ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bible Basic

    ลำดับตอนที่ #2 : The Gospels พระกิตติคุณ2

    • อัปเดตล่าสุด 27 ธ.ค. 53


    Jesus is baptized, and calls his first disciples
    พระเยซูรับบัพติสมาและเรียกสาวกพวกแรก

    ยอห์น1
    พระเยซูเป็นพระวาทะของพระเจ้าในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า 

    ในเริ่มแรกนั้นพระองค์นั้นทรงอยู่กับพระเจ้า 

    พระเยซู ผู้เนรมิตสร้างสิ่งสารพัดพระองค์ทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมา และในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระองค์ 

    ในพระองค์มีชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ทั้งปวง 

    ความสว่างนั้นส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้เข้าใจความสว่างไม่ 

    ภารกิจของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมามีชายคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้มา ชื่อยอห์น 

    ท่านผู้นี้มาเพื่อเป็นพยาน เพื่อเป็นพยานถึงความสว่างนั้น เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน 

    ท่านไม่ใช่ความสว่างนั้น แต่ทรงใช้มาเพื่อเป็นพยานถึงความสว่างนั้น 

    เป็นความสว่างแท้นั้น ซึ่งส่องสว่างแก่ทุกคนที่เข้ามาในโลก 

    10 พระองค์ทรงอยู่ในโลก และพระองค์ได้ทรงสร้างโลก และโลกหาได้รู้จักพระองค์ไม่ 

    11 พระสัญญายิ่งใหญ่แก่ผู้ที่เชื่อพระองค์ได้เสด็จมายังพวกของพระองค์ และพวกของพระองค์นั้นหาได้ต้อนรับพระองค์ไม่ 

    12 แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ พระองค์ทรงประทานอำนาจให้เป็นบุตรของพระเจ้า คือคนทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระองค์ 

    13 ซึ่งมิได้เกิดจากเลือด หรือความประสงค์ของเนื้อหนัง หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า 

    14 พระเยซูทรงรับสภาพมนุษย์พระวาทะได้ทรงสภาพของเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา (และเราทั้งหลายได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ คือสง่าราศีอันสมกับพระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดจากพระบิดา) บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง 

    15 คำพยานของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา (มธ 3:1-17; มก 1:1-11; ลก 3:1-18)ยอห์นได้เป็นพยานถึงพระองค์และร้องประกาศว่า "นี่แหละคือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงว่า พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า" 

    16 และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ 

    17 เพราะว่าได้ทรงประทานพระราชบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ 

    18 ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าในเวลาใดเลย พระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดมา ผู้ทรงสถิตในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว 

    19 นี่แหละเป็นคำพยานของยอห์น เมื่อพวกยิวส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามท่านว่า "ท่านคือผู้ใด" 

    20 ท่านได้ยอมรับ และมิได้ปฏิเสธ แต่ได้ยอมรับว่า "ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์" 

    21 เขาทั้งหลายจึงถามท่านว่า "ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครเล่า ท่านเป็นเอลียาห์หรือ" ท่านตอบว่า "ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์" "ท่านเป็นศาสดาพยากรณ์ผู้นั้นหรือ" และท่านตอบว่า "มิได้" 

    22 คนเหล่านั้นจึงถามท่านว่า "ท่านเป็นใคร เพื่อเราจะได้ตอบผู้ที่ใช้เรามา ท่านกล่าวว่าท่านเป็นใคร" 

    23 ท่านตอบว่า "เราเป็นเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า `จงกระทำมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป' ตามที่อิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวไว้" 

    24 ฝ่ายผู้ที่ได้รับใช้มานั้นเป็นของพวกฟาริสี 

    25 เขาเหล่านั้นก็ได้ถามท่านว่า "ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ หรือเอลียาห์ หรือศาสดาพยากรณ์ผู้นั้นแล้ว ทำไมท่านจึงทำพิธีบัพติศมา" 

    26 ยอห์นได้ตอบเขาเหล่านั้นว่า "ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีพระองค์หนึ่งซึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่านนั้น ท่านไม่รู้จัก 

    27 พระองค์นั้นแหละ ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า แม้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์ ข้าพเจ้าก็ไม่บังควรที่จะแก้" 

    28 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เบธาบาราฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างโน้น อันเป็นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมาอยู่ 

    29 พระเมษโปดกของพระเจ้าคือลูกแกะของพระเจ้า (วว 5:6)วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า "จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย 

    30 พระองค์นี้แหละที่ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า `ภายหลังข้าพเจ้าจะมีผู้หนึ่งเสด็จมาเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า' 

    31 ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้รู้จักพระองค์ แต่เพื่อให้พระองค์ทรงเป็นที่ประจักษ์แก่พวกอิสราเอล ข้าพเจ้าจึงได้มาให้บัพติศมาด้วยน้ำ" 

    32 และยอห์นกล่าวเป็นพยานว่า "ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกเขาเสด็จลงมาจากสวรรค์ และทรงสถิตบนพระองค์ 

    33 ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์ แต่พระองค์ ผู้ได้ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ พระองค์นั้นได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า `เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาและสถิตอยู่บนผู้ใด ผู้นั้นแหละเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์' 

    34 และข้าพเจ้าก็ได้เห็นแล้ว และได้เป็นพยานว่า พระองค์นี้แหละ เป็นพระบุตรของพระเจ้า" 

    35 พระราชกิจของพระเยซู อันดรูว์ชัก
    ชวนเปโตรรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยอห์นกำลังยืนอยู่กับสาวกของท่านสองคน 

    36 และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์ทรงดำเนินและกล่าวว่า "จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า" 

    37 สาวกสองคนนั้นได้ยินท่านพูดเช่นนี้ เขาจึงติดตามพระเยซูไป 

    38 พระเยซูทรงเหลียวหลังและทอดพระเนตรเห็นเขาตามพระองค์มา จึงตรัสถามเขาว่า "ท่านหาอะไร" และเขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า "รับบี" (ซึ่งแปลว่าอาจารย์) "ท่านอยู่ที่ไหน" 

    39 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "มาดูเถิด" เขาก็ไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ทรงอาศัยและวันนั้นเขาก็ได้พักอยู่กับพระองค์ เพราะขณะนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้ว 

    40 คนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูด และได้ติดตามพระองค์ไปนั้น คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร 

    41 แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า "เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว" ซึ่งแปลว่าพระคริสต์ 

    42 อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู และเมื่อพระเยซูทรงทอดพระเนตรเขาแล้วจึงตรัสว่า "ท่านคือซีโมนบุตรชายโยนาห์ เขาจะเรียกท่านว่าเคฟาส" ซึ่งแปลว่าศิลา 

    43 วันรุ่งขึ้นพระเยซูตั้งพระทัยจะเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี และพระองค์ทรงพบฟีลิปจึงตรัสกับเขาว่า "จงตามเรามา" 

    44 ฟีลิปมาจากเบธไซดา เมืองของอันดรูว์และเปโตร 

    45 ฟีลิปไปหานาธานาเอลและบอกเขาว่า "เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในพระราชบัญญัติ และที่พวกศาสดาพยากรณ์ได้กล่าวถึง คือพระเยซูชาวนาซาเร็ธบุตรชายโยเซฟ" 

    46 นาธานาเอลถามเขาว่า "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ" ฟีลิปตอบเขาว่า "มาดูเถิด"

    47 พระเยซูทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลมาหาพระองค์จึงตรัสถึงเรื่องตัวเขาว่า "ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย" 

    48 นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร" พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน" 

    49 นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า "รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล" 

    50 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "เพราะเราบอกท่านว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น ท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก" 

    51 และพระองค์ตรัสกับเขาว่า "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ภายหลังท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเปิดออก และเหล่าทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์"

    John 1


    1 In the beginning the Word already existed; the Word was with God, and the Word was God. 

    2From the very beginning the Word was with God.

     3 Through him God made all things; not one thing in all creation was made without him. 

    4 The Word was the source of life, and this life brought light to people. 

    5 The light shines in the darkness, and the darkness has never put it out. 

    6 God sent his messenger, a man named John, 

    7 who came to tell people about the light, so that all should hear the message and believe. 

    8 He himself was not the light; he came to tell about the light. 

    9 This was the real light - the light that comes into the world and shines on all people. 

    10The Word was in the world, and though God made the world through him, yet the world did not recognize him.

     11 He came to his own country, but his own people did not receive him. 

    12 Some, however, did receive him and believed in him; so he gave them the right to become God's children.

    13 They did not become God's children by natural means, that is, by being born as the children of a human father; God himself was their Father. 

    14 The Word became a human being and, full of grace and truth, lived among us. We saw his glory, the glory which he received as the Father's only Son. 

    15 John spoke about him. He cried out, "This is the one I was talking about when I said, "He comes after me, but he is greater than I am, because he existed before I was born.' " 

    16 Out of the fullness of his grace he has blessed us all, giving us one blessing after another. 

    17 God gave the Law through Moses, but grace and truth came through Jesus Christ. 

    18 No one has ever seen God. The only Son, who is the same as God and is at the Father's side, he has made him known. 

    19 The Jewish authorities in Jerusalem sent some priests and Levites to John to ask him, "Who are you?" 

    20 John did not refuse to answer, but spoke out openly and clearly, saying: "I am not the Messiah." 

    21 "Who are you, then?" they asked. "Are you Elijah?" "No, I am not," John answered. "Are you the Prophet?" they asked. "No," he replied. 

    22 "Then tell us who you are," they said. "We have to take an answer back to those who sent us. What do you say about yourself?"

     23 John answered by quoting the prophet Isaiah: "I am "the voice of someone shouting in the desert: Make a straight path for the Lord to travel!' " 

    24 The messengers, who had been sent by the Pharisees, 

    25 then asked John, "If you are not the Messiah nor Elijah nor the Prophet, why do you baptize?" 

    26 John answered, "I baptize with water, but among you stands the one you do not know. 

    27 He is coming after me, but I am not good enough even to untie his sandals."

     28All this happened in Bethany on the east side of the Jordan River, where John was baptizing. 

    29The next day John saw Jesus coming to him, and said, "There is the Lamb of God, who takes away the sin of the world! 

    30 This is the one I was talking about when I said, "A man is coming after me, but he is greater than I am, because he existed before I was born.' 

    31 I did not know who he would be, but I came baptizing with water in order to make him known to the people of Israel." 

    32 And John gave this testimony: "I saw the Spirit come down like a dove from heaven and stay on him. 

    33I still did not know that he was the one, but God, who sent me to baptize with water, had said to me, "You will see the Spirit come down and stay on a man; he is the one who baptizes with the Holy Spirit.' 

    34 I have seen it," said John, "and I tell you that he is the Son of God." 

    35 The next day John was standing there again with two of his disciples, 

    36 when he saw Jesus walking by. "There is the Lamb of God!" he said. 

    37 The two disciples heard him say this and went with Jesus.

     38Jesus turned, saw them following him, and asked, "What are you looking for?" They answered, "Where do you live, Rabbi?" (This word means "Teacher.")

     39 "Come and see," he answered. (It was then about four o'clock in the afternoon.) So they went with him and saw where he lived, and spent the rest of that day with him.

     40 One of them was Andrew, Simon Peter's brother. 

    41 At once he found his brother Simon and told him, "We have found the Messiah." (This word means "Christ.") 

    42 Then he took Simon to Jesus. Jesus looked at him and said, "Your name is Simon son of John, but you will be called Cephas." (This is the same as Peter and means "a rock.") 

    43The next day Jesus decided to go to Galilee. He found Philip and said to him, "Come with me! 

    44(Philip was from Bethsaida, the town where Andrew and Peter lived.)

     45 Philip found Nathanael and told him, "We have found the one whom Moses wrote about in the book of the Law and whom the prophets also wrote about. He is Jesus son of Joseph, from Nazareth." 

    46 "Can anything good come from Nazareth?" Nathanael asked. "Come and see," answered Philip. 

    47 When Jesus saw Nathanael coming to him, he said about him, "Here is a real Israelite; there is nothing false in him!"

    48 Nathanael asked him, "How do you know me?" Jesus answered, "I saw you when you were under the fig tree before Philip called you."

     49 "Teacher," answered Nathanael, "you are the Son of God! You are the King of Israel!" 

    50 Jesus said, "Do you believe just because I told you I saw you when you were under the fig tree? You will see much greater things than this!"

     51 And he said to them, "I am telling you the truth: you will see heaven open and God's angels going up and coming down on the Son of Man."
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×