ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic] Final Fantasy VII : The Mystery of Blue Heaven

    ลำดับตอนที่ #2 : พ่อกับลูก

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 53


    ท้องพระโรงของพระราชวังเป็นห้องสีขาว พื้นกระเบื้องสีขาวเรียบขัดเป็นมันจนแทบเห็นเงาสะท้อนของผู้ที่ยืนอยู่  โคมไฟขนาดใหญ่ที่ทำจากคริสตัลที่สะท้อนเป็นสีรุ้งแขวนอยู่บนเพดานสูง มีกระจกใสเป็นเสมือนผนังของห้องอันกว้างใหญ่ แลเห็นอาณาจักรมิดการ์ทั่วทุกทิศ

    "ถวายพระพร เสด็จพ่อ"
    ผมค้อมตัวลงถวายคำนับ ขณะที่แซ็กและทหารองครักษ์อีก 10 นายที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก็ถวายคำนับเช่นกัน

    "ถวายพระพร องค์ราชาชินระ"

    เบื้องหน้าของผม ชายวัยกลางคนผมสีบลอนด์เฉกเช่นเดียวกันกับผม สวมใส่ชุดเต็มยศของเจ้าผู้ปกครองแห่งมิดการ์ แววตาสีฟ้าเข้มเหมือนมหาสมุทร นั่งประทับอยู่บนเก้าอี้ราชบัลลังก์สีขาว

    'สกาย ชินระ' คือชื่อของเสด็จพ่อ ท่านเคยบอกว่าชื่อนี้แปลว่า "ท้องฟ้า" ท่านเป็นผู้ปกครองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เสมือนเป็นท้องฟ้าที่โอบล้อมโลกนามไกอาดวงนี้เข้าไว้ด้วยกัน 

    "ตามสบายเถอะ..."
    เสด็จพ่อยกมือขึ้นเล็กน้อย

    เราทุกคนยืดตัวขึ้น แล้วองค์ราชาก็หันสายตามามองผมที่ยืนอยู่ข้างหน้า

    "คลาวด์...วันนี้เจ้ามีภารกิจที่ต้องไปทำสินะ"
    น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจน่าเกรงขามของเสด็จพ่อตรัสถาม

    "พะยะค่ะ"
    ผมน้อมศีรษะพร้อมตอบ

    "ดี จงทำให้เต็มที่ล่ะ"
    ท่านตรัสอีกครั้ง

    "พะยะค่ะ"

    "แม่ทัพราชองครักษ์ฝ่ายใน แซ็ก แฟร์ รายงานการปฏิบัติงาน"
    องค์ราชาหันไปเอ่ยกับแซ็กที่ยืนอยู่ข้างหลังผม

    แซ็กเดินออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่งก่อนน้อมคำนับ แล้วเอ่ยตอบ
    "ทูลฝ่าบาท ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีสิ่งใดผิดปกติพะยะค่ะ"

    "ดี...พวกเจ้าทั้งหลายจงไปปฏิบัติภารกิจของตัวเองเสียเถิด"

    พวกเราเอ่ยทูลลาพร้อมคำนับอีกครั้ง

    สำหรับผม การเข้าเฝ้าในท้องพระโรงนั้นไม่มีบทสนทนายืดยาว มีเพียงคำถามสั้นๆ คำตอบสั้นๆ เท่านั้น สำหรับราชวงศ์แล้ว เวลาคือสิ่งสำคัญที่สุด จะปล่อยให้เสียเปล่าไปกับการพูดคุยอย่างเดียวไม่ได้ เรื่องนั้นผมเข้าใจดี

    เมื่อผมและแซ็กพร้อมกับทหารองครักษ์เดินออกมาจากท้องพระโรง ผมมองเห็นร่างสูงของคนๆหนึ่งกำลังเดินเข้ามา ผมยาวสีเงินเป็นประกาย เครื่องแบบทหารชั้นสูงเต็มไปด้วยตราต่างๆและแถบสีทองเสริมให้เขาดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น

    ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ว่าผมกำลังเดินสวนมา ชายร่างสูงจึงหยุดเดินพร้อมกับน้อมคำนับผมทันที

    "ฝ่าพระบาท..."

    "เสนาธิการเซฟิรอธ"
    ผมเอ่ยชื่อของเขา พร้อมกับยกมือเล็กน้อยเป็นการบอกให้เขายืนตามสบายได้

    เซฟิรอธ เป็นเสนาบดีแห่งกระทรวงกลาโหมของมิดการ์ และเป็นเสนาธิการที่เก่งกาจของกองทัพ เขาเป็นนักรบที่ได้ชื่อว่าแข็งแร่งที่สุดของไกอาเลยก็ว่าได้ทั้งๆที่เขาอายุเพียง 20ปลายๆ เท่านั้น

    "ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะครับ เจ้าชาย"
    เซฟิรอธเอ่ยทักด้วยเสียงเย็นเรียบ

    "อา ใช่ ตั้งแต่ตอนเรียนการทหารสินะ"
    ผมตอบ

    "ช่วงนี้เจ้าชายคงทรงงานหนักกระมัง? รักษาพระวรกายด้วยนะครับ"

    ผมพยักหน้าแล้วไม่ตอบอะไร การสนทนาสิ้นสุดลง เซฟิรอธคำนับผมอีกครั้งก่อนเดินไปยังประตูท้องพระโรง ผมเดาว่าเสด็จพ่อคงเรียกตัวเขามาคุยอะไรซักอย่าง

    ผมสังเกตเห็นแซ็กยืนเงียบตั้งแต่เมื่อตอนที่เจอเซฟิรอธเมื่อครู่แล้ว

    "นายเป็นอะไรรึเปล่า แซ็ก?"
    ผมเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่มีสีหน้าซีเรียสผิดปกติ

    "เปล่า แค่...สงสัยนิดหน่อย"
    แซ็กตอบ แต่ก็ยังไม่กระจ่าง เขาสงสัยเรื่องอะไรกัน?

    "หืม?"

    "ฉันได้ยินมาว่าเซฟิรอธกำลังย้ายคลังแสงของกองทัพจากชั้นใต้ดินขึ้นมาที่กระทรวงกลาโหม..."
    แซ็กเอ่ย

    "อ้อ ใช่ ฉันรู้เรื่องนั้น แล้วทำไม?"
    ผมถามต่อ

    "ก็มันน่าสงสัยไม่ใช่รึไง? อยู่ดีๆจะขนของพวกนั้นขึ้นมาทำไม?"
    แซ็กยกมือขึ้นกอดอก

    "ก็เห็นบอกว่าจะตรวจสอบอาวุธ หรืออะไรซักอย่างไม่ใช่เหรอ?"

    ".....ไม่รู้ล่ะ ยังไงฉันก็รู้สึกว่ามันน่าสงสัยอยู่ดี"
    ว่าแล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆ ส่วนตัวผมนั้นก็ไม่ถามอะไรอีก

    "เจ้าชาย..."
    ชายหนุ่มอีกคนเดินมาหาผม

    "วินเซนต์"

    "ต้องไปที่สถานีโทรทัศน์แล้วนะครับ..."
    เขาเอ่ย

    "อา รู้แล้ว"
    ผมรู้สึกเซ็งขึ้นมาอีกแล้ว แต่ยังไงก็บ่นออกมามากไม่ได้

    "งั้นฉันก็ขอตัวไปทำงานล่ะ โชคดีนะ คลาวด์ พี่วิน"
    แซ็กเห็นว่าผมต้องไปแล้วจึงขอปลีกตัว

    "อื้ม"
    ผมตอบ ด้านแซ็กยกมือทำวันทยหัตถ์ก่อนเดินไปพร้อมทหารองครักษ์ผู้ช่วย เหลือเพียงผม วินเซนต์ และทหารองครักษ์ที่เหลือเท่านั้น

    "ไปกันเถอะ"
    ผมเอ่ยกับวินเซนต์ ก่อนก้าวเดินต่อไป

    และวันเวลาแห่งการเป็นราชวงศ์ผู้ทรงงานก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง....

    ....................................

    ............

    ยามค่ำคืน เวลา 5 ทุ่มตรง

    ผมมักใช้เวลาเงียบๆคนเดียวๆในกลางดึกแบบนี้ที่อุทยานใกล้ตำหนัก ท้องฟ้าสีดำมืดแต่งแต้มด้วยดวงดาวมากมายทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและใจสงบอย่างบอกไม่ถูก ผมนั่งมองดาวอยู่บนพื้นหญ้าตามลำพัง ก่อนที่ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้และนั่งลงข้างๆผม

    "คลาวด์..."
    เสียงอันคุ้นเคยเอ่ยขึ้นจากบุคคลที่มาใหม่

    "เสด็จพ่อ..."
    ผมหันไปหาท่าน

    "ตอนนี้เรียกแค่พ่อก็ได้"

    "ครับ...."

    นานๆครั้งเราพ่อลูกจะได้ใช้เวลาเหมือนพ่อลูกปกติทั่วไป การเป็นเชื้อพระวงศ์ทำให้เราต้องห่างกันไปเพราะราชกรณียกิจมากมาย แต่ผมก็รู้สึกซึ้งใจที่พ่อให้เวลากับผมบ้าง แม้จะไม่บ่อยก็ตาม

    "ยังไม่นอนอีกหรือลูก?"
    พ่อเอ่ยถาม

    "ครับ"
    ผมตอบ

    พ่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา

    "...คลาวด์ พ่อเข้าใจลูกนะ"

    "เอ๋?"
    ผมเลิกคิ้ว

    "เด็กหนุ่มอย่างลูกคงอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ แทนที่จะต้องมาแบกรับภาระหน้าที่ของเชื้อพระวงศ์..."
    ว่าแล้วท่านก็หลับตาลง

    "พ่อครับ...."

    "แต่พวกเราเกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์...ก็ต้องมีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน"
    พ่อวางมือที่ไหล่ขวาของผมเบาๆ

    "ผมทราบครับ"

    "แต่ว่าการทำหน้าที่นั้นไม่ได้เกิดมาจากชาติกำเนิดของเรานะคลาวด์"
    ท่านหันมาหาผม จากนั้นจึงชี้นิ้วไปยังกลางอกของผม ที่ๆมีหัวใจซ่อนอยู่ภายใน

    "....แต่เกิดจากตรงนี้"

    ...ผมไม่เข้าใจคำกล่าวของพ่อ

    "....ทำไมครับ?"

    "การจะทำเพื่อใครซักคนหนึ่ง มันเริ่มมาจากหัวใจไม่ใช่หรือ?"
    พ่อเอ่ยถามให้ผมคิด

    "คนที่สอนพ่อเรื่องนี้ก็คือแม่ของลูกนั่นล่ะ"
    พ่อเผยรอยยิ้มน้อยๆที่ผมมีโอกาสเห็นน้อยมาก

    "พ่อหวังว่า เมื่อวันใดที่ลูกได้นั่งบนบัลลังก์แล้วล่ะก็..."
    พ่อเงยหน้าขึ้นมองดวงดาว

    "....ลูกคงจะเข้าใจสิ่งที่พ่อพูด"

    "ครับ"
    ผมได้แต่พยักหน้ารับ ในใจยอมรับว่าผมยังไม่เคยได้ทำสิ่งใดออกมาจากหัวใจตัวเองจริงๆซักครั้ง การที่พ่อปกครองด้วยใจ พ่อหมายถึงพ่อได้ทำเพื่อแม่ด้วย แต่ส่วนผมจะทำเพื่อใครกันล่ะ?

    'จงรู้จักรักใคร จงรู้จักทำเพื่อใคร'

    นั่นคงจะเป็น สิ่งที่พ่อต้องการจะสอนผมอย่างนั้นสินะ?

    "พ่อ ขอบคุณนะครับ"
    ผมเอ่ย แม้ผมจะยังไม่แน่ใจว่าผมจะสามารถทำตามที่พ่อสอนได้มากน้อยแค่ไหน แต่การที่มีพ่อดูแลมันทำให้ผมอบอุ่นหัวใจจริงๆ

    พ่อไม่ตอบอะไร นอกจากหันมายิ้มให้ผม
     
    แต่...ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง...

    ปังงงงง!!!!


    ผมตาเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงกระสุนปืนดังก้อง และผมก็เห็นภาพอันน่าตกตะลึง

    พ่อ...จมอยู่ในกองเลือด...

    ผมอ้าปากค้างก่อนกรีดร้องสุดเสียงด้วยความสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น....

    "พ่ออออออออออ!!!!"

    TBC.


    กว่าจะได้มาอัพต่อ นานมวากกกกกกก=[]=
    ชีวิตเฟรชชี่นี่เต็มไปด้วยกิจกรรมจริงๆค่ะ TwT ไม่ได้มาเขียนต่อเลยยยย
    แต่ยังไง ท่านผู้อ่านอย่าลืมติดตามต่อไปนะคะ! รับรองว่าจะเขียนเรื่องนี้ให้จบให้ได้เลยค่ะ

    อย่าลืมคอมเม้นนะค้าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×