้ทุกทีแล้ว

                    นิ้วของชายหนุ่มสัมผัสกับบางอย่างที่กลมๆและมันๆจึงนำออกมาดู...เครื่องรางที่ลุงคนนั้นให้มานั่นเอง เมื่อถึงเวลางั้นเรอะ เหอะเบื่อคำนี้จริงๆ

                    แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่ว่าล่ะ ชายหนุ่มปล่อยให้ความคิดล่องลอยอยู่สักพักก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ลืมถอดจี้ก่อนระหว่างการอาบน้ำจี้ทั้งสองได้เข้ามาใกล้กันราวกับมีมือปริศนาจับมันขยับก่อนจะเปล่งแสงราวกับชิงว่าใครสว่างที่โดยที่คนที่อยู่ในห้องน้ำไม่ได้รู้สึกแต่อย่างใด

                    ทันทีที่เสียงน้ำหยุดลงแสงที่เปล่งออกมาก็หยุดลงเช่นกันผ่านไปอีกราวๆ2-3นาทีร่างของชายหนุ่มก็เดินออกมา

                    คลาวด์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่5.00เพื่อรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดและก่อนจะนอนก็พบว่าตอนนี้เวลา9:59PMแล้ว “นอนดึกแฮะวันนี้”เมื่อบ่นกับตัวเองเสร็จก็ล้มตัวลงนอนทันทีเมื่อนาฬิกาขึ้นเลข 10:00PM เครื่องรางที่ได้รับมาและจี้ของชายผมเทาก็เปล่งแสงอีกครั้งความสว่างที่เห็นชัดเจนแม้จะห่างไปหลายร้อยเมตร ส่งผลให้ชายชราที่มอบของให้แย้มยิ้มอย่างยินดีก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย...

     

     

                    แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนของชายหนุ่มบ่งบอกว่าเลยเวลาที่ตั้งปลุกมากว่าชั่วโมงแล้ว ทันทีแสงแรกของยามเช้ากระทบกับเปลือกตาชายเจ้าของตาสีเทาก็ลุกพรวดขึ้นมาราวกับต้องของร้อน

                    “ยินดีต้อนรับกลับบ้านขอรับ/เจ้าค่ะ”เสียงร้องประสานของคนกว่า50ทำให้ชายที่พึ่งลุกขึ้นจากเตียงสะดุ้งโหยงทันทีก่อนจะลุกขึ้นตั้งท่าเตรียมถอยและสู้ทันที ดวงตาข้างขวาเปล่งสีแดงวาบก่อนจะหายไปกลายเป็นสีเทาดังเดิม

                    “...@}#${%P%{#P**)(<-”ชายหนุ่มที่มีใบหน้าคล้ายกับคนที่มอบเครื่องรางให้เขาพูดขึ้นด้วยภาษาแปลกๆที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนพลางกลั้วหัวเราะเช่นเดียวกับคนอื่นที่พยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่

                    “ที่นี่ที่ไหน”ชายหนุ่มถามเสียงเย็นใบหน้าตื่นตกใจแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบสายตาทอดมองทุกคนในห้องนี้อย่างเย็นชาจิตสังหารบางส่วนหลุดรอดออกมาจากการควบคุมทำให้บางคนเริ่มมีอาการกลัวกันบ้างแล้ว

                    “นายท่าน ไม่ต้องกลัวไปหรอกขอรับ ที่นี่คือบ้านของตระกูลดรากอนอาย ที่ถูกสร้างตั้งแต่รุ่นของบรรพบุรุษท่านไงขอรับ”ชายชราผู้ที่มอบของให้คลาวด์เดินเข้ามาภายในห้องช้าๆพร้อมกับหญิงชราอีกคนดูแล้วน่าจะเป็นหัวหน้าพ่อบ้านกับภรรยา “ผมเซบาสเตียน หัวหน้าพ่อบ้านแห่งคฤหาสน์ตามังกรขอรับ”ชายชราเมื่อพูดจบก็โค้งคำนับให้ชายหนุ่มโดยที่พ่อบ้านทุกคนก็ทำตามทั้งหมด

                    [เซบาสเตียน ชายชราผมขาวดวงตาสีเขียวเข้มทอประกายแห่งชีวิตอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าไม่เหี่ยวอย่างที่ควร]

                    “ใช่แล้วเจ้าค่ะ ดิฉันเกรล หัวหน้าแม่บ้านแห่งคฤหาสน์ตามังกรเจ้าค่ะ”หญิงชราที่เดินมาด้วยกันกับเซบาสเตียนพูดจบก็ถอนสายบัวให้อย่างงดงามพร้อมกับแม่บ้านทุกคน

                    [เกรล หญิงชราผมสีขาวดวงตาสีเงิน รอยเหี่ยวย่นแทบจะไม่มีให้เห็นเลยดีไม่ดีถ้าไปย้อมสีผมหน่อยก็จะเหมือนหญิงสาวอายุ30-40ได้]

                    “เอ่อ...แล้วตอนก่อนหน้านี้ผมอยู่ที่โรงแรมของเพื่อนผมไม่ใช่หรอ”ชายหนุมถามอย่างไม่แน่ใจนัก เซบาสเตียนพยักหน้า

                    “ท่านฟังผมในตอนนี้รู้เรื่องไหม”ชายหนุ่มรู้สึกถึงภาษาที่เปลี่ยนไปจึงขมวดคิ้ว

                    “คุณพูดว่าอะไรนะ”เมื่อได้ยินดังนั้นเซบาสเตียนจึงหันไปมองเกรลและส่งผลให้หญิงชราเดินกลับไปทางที่เดินมาเมื่อครู่

                    “อีกซักพักท่านจะต้องทานยานะ เพื่อปรับสภาพกับภาษาของที่นี่”คลาวตั้งท่าจะเอ่ยปากถาม “ไม่ใช่ยาที่ทานแล้วจะมีความรู้ใหม่หรอกเพียงแต่ช่วยปรับสภาพคลื่นสมองให้รับความรู้ได้โดยตรงไม่เช่นนั้นปีหนึ่งก็พูดได้ไม่คล่อง ในเครื่องรางของท่านมีความรู้หลายอย่างในการอยู่อาศัยที่นี่”ชายชรายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

                    “สรุปแล้วคือที่นี่คือบ้านของผม แล้วก็ใช้ภาษาที่ผมไม่รู้จัก ที่สำคัญไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของโลกด้วย!!!”คลาวด์สรุปออกมาอย่างเซ็งๆ

                    “ที่นี่อยู่กลางราชอาณาจักรโรฮาน ที่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของโลกแห่งนี้โลกที่มีชื่อว่า...เกรทเวิร์ล!?!”เซบาสเตียนบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนที่ร่างของเกรลจะเดินผ่านประตูเข้ามาเหล่าพ่อบ้านและแม่บ้านที่ออกันอยู่เริ่มทยอยกันออกไปบ้างแล้ว

                    “เกรทเวิร์ล?”ชายหนุ่มทวนคำอย่างไม่เข้าใจ

                    “นายท่านทานยาก่อนสิคะ เผื่อว่าทานแล้วจะเข้าใจอะไรมากขึ้น”หญิงชราบอกขณะที่ยื่นถ้วยน้ำชาอย่างหรูมาให้

                    “ท่าทางพ่อแม่ผมคงจะรวยมหาศาลไม่ก็นี่คงเป็นฝันล่ะมั้ง”คลาวด์บอกยิ้มๆเขาเริ่มปลงแล้ว...จริงๆนะ

                    “ดรากอนอาย เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกรทเวิร์ลเจ้าค่ะ”หญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกับเกรลพูดขึ้น

                    “โอ้ ลืมแนะนำไปนี่คือ ดิมาทัส หลานชายของผมส่วนนั่น เอลล่า หลานสาวของเกรลครับ”เซบาสเตียนบอกก่อนจะผลักชายหญิงทั้งสองมาเบื้องหน้าทั้งคู่มีอายุพอๆกับน่าจะซัก14-15ปีได้หรือก็คืออายุพอๆกับเขา

                    [ดิมาทัส เด็กหนุ่มผมสีดำปะบ่าดวงตาสีส้มทอประกายซุกซนตลอดเวลาในพ่อบ้านดูไม่เข้ากันอย่างแปลกๆ]

                    [เอลล่า เด็กสาวผมสีเงินดวงตาสีมรกตดูแล้วน่าจะเป็นเด็กที่เรียบร้อย สวมชุดเมดสีดำเหมือนกับแม่บ้านคนอื่นๆ]

                    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ/ค่ะ”คลาวด์ระบายรอยยิ้มบรรยากาศอบอุ่นแบบนี้แต่ก็ยังไม่คลายความระวังตัวมากนักในมือถือถ้วยยาที่ได้รับมาโดยไม่ได้นำเข้าปากแม้แต่น้อย

                    “นายท่านทานยาเถอะค่ะ ที่บ้านนี้มีแค่พวกเราสองคนที่พูดภาษาทางนั้นได้นะเจ้าคะ”เกรลร้องบอกอย่างอ่อนใจเมื่อเห็นคลาวด์มองยาด้วยสายตาหวาดระแวง

                    “แล้วที่พูดกันเมื่อกี้”ชายผมเทาเริ่มสะกิดใจแล้วในเมื่อถ้าพูดเป็นแค่สองคนแล้วที่พูดเมื่อกี้มันอะไรกัน

                    “คือนายท่านกับนายหญิงคนก่อนสั่งไว้ว่าเมื่อนายท่านมาถึงให้ใช้คำพูดแบบนั้นและใช้เวลากว่าสัปดาห์กว่าทุกคนจะจำได้เลยนะขอรับ”เซบาสเตียนสนับสนุนโดยมีดิมาทัสและเอลล่ามองหน้ากันอย่างงุนงงและเดินถอยไปที่ประตูแต่ยังไม่ได้ออกไป

                    “ถ้าเกิดมียาพิษขึ้นมาล่ะ”คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบถูกเอื้อนเอ่ยบ่งบอกความไม่ไว้วางใจ

                    “งั้นนี้ค่ะเข็มเงินตรวจพิษได้ในระดับหนึ่ง”เกรลยื่นเข็มเงินแวววาบให้คลาวด์รับมันมาก่อนจะจิ้มลงในถ้วยก่อนจะพบว่าในถ้วยนี้คาดว่าจะปลอดพิษ “ตอนดื่มจะมีอาการวิงเวียนศรีษะเล็กน้อยนะคะ ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาบอกได้นะเจ้าคะ”เกรลบอกอย่างเป็นห่วงคลาวด์จึงกลั้นใจดื่มยาเข้าไปที่เดียวหมดถ้วย

                    ยาเขียวคล้ายๆกับชาเขียวผ่านลิ้นไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับความขมที่มากเกินกว่าจะบรรยายก่อนจะตามมาด้วยอาการวิงเวียนอย่างที่เกรลบอกแต่ว่าเพียงชั่ววูบก็หายไปและมันมาพร้อมกับความรู้ที่อยู่ดีๆก็นึกขึ้นได้ ดวงตาขวาเปล่งประกายสีน้ำเงินของที่เต็มไปด้วยความรอบรู้ราวกับรู้ทุกๆสิ่งในโลกวาบหนึ่งก่อนจะกลับคืนเป็นสีเดิม

                    “บ้าไปแล้ว...มันเกิดขึ้นได้ยังไง”จากที่ในตอนแรกแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่คนพวกนี้พูดเลยแต่ตอนนี้ความคิดนั้นหายไปแล้วความรู้เกี่ยวกับที่นี่หลั่งออกมาจากสมองอย่างรวดเร็วราวกับน้ำป่าก่อนจะหยุดลงเสียดื้อๆ

                    “ยินดีต้อนรับสู่เกรทเวิร์ล...นครแห่งการยอมรับค่ะ”เอลล่าบอกหน้าต่างที่ถูกผ้าม่านปิดอยู่เปิดออกเผยให้เห็นผู้คนมากมายกำลังเดินกันไปมาบ้านที่ดูเหมือนปนเปกันไปหมดระหว่างจากยุคต่างๆที่ได้ผ่านไปแต่กลับเข้ากันอย่างน่าเหลือเชื่อต้นไม้ขึ้นแซมอยู่มากมายถนนเป็นทางหินมีทั้งรถเทียมม้าและสัตว์อื่นๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน บนฟ้ามีรถเทียมเพกาซัสและสัตว์อื่นๆทั้งที่แปลกตาและไม่น่าบินได้บินไปมากันอย่างขวักไขว่

                    [เพกาซัส คิดถึงม้าและเติมปีกแบบนกเข้าไปอ่ะครับ]

                    “ท่าทางฉันบ้าไปแล้วจริงๆด้วย”คลาวด์พึมพำกับตัวเองเบาๆดวงตาจับจ้องที่หน้าต่างอย่างตื่นตระหนก

                    “เอ่อ...นายท่านคนก่อนได้ขอร้องให้พวกเราทำให้นายท่านสมัครเข้าโรงเรียนเมเธอคลัตให้ได้น่ะขอรับดังนั้นใบสมัครอยู่ที่ข้างเตียงนะขอรับ รวมทั้งนายท่านคนก่อนได้บอกไว้ด้วยว่าหากนายท่านสามารถเข้าโรงเรียนได้ซักวันหนึ่งจะได้เจอพวกท่านอย่างแน่นอน”ดิมาทัสพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากประตูไปตามด้วยเอลล่าและหัวหน้าพ่อบ้านและแม่บ้าน

                    “ทำได้แค่ปลงให้ตกสินะ”ชายหนุ่มกระซิบกับตัวเองเบาๆเดินไปที่ใบสมัครที่กรอกไว้เกือบหมดแล้ว

    ใบสมัครโรงเรียนเมเธอคลัต

    ชื่อ:คลาวาโด สกุล:ดรากอนอาย รหัสบุคคล: DGE27

    อายุ: 15 วันเกิด: 29 มีนาคม ศักราชที่5000

    ความสามารถพิเศษ: N/A ธาตุประจำตัว: N/A

    หมายเหตุ: ผู้เข้าสอบสามารถนำอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ในการสอบได้ยกเว้นผู้ที่มีถูกผลกระทบจากเหตุการณ์ต่างๆทำให้ไม่รู้จักวิธีการใช้เวทย์ทางเราจะใช้วิธีสอบอีกวิธีหนึ่ง สอบวันเดียวกับวันที่ส่งใบสมัคร

    กำหนดส่งใบสมัครอีก [-2:00:29:56-]

    วิธีอ่าน[-จำนวนวัน:จำนวนชั่วโมง:จำนวนนาที:จำนวนวินาที-]

    [   Cld     Dre    ]

    ผู้สมัครรับรองเอกสาร

                    [ศักราช เริ่มนับตั้งแต่จบยุคมืด]

                    เทคโนโลยีที่นี่เยี่ยมเลยจริงๆ คลาวด์คิดในใจเบาๆแล้วก็ต้องกรอกแค่ชื่อกับลายเซ็นแค่นั้นเองสบายๆ

                    “นายท่านขอรับ ท่านต้องฝึกใช้พลังเพื่อใช้ในการทดสอบนะขอรับ”ดิมาทัสเปิดประตูเข้ามาเรียกด้วยรอยยิ้มที่แย้มจนแทบปริก่อนจะปิดประตู ชายหนุ่มผมเทาสำรวจห้องเพื่อค้นหาสิ่งๆหนึ่งก่อนจะพบมันอยู่ที่คอของเขาในที่สุด...เครื่องรางทั้งสองรวมทั้งมีดสั้นใสปลอกอย่างดีที่เขาถือว่าเป็นของดูต่างหน้าพ่อและแม่ด้วยโดยที่มีดสั้นวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียงเหนือจากจุดที่วางใบสมัครเล็กน้อยเมื่อเจอแล้วชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้องไป

                    “พลังที่ว่ามันคืออะไรงั้นหรอ”คลาวด์ถามอย่างแปลกใจ

                    “งั้นปู่คงยังไม่ได้บอกสินะขอรับ นครแห่งการยอมรับนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่านครแห่งความเชื่อที่เป็นจริง”ดิมาทัสเดินนำมาที่ลานซึ่งกว้างมากดูแล้วน่าจะเป็นพื้นที่กว้าง500ตร.ม.โดยมีเอลล่ายืนรออยู่

                    “และมีอีกสองชื่อคือนครแห่งเวทย์มนตร์ นครแห่งพลังจิต แน่นอนว่าคนร้อยละ50ของที่นี่ใช้สิ่งที่พูดมาได้”เอลล่าเสริม

                    “ร้อยละ83ของคนที่นี่ใช้พลังจิตได้คนที่ใช้ไม่ได้ร้อยละ50มีความผิดปกติทางสมองอีกร้อยละ50เป็นคนทั่วไปที่ความสามารถทางพลังจิตต่ำมากจนไม่สามารถเรียกใช้ได้”ดิมาทัสเอ่ยเสริมต่อทันที

                    “เวทย์มนตร์ร้อยละ69ของคนที่นี่สามารถใช้ได้ส่วนคนที่ใช้ไม่ได้ส่วนมากแล้วก็เป็นคนปกติทั่วไป”ดูแล้วสองคนนี้คงจะฝึกกันมาดีเรื่องรับส่งคำพูดกันเนี่ย

                    “และสุดท้ายร้อยละ50ของที่นี่สามารถใช้พลังทั้งสองอย่างได้และโรงเรียนเมเธอคลัตเป็นโรงเรียนที่รับสอนคนร้อยละ50นั้นซึ่งจะรับได้เพียง20%ของร้อยละ50เท่านั้นเนื่องจากจำนวนมีมากมายเกินไป”

                    “และที่สำคัญโรงเรียนจะรับเฉพาะผู้ที่มีอาชีพ15-16เท่านั้นในปีแรกและจะไม่เปิดรับในปีอื่นยกเว้นเกิดการย้ายที่อยู่จะเปิดรับในเกณฑ์ที่สูงกว่าเดิม”เอลล่าพูดปิดท้ายก่อนจะยิ้มร่า

                    “ดังนั้นพวกเราต้องฝึกให้ท่านสามารถใช้พลังทั้งสองได้ในระดับเบื้องต้นเรื่องจากท่านพอจะมีพื้นฐานทางความรู้จากเครื่องรางท่านแล้ว”ดิมาทัสยิ้มร่าตามอีกคน

                    “ดังนั้นพวกเราต้องฝึกให้ท่านใช้มันในภาคปฏิบัติได้”ทั้งสองพูดพร้อมกันพลางยิ้มร่า

                    “เริ่มด้วยการตั้งสมาธิจิตใจต้องการสมาธิที่ค่อนข้างสูงในการเรียกใช้ส่วนสมาธิสั้นส่วนใหญ่จะควบคุมได้ไม่เก่งนัก หลังจากที่คิดว่าจิตใจว่างเปล่าไม่ได้คิดอะไรแล้ว ให้นึกถึงอะไรซักอย่างมากๆอย่างนี้”ดิมาทัสพูดจบลูกไฟก็ปรากฏบนฝ่ามือที่ยื่นออกไปเบื้องหน้า “การเรียกไฟถือว่าเป็นพื้นฐานที่ข้าคิดว่าง่ายที่สุด”เด็กหนุ่มแย้มยิ้มอย่างน่ารักออกมา

                    คลาวด์ทำตามอย่างเชื่องช้าประสาทสัมผัสทั้งหมดถูกตัดไปอย่างรวดเร็วมันเหมือนการนอนหลับและไม่เหมือนการนอนหลับในเวลาเดียวแค่รับรู้ว่าตื่นอยู่เท่านั้นเขาคิดว่าเท่านี้คงจะได้จึงยื่นมาเบื้องหน้าคิดถึงไฟจินตนาการว่าเบื้องมือตนมีไฟสีแดงสดที่ไม่ร้อนลอยอยู่ สักพักหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้าๆ เหนือฝ่ามือปรากฏลูกไฟขนาดเล็กลอยอยู่นิ่งไม่ขยับเลยแม้แต่ยามที่ลมพัดแรงและทันทีที่เห็นมัน มันก็ไหววูบและดับไป คงจะเป็นเพราะจิตใจที่เริ่มไขว้เขว

                    “สุดยอดเลยเหมือนกับภาพมายา*เลยอ่ะ”เอลล่าร้องออกมาด้วยความแปลกใจ

                    [ระดับของการใช้จิต มีตั้งแต่ระดับพื้นฐานคือมีควมสามารถต่ำกว่าที่จะเป็นเมื่อเรียกออก กลางมีความสามารถเทียบเท่าหรือใกล้เคียงที่ควรจะเป็น สูง มีความสามารถมากกว่าที่ควรจะเป็น2เท่าขึ้นไป ภาพจิตนการ เป็นระดับที่ต่อจากระดับสูงสามารถควบคุมคุณสมบัติบางส่วนได้ เหมือนมายา เป็นระดับสูงสุดที่สามารถควบคุมให้สิ่งที่เรียกออกมาเป็นไปตามใจ100%]

                    “สมแล้วที่เป็นนายเหนือแห่งดรากอนอายขอรับ”เซบาสเตียนที่โผล่มาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดขึ้น “เอาล่ะเวทย์มนตร์ก็จะเหมือนกันนะครับแต่ว่าง่ายกว่าซักเล็กน้อย”ชายชราแย้มยิ้มให้

                    “เวทย์แก่นแท้อยู่ที่จิตวิญญาณ คนทั่วไปจำเป็นต้องใช้คำร่ายเพื่อสื่อถึงจิตวิญญาณของธรรมชาติและใช้พลังของพวกเขาแต่ว่าอยู่11ตระกูลที่ไม่จำเป็นต้องใช้คำร่ายที่ว่า 10ตระกูลใน11ตระกูลก็คือตระกูลของผู้ครองเมืองถ้าจะพูดอีกอย่างคือทวีปก็ได้”เกรลอธิบายเด็กน้อยทั้งสองเริ่มเดินหลบไปดูเหมือนว่าทั้งสองคงจะไม่ชำนาญด้านนี้

                    “ผมจะสอนวิธีเรียกโดยทั่วไปก่อนนะครับ ขั้นแรกคือใจที่บริสุทธิ์ยิ่งมีความประสงค์ที่เรียกสิ่งนั้นมาสิ่งที่เรียกมาก็จะทรงพลังตาม อ้อแล้วก็ร้อยละ90ของผู้ที่ใช้เวทย์ได้จำเป็นต้องใช้สื่อกลางครับ”เซบาสเตียนอธิบายอย่างใจเย็น

                    “ขั้นต่อไปเป็นการร่ายเวทย์ ยิ่งคำนึงถึงความต้องการมากขึ้นเท่าไหร่ความทรงพลังจะมากขึ้น เวทย์ที่พื้นฐานที่สุดก็คงเป็นเรียกกระสุนเวทย์ล่ะมั้งเจ้าคะ เช่นถ้าเป็นลมก็ให้พูดว่า กระสุนวาโย จงปรากฏ”สิ้นเสียงบอลสีเงินก็ปรากฏบนมือของหญิงชราทันที

                    “ถ้าเป็นไฟก็ให้เปลี่ยนที่วาโย เป็นเพลิงขอรับ”ดิมาทัสเสริม

                    “ในส่วนนี้ถ้าชำนาญมากๆจะเรียกออกมาโดยได้ต้องร่ายได้เจ้าค่ะ แต่แค่มนตร์กระสุนเวทย์ซึ่งเป็นมนตร์พื้นฐานที่สุดเท่านั้น”เอลล่าพูดปิดท้าย

                    “กระสุนวาโย จงปรากฏ”สิ้นเสียงบอลสีเงินเช่นเดียวกับบนมือของหญิงชราก็ปรากฏขึ้นบนมือของเขา

                    “สมกับที่เป็นนายเหนือแห่งดรากอนอายจริงๆ”เซบาสเตียนเอ่ยชมอีกครั้งและบอลอยู่เพียงสองสามวิก็สลายไป

                    “ท่าทางพลังเวทย์จะหมดแล้วนะเจ้าคะ”เกรลบอก “เชิญไปพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ ครั้งแรกก็เป็นอย่างนี้คงจะเหนื่อยมากสินะเจ้าคะ”คลาวด์พยักหน้าตามน้ำไป

                    ทำไมไม่เห็นเหนื่อยเลย ออกจะเป็นปกติเลยด้วยซ้ำ ในใจของชายหนุ่มตอนนี้คิดอย่างแปลกใจ

                    “นายท่านช่วยทานยานี้ด้วยนะเจ้าคะ ยานี้จะช่วยปรับสภาพร่างกายคงจะใช้พลังได้เยอะขึ้นนะเจ้าคะ แต่ว่าหลังจากดื่มแล้วจะรู้สึกง่วงนะคะ”เกรลบอกก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินขึ้นห้องไป ถ้วยยาลอยขึ้นมาหาคลาวด์อย่างช้าในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามที่จะปลงกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่

                    “ครับ”ในครั้งนี้คลาวด์รับมาทานความหวาดระแวงลดต่ำลงมากที่สุดในรอบปีจึงดื่มยาอย่างไม่คิดอะไรและทันทีที่ยาหมดแก้วชายหนุ่มก็สลบลงตรงนั้นในทันที...

    .

    .

    .

                    2วันผ่านไป

                    ชายหนุ่มลุกพรวดจากที่นอนอย่างรวดเร็วหลังจากหมดฤทธิ์ยา ไม่น่าคลายความระแวงเลย นั่นคือหนึ่งในความคิดของเขาในตอนนี้

                    “นายท่านตื่นแล้วหรอ”เสียงร้องขึ้นอย่างงัวเงียของเอลล่าดังขึ้นที่ข้างเตียง...บัดนี้เอลล่าและดิมาทัสนอนอยู่ที่ข้างเตียงเข้าด้วยเตียงขนาดเล็ก

                    “นายท่านวันนี้ต้องไปสอบนะอย่าลืมสิ”ดิมาทัสที่ตื่นตามเอ่ยทัก

                    “นายท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”หญิงสาวในชุดเมดคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “ดิฉันจะไปตามคนขับรถให้นะเจ้าคะ”พูดจบหญิงสาวก็เดินออกจากห้องไปทันที

                    “นายท่านไปล้างหน้าเถอะค่ะได้เวลาไปทดสอบแล้ว”เอลล่าบอกในขณะที่ตนก็สะลึมละสือเต็มที่

                    “ใช่ครับ นายท่านไปล้างหน้าเถอะเดี๋ยวเราจะได้ไปสอบด้วยกัน”พูดจบดิมาทัสกับเอลล่าก็ออกนอกห้องไปด้วยอาการงัวเงีย

                    คลาวด์ยิ้มขึ้นมาทันทีท่าทางเขาจะระแวงเกินไปแล้วจริงๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงลุกขึ้นไปล้างหน้า แปรงฟันด้วยยาสีฟันหน้าตาแปลกๆ

                    “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะนายท่าน”เกรลเอ่ยทักทายชายหนุ่มในชุดที่กระชับและขยับตัวง่ายเป็นชุดที่ใส่มาในวันแรกซึ่งดูเหมือนว่าจะได้ซักแล้ว

                    “อรุณสวัสดิ์ขอรับนายท่าน”เซบาสเตียนที่ยืนอยู่ข้างๆกับเกรลเอ่ยทักทายตามทันที “ผมแนะนำให้สวมชุดคลุมไว้ด้วยนะครับ”คลาวด์พยักหน้ารับน้อยๆก่อนจะรับเสื้อคลุมที่มีตราของตระกูลที่ว่ามาสวม

                    “นายท่านเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”ดิมาทัสเอ่ยทักมาแต่ไกล “เอลล่าอย่าช้าสิ”ดิมาทัสในชุดลำลองและมีเสื้อคลุมที่คล้ายๆกับของคลาวด์สวมอยู่มีสิ่งที่แปลกไปคือมีรูปถุงมือรองอยู่ข้างใต้ด้วย เอลล่าในชุดลำลองที่ดูค่อนข้างเรียบร้อยเดินออกมาพร้อมกับสวมเสื้อคลุมที่มีลักษณะเหมือนของดิมาทัสทุกประการ

                    “ไปได้แล้วสินะขอรับ”เซบาสเตียนพูดขึ้นก่อนจะขึ้นไปนั่งที่ของคนขับรถ

                    “ไม่ได้เห็นนานแล้วนะเนี่ยที่ปู่จะมาเป็นคนขับรถเนี่ย”ดิมาทัสพูดพลางยิ้มร่าออกมาอย่างอารมณ์ดี

                    “อีก10นาทีขึ้นรถเร็วเข้า”เซบาสเตียนดุชายหนุ่มหัวดำส่งผลให้ชายหนุ่มที่ว่าขึ้นรถทันที

                    การเดินทางเป็นไปอย่างเรียบง่ายโดยมีคลาวด์คอยถามบางคำถามไปเช่นว่า วิธีสอบเป็นยังไงซึ่งคำตอบที่ได้คือ เป็นการทดสอบว่ามีพลังเวทย์และจิตจริงๆหรือเปล่าและวัดระดับพลังเหล่านั้น11ตระกูลถูกระเว้นจากขึ้นตอนวัดระดับพลังขอเพียงแค่มีพลังจริงก็เข้าเรียนได้แล้ว

                    “นายท่านตามพวกเรามาเร็วเข้าสิ”ดิมาทัสเอ่ยเร่งชายหนุ่มที่กำลังเดินอย่างช้าๆเพื่อสำรวจบรรยากาศอยู่

                    “นายท่านข้าขอใบสมัครของท่านหน่อยค่ะ”โชคดีที่ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะหยิบมันติดมือมาด้วยคลาวด์ยื่นใบให้เอลล่า“ดิมาทัส นายไปยื่นใบสมัครซะบอกเขาไปว่าคนรับใช้ดรากอนอายคงจะพอได้เข้าใจนะ”ดิมาทัสพยักหน้ารับคำก่อนจะรับใบสมัครทั้งสองใบจากมือของหญิงสาวจากนั้นก็เดินหายไปในฝูงชนที่มากมาย

                    รถเทียมสิ่งมีชีวิตมีปีกสีเพลิงขนาดมหึมาปรากฏบนฟากฟ้า“มากันแล้ว นั่น ที่นั่งของคนตระกูลฟินิกซ์วิง หนึ่งในหน่วยช่วยเหลือค่ะ แล้วก็โดยส่วนมากที่นั่งได้ก็จะเป็นนายเหนือของตระกูลนี้ไม่ก็ว่าที่นายเหนือ”หลังจากลงจอดร่างอันสง่าของชายหนุ่มในตระกูลดรากอนอายโดดลงมาจากรถราวกับเด็กๆทันที

                    “ไพรีดาน่า ไพรด์ ฟินิกซ์วิง ว่าที่นายเหนือแห่งฟินิกซ์วิง ผู้ที่มีพลังสูงที่ในรอบร้อยปีของตระกูลฟินิกซ์วิง”เอลล่าบอกเมื่อเห็นคลาวด์ยังคงจ้องคนที่ว่าอย่างไม่วางตา

                    “ครั้งนี้ถือว่าเป็นฤกษ์ดีจริงๆก็ได้นะครับ ผู้นำของ5ทวีปมาเรียนอยู่ในปีเดียวกันอย่างนี้”ดิมาทัสที่มายืนอยู่ข้างๆชายผมเทาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้พูดขึ้น

                    “มีอะไรบ้างล่ะ”คลาวด์เอ่ยปากถาม

                    “ก็ ฟินิกซ์วิง ฮอร์นยูนิคอร์น ฮาร์ทสปิริต เคอเบอร์รอส สุดท้ายคือ ดิ แองเจิลครับ”ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

                    ดิ แองเจิลงั้นหรอ นามสกุลเดียวกับน้ำเลย...หวังว่าคงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญนะ คลาวด์คิดในใจขณะที่สังหรณ์ไม่ค่อยดี

                    “ผู้ที่สมัครแล้วกรุณาตรวจดูหมายเลขของท่านและเข้าทดสอบพลังค่ะ”เสียงประกาศดังขึ้น ดิมาทัสยื่นใบสมัครให้แต่ละคนทันทีจากนั้นเอลล่าตรวจสอบความเรียบร้อยก็แยกกันทันที

                    ของคลาวด์นั้นได้หมายเลข 53C ซึ่ง Cคือช่องที่เข้าไปรับการทดสอบคลาวด์เดินไปอย่างเรื่อยๆในใจนึกบ่นว่าทำไมถึงตั้ง53ซึ่ง10-20ไม่ได้หรือ ดวงตาสีเทาสอดส่องรอบข้างอย่างอยากรู้อยากเห็นมีชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถที่เทียมสุนัข...แค่เอาสุนัขมาลากรถมันก็แปลกแล้ว...แต่ว่ามันมากกว่านั้น...มันคือสุนัขสามหัวหรือที่รู้จักกันในชื่อเคอเบอร์รอส...ตัวขนาดใหญ่พอๆกับม้าเลย ขนและดูเหมือนว่าผิวที่อยู่ภายใต้ขนของมันมีสีดำสนิทยิ่งกว่ากลางคืนที่มืดที่สุดเสียอีก

                    ในด้านตรงข้ามกันมีรถที่เทียมม้า...ที่มีเขา!!!หรือที่ถูกเรียกว่ายูนิคอร์นจอดนิ่งสนิทอยู่ ร่างระหงของหญิงสาวผมสีขาวเดินลงมาด้วยท่วงท่าที่สง่างามราวกับเหล่าราชวงศ์

                    คลาวด์นิ่งมองหญิงสาวคนนั้นราวกับต้องามนตร์ใบหน้าสวยงามจนหาคนที่จะมาเทียบได้ยาก...ทว่าก็ยังไม่พอที่จะแทนที่คนคนหนึ่งซึ่งอยู่ในใจมาแสนนาน

                    รถอีกคันซึ่งเทียมสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกๆรูปร่างช่วงล่างเหมือนม้าส่วนตั้งแต่คอเป็นนกคล้ายอินทรีย์มีปีกนกสีขาวยาวกว่า1.5เมตรหางเหมือนสิงโต รวมๆแล้วคล้ายกริฟฟินก็จริงทว่าขาหน้าของมันเป็นกีบแบบม้าไม่ใช่ขาแบบนก และใบหน้าดูเชื่องและเป็นมิตรกว่ามาก

                    ร่างบางระหงที่เขาเห็นเพียงเสี้ยววินาทีดูคุ้นเคยอย่างไม่น่าเชื่อผมสีฟ้าใสเหมือนสายน้ำ น่าเสียดายที่ใบหน้าหันมาเพียงชั่วครู่เหมือนกันพบอะไรบางอย่างจึงรีบเบือนไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับที่มาถึงคิวของเขาพอดีทำให้เขาเริ่มนึกบ่นในใจว่าทำไมถึงมาถึงคิวเขาซะตอนนี้ช้ากว่านี้ซักนาทีหรือสองนาทีไม่ได้หรือ

    จบแค่นี้ก็แล้วกัน

                    อ่า...หวังว่าคงจะไม่น่าเบื่อจนเกินไปนะครับ
    ปล.วันที่10-12ผมไม่อยู่นาย้ำๆ 14-28ด้วย (Y)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×