ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผจญภัยเรื่องลี้ลับ

    ลำดับตอนที่ #2 : เหล่าเด็กน้อยที่น่ารัก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 132
      0
      9 มี.ค. 53

    เอาล่ะครับ 

    เมื่อเข้ามาในนี้กันแล้ว หลายท่านคงพอจะรู้กันแล้วล่ะครับว่าบทความอันนี้จะเป็นเรื่องของอะไร ใช่แล้วครับ บทความนี้จะเป็นของเหล่าเด็กน้อยที่น่ารักทั้งหลาย นั่น ๆ หลายคนคงงงเด็กน้อยเหล่านี้จะเป็นเรื่องผจญภัยลี้ลับได้ยังไง เด็กน้อยของผมเหล่านี้ก็คือเหล่ากุมารทองกุมารีนั่นเองครับ
     
    ที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมของวัยรุ่น รวมทั้งพ่อค้าแม่ขาย เพื่อขอโชคลาภ ความเจริญมากมาย แต่ท่าน ๆ รู้ถึงที่มาที่ไปของการที่จะมาเป็นกุมารทอง หรือกุมารี กันหรือไม่ แล้วเราเลี้ยงเค้าเพื่ออะไรกันแน่
     
    หลายคนคงไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าบูชาจากวัดดัง ๆ มา เฮี้ยน ๆ หน่อย  จะขออะไรก็ได้อย่างที่เราคิด
     
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมก็เคยคิดแบบนั้นมาก่อนเหมือนกันครับ เลยไม่กล้าจะพูดว่าใครมาก อิอิ (กลัวเข้าตัวครับ)
     
    ผมจะพาท่านไปดูถึงที่มาของการสร้างกุมารทองกันคร่าว ๆ นะครับ เพราะแต่ละสำนักนั้นมีส่วนผสมไม่เหมือนกัน รวมทั้งเหล่าดวงจิต หรือ ดวงวิญญาณที่มาสถิตก็ต่างกันไปด้วย
     
    ก่อนอื่นผมคงต้องแนะนำให้รู้จักกับคุณลุงท่านนึงก่อนนะครับ ท่านนี้ชื่อว่า คุณลุงสมหมาย ท่านรู้เรื่องนี้ดีกว่าผม และคงให้ความรู้แก่ท่าน ๆ ได้มากกว่าผม
    สวัสดีครับลุงหมาย วันชัย
    ไหว้พระเถอะ ว่าแต่วันนี้มีอะไรมาให้ช่วยอีกล่ะ ลุงสมหมาย
    โถ่ลุงใช่ว่าผมจะมาหาลุงนี่ต้องมีเรื่องมารบกวนตลอดเลยหรอไงเนี้ย เห็นผมเป็นคนยังไง
    อ้าวแล้วแกเป็นคนยังไงล่ะ ถ้าไม่มีงั้นข้าไปทำธุระต่อล่ะนะ แล้วลุงหมายก็หันหลังทำท่าจะไป
    เดี๋ยว ๆ ลุงผมมีเรื่องรบกวนจริง ๆ ล่ะ แฮ่ะ ๆ ยิ้มเขิน ๆ แล้วยอมรับไป
    ข้าก็ว่างั้น เอ้า มีอะไรก็ว่ามา จะให้ช่วยเรื่องอะไรล่ะวันนี้ แกหันมาคุยด้วยแล้ว
    ผมอยากให้ลุงช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับกุมารและก็กุมารีหน่อยอ่ะลุง ให้ผู้อ่านเค้าได้ทราบความเป็นมากัน เป็นความรู้นะลุง
    อ้อ อย่างงั้นรึ ได้ ๆ ข้าก็พอจะบอกได้บ้างล่ะนะ แกทำท่านึกอยู่สักพัก เอาแบบนี้ ข้าจะเล่าเรื่องคร่าว ๆ เกี่ยวกับกุมาร แล้วก็จะพูดถึงวิธีการเลี้ยงดูแล้วกัน
    โอเคเลยครับ แล้วขอคาถาเด็ด ๆ ด้วยนะลุง
    เออ แกเนี้ยนะ ได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ
     
     เอาล่ะ ก่อนอ่นเรามาทำความรู้จักกับกุมาร กุมารีกันก่อนว่าเกิดมาจากอะไร คงจะได้เคยเรียนกันมาในสมัยเด็ก ๆ กันแล้วเรื่องขุนช้างขุนแผน ในตอนที่ขุนแผนได้ทำการผ่าท้องเมียตัวเอง แล้วเอาลูกมาทำเป็นกุมารทองนั่นล่ะ ความเป็นมาน่าจะมาจากตรงนั้นแล้วสืบทอดกันต่อ ๆ มา แต่ในปัจจุบันคงไม่มีใครคิดจะผ่าท้องเมียตัวเองหรอกนะ แต่จะที่ใช้คือนำของอาถรรณ์ต่าง ๆ มาปั้นเป็นตัวหุ่นกุมารขึ้นมา แล้วจึงทำการบริกรรมคาถาตามที่ได้ร่ำเรียนกันมาแล้วแต่ละสำนัก โดยดึงดูดเอาเหล่าวิญญาณเร่รอ่นของเด็ก ๆ ที่ต้องตายก่อนวัยอันควรมาเข้าสิ่งสู่อยู่ในตุ๊กตาที่ทำพิธีนั้น ลุงแกทำหน้าเศร้าเล็กน้อย แล้วเล่าต่อไป
     
    แล้วรู้ไหมวิญญาณเด็ก ๆ เหล่านี้มาจากไหนกันมากมาย ยิ่งปัจจุบันวัดแต่ละวัดก้หันมาสร้างกุมาร เพื่อให้ประชาชนได้ไปบูชา ซึ่งแต่ละองค์ของกุมารก็คือดวงจิตหนึ่งดวง เว้นแต่บางสำนักใช้วิธีการแบ่งดวงจิต แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นหนึ่งดวงจิตต่อตุ๊กตา 1 ตัว
     
    วิญญาณหรือดวงจิตของเด็กเหล่านี้ เกือบแล้วที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ หรือได้เกิดแล้วแต่ก็ตายลงด้วยเวลาอันรวดเร็ว นั่นก็มาจากวัยรุ่นสมัยนี้ หรือไม่ก็พ่อแม่ที่ไม่พร้อม ก็ต้องไปทำแท้งกัน เดือน ๆ นึงมีการทำแท้งเด็กกี่ร้อยกี่พันคนล่ะ วิญญาณเด็กถึงได้ถูกสร้างเป็นกุมารทององค์แล้วองค์เล่าขนาดนี้ เฮ้อ ช่างน่าสงสารจริง แล้วบางคนได้เกิดมาไม่นานก็ถูกแม่ใจยักษ์ใจมาร ทำร้ายจนเสียชีวิตกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอีก ช่างไม่ต่างกับการทำแท้งเลยแล้วลุงหมายก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เตรียมเล่าต่อไป
     
    เอาล่ะมาต่อกัน ทีนี้เหล่าเกจิผู้มีวิชาอาคมก็จะสรรหาวัตถุดิบทั้งดินเจ็ดป่าช้า ว่านมหาเสน่ห์ กระดูก แล้วก็อีกมากมายตามที่แต่ละสำนักได้สืบทอดกันมา จากนั้นก็จะนำมาปั้นเป็นเด็ก ในรูปร่างท่าทางต่าง ๆ แต่สมัยนี้ทันสมัยใช้ทำพิมพ์ขึ้นมาแล้วทำกัน ซึ่งเมื่อทำตุ๊กตาเรียบร้อยแล้วก็เตรียมพิธีกรรม นักเกจิก็จะหาเวลาที่ดีที่สุดในการทำกุมารขึ้นมา แล้วเมื่อถึงเวลาก็เริ่มทำพิธีกรรมกันได้เลย
     
    โดยเกจิเหล่านี้จะสามารถติดต่อสื่อสารกับเหล่าดวงวิญญาณได้ แต่ข้าไม่เห็นเวลาเค้าติดต่อกันหรอกได้ แต่ฟังท่านบอกมาว่า อัตมาได้เชิญวิญญาณเหล่านี้มาอยู่ในตุ๊กตา โดยความสมัครใจของเค้าเหล่านั้นเอง ที่พร้อมจะร่วมสร้างบุญกุศลกับผู้ที่จะนำไปบูชา หากทำความประสงค์ของคนที่เลี้ยงดูได้ ก็เหมือนกับได้ทำบุญนะโยม  เพราะคนบูชาก็จะอุทิศบุญกุศลให้ ดีกว่าที่จะเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่มีใครทำบุญอุทิศให้””
     
    นั่นล่ะคุณจุดประสงค์หลักของการบูชา ก็เพื่อที่จะเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของสิ่งที่เราเรียกกันว่ากุมารทอง กับคนเลี้ยง ก็คือการที่คนเลี้ยงอุทิศบุญกุศลให้กับกุมารที่เราเลี้ยงไว้เมื่ออุทิศให้แล้วกุมารที่เราเลี้ยงก็จะตอบแทนเราให้ในสิ่งที่เราปรารถนา แต่อย่าลืมนะว่าเค้ายังเด็ก อำนาจคงไม่มากเท่าไหร่ แล้วก็ยังต้องขึ้นอยู่กับเกจิที่ทำการปลุกเสก ลงคาถาอีกด้วย
     
    ไม่ใช่ว่าพอขออะไรแล้วไม่ได้ ก็เอาเค้าไปทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ตามวัดวาอาราม ก็กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนอีกเหมือนเดิม สงสารเค้าเหล่านั้นบ้างเถอะ ถ้าคิดจะเลี้ยงก็เลี้ยงเค้าให้ดีดีหน่อยล่ะ
     
    เอาล่ะทีนี้ก็มาพูดถึงการเลี้ยงดูกีบ้างล่ะนะ อันนี้ไม่พูดถึงว่าหามาจากไหนนะครับ ก่อนอื่นก็ต้องนำกุมารเข้าบ้านก่อนโดยมีขั้นตอนเมื่อเราได้กุมารมาแล้ว
    1. เมื่อเราได้กุมารมาแล้วให้เราจัดการตั้งชื่อให้กับเขา โดยแบ่งได้ดังนี้
       1.1 ชื่อที่เน้นโชคลาภ  เช่น ทองมา  เรียกทรัพย์  พูลเงิน พูลทอง  ทองไหลมา เป็นต้น
       1.2 ชื่อที่เน้นทางดุดัน เฝ้าบ้าน แคล้วคลาด  เช่น  ชัย  เพชรมั่น คง  กล้า แกร่ง เป็นต้น
    2. ก่อนนำเข้าบ้านให้ทำตามนี้
       2.1 หาที่ตั้งให้เหมาะสมโดย ไม่อยู่สูงกว่าพระ หรือ ต่ำติดพื้น และไม่ควรหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก
       2.2 จุดธูปกลางแจ้ง 12 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางดังนี้
              ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐานบอกกล่าวแด่ พระภูมิ เจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย ผีเหย้า ผีเรือน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่
              อยู่ภายในสถานที่ แห่งนี้ วันนี้ข้าพเจ้าได้นำ เจ้า...... เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน เพื่อให้เจ้า..... เฝ้าทรัพย์สิน ให้โชคให้ลาภ
              ขอให้ พระภูมิเจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเปิดทางให้เจ้า....  เข้ามาอยู่อาศัยในบ้านได้สะดวกด้วยถิด
       2.3 เมื่อทำการเปิดทางให้กับเจ้ากุมารลูกของคุณแล้ว ให้นำกุมารมาตั้ง ณ ที่ที่เตรียมไว้แล้วจุดธูปบอกกุมาร โดย พราย 1 ดอก เทพ ดอก  ว่า
              เจ้ากุมารทองของพ่อเอ๋ย ต่อไปนี้เจ้าชื่อ ..... และต่อไปนี้คนนี้คือพ่อของเจ้า พ่อจะเรียกเจ้าว่า ..... มาอยู่ที่บ้าน
              ให้ช่วยกันดูแลบ้านเฝ้าบ้านให้ดี ช่วยกันทำมาหากินนะ แล้วพ่อจะซื้อของเล่นให้ เวลาพ่อไปไหนก็ไปกัน เวลาพ่อกินอะไรก็กินกันนะ ไม่ต้องรอให้พ่ออนุญาติ  อยากได้อะไรอยากกินอะไรมาบอกพ่อนะ(หากมีกุมารอยู่แล้วให้กล่าวเพิ่มว่า เจ้า...(ชื่อกุมารองค์เดิม).... วันนี้พ่อนำ น้องเค้ามาอยู่ด้วยนะ อยู่ด้วยกันก็รักกันนะช่วยกันดูแลบ้าน หาเงินหาทองอย่าทะเลาะกันนะ)
     
    ทุกๆวันพระให้เรานำข้าวปลาอาหาร หรือขนม หรือผล ไม้ ดอกไม้ มาบูชา เค้าแล้วบอกกล่าวเค้าว่าให้ช่วยกันหาเงินหาทอง เฝ้าบ้านดูแลคนในบ้าน ขาดเหลืออะไรบอกพ่อนะ”“ก็ประมาณนี้ จำ ๆ กันได้ไหมเนี้ย
     
    ส่วนวิธีการเลี้ยงดูก็ไม่ยาก ส่วนมากอาจารย์ที่ให้บูชากุมารทองก็จะมีคาถากำกับ คาถาใช้งานกันอยู่แล้ว ก็ทำตามของแต่ละสำนักกันไป ส่วนมาก็จะไหว้ด้วยน้ำแดง ขนม ก็เค้าเป็นเด็กก็ชอบของแบบนี้กันนะล่ะ เลี้ยงเค้าเหมือนลูกเลย อยากให้ลูกเรากินอะไรใช้อะไรก็ซื้อมาไหว้เค้านะล่ะ แล้วเราก็ต้องหมั่นสวมมนต์ทำสมาธิ ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เค้าเหล่านั้นด้วยล่ะ
     
    เอาคร่าว ๆ เท่านี้ก่อนก้แล้วกัน มีอะไรสงสัยอยากจะถามก็ค่อยถามมีทีหลังแล้วกันจะหาคำตอบมาให้
     
    งั้นข้าไปล่ะนะไอ้ชัย ลุงหมายบอกแล้วทำท่าจะไปอีก ท่าทางแกจะลืม
     
    เดี๋ยวซิลุง ลืมอะไรไปหรือป่าว ผมรีบเตือนแกก่อนที่แกจะไปจริง ๆ
     
    อะไรอีกวะ
     
    ก็คาถา มนต์ตราอ่ะลุง ที่ขอไว้อ่ะ อย่าทำเป็นลืม รับปากพวกผมไว้แล้วนะ
     
    เออ ๆ ข้าจากฝากไว้ซักบท 2 บทแล้วกัน
     
    คาถาปลุกเสกกุมารทอง
    เอหิ  กุมารัง  กุมารีนัง  อุติอุนิ  นะอัง  อิติ  พุทโธ
    คาถากุมารทอง
    (นะโม 3 จบ)
    "นะมะพะทะ  นะโมพุทธายะ  จะภะกะสะ  จิเจรุนิ  นะออแอ  โมออแอ  พุทออแอ ธาออแอ  ยะออแอ  มะอะอุ  พุทธะสังมิ  อิติกุมาโร  ประสิทธิเม"
     
    คาถาเรียกกุมารทอง
    "โอม  พะนิจิ  เจรุนิ  พันธัง  เอหิ  มะมะ"
    คาถาเรียกกุมารทานอาหาร
    "โอม  กุมาระ  รักยม  มารับโภชนา  อาคัจฉาหิ  ติวัตตับโพ  เอหิ  มะมะ  มาลูกมา"
    คาถาบริกรรมเรียกกุมาร
    คัจฉาหิ  มหาภูโต  สมนุสโส  สเทวโก  กโรหิ  ปิตุวจเนนะ  สัมปุณเณนะ  ปสิทธิยา
    คาถาบริกรรมก่อนนอน ป้องกันภัย
    คเตสิ  กิง  กรณัง  อหัง  ปิตัง  ชานามิ ฯ
    (คาถาบอกกุมาร  ให้คอยดูแล  ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้บอกพ่อทราบ)
     
    สุดท้ายอันนี้มาจากตำรา แต่ไม่อยากให้ใช้กันเท่าไหร่หรอกนะอันนี้ คือบทมนต์ที่ว่าด้วยคนที่เคยทำแท้งมาก่อน
    บทยาเทวะตา
    ปัตติทานะคาถา
    บทสวดนี้ คนเคยทำแม้งควรจะสวด
    (นำ) หันทะมะยัง ปัตติทานะคาถาโย ภะณามะเสฯ
    (รับ) ยา เทวะตา สันติ วิหาระวาสินี
    ถูเป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหิง ตะหิง
    ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา
    โสตถิง กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล
    เถรา จะมัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว
    สารามิกา ทานะปะตี อุปาสะกา
    คามา จะเทสา นิคะมา จะ อิสสะรา
    สัปปาณะภูตา สุขิตา ภะวันตุ เต
    ชะลาพุชา เยปิ จะ อัณฑะสัมภะวา
    สังเสทะเชตา อะถะโวปะปาติกา
    นิยยานิกัง ธัมมะวะรัง ปะฎิจจะ เต
    สัพเพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สังขะยังฯ
     
    ฐาตุ จิรัง สะตัง ธัมโม             ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา
    สังโฆ โหตุ สะมัคโค วะ         อัตถายะ จะ หิตายะ จะ
    อัมเห รักขะตุ สัทธัมโม          สัพเพปิ ธัมมะจาริโน
    วุฑฒิง สัมปาปุเณยยามะ        ธัมเม อะริยัปปะเวทิเตฯ
     
    ปะสันนา โหนตุ สัพเพปิ        ปาณิโน พุทธะสาสะเน
    สัมมา ธารัง ปะเวจฉันโต        กาเลเทโว ปะวัสสะตุ
    วุฑฒิภาวายะ สัตตานัง            สะมิทธัง เนตุ เมทะนิง
    มาตา ปิตา จะ อัตระชัง            นิจจัง รักขันติ ปุตตะกัง
    เอวัง ธัมเมนะ ราชาโน           ปะชัง รักขันตุ สัพพะทาฯ
     
    เอาล่ะคงพอใจเอ็งแล้วนะ ข้าขอฟากอะไรไว้อีกอย่างเป็นสิ่งเตือนใจวัยรุ่นทั้งหลาย กฎของการทำแท้งนั้น ไม่ได้ติดตัวเฉพาะผู้หญิงที่ทำเท่านั้น ยังรวมถึงผู้สมรู้ร่วมคิดทุกคน และผลกรรมนั้นจะตกอยู่กับคนเหล่านั้นถึง 25 ปี ต่อการทำแท้ง 1 ครั้งลองคิดดู ทั้งซัก 3 ครั้ง ชาตินี้ก็คงไม่มีอะไรดีแล้วล่ะ ก็ร่อไป 75 ปีแล้ว ทำอะไรก็จะไม่รุ่งเรือง มีแต่ปัญหา มีลูกยาก หรือมีก็จะได้ลูกที่ดื้อรั้น ผลาญเงินทอง ไม่ก็เป็นโรค เจ็บป่วยออด ๆ แอด ๆ อยากมีลูกแบบนั้นกันไหมล่ะ
     
    เอาล่ะข้าต้องไปจริง ๆ แล้ว แล้วคงได้พบกันใหม่ล่ะนะหนู ๆ ทั้งหลาย ข้าไปล่ะ แล้วลุงหมายก็จากไป
     
    ขอบคุณนะลุง ผมยกมือไหว้ขอบคุณแก
     
    เอาล่ะครับ คงได้ฟังเรื่องราวของเหล่าเด็กน้อยที่น่ารักกันไปแล้วนะครับ ถ้าใครมีเลี้ยงดูอยู่ตอนนี้ก็ดูแลเค้าให้ดีดีนะครับ วันนี้เรื่องของเด็กน้อย คงต้องพอกันเท่านี้ก่อน แล้วผมจะหาเรื่องอื่น ๆ มาเล่าให้ฟังต่อนะครับ หรือว่าใครมีประสบการณ์อะไรก็มาเล่าให้ฟังบ้างก็ได้นะคับ แล้วเจอกัน เหล่าเด็กน้อยที่น่ารักทั้งหลาย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×