ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจ....เจ้าเอย

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น( 100%)

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 54


     
    เจ๊เอ พี่สาวคนโต คำพูดติดปาก " น้องๆที่รักทุกคนของเจ๊ "






    #$$%%^*&
      เสียงประหลาดๆของมือถือดังขึ้นมาที่หัวเตียง ระยะที่เกินเอื้อม ทำให้ผมตกลงมาจากเตียง ผมที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นตาสว่างทันที ก็ผมมันคนตื่นยากนี่นา เลยต้องใช้วิธีนี้
      หยีตาดูเวลาตอนนี้เวลา 5.00 เช้าชะมัด  ผมเดินแบบงัวเงียไปที่ประตูห้อง เพื่อจะไปล้างหน้าตาที่ห้องน้ำ แล้วเตรียมตัวออกไปวิ่ง อย่างที่เคยทำมาอย่างทุกๆวัน  

    ทันใดนั้นเอง เสียงรถยนต์ฟังดูไม่คุ้นหูก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน
    ผมชะโงกหน้าไปที่ระเบียง ก็พบรถสปอตร์สีแดงเพลิง ข้างกันนั้นมีผู้หญิงในชุดสีแดงแสบตาไม่แพ้รถ
    กำลังโบกมือลาคนในรถ ที่ผมพอมองออกว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน
     
    เฮ้อ...เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย ผมนึกในใจอย่างเซ็งๆ

    ผมจัดการเปิดประตูหน้าบ้านเพื่อรับผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ทันทีที่ประตูเปิดออก กลิ่นฉุนกึกของแอลกฮอล์ 
    ก็ลอยเข้ามาเตะจมูกผมอย่างจัง

     

    ว่างาย....น้องรัก เธอยกขวดเหล้าที่เหลือเพียงครึ่งขวดชูให้ผม พร้อมกับส่งเสียงอ้อแอ้ จับใจความแทบไม่ได้

     

    พี่ เอ เข้ามาเร็วๆ เดี๋ยวยุงเข้า ผมเร่งเธอให้เข้ามาในบ้านเร็วๆ เธอเดินชนขอบประตูไปทีหนึ่ง และเตะโต๊ะอีกสองครั้ง พร้อมกับบ่นพึมพำว่า ใครมาตั้งโต๊ะเกะกะแถวนี้(วะ)  แล้วทิ้งตัวนั่งที่โซฟา


    เธอมีดวงหน้าคมเข้ม ดวงตาหวานซึ้ง ริมฝีปากบาง และเรือนร่างบอบบางน่าถนุถนอม 
    ผมดัดเป็นทรงสวยเก๋
    เห็นสภาพนี้ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอคือนางเอกชื่อดังที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี
    นี่คือนางมารร้ายที่หนึ่ง เป็น เจ๊ใหญ่ในบ้านมีชื่อว่า เอ

     

    น้องร้าก....มากินด้วยกันกับเจ๊มา...เธอกวักมือหยอยๆให้ผมไปหา

    ผมเดินเข้าไปก่อนจะคว้าขวดเหล้าที่อยู่ในมือเธอ

     

    ผมสิบหกเองนะ มาชวนผมกินเหล้าได้ไง ผมส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะจัดแจง เอาผ้าอุ่นมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ

     

    คนอื่นเจ๊เห็น กินเหล้าตั้งแต่สิบสามสิบสี่

     

    นั่นมันคนอื่นไม่ใช่ผม ผมจัดการเช็ดหน้าเธอแรงขึ้น เพื่อไม่ให้พูดอะไรอีก

     

    โอ๊ยเบาๆสิยะ หน้าคนนะโว๊ย!! ไม่ใช่ส้น.... เธอโวยวายต่ออีกเล็กน้อย ซึ่งผมไม่สนใจเท่าไหร่

    ผมจัดแจงดันตัวเธอให้นอนบนโซฟา เอาผ้าวางบนหน้าผาก เอากาแฟแก่ๆวางไว้ให้แก้สร่างเมา และไม่ลืมยาพาราสองเม็ดเผื่อปวดหัว ก่อนเตรียมตัวออกไปวิ่งอย่างที่เคยทำอย่างทุกวัน


    ออกกำลังกายเช้าๆอย่างนี้ มันทำให้รู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษ ไม่เข้าใจเลยทำไม ผู้หญิงทำทุกอย่างเพื่อให้ผอมเพรียว ทั้งกินยา อดข้าว (แต่กินขนม) ทุกอย่างบลาๆ แต่ยกเว้นอยู่อย่างเดียว   
    ออกกำลังกาย

    ตอนตีห้าอย่างนี้ ไม่ค่อยมีคนหรอก นานๆทีจะเจอหมาวิ่งสวนมาซักตัว
    ในที่สุดผมก็พาตัวเองมาถึงสวนสาธารณะ ที่ผมมาวิ่งที่นี่ประจำ ผมลดสปีดลงเหลือวิ่งเหยาะๆ

                ทันใดนั้นเองสายของผมก็พบกับรถสีเหลืองแสบตา มันจอดอยู่ข้างชิงช้าตรงสนามเด็กเล่น มีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่บนฝากระโปรงรถ  ใช้สองแขนหนุนต่างหมอน  ใครกันนะรถไม่คุ้นเลย หมู่บ้านของผมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ รถก็มีไม่มาก ผมจึงจำได้หมด ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ จนกระทั่งผมวิ่งไปใกล้จนพอมองเห็นหน้า
    และพบว่าหมอนั่นคือ......

     

    ไอ้หมีบ้า... ผมอดร้องอย่างแปลกใจไม่ได้

     ดูเหมือนว่าไอ้เจ้านั่นจะรู้สึกตัว เลยเปลี่ยนจากท่านอน มาเป็นยันตัวลุกขึ้นนั่ง หมอนั่นอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีขาว แต่มีรอยขะมุกขะมอม เหมือนไปสะดุดเท้าใครมา หน้าขาวๆ มีรอยช้ำที่ข้างแก้มและมุมปาก ที่หางคิ้วเข้มๆ ก็มีเลือดซึมอยู่นิดหน่อย ที่จริงไอ้หมอนี่มันก็หล่อละนะ แต่ตอนนี้บอกได้คำเดียว หมดสภาพ
    เจ้านี่ชื่อแบร์ เป็นคู่อริผมเอง คู่อาฆาต มาตั้งแต่ชาติปางก่อน

     

    แก...ไอ้หมาเถื่อน แกมาที่นี่ได้ยังไง เจ้านั่นเสยผมสีน้ำตาลจัดของตัวเองขึ้นไป

     

    แกนั่นล่ะมาที่นี่ได้ยังไง ที่นี่มันหมู่บ้านข้า

     

    เจ้าหมอนั่นเหยียดริมฝีปากอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

    อ๋อ...มิน่าล่ะ หมู่บ้านโทรมๆ แบบนี้ก็เหมาะกับแก ดีนะ

     

    แก!!!!” ผมอดทนไม่ไหว เลยจัดการส่งหมัดไปที่ปากหมาๆ ของไอ้บ้านั่น

    แล้วหลังจากนั้น ความต้องการที่จะออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ก็กลายเป็นการแลกหมัด ระหว่างผมกับไอ้หมอนั่น 

     เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ เราทั้งสองคนนอนหมดแรงอยู่บนพื้นหญ้า แสงทองเริ่มจับที่ขอบฟ้าเรื่อๆ
    ไอ้หมอนั่น เป็นฝ่ายที่ลุกขึ้นยืน ก่อนมองดูผมที่นอนอยู่บนพื้นหญ้า แล้วส่งสายตายิ้มเยาะๆมาให้ผม

     

    ไง ตายรึยังวะหมอนั่น เอามือเช็ดมุมปากที่โดนฮุกขวาผมเข้าไปเต็มๆ

     

     ผมลุกขึ้นยืนครึ่งตัว ก่อนจะตอบกลับไป

    ปากดีแกนั่นล่ะที่จะตายก่อน

     

    มันส่งยิ้มมาให้ผม  ไมใช่ยิ้มเยาะอย่างเคย แต่เป็นยิ้มแบบเศร้าๆ  
    มันเศร้า......จนผมอดใจหายไม่ได้

    ยังไม่ตายก็ดีแล้ว สู้กับแกสนุกดีว่ะ มันตอบกลับมา ก่อนจะเดินโซเซไปที่รถ ผมได้แต่มองตามมันไปอย่าง งงๆ

     

    แล้วนั่น แกจะไปไหนวะ  ผมเอ่ยปากถาม เจ้าหมอนั่นค้างประตูที่เปิดไว้หน่อยหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา

     

    กลับบ้านไปอาบน้ำน่ะสิ ฟัดกับหมาเหม็นสาบจะแย่

     

    ไอ้บ้า... ผมหยิบก้อนหิน ก้อนเล็กๆขว้างไปที่หมอนั่น

     

    แทนที่หมอนั่นจะโกรธที่ก้อนหินไปโดนรถมัน มันกลับส่งยิ้มมาให้ผม

    เฮ้ย....” เจ้านั่นเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูด ลาก่อน

    จากนั้นจึงปิดประตู พร้อมกับออกรถอย่างรวดเร็ว

     

    ผมได้แต่มองดูแสงไฟสีแดงท้ายรถ ที่ห่างออกไปทุกที  

    อะไรของมันวะ ผมได้แต่ไม่เข้าใจ

    ผมพาตัวเองกลับไปบ้าน ก็พบว่านี่มันตั้งหกโมงกว่าแล้วนี่นา ยุ่งล่ะสิ ผมดูตารางที่ติดไว้ที่ตู้เย็น ว่าใครจะต้องตื่นบ้าง จากนั้นก็จัดการตัวเอง โดยใช้เวลาประมาณ10 นาที เสร็จแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นไปข้างบน 
    ผมหยุดที่หน้าประตูห้อง ที่มีป้ายติดไว้ว่า ห้องของสุดสวยไม่มีกิจห้ามเข้า ผมเคาะพอเป็นพิธี
    ก่อนที่จะเปิดเข้าไปด้านใน
    ..

     

    สาบานนะว่า.....นี่ห้องผู้หญิง ให้ตายเถอะ เมื่อวานผมพึ่งเข้ามาเก็บกวาดไปให้เองนะ
    เฟรมวาดรูปตั้งอยู่กลางห้อง  ริมห้องฝั่งซ้ายมีกระเป๋าวางนอนอยู่บนพื้น กระดาษขยำกองอยู่มุมห้องด้านขวา
    โดยที่ถังขยะว่างเปล่า  แล้วชั้นในก็แขวนอยู่บนเก้าอี้  ส่วนเจ้าตัวนอนอยู่บนเตียง ผมเดินเขย่งปลายเท้าหลบของเข้าไปในห้อง

    เจ้าของผมสีดำสนิทตรงปลายถูกดัดนิดๆ ขนตางอน ยาวกำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข เรือนร่างบอบบางราวกับแตะเบาๆก็แตกสลาย ถ้าไม่นับที่นอนกัดฟัน ดังกรอดๆ อย่างตอนนี้ล่ะก็ ใครก็ว่านางฟ้าชัดๆ
    แต่ขอโทษเถอะ นี่มันนางมารชัวร์ๆ และผู้หญิงคนนี้ เป็นพี่สาวคนรองของผมเอง

     

    พี่บีตื่นเถอะ

     ผมเขย่าแขนเธอพอเป็นพิธี แน่นอนว่า เป็นพี่น้องกันมาสิบหกปี  ปีนี้เป็นปีที่สิบเจ็ด ผมรู้ดี แค่นี้ไม่ทำให้คุณเธอตื่นได้หรอก

     

    อืม....จีวอน.....จ๋า อย่าซี่ เค้าจั๊กจี้นะตัวเอง เธอบ่นพึมพำพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยอย่างมีความสุข

    มีละเมอด้วยแฮะเที่ยวนี้

     

    เฮ้อ....ผมอดถอนหายใจไม่ได้ ผมจัดการเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบหมอนใบใหม่ ออกมาไว้ให้เธอเปลี่ยน

    ก่อนจะเทน้ำราดลงไป แล้วเดินออกจากห้องปิดประตูเรียบร้อย แล้วยกนาฬิกาขึ้นดู

    5

    4

    3

    2

    1

    ไอ้หมา!!! ปลุกดีๆ ไม่เป็นรึไงยะ!!! “ เที่ยวนี้ ห้าวิแฮะ

    ลืมบอกไป ผมชื่อ ดี แต่คนในบ้าน ชอบเรียกว่าไอ้หมา สาเหตุ

     พี่สาวคนโตชื่อ a = ant =มด

    พี่สาวคนรองชื่อ b = bird = นก

    พี่สาวคนที่สามชื่อ C  แค่นี้....คุณคงรู้แล้วสินะครับ ว่าไอ้หมามาจากอะไร

    หลังจากที่คุณเธอเงียบไปซักพัก


    ก็เกิดเสียงโครมเหมือนใครตกเตียงจากห้องข้างๆ ตามด้วยเสียงโวยวาย

    จะเสียงดังทำไม แค่น้องมันปลุกแค่นี้

    อ๊ะ...
    ! ผมลืมบอกไปสินะว่า   นี่น่ะห้องของพี่ซี  ทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝดกันแต่เป็นแฝดไข่คนล่ะใบ ดังนั้นทั้งคู่จึงไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย  ยกเว้น วันเกิด  เอาล่ะ กว่าที่ทั้งคู่จะทะเลาะกันเสร็จ กว่าที่จะตกลงกันได้ว่าใครจะใช้ห้องน้ำก่อน ผมมีเวลาอีกราวๆครึ่งชั่วโมงในการลงไปด้านล่างแล้วปรุงข้าวต้ม 


     

    เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง  
                                    เจ้าของร่าง ความสูง160 ซม. ในเครื่องแบบนักศึกษาสุดเนี้ยบ ที่กลีบผ้ารีดไว้คม จนอาจบาดได้  ถ้าเผลอไปเดินชนเข้า กระดุมและเข็มของมหาลัยแพทย์ชั้นนำถูกติดไว้เรียบร้อย ผมยาวเหยีอดตรงถึงกลางหลังโดยที่ไม่ได้ดัดหรือตกแต่งอะไรมัน ดวงตาหวานซึ้ง ริมฝีปากบางสีกุหลาบ ใบหน้ารูปไข่ ผิวเหลืองเนียนสวย จนใครต่อใครพูดกันว่า  เธอสวยเหมือนนางในวรรณคดี เธอนี่ล่ะซี พี่สาวคนสุดท้ายในบ้านผม

     

    วันนี้มีอะไรกินเหรอ  ดี  เธอทำจมูกฟุดพิด แล้วทำท่าว่าจะเดินเข้ามาในครัว

     

    หยุดเลย !!!  พี่ไปนั่งที่โต๊ะนั่นล่ะ  ไม่ต้องเข้ามา ขอร้อง ผมไม่อยากเก็บกวาดอะไรอีก วันนี้ผมรีบ “ผมทำมือปางห้ามญาติ กันไม่ให้เธอเข้ามา

     

    แหม....เราเห็นพี่เป็นคนยังไงกัน เธอทำแก้มป่องแบบไม่ยอมรับในสิ่งที่ผมพูด แล้วเดินออกไปจากห้องครัว ผมหันไปเอาทัพพีคนข้าวในหม้อต่อ ก่อนจะได้ยินเสียง

     

    ว้าย!” โครม !!เพล้ง!!!

     

    เฮ้อ...ดีนะที่ไม่ให้เข้ามาในครัว ผู้หญิงคนนี้ก่ออุบัติเหตุได้ทุกๆสิบนาทีอยู่เสมอ เชื่อมั้ยล่ะ

    พี่อยู่เฉยๆ นั่นล่ะเดี๋ยวผมจัดการเก็บเอง ผมตะโกนบอกไป จัดการยกข้าวต้มไปให้ก่อนจะเข้าไปหยิบไม้กวาดในครัว

     

    ไงไอ้หมาวันนี้มีอะไรกิน พี่บีเดินเข้ามาในชุดเสื้อยืดสีกรม กางเกงขาสั้น

     

    อ้าว ....วันนี้ ไม่ไปมหาลัยเหรอ ผมเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

     

    ไป   เธอตอบก่อนจะใช้ทัพพีคนๆดูในหม้อแล้วเดินออกไป

     

    ผมจัดการเอาไม้กวาดเดินตามเธอออกไป เก็บกวาดชามที่พี่ซีทำแตก

     

    เฮ้ย....ไอ้หมา  แกว่ากางเกงหรือกระโปรงดี พี่บี ชูกระโปรง ลายลูกไม้ กับกางเกงยีนส์ ให้ผมดู

     

    ที่แท้ก็อยากให้ผมดูก่อนจะแต่งอะไรไป มันจะไปแตกต่างอะไรยังไงก็เหมือนกันนั่นล่ะ

     

    กางเกง ผมตอบโดยไม่เงยหน้า

     

    ไอ้หมา เอาดีๆ เธอเท้าเอวตอบผมเสียงเข้มขึ้น อันเป็นสัญญาณว่า ถ้าเอ็งตอบไม่ถูกใจ มีเรื่อง

     

     ผมเงยหน้าขึ้นมองหยุดคิดเล็กน้อย

    กางเกงเลยเจ๊.... กางเกงโดนมากเลย

     

    เธอมองกางเกงสลับกับกระโปรง

    กางเกงเหรอ อ๊ะ กางเกงก็กางเกง เธอหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาใส่........

    กระโปรง

    (เหตุการณ์จริงเคยเกิดขึ้นกับผู้เขียนกับน้องสาว)

     

    แล้วทำไมปลุกพวกพี่แต่เช้าเลยล่ะ พี่ซี เงยหน้าจากชามข้าวต้ม

     

    ผมมองไปทางพี่เอ ที่นอนหมดสภาพนางเอก อยู่ตรงโซฟาแทนคำตอบ

     

    แล้วอย่างนี้ใคร จะไปส่งพวกเราล่ะ   พี่ซีหน้าเสียเล็กน้อย ปกติ พี่เอจะเป็นคนส่งพวกเราไปเรียน ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรเร่งด่วน สักพักเราก็ได้คำตอบ

    " เจ๊...จา...ปาย....ส่ง...เอง "
    พี่เอที่ลุกขึ้นมายืน ก่อนจะเดินหน้ามาสองก้าว มาหาพวกเรา แล้วเดินถอยหลังไปสามก้าวตอบ

    ผมเดินเข้าไปประคองพี่เอ...ก่อนจะฉุดเธอให้นั่งลงแล้ว เอาผ้าชุบนำผืนใหม่ไปโปะหน้า
    สภาพนี้..ให้พ้นปากซอยยังยากเลย อย่าว่าแต่จะไปส่งพวกเรา กุญแจรถเก๋งนินิคูเปอร์ของบ้านเรา อยู่ในมือผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงผมจะไม่มีใบขับขี่ก็เถอะ 

    ควับ!! ทันใดนั้นเองกุญแจที่อยู่ในมือผม  ก็ถูกดึงไปอยู่ในมือพี่บีทันที

    " ชั้นขับเอง "พี่บีตอบกลับมา เมื่อผมมองหน้าเธอแทนคำถาม และเดินไปที่รถเป็นการตัดบท  
    ไม่ให้ผมกับพี่ซีโต้แย้งอะไร ผมได้ถอนหายใจในการเอาแต่ใจ ของผู้หญิงคนนี้

    ........................

             รถราที่ไม่ค่อยเยอะ เท่าไหร่ ตามความคิดของผม เพราะพวกเราออกค่อนข้างเช้า ป้ายรถเมล์สอง ข้างทางมีคนจับจองที่นั่งเริ่มหนาตา แต่ไม่เยอะ  

    ผมที่นั่งข้างคนขับ หลืบมอง...พี่บีที่ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับเหลือบมองกระจกหลังเป็นระยะๆ
    สาเหตุเพราะรถข้างหลังกระพริบไฟไล่ 

    "มันจะรีบไปตาย ที่ไหนของมันเนี่ย กระพริบไฟไล่อยู่ได้ "
    พี่สาวผมบีบพวงมาลัยแน่น  พร้อมกับชำเลืองมองกระจกหลังเป็นระยะๆ 
    ผมว่าที่จริงเขาหรือเธอ น่าจะบีบแตรไล่ได้วยซ้ำ เพราะเราอยู่เลนขวา แต่ขับด้วยความเร็ว40.........ไม่ไล่ก็แปลกล่ะ สักพัก รถคันหลังก็คงจะคิดได้ว่า....ขับแซงไปจะง่ายกว่าเลยทำท่าจะขับแซงเรา แต่ทว่าพี่บีก็คงคิดเหมือนกันเลยออกตัวเปลี่ยนเลนด้วยผลก็คือ.....
     โครม!!!
    ท้ายรถมินิคูเปอร์ของเรา เจอเข้าไปหนึ่งรอย......

    " ว้าย!!! " พี่บีร้องด้วยความตกใจ ก่อนจะกระทืบเบรก  แล้วจอดเข้าข้างทาง
    ซึ่งคันหลังก็จอดข้างหลังติดๆกันกับรถเรา ทันทีที่รถจอด พี่บีก็ออกไปจากรถอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตีสีหน้านางมารที่พร้อมจะฟาดฟันคนที่อยู่ในรถเป็นชิ้นๆ   โดยมีพี่ซีออกไปยืนเกาะแขน ประมาณห้ามให้ใจเย็นๆ
    ไม่ได้การล่ะ ผมต้องออกไปช่วยห้ามซักหน่อย แค่พี่ซีคนเดียวเอาไม่อยู่หรอก

    ผมออกไปก็เห็นพี่บี กำลังยืนคุยอยู่กับคู่กรณีด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด โดยมีพี่ซียืนเกาะแขนให้ใจเย็นๆ
    คู่กรณีเป็นผู้ชาย อายุอานามน่าจะรุ่นๆเดียวกับพี่บี รูปร่างสูงโปร่งชนิดที่ว่าพี่บีต้องเงยหน้ามองเลยล่ะ
    เขากำลังเสยผมด้วยท่าทางที่หงุดหงิด แม้ว่าจะมองหน้าไม่ถนัด เพราะแว่นกันแดดที่สวมอยู่ก็เถอะ
    แต่ผมก็พอมองออกว่า  ผู้ชายคนนนี้หน้าตาดีเลยล่ะ

    " คุณนั่นล่ะผิด "

    " คุณนั่นล่ะเปลี่ยนเลนกระทันหัน คุณนั่นล่ะที่ผิดเต็มประตู "

    " คุณนั่นล่ะ ไม่รู้ว่าจะรีบไปตาม...ที่ไหน " เธอละเสียงไว้ให้พอเข้าใจ ทำเอาผู้ชายคนนนั้นแทบกระโจนมาบีบคอ
    ผมเห็นท่าไม่ดี เพราะปากพี่ผมก็ใช่ย่อยเมื่อไหร่ เห็นอย่างนั้นยังไม่กลัวเลย แถมถลกแขนเสื้อท้าทายเสียอีก

    "พี่บีใจเย็นๆ" ผมจับข้อศอกเธอดึงมาหาตัวผม

    ทันใดนั้น  ประตูรถสีแดงของคู่กรณีก็เปิดออกมา พร้อมกับร่างบางในชุดนักเรียน  สถาบันเดียวกันกับผมที่โผล่พ้น ประตูออกมาด้วย เธอไว้ผมผูกหางม้ามัดไว้ด้วยโบว์สีฟ้าอ่อน ผิวขาวใสจนแทบจะมองเห็นเส้นเลือด ริมฝีปากชมพูระเรื่อ ที่กำลังส่งยิ้มมาให้ ดวงตาโตดำขลับกำลังมองผม...ด้วยสายตาที่ผมเองก็บอกไม่ถูก...มันปนทั้งความยินดีทั้งหวาดระแวง และ...โหยหา ใครกันนะ ผมเองไม่แน่ใจ แต่ว่า ผมต้องเคยเห็นเธอมาก่อนแน่ๆ

    " พี่ดี ใช่มั้ยคะ " เธอเอ่ยปากทักผม

    ผู้ชายคนนั้นมองเธออย่างแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยปากถาม
    " เรารู้จักด้วยเหรอ น้ำอุ่น "

    " พี่ชายจำ พี่ดีไม่ได้เหรอ " เธอหันไปคุยกับผู้ชายร่างสูงข้างๆตัว

    " ดี..เหรอ อ๋อ...!! เฮ้ยดีนี่พี่เอง " ผู้ชายคนนั้นถอดแว่นตาให้ผมเห็นชัดๆ ทำให้ผมที่กำลังงงๆ หายงงทันที

    " อ้าวพี่ น้ำนิ่ง มาได้ไง " พี่น้ำนิ่งเคยอยู่ข้างๆบ้านเรา สมัยผมเด็กๆ แต่ว่าย้ายไปหลายปีมาก
    รู้สึกว่าจะย้ายไปเมืองนอก ตามหัวหน้าครอบครัวที่ได้งานที่นั่น ผมถึงจำไม่ได้ในตอนแรก แต่ว่าด้วยความที่สนิทกันพอพี่เขาทักผมก็เลยนึกออก

    " พี่กลับมาเมืองไทยได้สองเดือนแล้ว "

    ไม่ทันที่ผมจะทักผมจะทักตอบ พี่บีก็ดึงแขนผมเป็นเชิงถาม
    "แกรู้จักด้วยเหรอ...." 

    " พี่น้ำนิ่งกับ น้ำอุ่น ที่อยู่ข้างบ้านเราตอนเด็กๆไง พี่บีจำไม่ได้เหรอ "

    พี่น้ำนิ่งมองมาที่เรา ก่อนจะทำท่านึกตรู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย
    " เฮ้ย!!!! อย่าบอกนะว่านั่นน่ะยัยหมูบี " พี่น้ำนิ่งชี้มาที่เราอย่างตกใจ

    " เสียมารยาท ว่าใครหมูยะ!! ไอ้น้ำเน่า " ไม่ต้องถามว่าพี่สาวผมจะจำได้ไหม เพราะการที่เรียกฉายาของกันและกันตอนเป็นเด็ก ย่อมบอกทุกอย่างดีอยู่แล้ว


    ผมปล่อยให้สองคนนั้นเถียงต่อไป ก่อนจะเดินไปหาน้องสาวตัวน้อยเมื่อสมัยผมเป็นเด็ก
    " น้ำอุ่นเหรอ....." ผมยิ้มกว้างไปให้เธอ


    และเหมือนเดิมทุกครั้ง รอยยิ้ม ที่ยิ้มออกทั้งปากทั้งลูกตา ชวนให้สบายใจที่สุด ส่งกลับมาให้ผม
    ก่อนจะตอบด้วยใบหน้าที่ขึ้นสี และเสียงแผ่วเบาที่แสดงความเขินอาย
    " ค่ะ พี่ดี "

    แม้ว่ารถพยาบาลและรถกู้ภัยจะยิ่งผ่านเราไป แม้ว่ารถราจะมากมาย แม้จะมีผู้คนที่มองดูพวกเราอย่างสนใจ
    แต่ทว่า.....เหมือนมีแค่สองเราเท่านั้น
    ผมได้น้องสาวผมกลับคืนมาแล้ว


    ......................................................................................................





















     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×