คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : การเลือกคู่ของเจ้าชายอสูร
“เพล้ง”เสียงกระจกเงาบานใหญ่ที่ตกแตกกระจายทำให้เอลฟ์ที่เช็ดถูอยู่ในบริเวณนั้นหันมามองหน้ากันอย่างเงียบๆ พวกมันรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองหรืออาการตกใจใดๆเกิดขึ้นกับพวกมันความเคยชินทำให้พวกมันปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในที่นั้นได้ดีขึ้น
ภายในปราสาทที่สวยงามดุจราชวังที่ถูกตกแต่งไปด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณราคาแพงแต่เข้าชุดเข้ามุมกันอย่างดูดีเหมาะกับรสนิยมของเจ้าบ้านที่งามสง่าซึ่งยืนอยู่หน้ากระจกเงาราคาแพงที่แตกละเอียดด้วยฝีมือของเขา ใบหน้าของชายหนุ่มผมบลอนส์ในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวในขณะที่แววตาของเขาแตกต่างโดยสิ้นเชิงแววตาของเขาดูช่างระยิบระยับเต็มไปด้วยแววขี้เล่นและสนุกสนานอยู่ในที พลันเสียงยานคางบ่งบอกถึงความหยอกเย้าดังแทรกออกมาจากตัวเขาก็ดังขึ้น
“โว้ โว้ นายกำลังอารมณ์เสียเดรโก บอกข้าสิเรื่องอะไร”
เดรโกฉุนกึก“เรื่องของมนุษย์หมาป่างี่เง่าที่พยายามหาคู่แบบแกนะสิเมอร์แซม”
ดวงตาของเขาหรี่เล็กน้อยก่อนตอบกลับอย่างไม่แยแสเท่าที่ควร
“นายจะโมโหทำไมกัน เดรโก ยังไงซะนายเองก็ต้องหาคู่ให้ฉันอยู่ดี ไม่ว่าฉันจะร้องขอหรือไม่ก็ตาม มันคือกฎของเรา อย่าลืมสิว่านายกับฉันเราคือคนคนเดียวกัน”
เสียงกังวาลลึกของเมอร์แซมกระตุ้นความทรงจำเก่าๆที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์หมาป่าของเขา
หลังจากเกรแบล็คฆ่าแม่ของเขาตายลุงเซเวอรัสได้พาเขาเข้ามาอยู่ในภาคีท่ามกลางความขัดแย้งออกเป็นสองฝ่ายฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่จะให้เขาอยู่ในภาคีนี้บ้างก็ว่าเขาเป็นไส้ศึก บ้างก็ว่าเขาเป็นจอมวายร้าย และอีกสารพัด เขาต้องทนต่อการดูถูกเหยียดหยามจากคนในภาคีแต่เขาก็ต้องทนเพื่อรอการแก้แค้น หลังจากภาคีโค่นล้มเจ้าแห่งศาสตร์มืดได้แล้ว สมุนของจอมมารโดนไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย และหนึ่งในนั้นคือเกรแบล็ค มันถูกจับได้และนำตัวไปยังคุกอักคาบัน
หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยเขากลับหันหลังให้กับภาคีโดยสิ้นเชิงเขาเริ่มดำเนินธุรกิจภายในครอบครัวที่ทิ้งเอาไว้ให้เขามากมายพอควร เดรโกจัดเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมและหัวไวเขากล้าได้กล้าเสียกับทุกๆอย่างจึงจัดว่าเป็นนักธุรกิจที่เติบโตไวที่สุดในโลกพ่อมดแม่มด
ภายในเวลาไม่ถึงปีเดรโกเติบใหญ่และกล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆในวงการธุรกิจเกือบทุกประเภททุกคนล้วนแต่ก้มหัวให้กับเขาไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนก็ตาม
แต่ทุกคนกลับไม่รู้ถึงเรื่องบางอย่างที่เขาปกปิดเอาไว้ มนุษย์หมาป่าในร่างของเดรโกเติบโตอย่างช้าๆพร้อมกับตัวเขาเลือดของเกรแบล็คเข้ากันกับเลือดของเดรโกได้อย่างดีถึงแม้เขาจะโดนแค่รอยข่วนของเกรแบล็คแต่มันกลับเติบโตเข้ากับร่างของเขาได้อย่างดีเยี่ยมและวันหนึ่งเมอร์แซมก็แสดงตัวตนของมันออกมา
เดรโกไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้เขารู้สึกถึงกระแสเลือดที่ไหลเวียนในตัวเขาผิดปกติ อาการปวดแปลบรวดร้าวไปทั่วกายราวมีเข็มนับพันนับหมื่นเล่มรุมทิ่มแทงแขนขาสองข้างหนักอึ้งไม่สามารถขยับตามคำสั่งใดๆได้เลยศรีษะปวดตึงแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆทุกอย่างรอบตัวมืดมิด เขามารู้สึกตัวอีกทีเมื่ออยู่บนเตียงนอนเสื้อผ้าขาดวิ่นและร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งมันไม่ใช่ของเขาแต่เป็นของคนอื่น เดรโกรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากเมอร์แซมเองที่มันเริ่มพูดคุยออกมาจากภายในจิตใจของเขา และเขาก็เริ่มรับรู้ได้ในตอนนั้นว่าเขาเองมีร่างอีกร่างแฝงอยู่ในตัวของเขา
มันฆ่าหญิงชราคนหนึ่งในตรอกไดแอกอน นี่คือเรื่องราวที่เมอร์แซมบอกกับเขา หลายครั้งที่เขาไม่สามารถควบคุมเมอร์แซมได้มันออกไปไล่ล่าฆ่าคนเป็นว่าเล่นในยามพระจันทร์เต็มดวง
ทุกคนที่ถูกเขาฆ่าตายจะมีการสืบสวนเกิดขึ้นก็จะถูกเขาปิดปากด้วยทรัพย์สินเพื่อให้เรื่องเงียบเป็นอย่างนี้อยู่หลายราย และถ้ารายไหนเอะอะโวยวายเดรโกมักมีวิธีที่จะจัดการในขั้นเด็ดขาดชนิดที่ว่าหายไปจากโลกนี้เลยทีเดียว
เรื่องนี้มีเพียงคนเดียวที่รู้คือลุงเซเวอรัสเขาเป็นคนในภาคีคนเดียวที่ดรโกเชื่อใจและเป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้ ลุงเซเวอรัสสอนวิธีปรุงยาเพื่อควบคุมเมอร์แซมให้ฝังลึกลงในตัวเขาเหมือนเช่นเคยปรุงให้กับ รีมัส ลูปินมาก่อน ไม่ใช่เฉพาะที่ตัวยาอย่างเดียวที่จะควบคุมมันได้เขาเองก็ต้องควบคุมอารมณ์ตัวของเขาเองด้วยเช่นกันเพราะถ้ายิ่งอารมณ์ของเขาป่วนปั่นเมื่อไรหรือมีอารมณ์ที่รุนแรงกับเรื่องใดๆเมอร์แซมจะออกมาได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น และในตอนนี้ก็เช่นกัน เดรโกพยายามทำใจเย็น ทั้งๆที่รู้ว่ามันยาก เมื่อนึกถึงการที่เขาต้องพยายามหาคู่ให้เมอร์แซมเพื่อดำรงเผ่าพันธ์ของมันและเหนือสิ่งอื่นใดเพื่อการมีชีวิตอยู่ของเขาเองด้วยอีกข้อหนึ่ง
“เมอร์แซมแกเข้าใจผิดแล้วแกคือหมาป่าที่อยู่ภายในจิตใจของฉัน แต่ฉันคือเดรโก มัลฟอย พ่อมดที่ร่ำรวยที่สุดและมีเกียรติที่สุด”เดรโกคำรามเสียงต่ำเมื่อพูดกับเมอร์แซม
“เอาล่ะ ไม่ว่านายจะยอมรับหรือไม่ก็ตามยังไงซะการหาคู่ก็เป็นหน้าที่ของนายอยู่ดี หรือถ้านายไม่อยากฝืนใจงั้นเจ้าก็ปล่อยข้าออกมาสิข้าจะได้หาคู่ของข้าได้เองโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาเจ้าอีก”
“เมอร์แซมนี่เจ้าคิดหรือว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าออกมาทำความลำบากให้กับข้าอีก”น้ำเสียงและถ้อยคำของเดรโกบ่งบอกถึงความไม่ไว้วางใจเมอร์แซม แต่เมอร์แซมก็ไม่คิดขลาดกลัวจนไม่โต้ตอบ
“ข้าเพียงแต่เสนอทางเลือกให้กับเจ้าเท่านั้น”
“ฉันไม่เข้าใจทำไมแอสโทเรียถึงไม่เหมาะสมพอที่จะเป็นคู่ของเจ้า “
คนถูกถามเงียบไปอึดใจ ราวจะชั่งใจว่าจะตอบคำถามเขาดีหรือไม่
“ไม่ใช่ว่านางไม่เหมาะสมเพียงแต่นางไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้าสาวของข้า ข้าเคยบอกเจ้าแล้วเดรโกว่าคู่ของข้าพิเศษกว่าผู้หญิงคนไหน”
นัยน์ตาสีเทาเข้มสว่างวาบแวบเดียวก่อนเปลี่ยนเป็นเย็นชาเหมือนเดิม
“แต่แอสโทเรียเป็นคู่หมั้นของฉันไม่ว่านายจะชอบหรือไม่ชอบยังไงซะฉันก็ต้องแต่งงานกับเธอ”
เสียงตอบกลับของเมอร์แซมพูดกลับอย่างตรงไปตรงมา
“นั่นคือผู้หญิงของเจ้าเดรโก ไม่ใช่ของข้า แต่เจ้าบอกเธอหรือเปล่าเรื่องข้า”
“เปล่า”เดรโกตวัดเสียงตอบสั้นๆ
“นั่นล่ะคือปัญหาของเจ้าเดรโก นางจะยอมรับมนุษย์หมาป่าในตัวของเจ้าได้อย่างงั้นเหรอ”
เดรโกนิ่งไปเพียงอึดใจก่อนตวาดกลับไปอย่างหงุดหงิด
“หุบปากเมอร์แซม เจ้าก็รู้ว่าข้าควบคุมเจ้าได้ ที่ข้าปล่อยให้เจ้ามาต่อปากต่อคำกับข้าได้ในตอนนี้เพราะข้าสงสารเจ้าหรอกนะไม่อยากขังเจ้าไว้ตลอดเวลาแต่ถ้าเจ้ายังเสนอหน้ามาสั่งสอนข้าอีกข้าจะขังเจ้าไว้ภายในตัวข้าตลอดกาล”
“ไม่เสมอไปหรอกเดรโก เจ้าจะไม่มีทางควบคุมข้าได้ตลอดไปหรอก “
เดรโกสูดลมหายใจเข้าลึกๆเขาพยายามควบคุมสติตัวเองไม่ปล่อยให้คลื่นความกดดันของเมอร์แซมซึ่งแฝงตัวอยู่ในกายของเขาถาโถมเข้ามาหาเขาได้อีก
“ข้าจะคอยดูเจ้าเมอร์แซม แต่ตอนนี้หมดเวลาคุยแล้ว เพราะข้ากำลังจะไปหาคู่ให้กับเจ้าอีกวันแล้ว หวังว่างานปาร์ตี้วันนี้ข้าจะได้เห็นหน้าคู่ของเจ้าสักทีก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เดรโก มัลฟอยไม่ได้รื่นรมย์เลยที่จะต้องมางานเลี้ยงหรูหราอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ยิ่งเวลาผ่านไปในแต่ละปีเขายิ่งกลัวที่จะต้องปรากฏตัวแต่เมื่องานนี้มีถึงรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ คนล่าสุดมาในงานนี้ด้วย จึงหนีไม่ได้ที่ตระกูลมัลฟอยต้องมาร่วมงานเพื่อแสดงละครตามที่เขาหวังจะสร้างภาพ แอสโทเรียมักจะปรากฏกายเคียงข้างเขาอยู่บ่อยครั้งเพราะพ่อของเธอเองก็ต้องอาศัยอำนาจทางการเมืองสนับสนุนธุรกิจของตระกูลเช่นกัน
เดรโกพยายามฉีกยิ้มจอมปลอมให้กับทุกคนที่เขารู้จักในงาน มีหลายคนที่พูดคุยและโบกมือทักทายเขา ในขณะที่เขาต้องหยุดและทักทายตอบ
และในตอนนี้ เดรโกหยุดยืนอยู่ต่อหน้ารัฐมนตรีเวทมนต์ที่กำลังหัวเราะอย่างครื่นเครงให้กับคำพูดของเดรโกที่รับปากจะบริจาคเงินก้อนโตให้กับกระทรวงเวทมนต์แผนกสัตว์พิเศษที่ท่านรัฐมนตรีตั้งขึ้นมาใหม่
“ขอบคุณมากคุณมัลฟอย ผมซาบซึ้งใจจริงๆที่คุณเห็นคุณค่าสนับสนุนแผนกที่ผมตั้งขึ้น”
“เรียกผมว่าเดรโกก็ได้ครับท่าน”
“ยังงั้นคุณมาทางนี้กับผมเถอะเดรโกเราต้องคุยกันอีกนานเลยล่ะ อีกอย่างผมต้องการจะแนะนำคุณให้รู้จักกับคนในกระทรวงอีกหลายคนทีเดียว”
เดรโกเดินออกไปกับรัฐมนตรีโดยไม่ได้เหลียวหลังกลับมามองหญิงสาวคู่ควงของเขาเลย แต่แอสโทเรียรู้ดีว่าเธอควรจะทำอย่างไร แอสโทเรียแค่มองตามพวกเขาจนหายเข้าไปยังห้องสูทห้องหนึ่งหลังจากที่เดรโกหายไปยังภายในห้องแล้วแอสโทเรียจึงพาร่างบอบบางเฉิดฉายไปตามทางเดินเพื่อมุ่งไปยังซุ้มเครื่องดื่มที่มีให้เลือกมากมายหลายชนิด ในขณะที่แอสโทเรียมองไปยังน้ำสีแดงสดที่ดูน่าทานอยู่นั้นเธอได้ยินเสียงแหลมๆของใครบางคนที่เธอค่อนข้างคุ้นเคย
“แอสโทเรีย”
“แพนซี่ นี่เธอก็มาด้วยงั้นเหรอ”แอสโทเรียร้องอุทานอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะหันไปสนใจน้ำสีแดงที่อยู่ข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี
“ใช่ฉันมากับเบลสน่ะ ว่าแต่เธอเถอะเอาตัวเดรโกไปไว้ไหนเนี่ย”แพนซี่ถามก่อนที่สายตาจะมองไปยังรอบๆงาน
“เขาคุยอยู่กับท่านรัฐมนตรีอยู่ด้านโน้นแนะ”แอสโทเรียพยักหน้าไปทางห้องสูทก่อนคว้าแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีแดงในมือแล้วเดินไปหาที่นั่ง โดยมีแพนซี่ยังคงเดินตามมานั่งติดๆ
“เมื่อไหร่เธอกับเดรโกจะมีข่าวดีเสียที”แพนซี่ถามเสียงสะบัดทำให้แอสโทเรียถึงกับขำในคำถามนั้น
“ทำไมล่ะเธออยากมางานแต่งของฉันมากหรือไงแพนซี่หรือว่าอยากได้ดอกไม้เจ้าสาวล่ะ แดฟนี่พี่สาวฉันคงไม่ชอบใจแน่เพราะเธอเองก็เล็งดอกไม้นี้อยู่เหมือนกัน”
แพนซี่ชะงักไปเล็กน้อยดวงตาทอประกายความเกลียดชังในคำพูด
“ฉันก็แค่เป็นห่วง”
ริมฝีปากบางของแอสโทเรียเกือบขยับยิ้มก่อนสะกดไว้อย่างยากเย็น
“หมายความว่ายังไง”
แพนซี่เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวทันทีแววตาของแอสโทเรียเรียบเฉยทำให้เธอต้องระงับใจไว้ก่อนตอบ
“เธอไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้โลกเวทมนต์พูดถึงเดรโกว่ายังไงโดยเฉพาะสาวๆแม่มดทั้งหลาย”
ดวงตาคู่สวยนั้นมีแววฉงนอยู่ในตอนแรกก่อนแปรเป็นเข้าใจจึงนิ่งไปครู่แล้วเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“อ้อ เรื่องนั้นนะเหรอ เดรโก มัลฟอย พ่อมดหนุ่มรูปหล่อนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกเวทมนค์และลึกลับที่สุดในโลกส่วนตัว สาวๆต่างก็ใฝ่ฝันอยากแนบชิดสนิทสนมกับตัวเขาแทบจะทุกคน ข้อความนี้ฉันเพิ่งอ่านจากเดลี่พรอเฟ็คเมื่อวานเองน่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดามากแพนซี่ ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจเขานี่สิมันน่าแปลก อีกอย่างเธอก็รู้จักเดรโกดีอยู่แล้วนี่ คนอย่างเดรโกเป็นคนช่างเลือกเขาไม่ไปคว้าผู้หญิงที่ชอบวิ่งตามเขาหรอก แล้วฉันก็คิดว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนเหมาะสมกับเขามากไปกว่าฉันอีกแล้ว และฉันก็รู้ด้วยว่าเดรโกเขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน”
“ถ้าเธอมั่นใจขนาดนั้นฉันก็จะรอดู”
“วันนี้เธอเป็นอะไรไปแพนซี่ รู้สึกเคร่งเครียดจัง เธอเป็นห่วงฉันหรือหึงฉันกันแน่”แววตาที่มองมาทำให้แพนซี่สะบัดร้อนสะบัดหนาว มันเป็นทั้งความแค้น เยาะเย้ยและท้ายสุดคือสมเพช
“แอสโทเรีย”แพนซี่เรียกชื่อคู่ควงของเพื่อนเธอด้วยเสียงสูงอย่างไม่พอใจ
“ฉันแค่ล้อเล่น ฉันเชื่อว่าเธอคงเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเหมือนที่เคยเป็นเพื่อนที่ดีของพี่สาวฉัน ฉันพูดถูกไหม”น้ำเสียงของแอสโทเรียบอกแววมีชัยเมื่อมองท่าทีฉุนเฉียวที่แพนซี่พยายามระงับแต่มันแทบเป็นไปไม่ได้
แพนซี่กำมือนแน่นด้วยความโมโห ถ้าเป็นไปได้เธอแทบอยากฆ่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้เสียด้วยซ้ำ เธอไม่ชอบหญิงสาวคนนี้เลย แอสโทเรียเป็นผู้หญิงที่สวย เก่งและฉลาด หลังจากที่เดรโกรู้จัก แอสโทเรีย กรีนกราสซึ่งเป็นน้องสาวของแดฟนี่ กรีนกราสเพื่อนในกลุ่มของบ้านสลิธลีน เดรโกเรื่มให้ความสนิทสนมกับลูกสาวคนเล็กของครอบครัวกรีนกราสนับแต่ชั้นปีเจ็ดนับตั้งแต่นั้นมา อาจจะเป็นเพระทั้งฐานะ ชาติตระกูลและสายเลือดของเธอเหมาะสมกับเดรโกทุกอย่างก็เป็นไปได้ทำให้เธอเป็นหนึ่งในตัวเลือกหลายๆคนของเดรโก เมื่อจบจากฮ๊อกว๊อตส์แล้วหลังจากเกิดเรื่องมากมายกับเดรโกและเดรโกผงาดขึ้นมาในวงการธุรกิจได้ไม่นาน สองปีต่อมาเดรโกประกาศหมั้นกับแอสโทเรียทันที มันทำให้แพนซี่ถึงกับช๊อคและผิดหวัง เธอยอมรับว่าการที่เดรโกมีท่าทีสนิทสนมกับแอสโทเรียทำให้แพนซี่ไม่พอใจ เพราะแพนซี่เองก็ปรารถนาในตัวเดรโกเองเช่นกัน จริงอยู่ที่เธอเองควงอยู่กับ เบลส ซาบินี่ แต่มันก็ใช่ว่าจะทำให้เธอลดความลุ่มหลงในตัวเดรโกเลยแต่มันกลับพอกพูนขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่มีเหตุผล
-------------------------------------------------------------
“ทำไมคุณต้องการพื้นที่ในเขตตรอก นอร์ทเธิร์นมากขนาดนั้นคุณเดรโก”ท่านรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์กล่าวพลางจิบวอสก้าอย่างช้าๆ
อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีแต่รัฐมนตรีที่ผ่านอะไรมามากทันเห็นประกายแสงบางอย่างลุกวาบในดวงตาคู่นั้นชั่วพริบตาแต่เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมาดวงตาคู่นั่นก็เป็นปกติจนเขาเองก็ไม่แน่ใจ
“ผมเพียงชอบทำอะไรที่มันยากๆอย่างเช่น การพัฒนาตรอกนอร์ทเธิร์นให้เท่าเทียมกันกับตรอกไดแอกอน มันท้าทายดีไม่ใช่เหรอครับท่านรัฐมนตรี”
ท่านรัฐมนตรีมองเขาอย่างสนใจและพอใจอย่างแท้จริงเขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มคนไหนมีความมุ่งมั่นและเก่งกาจในเชิงธุรกิจแบบเดรโกมาก่อน“ก็จริงของคุณ แต่ผมเห็นแล้วมันยากนะ ตรอกนอร์ทเธอร์นกับตรอกไดแอกอนต่างกันราวขาวกับดำ คนดีกับคนชั่ว คุณคิดว่าจะพัฒนาที่นั่นได้แน่หรือคุณเดรโกพ่อมดแม่มดพวกนั้นไม่ธรรมดาเลยนะคุณ”
เดรโกยิ้มแต่ในสีหน้าที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ทำไมเขาจะไม่รู้ ตั้งแต่เขาเดิบโตมาเขาก็มักไปยังตรอกนอร์ทเทิร์นกับพ่อของเขาเป็นประจำคนที่นั่นคือคนของเขาเสียเกือบครึ่ง คนที่นั่นใช่ว่าจะเป็นคนชั่วเกือบทุกคนเสียที่ไหนเพียงแต่เขาไม่สามารถเลือกอยู่ในสถานที่เขาต้องการได้ต่างหาก
“เรื่องนั้นคงต้องรอให้คุณเฮิร์ทเจรจาเรื่องการซื้อขายที่ดินตรงนั้นให้ได้ก่อนครับท่าน แล้วเราคงจะได้เห็นอะไรดีๆกันบ้าง”
เขาพยักหน้า“ผมเชื่อคุณนะ คุณมันนักธุรกิจระดับเซียนอยู่แล้วผมจะรอดูก็แล้วกันมีอะไรให้ผมช่วยก็บอก”
“ขอบคุณครับท่าน “เดรโกยิ้มตามองจ้องไปยังท่านรัฐมนตรีราวกับรู้อะไรบางอย่างในความหมายนั้น การปูทางของเขาในวันนี้ถือว่าไม่เลวนักเดรโกคิด อย่างน้อยเขารู้จักคนใหญ่คนโตที่จะเอื้อธุรกิจของเขาอีกหลายคนทีเดียวในวันนี้
พวกเขาได้พูดคุยกันอีกสักพักหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นเลขาส่วนตัวของท่านรัฐมนตรีเข้ามากระซิบพอที่เดรโกจะได้ยิน
“ท่านค่ะ คุณพอตเตอร์กับเพื่อนๆมาแล้วค่ะ”
ท่านรัฐมนตรีพยักหน้าเขาลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วพูดกับเดรโก
“งั้นผมขอตัวก่อนนะคุณเดรโก ”ท่านรัฐมนตรีหันกลับเพื่อจะเดินออกไปทางประตูแต่ก็ชะงักเหมือนเพิ่งนึกอะไรออกเขาหันกลับมาหาเดรโก
“อ้อ มากาเร็ตฝากบอกมาว่าของขวัญที่คุณเอาให้เธอเธอประทับใจมากฝากผมให้มาขอบคุณคุณด้วย เดรโก”
สายตาของเดรโกเป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง“ไม่เป็นไรครับท่านแค่ของเล็กๆน้อยๆ”
ทุกคนเดินออกไปที่โถงทางเดินยกเว้นเดรโก ที่นั่งจิบวอสก้าอยู่บนเก้าอี้อย่างอารมณ์ดีในขณะที่มีชายคนหนึ่งเดินสวนเข้ามาหาเขาอย่างรีบเร่ง
“มีปัญหาอะไรกับพวกคณะกรรมการที่ดินของตรอกนอร์ทเทิร์นหรือเปล่าคุณเฮิร์ท”
เฮิร์ทแค่นเสียง“พวกนั้นค่อนข้างดื้อรั้นมากคุณเดรโก”
จากการนั่งสบายๆเดรโกยืดตัวตรงอย่างเป็นทางการใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึม“คุณเฮิร์ทผมหวังอย่างจริงจังที่จะพัฒนาในตรอกนอร์ทเทิร์นให้ก้าวไปไกลได้ในอนาคตและผมก็คิดว่าคุณคงจะเห็นด้วยกันกับผม”
เดรโกนั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะมะฮ๊อกกานีเขาเคลื่อนห่อกระดาษสีน้ำตาลห่อเล็กๆไปตรงหน้าผู้จัดการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ของตรอกนอร์ทเทิร์น
“งานที่คุณต้องทำก็ไม่น่าจะยุ่งยากอะไรมากมายนักเพื่อเป็นทางออกของวิกฤติการณ์ในครั้งนี้”
เดรโกยื่นซองสีขาวให้กับเขาที่กล้าๆกลัวๆรับซองนั้นมาถือไว้
“นี่คือมูลค่าของที่ดินแต่ละผืนอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้วเพียงแต่คุณเพิ่มราคาไปอีกสักสิบเปอร์เซ็นต์ พวกคณะกรรมการที่เหลือคงจะปฎิเสธข้อเสนอของคุณไม่ลงแน่ ส่วนคนไหนที่แข็งข้อ เอารายชื่อมาให้ผมผมจะจัดการเอง”เดรโกสั่งการเสียงหนักแน่นจนคนฟังรู้สึกผวาไปกับน้ำเสียงแข็งกระด้างนั้น
เฮิร์ทปาดเหงื่อที่ชุ่มใบหน้าออกอย่างลนลานพร้อมกระชับซองสีขาวที่อยู่ในมืออย่างแน่นหนา
“ก็ได้ผมจะรีบเรียกประชุมภายในเร็ววันนี้แล้วผมจะแจ้งข่าวให้คุณทราบอีกที”
“ดีผมจะคอยฟังข่าวดีจากคุณ”เดรโกพยักหน้าและยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ร์ก่อนจะตวัดสายตาไปที่ชายหัวล่านเลี่ยนที่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างแปลกใจ
“คุณหนู”ชายชรากล่าวพร้อมกับคำนับไปทางเดรโกอย่างนอบน้อมโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเมื่อเขายังคงเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องนั้นอยู่เมื่อเฮิร์ทเห็นดังนั้นจึงได้โอกาสที่จะถอยฉากกลับไปจัดการเรื่องของเขาเสียที
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับคุณเดรโก”เดรโกพยักหน้ารับและคอยจนเฮิร์ทเดินออกไปแล้วจึงหันมาปราศรัยกับคนสนิทอย่างอารมณ์ดี
“มีอะไรหรือเปล่าสมิธ”
“คุณหนูลืมเอกสารหรือเปล่าครับผมเห็นอยู่ในรถเกรงว่าบางทีคุณหนูอาจจะต้องการใช้เลยรีบเอามาให้”เดรโกทำหน้าฉงนก่อนยี่นมือไปรับเอกสารที่คนสนิทอุตส่าห์นำมาให้
เดรโกเปิดหน้าเอกสารดูผ่านๆแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนยื่นส่งคืนให้คนสนิท
“เอกสารเรื่องเกี่ยวกับปราสาทที่วินเซนต์น่ะไม่มีอะไรหรอก พอดีเมื่อเช้าฉันเพิ่งไปเอามาจากคุณกริสเรื่องมีคนจะขอซื้อปราสาทผีสิงนั่น แต่ฉันยังไม่มีเวลาอ่านเลย”
“คุณหนูจะขายปราสาทนั่นจริงๆหรือครับ”คนสนิทถามใบหน้ายังคงเรียบเฉย
“จริง”เดรโกพูดเสียงหนักแน่นเขายักไหล่เล็กน้อยก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ” แต่ตอนแรกฉันคาดว่ามันคงขายไม่ออกแน่ แต่นึกไม่ถึงว่ามีคนมาขอซื้อที่นั่นจริงๆ”
“ใครมาขอซื้อครับ”สมิธสอบถามเขารู้สึกเสียดายปราสาทเก่าแก่ที่เดรโกเคยอยู่ตั้งแต่เล็กแต่น้อยแต่เขาก็เข้าใจดีว่าปราสาทนั่นในอดีตมันสร้างความเจ็บปวดให้กับความรู้สึกของเจ้านายตัวน้อยของเขาแค่ไหน
“ไม่รุ้สิ ฉันยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเลย “ เดรโกพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวออกไปยังด้านนอก
ในขณะที่สมิธรู้หน้าที่ของเขาเช่นเดียวกันเขาโค้งให้เดรโกอย่างสง่างามก่อนถอยหลังไปสองก้าวเพื่อยืนชิดกำแพงและรอจนกว่าเดรโกจะก้าวออกไป “ไม่! ฉันจะไม่เป็นคู่ของนาย ฉันปฏิเสธ ! ฉันเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของนาย! ฉ...ฉ...ฉันยังเด็กเกินไปที่จะ....” “ที่จะอะไรเฮอร์ไมโอนี่ พูดออกมาสิ ....ที่จะผูกพันกับฉันไปตลอดกาลอย่างนั้นใช่ไหม ที่จะนอนเตียงเดียวกับฉันทุกๆคืนใช่หรือเปล่า หรือ ที่จะมีลูกกับฉัน หรือที่จะตกหลุมรักดีล่ะ”
ตัวอย่างตอนต่อไป
ความคิดเห็น