ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EnJoy Café ✪ Short Fic Reborn

    ลำดับตอนที่ #2 : ♀♂ 1886 ≈Vampire's Theory

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ค. 54



    Title : The Vampire’s Theory

    Paring : Hibari x Haru (1886)

    Rating : PG 15

    Author : Enjoy Xiah (KimJoysu)

    Author Notes : ทักทายกันกับฟิคแรกในคาเฟ่ชอร์ทฟิคหลังนี้ด้วยฮิบาริฮารุที่แฟนฟิคหน้าเก่าแต่ไม่แก่ของจอยทุกคนก็คงพอเดาออกว่าต้องเป็นคู่นี้ ฮา จอยเปิดรีเควสรูมไว้ด้วยล่ะ แต่อันนี้ตัวเองรีเควสเอง ขอสนองนี้ดตัวเองหน่อยนะ แหะ ๆ ช่วงนี้กระแสแวมไพร์กำลังแรง เลยเอามาเป็นพล็อตซะเลย ๕๕๕ แต่รับรองไม่มีทางเหมือนทไวไลท์แน่นอนจ่ะ จะออกแนวเหมือนที่เล่ากันเป็นตำนานอ่ะแหละ อ่านแล้วรับรองว่าหลงรักแวมไพร์หน้านิ่งคน เอ๊ย ตนนี้ชัวร์จ้า :D

    PS. ดูชื่อเมืองกะชื่อแคว้นก็คงรู้แล้วนะว่าเพี้ยนมาจากอะไร :P อ้อ อย่าหาว่าเรตล่ะ นี่มันหนังแวมไพร์นะยะ >///<

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

     

    ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสีแดงฉานดั่งเลือดครั้งหนึ่งในรอบเก้าทศวรรษนั้น

    มีตำนานเล่าขานว่าท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมโดยรอบ แวมไพร์รูปงามจะปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้า

    โฉบลงลักตัวหญิงงามที่ออกจากบ้านในเวลานั้น...และหายไปในรัตติกาล...

     

    ราตรีกาลหม่นมืด                          ไร้แสง

    จันทราสีชาดแดง                                       แจ่มจ้า

      แวมไพร์หนุ่มปรากฏแจ้ง                             โฉบไพล่

                  ลักไป่หญิงเลอข้า                                        สาบสิ้น สูญหาย

     

    ณ เมืองเจปรัส แคว้นโทล์กา

    เสียงจอแจจ้อกแจ้กของผู้คนในเมืองยามเที่ยงวันดังไปทั่วจัตุรัสแดนดีไลอ้อน ทั้งเสียงพูดคุยพบปะกันของเพื่อนบ้าน เสียงเรียกลูกค้าเข้าร้าน เสียงต่อราคา และแม้แต่เสียงตะโกนพนันต่อสู้ก็ยังมี

    หากเมื่อยามหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวครึ่งเข่าสูงศักดิ์ผู้มีใบหน้างดงามหยาดย้อยคนหนึ่งเยื้องย่างเข้ามา เสียงที่เคยดังเซ็งแซ่ก็พลันเงียบกริบลงทันที

    เพราะทุกคนต่างใช้สมาธิจดจ้องไปที่ตัวเธอซึ่งกำลังเดินตัดผ่านจตุรัสด้วยทีท่าสง่าผ่าเผย ทว่าดวงหน้างดงามกลับสอดส่ายมองดูร้านรวงต่าง ๆ ที่มาตั้งขายของอย่างสนอกสนใจ คิ้วเรียวเข้มตวัดโค้งสวยขมวดเข้าหากันนิด ๆ เมื่อรู้ตัวดีว่าบรรยากาศคึกคักเมื่อครู่นี้หายวับไปเพราะเธอเป็นต้นเหตุ กลีบปากบางจึงเอ่ยขึ้นว่า

    “หยุดทำไมล่ะ ทำต่อสิ” แทบจะทันทีที่สุ้มเสียงหวานกล่าวจบ ชาวบ้านทุกคนในจัตุรัสก็รีบหันกลับไปสานกิจกรรมของตนต่ออย่างรวดเร็ว

    รอยยิ้มบางฉายขึ้นบนใบหน้าสวยหวานอย่างพึงพอใจ ก่อนที่เธอจะก้าวเท้าเดินชมงานต่อ...ทั้ง ๆ ที่ยังมีผู้ติดตามตัวใหญ่สองคนเดินตามขนาบสองข้างนั่นแล

    ไม่มีใครในแคว้นนี้ (หรือไม่แน่อาจจะเป็นเมืองนี้) ที่ไม่รู้จักท่านหญิงสูงศักดิ์ผู้มีใบหน้าสวยชวนตะลึงผู้นี้แน่ เพราะด้วยประการหนึ่งเธอเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลขุนนางและเสนาบดีใหญ่เก่าแก่ที่รับใช้บ้านเมืองมานานนับศตวรรษ ตระกูลมิอุระแต่อีกประการหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักกันดีที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือ...ความงามหมดจดของเธอ...

    ใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวเข้มเรียงตัวสวยเป็นธรรมชาติ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลฮาเซลเป็นประกายรับกับขนตางอนยาว จมูกโด่งเล็กเชิดขึ้นนิด ๆ อย่างคนหัวรั้น ริมฝีปากบางสีแดงสดดุจลูกเชอร์รี่ก็มิปาน...ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำให้เธอถูกยกย่องว่าเป็นสาวที่งดงามที่สุดของเมืองเจปรัสก็ว่าได้

    หากแต่...ความงดงามนั้นมิใช่ว่าจะนำมาให้ซึ่งเคราะห์ดีเสมอไปหรอกนะ...

     

    วิ้ว...วิ้ว...

    ตกดึกคืนนั้น วันที่ฟ้าโปร่งไร้เมฆบดบัง แต่กลับไม่มีดวงดาวแม้แต่ดวงเดียว และยิ่งไปกว่านั้น...ดวงจันทร์ที่เคยส่องแสงสุกสกาวสีเหลืองนวลชวนมองได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำดั่งโลหิต บ่งบอกถึงสัญญาณแห่งลางร้าย ผู้คนในเมืองจึงไม่มีใครออกมาจากบ้านเลยสักคน หากท่ามกลางความเงียบสงบอันแสนวังเวง กลับมีร่างบางในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้านางหนึ่งเดินทอดกายอยู่บนระเบียงทางเชื่อมภายในคฤหาสน์มิอุระ...

    ระเบียงนั้นไม่มีหลังคา จึงเปิดโล่งทำให้มองเห็นดวงจันทร์และท้องฟ้าชัดเจน ดวงตากลมโตมองไปยังดวงจันทร์อย่างสงสัย

    “ทำไมวันนี้ดวงจันทร์ถึงได้เป็นสีแดงดูน่ากลัวอย่างนี้นะ”

    ทันใดนั้น บนผินฟ้าอันมืดมิดไร้ขอบเขตก็ปรากฏเงาดำทะมึนทาบทับจันทราสีชาดทันทีที่เธอกล่าวจบ ท่านหญิงมองไปที่เงานั้นอย่างตกใจระคนหวดกลัว เพราะไม่มีทางที่คนธรรมดาจะสามารถ มีปีก และ บินบนฟ้า ได้

    ทว่าเธอสงสัยได้เพียงครู่เดียว เงาที่ว่าซึ่งเป็นเงาของผู้ชายนั้นก็บินถลาพุ่งตรงมาทางเธอ

    ตึก

    เสียงปลายเท้าวางลงบนขอบระเบียง ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาที่หดลงสั้นเหลือแค่ศอกทำให้เธอมองเห็นเขาได้ชัดขึ้น

    เขาเป็นชายที่จัดได้ว่ามีใบหน้าหล่อเหลาที่สุดคนหนึ่งก็ว่าได้ เพียงแต่เขาไม่น่าจะใช่มนุษย์ เขามีดวงตาเรียวคมสีนิล จมูกโด่งรับกับโครงหน้า ริมฝีปากบางสีแดงสด ทุก ๆ อย่างบนใบหน้าของเขาช่างน่าหลงใหล รูปร่างหรือก็น่าสัมผัส เพราะเสื้อแขนยาวสีขาวบาง ๆ นั้นมีคอเสื้อที่แหวกลงมาเกือบถึงหน้าท้อง แผงอกกำยำไร้ขนสักเส้นจึงประจักษ์แก่สายตาเธอ อีกทั้งเขายังเป็นคน...หรืออะไรสักอย่างที่สูงชะลูดประมาณเกือบสองเมตรได้ หากทว่า...สิ่งที่ทำให้เขาดูน่าหวาดกลัวก็คือปีกสีดำใหญ่ทั้งสองข้างที่ตัดกับชุดสีขาวสะอาดนั้น เพราะมันแสดงให้รู้ว่าเขานั้น ไม่ใช่คน

    แสงจันทร์ที่สาดส่องมาทำให้ท่านหญิงเห็นองค์ประกอบรูปร่างและหน้าตาที่น่าหลงใหลของเขาได้ชัดเจน

    “ทะ...ท่านเป็นใคร” เสียงใสเอ่ยถามเบา ๆ มือของเธอสั่น ร่างทั้งร่างก็แทบจะลงไปกองกับพื้นอยู่แล้ว

    เขาไม่ตอบ เพียงแต่พิจารณาเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ซึ่งเธอไม่ชอบสายตาแบบนั้นเอาเสียเลย

    สักพักเสียงทุ้มก็เอ่ยสั้น ๆ “แวมไพร์”

    คำเพียงสั้น ๆ คำเดียวตรงเข้ากระแทกท่านหญิงจนสมองขาวโพลนไปหมด ขาทั้งสองข้างทรงตัวไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ร่างบางของเธอกำลังจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น หากแต่มือเรียวที่ทั้งเย็นเฉียบและขาวซีดก็เอื้อมมารับตัวเธอไว้ก่อน

    “ไปกับฉัน” สิ้นเสียงคำพูดเอาแต่ใจนั้น เธอก็ได้รับรู้ถึงสัมผัสเย็นเยียบที่หน้าผาก และเสียงท่องอะไรสักอย่างแผ่วเบาจากปากของคนที่โอบร่างเธอไว้ ก่อนที่ภาพทั้งหมดที่เคยเห็นชัดเจนจะกลายเป็นสีดำสนิท

     

    แสงแดดอันอบอุ่นสาดเข้ามาทางผ้าม่านที่แง้มไว้เล็กน้อย ทำให้ร่างบางที่กำลังนอนสลบไสลอยู่รู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้น เธอขยี้ตาเบา ๆ และหาวอีกหวอดใหญ่ พลางมองไปรอบห้อง

    ...ที่นี่มันที่ไหนกันนี่...

    เธอนึกสงสัยตั้งแต่ผ้าปูที่นอนสีขาวและหมอนใบใหญ่สี่ใบที่ไม่มีทางมีในห้องนอนของเธอแน่ ๆ เพราะจำได้ว่ามันเป็นสีชมพูอ่อนทั้งหมดนี่นา แล้วเจ้าตุ๊กตาสิงโตน้อยของเธอไปไหนเสียล่ะ เธอนอนไม่หลับถ้าไม่มีมันนะ! แล้วนั่นก็อีก ข้าวของเครื่องใช้ในห้องขนาดใหญ่ห้องนี้วางผิดที่ผิดทางกับของในห้องนอนเธอทั้งหมด และเธอก็ยังจำได้อีกว่า...ในห้องนอนของเธอถึงจะมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่สามบานติด ๆ กัน แต่ไม่มีระเบียงชมวิวแบบห้องนี้

    ห้องห้องนี้ตกแต่งเรียบ ๆ แต่ทว่ากลับหรูหรา สังเกตได้จากข้าวของเครื่องใช้ที่มีเหมือนที่คฤหาสน์ของเธอ แต่ติดที่ว่าหรูกว่า เพราะมันเคลือบทองไว้บางที่ด้วย ผ้าม่านสีดำขลิบสีทองผืนใหญ่ยักษ์ที่อยู่หน้ากระจกระเบียงใหญ่ ๆ นั่นก็เช่นกัน

    แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!

    สมองน้อย ๆ ของเธอรีบประมวลหาความทรงจำที่มีอยู่เมื่อคืนทันที และก็ต้องใจหายวาบเมื่อนึกย้อนไปแล้ว เธอกลับเห็นภาพแวมไพร์รูปงามผู้นั้นชัดเต็มตา!

    “ตืนแล้วหรือ” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว ใบหน้างามรีบหันไปทางทิศต้นของเสียงอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่าเธอไม่น่าหันไปเลย เพราะ เขา ที่เป็นคนพาเธอมากำลังยืนกอดอกพิงประตูห้องที่อ้าแง้มไว้อยู่

    “เธอชื่ออะไร” เขาถาม ถึงแม้เธอจะกลัว แต่เสียงใสก็ตอบกลับไปโดยยังคงรักษาระดับน้ำเสียงไว้ให้ดูเหมือนไม่มีอะไร

    “ฮารุค่ะ มิอุระ ฮารุ” เขาจ้องหน้าเธออยู่นิดหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา “ฉันชื่อฮิบาริ”

    มือบางกระชับเข้าหากันแน่น ก่อนที่ฮารุจะตัดสินใจถามคำถามที่ค้างคาใจออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

    “ท่าน...จับฉันมาทำไมหรือคะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ พลางกระตุกรอยยิ้มแสนบางเบาที่มุมปาก แต่เพียงแค่เธอกระพริบตา มันก็หายไป ราวกับ...สายลมที่จับต้องไม่ได้

    “ทำไมน่ะหรือ...” เขาค้างเสียงไว้ และสืบเท้าเข้ามาใกล้กับเตียงนอนของฮารุ เท้าแขนกับหัวเตียง จ้องหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะตอบคำถาม

    “เพื่อเพิ่มอายุขัยให้ตัวเอง” สิ่งที่ได้รับกลับมาจากการที่เขาเฉลยให้ฟังคือดวงตางุนงงของอีกฝ่าย

    “อย่าเพิ่งถาม ฉันให้คนเตรียมเสื้อผ้าไว้แล้ว ห้องน้ำอยู่ทางนั้น อาบเสร็จแล้วจะมีคนขึ้นมาตามลงไปทานข้าวเช้ากับฉัน” ฮิบาริขัดขึ้นทันทีที่เห็นฮารุอ้าปากจะถาม ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเลย

    “อะไรของเขานะ...ทำตัวมีความลับอยู่ได้” เธอบ่นเบา ๆ ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ความหวาดกลัวที่มีในตอนแรกลดลงไปกว่าครึ่ง เมื่อเห็นว่าฮิบาริไม่มีทีท่าว่าจะทำร้ายเธอเลย

    ...จับฉันมาแล้วจะอธิบายให้กระจ่างหน่อยไม่ได้รึไงนะ...

     

    หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฮารุในชุดกระโปรงหญิงสูงศักดิ์ยาวกรอมเท้าสีน้ำเงินก็เดินลงมาที่ห้องรับประทานอาหารตามคนรับใช้มา เมื่อเห็นฮิบารินั่งรออยู่ที่หัวโต๊ะอยู่แล้ว และที่ข้าง ๆ ก็จัดเตรียมอาหารไว้พร้อม ร่างบางก็ไม่รีรอเลยที่จะเดินไปนั่งที่ที่ของเธอ

    “ท่านน่าจะรู้ว่าฉันอาบน้ำเองได้” ระหว่างที่คนใช้ในชุดแปลก ๆ นำอาหารมาจัดเรียงบนโต๊ะ ฮารุก็เอ่ยขึ้นเสียงเบา

    “มันเป็นธรรมเนียม ผู้หญิงทุกคนที่มาที่นี่จะต้องมีคนอาบน้ำให้” เขาเอ่ยตอบเบา ๆ เช่นกัน เมื่อรู้ว่าที่เธอพูดเบา ๆ เช่นนี้เป็นเพราะความอาย

    ฮารุทำหน้ามุ่ยขณะคิดไปถึงเรื่องในห้องอาบน้ำเมื่อกี้ที่เธอถูกคนใช้ผู้หญิงจับขัดสีฉวีวรรณด้วยสมุนไพรอะไรไม่รู้มากมายจนผิวแทบจะลอกตามหินขัดผิวอยู่แล้ว ถึงออกมาจากห้องแล้วผิวจะเนียนและขาวเหมือนส่องประกายก็เถอะ ถ้าเลือกได้ เธอก็ยังไม่ต้องการมันอยู่ดีล่ะ

    ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเมื่ออาหารทั้งหมดมาครบแล้ว ทั้งสองลงมือทานทันที ดูเหมือนว่าฮารุจะหิวมาก แต่ทว่าเธอก็ยังคงรักษามารยาทบนโต๊ะอาหารได้อย่างไม่มีที่ติ

    “เอ่อ...ฉันขอถามอะไรท่านสักอย่างได้ไหมคะ” หลังจากที่วางช้อนส้อมเรียบร้อยแล้ว ฮารุก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าไมแน่ใจ

    “...” เขาไม่ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

    “ท่านเป็นแวมไพร์ แล้ว...ปกติดื่มเลือดแทนอาหารไม่ใช่หรือคะ” เธอกลั้นใจถามออกไป

    “ก็จริง แต่ฉันไม่ดื่มเลือดก็ไม่ได้ตายอย่างที่พวกมนุษย์เข้าใจหรอก”

    “...งั้นหรือคะ” ฮารุพึมพำเบา ๆ ตอบรับ ฮิบาริจ้องหน้าสวยงามนั้นนิ่ง ไม่ยอมละสายตาไปไหน จนคนถูกจ้องเริ่มจะทนไม่ไหว

    “นะ...นี่ท่านฮิบาริ หน้าฉันมีอะไรติดหรือคะ”

    “เหตุผลหนึ่งที่ฉันพาเธอมาก็เพราะเธอสวย...มาก” เขาตอบเลี่ยงประเด็นอย่างตรงไปตรงมา จนฮารุเริ่มรู้สึกว่าหน้าของตนร้อนขึ้น

    “ค่ะ”

    “เธอสวยที่สุดในเมืองหรือเปล่า”

    “ไม่รู้สิคะ เพราะไม่มีการจัดอันดับ แต่ประชาชนหลายกลุ่มบอกฉันว่าฉันสวยที่สุดในเมือง” เธอตอบตามความจริง ไม่ได้คิดจะยกยอตัวเองแต่อย่างใด

    “โชคดีจริง ๆ ที่จับเธอมา” เขาพึมพำเบามากจนเธอฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะบอกให้เขาพูดอีกครั้ง เขาก็เอ่ยชวนเธอขึ้นเสียก่อน

    “ไปเดินชมปราสาทของฉันกัน”

     

    ผ่านมาได้สามวันแล้วนับจากคืนแรกที่เขาพาเธอมาที่นี่ ฮารุพบว่าที่นี่นั้นสวยงามไม่ต่างจากโลกมนุษย์เลย ต่างกันที่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่เท่านั้น

    ปราสาทฮิบารินั้นใหญ่โตและงดงาม ด้านหน้าปราสาทเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีพืชพรรณนานาชนิดเรียงตัวกันสวยงาม ด้านหลังเป็นทะเลสาบซึ่งมีสีเงินระยับเมื่อต้องกับแสงอาทิตย์

    ฮารุไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน รู้แต่เพียงว่าไม่ใช่แดนมนุษย์เป็นแน่

    ตอนนี้เข้าเวลากลางดึกได้แล้ว เธอกำลังนั่งหวีผมยาว ๆ สีน้ำตาลเข้มของเธออยู่ วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวัน เพราะฮิบาริเล่นพาเธอเดินเสียรอบบริเวณปราสาทของเขาเลย ขาของเธอก็ปวดหนึบไปหมด ดีที่ได้ยาดีจากเขา ตอนนี้เลยไม่ปวดมากเท่ากับตอนแรก

    วิ้ว...วิ้ว...

    เสียงลมพัดหวีดหวิวและเสียงผ้าม่านโบกสะบัดทำให้ฮารุหันไปมอง และก็พบว่าหน้าต่างระเบียงเปิดอยู่ เธอนึกฉงน เมื่อกี้นี้หน้าต่างระเบียงนั่นมันยังปิดอยู่ดี ๆ เลยนี่ แล้วทำไมตอนนี้มันถึงได้เปิดล่ะ...

    และร่างสูงที่ปรากฏตัวขึ้นตรงริมระเบียงก็คลายข้อสงสัยในใจของเธอ ฮิบารินั่นเอง เขากำลังเดินเข้ามาหาเธอในห้องและปิดกระจกนั้น

    “ท่านทำให้ฉันตกใจ” ฮารุกล่าวบริภาษเขา

    ฮิบาริไม่พูดอะไร เพียงแต่หยิบหวีมาจากมือฮารุและลงมือหวีให้แทน ซึ่งฮารุก็ยอมให้เขาหวีอย่างเต็มใจ

    ใช่...เธอยอมรับ ตอนนี้เธอไม่รู้สึกรังเกียจเขาแม้สักนิด กลับยินดีด้วยซ้ำที่เขาปฏิบัติต่อเธอเช่นนี้

    “เธออยากรู้ไหมว่าฉันจับเธอมาทำไม” ระหว่างที่เขากำลังหวีผมให้เธอ เขาก็เอ่ยออกมาเบา ๆ

    “ค่ะ ฉันอยากรู้ ท่าน...บอกว่าเพื่อเพิ่มอายุขัยให้ตัวเอง...มันหมายความว่าอะไรหรือคะ”

    “การเพิ่มอายุไขของแวมไพร์นั้น...ทำได้โดยการดื่มเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์ชาวมนุษย์ที่มีความรู้สึกผูกพันกัน”

    “...” ฮารุนิ่ง รู้สึกตะลึงงันกับสิ่งที่เขาพูด

    “แต่ดื่มวันละนิดหน่อยเท่านั้น ให้ดื่มไปเรื่อย ๆ จนครบหนึ่งแก้ว” คำพูดประโยคต่อมาของเขาทำให้ฮารุคลายความหวาดกลัวลง แต่ตัวเธอยังคงแข็งเกร็งจนฮิบาริต้องเอื้อมมือไปลูบหลังเธอเบา ๆ

    ทว่าเขากลับไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายเธอเกร็งมากขึ้น มันยังทำให้เลือดลมของเธอสูบฉีดดีเสียจนแก้มทั้งสองข้างแดงปลั่งอีกด้วย

    “ไม่ต้องกลัว ฉันไม่กัดเธอหรอกน่า” สุ้มเสียงเย็นชาเอ่ยเบา ๆ แต่ฮารุที่เริ่มจะชินกับวิธีการพูดแบบนี้ของเขารู้สึกเหมือนเขากำลังพยายามทำให้เธอหายกลัวอยู่ แม้หน้าจะนิ่งก็ตามที

    แวมไพร์ตนนี้เย็นชาเหลือเกิน แต่ลึก ๆ แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขาที่มอบให้เธอ จนความรู้สึกบางอย่างในตัวเธอมันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่เธอกลัว...คงกำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้ และแน่นอน...ตัวแปรสำคัญของสิ่งที่ว่าก็คือเขา

    ฮิบาริหยิบมีดเล่มเล็ก ๆ ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ฮารุมองมันด้วยดวงตาหวาดหวั่น แต่ฮิบาริก็ปลอบโยนเธอให้หายกลัวได้ไม่ยาก

    “ไม่เจ็บหรอก นิดเดียวเอง เชื่อฉันสิ” จบคำ เขาก็นั่งลงบนเตียง ข้าง ๆ เธอ จับผมยาว ๆ อ่อนนุ่มของเธอรวบไปข้างหนึ่ง ประคองหน้าเธอให้หันมาทางเขา

    เขาไล้มือบนแก้มของเธอแผ่วเบา โน้มหน้าลงไปใกล้เธอช้า ๆ หยุดรอนิดหนึ่งเผื่อเธอจะไม่ต้องการ แต่เธอก็นิ่ง ริมฝีปากบางสีสดจึงตรงเข้าครอบครองริมฝีปากนุ่มทันที

    เขารุกไล่มอบความหอมหวานให้เธออย่างค่อยเป็นค่อยไป ตักตวงความหวานละมุนจากเธออย่างเอาแต่ใจจนเธอเคลิ้ม ฮิบาริจุมพิตไล่มาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปลายคางจนถึงชีพจรตรงลำคอที่เต้นแรงจนเขารู้สึกได้ เขาจรดริมฝีปากลงบนลำคอยาวระหง สูดดมกลิ่นกายหอมหวนชวนหลงใหล พอได้จังหวะที่เธอไม่รู้สึกตัว เขาก็กดใบมีดลงที่คอขาวของเธอทันที ฮารุสะดุ้งสุดตัว กระเถิบจะถอยหนี ทว่าเขากลับไม่ยอม มือเรียวตวัดโอบหลังของฮารุไว้ และฮิบาริก็ก้มลงเลียเลือดที่ทะลักออกมาจากบาดแผลของเธอทันที

    ลิ้นนุ่มตวัดไปมาบริเวณลำคอของเธอส่วนที่เป็นบาดแผล แต่แทนที่เธอจะรู้สึกเจ็บ เธอกลับรู้สึก...วาบหวาม ฮารุไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่นิดเดียว

    ความรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งตัวนี่มันอะไรกัน แล้วทำไมทั้ง ๆ ที่มือเขาเย็นเฉียบแบบนั้น แต่อ้อมกอดของเขากลับอบอุ่นเพียงนี้... ท่ามกลางสติอันเลือนราง เสียงในความคิดของฮารุดังก้องขึ้น หากแต่เธอก็สลัดมันทิ้ง โหยหาความอบอุ่นและความสุขที่ได้จากการกระทำของบุรุษตรงหน้า

    หญิงสาวเบียดตัวเข้าหาแวมไพร์หนุ่ม กระหวัดแขนเรียวเล็กรอบคอเขา มือบางที่เหลืออยู่อีกข้างทาบทับลงบนแผ่นอกกว้าง เธอค่อย ๆ ปลดกระดุมของเขาทีละเม็ด ๆ และแหวกเสื้อเขาออกให้กว้าง ลูบแผงอกเขาเบา ๆ ฮารุต้องการสัมผัสความแข็งแกร่งของเขาให้มากกว่านี้

    เธอครางออกมาเบา ๆ ระหว่างที่ฮิบาริยังสาละวนอยู่กับเลือดของเธอที่ตอนนี้เกล็ดเลือดเริ่มจะทำงาน มันค่อย ๆ ใหลน้อยลงเรื่อย ๆ    

    ในที่สุดฮิบาริก็เงยหน้าขึ้นจากซอกคอของเธอ เลือดหยุดใหลลงแล้ว และเขาก็กำลังจะป้ายยาอะไรสักอย่างที่คอเธอเหมือนกัน

    “อ๊ะ...ท่าน...” ฮารุอุทาน ลดมือที่กำลังป่ายปัดไปมาบนอกแกร่งของเขาลง

    “ยาน่ะ จะได้ไม่เป็นแผลเป็น” เขาตอบเบา ๆ พร้อมกับเลียริมฝีปากหนึ่งครั้ง ก่อนจะหันมาพูดกับเธอ

    “เลือดเธอหวานดีจริง นี่สินะเลือดสาว”

    “นะ...นี่ท่าน...” ฮารุหน้าแดง เธออายมากจนแทบจะมุดลงใต้เตียงอยู่แล้ว

    “ไม่เจ็บเลยใช่ไหมล่ะ เพราะน้ำลายของแวมไพร์มีสารบางอย่างที่ทำให้สารอะดรีนาลีนของมนุษย์หลั่งออกมาได้ และยังสามารถยับยั้งความเจ็บปวดได้ด้วย”

    “มิน่า...ถึงได้ไม่เจ็บ” แถมยังรู้สึกหวิว ๆ อีกต่างหาก เธอพึมพำเบา ๆ เมื่อเขาอธิบายให้ฟัง

    ฮารุแอบคิดในใจพลางก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของแวมไพร์หนุ่ม แต่แล้วก็ได้พบว่ากระดุมชุดนอนของเธอถูกปลดลงไปหลายเม็ดจนเกือบจะถึงสะดืออยู่แล้ว!

    “ว้าย!” เธอร้องเสียงดังและรีบกลัดกระดุมให้เข้าที่ทันที ดวงตากลมโตตวัดมองคนทำด้วยความขุ่นเคือง

    “ก็เท่า ๆ กันไม่ใช่หรือไง” แต่เขากลับตอบหน้าตาย และชี้ไปที่เสื้อของเขาที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากเธอเท่าไรนัก

    ...กรี๊ดดดดดด...

    ฮารุกรีดร้องในใจอย่างอับอายในการกระทำที่อยู่เหนือสติยั้งคิดของตน ก่อนจะเอ่ยปากไล่ฮิบาริทางอ้อม

    “ฉันง่วง ท่านกลับไปได้แล้ว”

    “แน่ใจหรือ ไม่ใช่ว่าเธอตาสว่างแล้วหรอกเรอะ”

    “ท่าน!”

    “ก็ได้ กลับก็ได้” เขาหัวเราะในลำคอ มองหน้าหญิงสาวเพียงแวบหนึ่งแล้วกระโจนออกไปทางระเบียง

    ฮารุยังสงสัยอยู่ว่าทางเข้าทางประตูมีดี ๆ ทำไมเขาถึงได้อุตริเข้ามาทางระเบียง

    แล้วเมื่อกี้...มันเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเธอกันนะ...ทำไมถึงได้เต้นแรงไม่หยุดเลย...

     

     

    ...และหลังจากนั้นมันก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นจนเธอรู้สึกได้...

    ทั้งเสียงหัวใจเต้นตึกตักเวลาอยู่กับเขา

    ความสุขมากมายยามที่เขาสัมผัส

    ความรู้สึกเหมือนหัวใจพองโตจนแน่นคับอกเมื่อเขาคอยห่วงใยเอาใจใส่

    ...และสิ่งนี้ใช่หรือไม่ที่พวกผู้ใหญ่ในแดนมนุษย์เรียกกันว่า ความรัก

    เธอมิอาจปฏิเสธมันได้อีกเมื่อรู้ดีอยู่แก่ใจ...ใช่ เธอตกหลุมรักเขาเข้าไปแล้วเต็ม ๆ

    เวลาหนึ่งเดือนดูเหมือนจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอมีเขาคอยอยู่เคียงข้าง...แต่ถ้าพูดให้ถูก ต้องเป็นเขาต่างหากที่มีเธออยู่เคียงข้างภายในปราสาทที่ใหญ่โตหากแสนเงียบเหงาไร้สีสันเช่นนี้

    แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราเสมอ...

    ฮิบาริยืนมองฮารุที่กำลังทอดสายตามองไปยังที่ไกลแสนไกลซึ่งเขารู้ดีว่าคือที่ไหนด้วยแววตาหม่นหมอง หนึ่งเดือนที่ผ่านมาถึงแม้เธอจะดูมีความสุขดี แต่หากความทรงจำเมื่อหลายร้อยปีก่อนก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่า...ไม่ว่าจะเป็นคนหรือแวมไพร์ ต่างก็มีครอบครัวของตนให้รักและห่วงหา เขาจับเธอมาโดยลืมนึกถึงความเป็นจริงข้อนี้ไปเสียสนิท...

    สายตาของเธอ...มีทั้งความคิดถึงและห่วงหา...

    เขาจับเธอมาเพื่อเพิ่มอายุขัยให้กับตน ตอนนี้พิธีการได้จบลงแล้วกว่าสัปดาห์ แล้วเขายังจะกักขังเธอไว้ที่นี่เพื่ออะไรอีกเล่า เพื่อทรมานเธออย่างนั้นหรือ? ถ้าแม้นตัวเขาจะมีความสุขเมื่ออยู่กับท่านหญิง หากแต่เธอไม่แล้วล่ะก็ เขาคงจะต้องปล่อยเธอไป

    แม้นั่น...จะเป็นการกระชากก้อนเนื้อที่เต้นตุบ ๆ อยู่ภายในอกของเขาไปก็ตามที

    แต่เขาก็จะทำ

    “ฮารุ” ฮิบาริเอ่ยเรียกชื่อเธอเบา ๆ

    ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะขานรับ “คะ ท่านฮิบาริ”

    “อยากกลับบ้านไหม ฉันจะพาเธอกลับก็ได้นะ”

    “...!

    “พรุ่งนี้...ฉันจะพาเธอกลับคฤหาสน์ของเธอเอง” เขาพูดก่อนจะหันหลังเดินจากไป

    ฮารุทำได้เพียงนิ่ง เธออยากอยู่กับเขาต่อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิดถึงท่านพ่อ ท่านแม่ และคนที่คฤหาสน์มากเพียงไร

    ...พรุ่งนี้แล้วงั้นหรือ...

     

    ฮิบาริพาฮารุกลับมาที่คฤหาสน์ได้ด้วยประตูบานหนึ่งในปราสาทของเขา และตอนนี้เท้าของเธอก็เหยียบอยู่บนระเบียงห้องนอนในคฤหาสน์ที่เธอเติบโตมาแล้ว ฮารุหันหลังกลับไปหาฮิบาริที่ยังคงยืนนิ่ง ไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับเธอสักคำมาตั้งแต่เช้า

    “ท่านรอสักครู่ได้ไหมคะ” เขาเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยเป็นเชิงถาม ก่อนจะเงียบไปพักใหญ่ และพยักหน้ารับ

    ฮารุรีบวิ่งเข้าห้องของตนไปทันที ก่อนจะเปิดประตูออกไปสู่ห้องโถงกลางคฤหาสน์ซึ่งครอบครัวของเธอนั่งหน้าเครียดบรรยากาศอึมครึมอยู่กันพร้อมหน้า

    “ทุกคน ฮารุกลับมาแล้วค่ะ!” ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ สายตาทุกคู่ก็หันมามองอย่างตกตะลึง

    “ฮารุ!” ผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่ของเธอรีบวิ่งมากอดเธอไว้แน่นอย่างคิดถึง เธอเองก็คิดถึงพวกเขาเช่นกัน

    ทั้งคู่ชวนเธอไปนั่งและถามไถ่สารทุกข์สุขดิบและรวมถึงสาเหตุที่ว่าทำไมเธอถึงได้หายไปร่วมเดือนอย่างนี้ด้วย ซึ่งเธอก็ได้แต่อึกอัก ๆ เฉไฉไปเรื่อย จะให้เธอตอบว่า โดนแวมไพร์จับไปค่ะ คงจะไม่ค่อยดีสักเท่าไรกระมัง

    สักพักฮารุก็ขอปลีกตัวออกมาได้สำเร็จ เธอพาร่างบาง ๆ ของเธอไปที่ระเบียงห้องนอนของเธออีกครั้ง แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่เธอเคยสั่งเอาไว้ว่าให้รออยู่ที่นี่กลับหายวับไปเหมือนไม่เคยอยู่

    “ทะ...ท่านฮิบาริ ท่านอยู่ที่ไหนน่ะ อย่ามาเล่นซ่อนแอบตอนนี้นะ ออกมาเร็ว ๆ ก่อนที่ฉันจะโกรธ” เธอเอ่ยเรียกเขาเสียงสั่น พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะสะกดกลั้นความหวาดกลัวที่เริ่มคืบคลานเข้ามาในใจเธอช้า ๆ

    “นี่ ท่านอย่ามาล้อเล่นนะ ก็ไหนบอกจะรอกันไง แล้วตอนนี้ท่านไปอยู่ที่ไหนล่ะ” มือของเธอสั่น เช่นเดียวกับใจดวงน้อยของเธอ เมื่อออกปากเรียกหลายครั้งแล้วยังไม่มีวี่แววที่เขาจะปรากฏตัว ร่างเล็กก็ทรุดลงนั่งกอดเข่ากับพื้นระเบียง และร่ำไห้ออกมาเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน

    ไม่น่าเลย...ไม่น่าจริง ๆ เธอน่าจะบอกเขาก่อนที่จะไปหาท่านพ่อท่านแม่...

    ไม่อย่างนั้น...ไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจเช่นนี้...

    ความจริงที่ว่าเธอรักเขา และจะอยู่กับเขาที่ปราสาทตลอดไป...

    เธอรู้ว่าเพียงแค่เธอขอ เขาก็จะพาเธอมาเยี่ยมครอบครัวที่คฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

    แต่ถ้าเธอขอ ท่านพ่อท่านแม่ของเธอจะพาเธอไปยังปราสาทของเขาได้หรือไม่

    ...ไม่มีทาง...ฉันคิดผิดไปจริง ๆ...

    ...ท่านฮิบาริ...

    มือบางยกขึ้นสัมผัสกับจี้ที่ห้อยอยู่ที่คอเบา ๆ มันเป็นสร้อยที่เขาสวมให้เธอตอนพาเธอไปล่องเรือเล่นในทะเลสาบหลังปราสาท อัญมณีเพชรน้ำงามสีดำดูลึกล้ำเหมือนดวงตาของเขา เธอยังจำประโยคนั้นได้ดี

    ฉันให้เธอเพราะนี่คือค่าตอบแทนที่เธอให้เลือดฉันตั้งแก้วหนึ่ง

    คำพูดอวดดีน่าหมั่นไส้ที่มาพร้อมกับใบหน้าหยิ่ง ๆ ของเขายังทำให้เธอยิ้มได้ทุกคราที่นึกถึง หากแต่ตอนนี้เขาจะยังจำมันได้อยู่ไหม...ว่าของสิ่งหนึ่งของเขายังอยู่กับเธอ

    และเขาจะรู้ไหม...ว่าใจของเธออยู่ที่เขาเช่นกัน

     

    15 วันผ่านไป

    คนทั้งคฤหาสน์ต่างรู้สึกฉงนงงงวยกันเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่ดี ๆ ท่านหญิงของพวกเขาที่ปกติแล้วจะร่าเริงได้ทั้งวันกลับซึมเศร้าขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อาหารที่ยกขึ้นไปให้ก็แทบจะไม่แตะเลย เธอปฏิเสธงานเลี้ยงทุกงานและเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง แต่น่าแปลกที่คนสวนของคฤหาสน์บอกว่าตอนดึก ๆ เขาเห็นเธอออกมายืนที่ระเบียงทางเดินเชื่อมภายในคฤหาสน์ทุกวัน มันเกิดอะไรขึ้นกับท่านหญิงอันเป็นที่รักของพวกเขากันนะ?

    ...วันนี้พระจันทร์เจ็มดวงงั้นหรือ...

    ...แต่เสียดายจังที่ไม่ใช่สีแดง...

    ท่านหญิงฮารุที่วันนี้ออกมายืนที่ระเบียงเชื่อมในคฤหาสน์ตอนดึกดื่นอีกแล้วคิดขณะเหม่อลอยไปเรื่อย แต่สิ่งที่เห็น ณ ตอนนี้ทำให้ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตะลึง

    ...ท่านฮิบาริ!...

    ฮิบาริกำลังกระพือปีกสีดำคู่ใหญ่บินตรงไปยังระเบียงห้องนอนของเธอ เขาหยุดยืนอยู่ตรงริมระเบียง สอดส่ายสายตาเข้าไปยังห้องนอนที่มืดสนิทของเธอ

    “ท่านฮิบาริ!!” ชั่วพริบตานั้น ฮารุตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังอย่างแทบไม่เชื่อสายตา แต่เมื่อเขารู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น...ที่ที่เขาเคยพบกับเธอครั้งแรก เขากลับกางปีกขึ้นอีกครั้ง และทำท่าจะบินหนีไป

    “หยุดนะ!” ฮารุตะโกนเสียงดัง ทว่าฮิบาริไม่แม้แต่จะหันมามอง

    “ถ้าท่านไม่หยุด ฉันจะกระโดด!” ฮารุขู่

    เมื่อเห็นว่าทำยังไงเขาก็ไม่ยอมหันมาเสียที ฮารุจึงตัดสินใจปีนขอบระเบียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปในความว่างเปล่าบริเวณนั้นเสีย

    เธอหลับตาลง เดิมพันกับเขาครั้งสุดท้ายด้วยชีวิตของเธอ

    ในขณะที่แรงโน้มถ่วงโลกกำลังนำพาฮารุลงไปยังพื้นดินที่สามารถปลิดชีวิตเธอทิ้งได้นั้น ฮารุรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอม ๆ แบบบุรุษที่คุ้นเคย...และอ้อมแขนแข็งแรงที่โหยหามาตลอดครึ่งเดือนที่เธอทุกข์ระทม

    ...เดิมพันครั้งนี้...ฉันชนะนะคะท่านฮิบาริ...

    ฮารุคิดและยิ้มออกมาบาง ๆ เธอเงยหน้ามองแวมไพร์ตนที่กำลังทำหน้าบูดบึ้งด้วยความรัก ทันใดนั้นน้ำตามากมายก็ใหลทะลักออกมาจากดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลของเธอ

    “ในที่สุด...ท่านก็มา” เธอว่าเสียงสั่น

    “ไม่ต้องมาพูดเลย ฉันโกรธเธออยู่นะ”

    “ก็เรียกยังไงท่านก็ไม่ยอมหันมานี่ รู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหนที่ท่านทำเหมือนไม่ไยดีฉันแบบนี้”

    “...” เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่วางเธอลงกับพื้นห้องนอนของเธออย่างเบามือ

    “ฉันแค่มาเพื่อแอบดูเธอเงียบ ๆ ไม่คิดว่าเธอจะออกมาข้างนอกเวลาแบบนี้”

    “ฉันมาเพื่อรอท่าน”

    “...”

    “ทำไมวันนั้นท่านผิดสัญญา ทำไมท่านถึงไม่รอฉันล่ะ”

    “ฉัน...” เขายังพูดไม่ทันจบประโยค เธอก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

    “ฉันรักท่าน”

    “...!”

    “ฉันพร้อมที่จะทิ้งทุกอย่างที่ฉันมี ทั้งฐานะ โลกมนุษย์ และครอบครัว หรือแม้แต่ความเป็นมนุษย์ของฉัน...เพื่อที่ฉันจะได้อยู่กับท่านตลอดไป”

    “...ฮารุ”

    “นะคะ ท่านฮิบาริ ให้ฉันได้กลับไปที่ปราสาทของท่านเถอะ ฉันขอ...” ปลายนิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาปิดปากของเธอไว้ ก่อนที่เสียงทุ้มจะตามมา

    “ปราสาทของเราต่างหาก”

    “อา...” น้ำตาแห่งความตื้นตันใหลออกมาอีกครั้ง หลังจากที่เขารั้งเธอเข้าไปในอ้อมกอดอุ่นของเขา

    “ฉันรักเธอ ไปอยู่กับฉันนะ ฮารุ”

    ...นี่คือสิ่งที่ฉันรอคอย...คำคำนี้...เขาคนนี้...

    ...และฉันก็ไม่ลังเลเลยที่จะบอกเขา...

    “ฉันก็รักท่านค่ะ ท่านฮิบาริ” คำรักที่มาพร้อมกับจุมพิตแสนหวานจากแวมไพร์แสนเย็นชาตนนี้ทำให้ฮารุแทบจะลงไปกองกับพื้น ถ้าไม่มีท่อนแขนแข็งแกร่งของเขาคอยประคองอยู่

    “กลับปราสาทของเรากันเถอะ ฮารุ”

    ...ใช่ ปราสาทของเรา...

    ...และฉันก็ดีใจที่สุดเลยที่ได้เป็นหญิงสาวในตำนานที่เคยได้ยินตอนเด็ก ๆ คนที่สอง...

    ...ฉันคือเจ้าสาวของแวมไพร์สุดหล่อตนนี้ล่ะ ...

     

     

    FIN.

     

    [Joysu] จำได้ว่าฟิคนี้ปั่นไว้นานมากกว่าจะเอามาลง. ใช้เวลาหลายวันค่ะ. เพราะต้องมานั่งเครียดกับตอนจบว่าจะเอาไงดี, ฮ่ะฮ่ะ. กระแสแวมพ์กำลังแรง. แต่เรื่องความเหมาะสมของบทกับสองคนนี้นี่ยกนิ้วให้. แอบมีซีนเรทเรทนิดหน่อยเนอะ, ฮี่ฮี่. เจอกันฟิคหน้าค่า, จุ้บจุ้บ.


    Thanks Theme :
    Qreaz. 10

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×