คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 1 : คนคุมความประพฤติ
Chapter 1 : คนคุมความประพฤติ
“สวัสดีค่ะ อีเตี้ย”เสียงดัดจริต ยียวนกวนตีนขนาดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอีตุ๊ดเพื่อนรัก
“สวัสดีครับ อีตุ๊ด”มึงทักกูมายังไงกูก็ทักมึงอย่างงั้นแหละ
“ล้อเลียนเหรออีเตี้ยโรงเกลือ”
“กูเปล่าเหอะ เห็นมึงเกิดอาการอยากทักทายแบบสุภาพชนกูก็เลยจัดไง”
“หุปปากเถอะเตี้ย! แล้วมึงทำเลขมารึยัง”
“ขี้เกียจ...”เหอะๆ ตอบง่ายๆแบบนี้เลยนะกู
“ไอ้ทริคคคคคคคคคคคคค!”เสียงแหลมปรี๊ดแบบไม่แคร์สื่อของไอ้เงาะหน้าขน(?)หนึ่งในชายที่เหลืออยู่สองคนของห้องผมดังขึ้น
“มีเชี่ยไรวะ”
“มึงไปมีเรื่องอีกป่ะวะ”ไอ้เงาะพูดไปหอบไป แม่งไปฟัดกับหมามาเหรอวะ
“เท่าที่จำได้ ช่วงนี้ไม่...”
“แน่ใจเหรอวะ”
“อื้อ”
“งั้นวันนี้เรื่องก็มีแล้วล่ะมึง”
“วิชชุอยู่มั๊ย?”พอจบเสียงไอ้เงาะปุ๊บก็มีเสียงของอีกคนดังขึ้นมาเรียกให้คนทั้งห้องต้องหันไปมอง
“อยู่นี่...”ผมตอบเสียงเบา แม่งเดินมาแบบโคตรหาเรื่อง แล้วเสือกมากันทั้งโคตรอีกตะหาก
“มานี่...”
“วีมาทำอะไรเนี่ย?”เสียงใสๆของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เอ่อ พอดีเรามาทำธุระให้อาจารย์นิดหน่อยน่ะ”
“ธุระอะไรเหรอ? วีให้เราช่วยมั๊ย”
“ไม่เป็นไร เราไม่อยากรบกวนเจี๊ยบ”
“วิชชุเรามีเรื่องต้องคุยกับแก”
“หือ?”ผมได้แต่งง เพราะอยู่ดีๆแม่งเดินมาคุยกับสาว แล้วไหงมันกลับมาหากูได้วะ
ผมเลยตัดสินใจเดินตามมันไปช้าๆ ไม่อยากมีเรื่อง เพราะแม่งเดี๋ยวมีงานเข้ามันไม่ได้มาคนเดียว ต่อให้ผมเทพแค่ไหนก็คงโดนสอยได้ง่ายๆ อีกอย่างมันบอกว่าทำธุระให้อาจารย์บางทีอาจจะแค่เรียกผมไปคุยกับอาจารย์อะไรสักคนก็ได้มั้ง
“วีจะเรียกวิชชุไปทำไมน่ะ...”ผมแอบได้ยินเสียงเจี๊ยบไล่หลังมาเบาๆ เหมือนไม่พอใจ เจี๊ยบคงไม่พอใจที่แฟนตัวเองมาหาคนที่ตัวเองไม่ชอบมั้ง จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้อะไรกับเจี๊ยบเลยนะ แต่ดูเหมือนว่าเจี๊ยบจะไม่ชอบผมอย่างแรง
“เราชื่อ ณัฐวีร์ เรียกว่าวีก็ได้แล้วนายล่ะ”หลังจากที่ผมเดินตามมันมาจนถึงหลังโรงเรียนมันก็เริ่มเปิดปากพูด
“เอ่อ...’หวัดดี กูชื่อทริค”ผมพูดก่อนจะฉีกยิ้มให้มัน มาดี กูก็ตอบดี
“รู้เรื่องที่อาจารย์ขจรศรีจะให้เรามาคุมความประพฤติแกแล้วใช่มั๊ย”อ่า...คือ แม่งคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนวะ
“อ่า...รู้”
“งั้นก็ดี อาจารย์บอกว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ห้ามมีเรื่องโดยเด็ดขาด หมายความว่านอกโรงเรียนก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะในโรงเรียนหรือนอกโรงเรียนเราก็จะต้องคอยคุมความประพฤติของแกตลอด เข้าใจมั๊ย”
“เอ่อ...อื้อ”ผมตอบรับแบบส่งๆ เพราะตลอดที่มันร่ายยาวมาทั้งหมดสมองผมมันจับใจความได้แค่ ’มันจะคุมความประพฤติผม’ แค่นั้นแหละ
“งั้นในห้องตั้งใจเรียนด้วย เพราะอาจารย์บอกให้ช่วยอัพคะแนนแกขึ้น ตอนเที่ยงจะพาไปกินข้าว”
“กูไม่ใช่เด็กนะเว้ยจะต้องให้มึงมาพาไปกินข้าวน่ะ...เฮ้ย!”แต่ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว เพราะแม่งพูดจบก็เดินหนีไปเลย นี่ใจคอมึงกะไม่ให้กูได้ผุดได้เกิดกันเลยช่ะ ชิชะ!
“เฮ้ย! เชี่ยตุ๊ด ทำไมมึงเก็บของช้าจังวะ!”ผมรีบเร่งไอ้ตุ๊ดที่แม่งไม่รู้ว่าจะเก็บของช้าไปไหน เฮ้ยเร็วๆดิ กูรีบ ผมกวาดสายตาไปทางประตูห้องเรียนตลอดเวลา ไม่รู้ว่ามันจะโผล่มาเมื่อไหร่
“รีบไปไหนคะ อีเตี้ย”ไอ้บรูซพูดแต่มือมันก็ยังเก็บของแบบเร่งรีบ คือจริงๆแล้วมันก็แขวะผมไปงั้นแหละ จริงๆแล้วมันก็ทำตามที่ผมเร่งนั่นแหละ
“เดี๋ยวคนแม่งเยอะ แถวยาวแม่งอึดอัด”ผมบ่น โรงเรียนผมนะ พอถึงเวลาพักเที่ยงทีไรแม่งคนอย่างกับหนอน ตึกใหม่มันก็ใช่จะเล็กๆ อย่างกับโรงบาลคนยังล้นเลย
“อึดอัด หรือคนข้างหน้าสูงบังทัศนวิสัยยะ”
“หูยแรง...กูหิวเว้ย”อีนี่แม่งแรงตลอดอ่ะ
“กูก็หิวเหมือนกันแหละ”
“กูว่ามึงไม่...”
“มุกอะไรของมึงวะเตี้ย”
“ก็มึงไม่กินข้าวช่ะ”
“แล้วมึงจะให้กูกินอะไรวะ?”
“บรูซซี่กินปู้จาย~”ผมพูดก่อนจะรีบโกยออกจากห้องทันที เพราะว่าเมื่อกี้ตุ๊ดเก็บของเสร็จแล้ว เดี๋ยวแม่งได้วิ่งไล่กระทืบผมแบนกันพอดี เดี๋ยวความสูงน้อยกว่าเดิม...
ปึก!
“โอ๊ย!”แต่ขณะที่ผมกำลังวิ่งหนีตุ๊ดอย่างเมามันส์(?)อยู่นั้น ก็รู้สึกว่าชนเข้ากับอะไรแข็งๆทำให้ผมหงายตึง ก้นจ้ำเบ้าอย่างน่าอนาถใจเป็นที่สุด
“เดินเชี่ยไรวะ!”ขอให้กูได้ด่าเหอะ!
“แกนั่นแหละวิ่งบนทางเดินทำไม รู้มั๊ยว่าเขาห้ามวิ่งบนทางเดิน”เอ๊ะไอ้นี่!
“เรื่องของกู...”ผมเอ่ยก่อนจะเงยหน้ามองไอ้คนที่แม่งเดินมาชนผม(?)
“ทำไมไม่รอในห้อง”
“แล้วทำไมกูต้องรอมึง”
“เพราะเราเป็นคนคุมความประพฤติทริคไง...”หูย...ไอ้นี่แม่งเล่นจุดอ่อน
“อีเตี๊ยยยยย!!!”เอ้าเอาเข้าไป ยังไม่ทันได้หนีเสือ จระเข้กระเทยก็มา เจริญเลยไอ้ทริค
“อุ๊ยตาย! มีเพื่อนหล่อก็ไม่บอก”บรูซพูดพร้อมกับทำสายตาวิบวับมองวีตั้งแต่หัวจรดเท้า เสียใจด้วยว่ะไอ้วี การเป็นเป้าหมายของไอ้ตุ๊ดนี่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่เลย
“สวัสดี เราชื่อวี ยินดีที่ได้รู้จัก ‘เธอ’ ชื่อบรูซ สินะ”หืม? เข้าใจหาสรรพนามเอาใจตุ๊ดเนอะมึง
“สวัสดีจ้า ยินดีที่ได้รู้จักวีนะ แล้วมีอะไรกับไอ้เตี๊ย เอ้ย! ทริคเหรอ”แหมแอ๊บแบ๊วเชียวนะมึง แล้วเมื่อกี้ล่ะเปลี่ยนสรรพนามกูเชียว เฟคเป็นคนดีจนหน้าตบเชียว
“ไม่ต้องมาด่ากูในใจนะเตี้ย...”มันหันมาพูดกับผม ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้กับไอ้วีต่อ ใช่ซี่! กูไม่หล่อ(น้อย)เหมือนมันนี่ ความสูงกูก็ไม่ได้สูง(น้อย)เหมือนมันนี่...
“เรายืมตัวเพื่อนเธอหน่อยนะ”ไอ้วีพูดพร้อมกับส่งยิ้มการค้าให้กับบรูซ
...หมั่นไส้ว่ะ!
“จ้าๆ”บรูซพูดยิ้มๆก่อนจะเดินจากไป ทิ้งผมไว้กับไอ้วีสองคน
“อ่าวเฮ้ย! กลับมาก่อนดิตุ๊ด! อย่าทิ้งกูดิ!”ผมทำท่าเหมือนจะวิ่งตามบรูซไปแต่ไอ้วีดันคว้าข้อมือผมไว้ก่อน
“ปล่อยกูดิ! แค่คุมความประพฤติไม่เห็นจะต้องตามติดกูเป็นปลิงแบบนี้เลยว่ะ”ผมโวยวายใส่มัน หนีมึงไม่พ้น เพื่อนทิ้ง! เข้าใจมั๊ยว่ากูเครียด
“เดี๋ยวคลาดสายตาที ทริคก็ไปก่อเรื่องอีกอ่ะดิ อาจารย์บอกว่าทริคน่ะจอมก่อเรื่องตัวพ่อ...”ดีใจที่ได้เป็นตัวพ่อ...ซะเมื่อไหร่ล่ะ! กูไปก่อเรื่องอะไรเมื่อไหร่มิทราบ แม่งมีแต่มาหากูทั้งนั้นแหละ
“มาเกาะกูหนึบแบบนี้ไม่กลัวแฟนหึงเหรอ...”แม่บอกว่าผู้ชายมักกลัวเมีย แต่แฟนก็คงใช้ได้ ขู่แม่งซักหน่อยจะได้ไม่ต้องมาหือ หึหึ(?)
“เจี๊ยบรู้แล้ว เจี๊ยบไม่ว่าหรอก สบายใจได้”มันพูดพร้อมกับออกแรงดึงผมให้ออกเดินตามมันไป ผมก็ต้องเดินตามสิครับ คนอย่างไอ้ทริคทำได้มากกว่านั้นด้วยเรอะ!
“กูกลับบ้านก่อนนะตุ๊ด!”ผมบอกลาบรูซก่อนออดเลิกเรียนจะดังขึ้นด้วยซ้ำ ไม่อยากเจอไอ้วีมัน ระหว่างที่ผมรีบเดินผ่านห้องสี่ ผมก็แอบชำเลืองมองมันผ่านกระจกที่ประตูห้องด้วย เหอะๆ เด็กเลขไม่เลิกเร็วแบบกูหรอก มึงไม่ทันกูแน่...
แล้วผมก็วิ่งออกนอกโรงเรียนด้วยความเร็วสูงเกินบรรยายทันที วันนี้ตอนนี้กูมีความสุขม๊ากมาก ฮ่าๆๆ
ผมเดินอ้อยอิ่งไปเรื่อยๆตามทางเดิน จริงๆแล้วผมควรกลับบ้าน แต่ไม่มีทางซะหรอก คนอย่างไอ้ทริคน่ะ ไม่มีแวะก่อนกลับบ้านก็ไม่ใช่ไอ้ทริคสิครับ ผมเลยตัดสินใจเดินทอดน่องไปตามทางใต้รางบีทีเอส จนเดินเรื่อยๆมาแถวๆเอกมัย
...ว่าแต่ทำไมกูเดินไกลจังวะ!
พอคิดได้ก็เหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อยโคตรพ่อโคตรแม่ ผมเลยมองซ้ายมองขวาหาที่นั่งก่อนจะไปเจอกับร้านกาแฟเล็กๆตรงหัวมุมถนน เอานั่นแหละ! เมื่อได้ที่สิงสถิตไอ้ทริคเลยก้าวฉับๆเข้าไปตากแอร์ทันที
“รับอะไรดีคะ?”พอก้าวเข้าไปในร้าน ยังไม่ทันได้หย่อนตูดเสียงเพราะๆของพี่สาวพนักงานก็เอ่ยทักเสียก่อน
“อืม...”
ผมไล่สายตาไปตามเมนู มือก็พลิกไปด้วย ผมไม่เข้าร้านกาแฟที่มีเมนูเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย ก่อนสายตาของผมจะไปสะดุดเข้ากับเมนูหนึ่ง และรูปภาพอันแสนน่ากิน
“เอาอันนี้ครับ...”ผมพูดพร้อมกับจิ้มไปที่รูปนั้น พี่พนักงานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินจากไป โต๊ะที่ผมนั่งมันเป็นโต๊ะที่อยู่ติดกระจกของร้านทำให้ผมสามารถมอเห็นภาพขางนอกได้อย่างชัดเจน แล้วสายตาผมก็ดันไปสะดุดเข้ากับร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแสนคุ้นเคย
...แพร...
เธอกำลังเดินเข้ามาในร้าน สายตาของเธอจ้องมาที่ผมอย่างแปลกใจ เธอยิ้มให้น้อยๆก่อนจะเดินมาที่โต๊ะของผม
“นั่งด้วยนะ”ผมพยักหน้าน้อยๆ ในท้องผมรู้สึกว่าแปลกๆซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่รู้สึกอึดอัดที่ต้องมานั่งมองหน้าเธอเหมือนที่เรา ‘เคย’ ทำด้วยกัน
“เรียนเป็นไงบ้าง”เป็นคำถามที่รู้สึกห่างเหินจนผมแทบใจหาย ผมยอมรับว่าเรื่องครั้งนั้นผมเป็นคนผิด แต่ผมก็ไม่ได้อยากทำให้เธอเสียใจ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งเลยล่ะ
“ก็ดีอ่ะ...แล้วแพรล่ะ”แพรกับผมเราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน แพรอยู่โรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆโรงเรียนผม เราเคยเจอกันตอนงานโรงเรียนเมื่อสีปีที่แล้ว แล้วผมก็ชอบเธอ เราคบกันได้ซักพัก ผมก็รู้สึกว่าเราเข้ากันไม่ได้ ผมเลยบอกเลิกเธอไป ตั้งแต่วันที่ผมบอกเลิกเธอเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เราเหมือนเป็นคนที่ไม่รู้จักกัน จนมาวันนี้ที่ผมได้เจอเธอ
“ก็เรื่อยๆแหละ...แต่ดูเหมือนคะแนนจะตกไปเยอะเลยล่ะ แล้วนี่ทริคเรียนแผนอะไรอ่ะ”เธอเอ่ยถามผมด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเธอยังพยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนที่เราเคยเป็น
“เราเรียนเอกภาษาอังกฤษน่ะ”ผมบอก ก่อนจะยิ้มฝืนๆไปให้ บางทีผมคงต้องขอตัวแยกกับเธอแล้วล่ะ ไม่งั้นผมคงอึดอัดตาย
“เอ่อ...คือเรามีธุระน่ะ ต้องขอตัวก่อน ไว้วันหลังเจอกันนะ”ผมพูดก่อนจะทิ้งเงินไว้บนโต๊ะแล้วตั้งท่าจะลุกออกไป แต่ข้อมือของผมก็ถูกแพรคว้าไว้ก่อน
“ทริค...แพรยังรักทริคอยู่นะ เรากลับมาเหมือนเดิมได้มั๊ย ขอร้องนะทริค”เสียงของแพรสั่น เธอเอ่ยทั้งๆที่ยังไม่ได้มองหน้าผมด้วยซ้ำ ผมรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่ข้อมือราวกับว่ากลัวผมจะหายไปอย่างนั้น ไม่ใช่ผมไม่อย่างกลับไปคบกับเธอหรอกนะ แต่เหตุผลที่ผมเลือกที่จะไม่คบนั้นมันก็ชัดเจนตอนที่บอกเลิกเธอแล้ว เราเลิกกันมาได้เกือบครึ่งปี ผมไม่ได้คิดถึงการกลับไปคบกับเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนั้นผมได้ทำตามที่หัวใจของผมต้องการแล้ว
ผมแค่ชอบเธอแต่ไม่ได้รัก การอยู่ด้วยกันไป มันจะเป็นการทำให้เจ็บกันทั้งสองฝ่ายมากกว่า ผมยังพร้อมที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเธอเสมอ
“ขอโทษนะแพร คำตอบเราก็เหมือนตอนนั้นแหละ”ผมพูออกไปก่อนจะค่อยๆ แกะมือของแพรออกแผ่วเบาแล้วเดินออกมาจากร้านทันที
ผมเดินโต๋เต๋ไปเรื่อยๆ ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มาก รู้สึกว่าตัวเองได้ทำร้ายแพรเยอะเหลือเกิน ตลอดเวลาที่เราคบกัน แพรดีกับผมมาก เธอช่วยแม้กระทั่งเรื่องเรียนของผม เธอไม่เคยโวยวายหรือว่าเรียกร้องความสนใจจากผมเลยแม้แต่น้อย
ทั้งๆที่ผมเป็นคนจีบเธอ แต่ผมก็เป็นคนบอกเลิกเธอเช่นกัน ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของแพรเลยแฮะ
ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะต้องเบิกตากว้าง นี่ผมเดินมานานขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนี้นาฬิกาบอกเวลากว่าหกโมงครึ่งแล้ว! ผมเลยตัดสินใจเดินจ้ำๆกลับบ้านทันที เพราระตอนนี้ผมก็เดินมาจนเกือบจะถึงบ้านแล้ว
ในระหว่างที่ผมกำลังเดินรีบๆกลับบ้านอยู่นั้น ดวงตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง นั่นมัน...
ไอ้วี!!!!
และที่สำคัญมันกำลังเดินเข้าไปในผับแห่งหนึ่งทั้งๆที่ใส่ชุดนักเรียน!
ผมเลยตัดสินใจเดินตามมันเข้าไปทันที สองหัวดีกว่าหัวเดียววะ เอาไงเอากัน ขนาดเด็กเรียนอย่างมึงยังเข้าได้ เด็กไม่เรียนอย่างกูก็เข้าได้เหมือนกันเว้ย!
ผมเดินอาดๆเข้าไปผ่านการ์ดสองคนที่ยืนอยู่ พวกเขาแค่ชายตามองผมเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้เข้า อีกสองเดือนกูก็สิบแปดแล้วเว้ย!
ภายในมีแต่ความมืด แสงสีมากมายวิบวับไปมาจนน่าปวดหัว เพลงเปิดดังกระหึ่ม ไม่เน้นให้ฟังรู้เรื่องผมว่ามันเน้นเบสมากกว่า แล้วยังไอ้กลิ่นเหม็นๆชวนวิงเวียนแบบนั้นอีก ผมรู้สึกเหมือนเมาๆ แต่ก็ต้องตั้งสติให้ได้ เพราะผมมานี่ ก็เพื่อมาดูให้รู้ว่าไอ้วีมาทำอะไร! ผมไม่ได้เสือกนะ แค่อยากรู้ว่าเด็กเรียนอย่างมันมาทำอะไรในที่แบบนี้ ขนาดเด็กไม่เรียนอย่างกูยังเคยเข้าที่แบบนี้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเว้ย!
ผมกระชับจาคอบที่หนีบไว้ให้แน่นขึ้นก่อนจะเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปเพื่อหาที่นั่ง ตลอดทางที่ผมเดินผ่าน ผู้คนต่างหนมามองผม อาจเป็นเพราะผมอยู่ในชุดนักเรียนแถมยังดูตัวเล็ก(ไม่อยากพูดถึงเลย)เกินกว่าจะอายุสิบแปดละมั้ง อ้อ อีกอย่างคงเป็นเครื่องหมายโรงเรียนที่ติดอยู่ที่อกเสื้อของผมก็ด้วยล่ะ โรงเรียนผมดังนะเออ(ในหลายๆความหมาย)
ผมเดินมาจนด้านในสุด ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วแต่ไม่ว่าจะพยายามมองหายังไงก็ไม่เจอที่นั่ง และที่สำคัญ...
ไม่เจอไอ้วี!!!
ชาติที่แล้วมึงเกิดเป็นนินจาเหรอวะ แม่งหายหัวไปไหนแล้วเนี่ย ผมได้แต่หันซ้ายทีขวาที อย่างไม่รู้จะทำไง แล้วกูเข้ามาทำไมวะ ถ้าหามึงไม่เจอเนี่ย
“หาอะไรอยู่เหรอครับน้องชาย”ในระหว่างที่ผมกำลังมึน ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันกลับไปมอง พบกับผู้ชายหน้าตาพอใช้ ท่าทางกระเป๋าหนัก กำลังยืนส่งยิ้มละไมมาให้ผมอยู่
“เอ่อ...เปล่าครับ”ผมบอกปฏิเสธ อย่ามายุ่งกับกูตอนกูกำลังอารมณ์บ่จอยได้มั๊ยเนี่ย!
“เหมือนจะมองหาที่นั่งอยู่ ไปนั่งกับพี่มั๊ยครับ” ไอ้เหี้ย!!!! กูก็บอกว่าไม่มีอะไรไงวะ!
“ไม่เป็นไร”เสียงผมเริ่มแข็ง
“มาเถอะครับ”มันพูดก่อนจะออกแรงดันให้ผมเดินไปตามทางที่มันกำหนด ผมพยายามยื้อตัวสุดชีวิต แต่ไอ้นี่มันก็ยังคงลากผมไปได้อย่างสบาย นี่ถ้ากูอ้วนกว่านี้สักหน่อยล่ะก็ มึงคงลากกูไม่ไปช่ะ! งั้นกลับบ้านกูจะไปเพิ่มน้ำหนัก
“ปล่อย!”
“อย่างดื้อสิครับ แค่ไปนั่งด้วยกันหน่อยเดียวเอง”
“ปล่อยกูสิวะ!!!”ผมตะโกนใส่หน้ามันก่อนจะกระทืบเท้ามันอย่างแรง จนหน้าเขียว ผมรีบใช้โอกาสนี้เผ่นแน่บเข้าไปในฝูงชนที่กำลังดิ้นตามเพลงกันอย่างเมามันส์
“เฮ้ย!”ผมอุทานออกมาเมื่อจู่ๆก็รู้สึกถึงแรงดึงที่แขน ทำให้เซไปตามแรงดึงทันที
“ไอ้เชี่ย...”
“ชู่!”แต่ก่อนที่ได้ด่าจบประโยคเจ้าของแรงดึงก็ยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากไม่ให้ผมโวยวาย และที่สำคัญมันคือ
ไอ้วี!!!
“มึงมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!!”ไอ้วีตะโกนถามผมแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม
“กูตามมึงมา!”ผมก็ตะโกนกลับไปเช่นกัน วีทำหนาตกใจเล็กน้อยก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากผมออกมาจากผับนั้น
“มึงตามกูมาทำไม! เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก อยากโดนไล่ออกเหรอไง!”ไอ้วีตะคอกผมพร้อมกับบีบข้อมือผมแน่นขึ้น
“โอ๊ย! เชี่ย กูเจ็บ! กูไม่ได้อยากโดนไล่อก แล้วมึงเหอะ มาที่นี่มีคนเห็นเดี๋ยวเขาก็เอาไปฟ้องอาจารย์หรอกว่ะ!”ผมตะคอกใส่มันเหมือนกัน มันดูอึ้งๆ คงไม่คิดว่าผมจะตะโกนใส่มันล่ะสิ เหอะ ไม่รู้จักไอ้ทริคซะแล้ว
“หึหึ พูดอย่างงี้ แสดงว่ามึงเป็นห่วงกู” เอ้าไอ้ห่า! ทำไมกูด่าแล้วมันกลายเป็นกูเป็นห่วงมึงได้ล่ะวะ
“พ่อมึง!”ผมพูด ยิ่งเห็นหน้ายิ้มๆของมันแล้วยิ่งหมั่นไส้
“เจอแล้วนั่นไง!”
TBC.
ความคิดเห็น