ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~ The Legend of Gradius ~

    ลำดับตอนที่ #2 : ศิษย์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 33
      0
      16 ก.พ. 53

     

            ในห้องที่มืดสลัวของกระท่อมแห่งหนึ่ง แสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาทางหน้าต่างทำให้ห้องมือสลัวนี้เริ่มสว่างขึ้น แสงแดดส่องลงมายังใบหน้าของเด็กหนุ่มผู้นอนอยู่บนเตียง ผมสีแดงเป็นประกายเมื่อต้องแสงแดด เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มกระพริบ เขาดึงมือซ้ายออกจากผ้าห่มผืนหนาแล้วนำขึ้นมาทาบหน้าผากเพื่อบังแสงแดดเขาพยายามใช้มือขวาดันตัวขึ้น

     

            อุ๊บ เซริกส์ร้องขึ้นทันทีด้วยความเจ็บปวด

    เขาพยายามฝืนพยุงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียง เขาพักหายใจสักพักพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ สายลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้อากาศเย็นสบาย บรรยากาศรอบๆห้องดูเรียบๆ เขามองไปยังส่วนต่างๆของห้องตู้เก็บของเก่าๆ เก้าอี้ไม้ เขาสะดุดตากับชั้นวางของซึ่งบนนั้นมีแท่งแก้วที่ภายในบรรจุโซลไว้เม็ดหนึ่งโซลเม็ดหนึ่งสีของมันเป็นสีน้ำเงินเข้มราวกับสีของทะเลลึก ยิ่งจ้องมองก็ยิ่งเหมือนกับถูกดึงดูด เขาจ้องมองมันอยู่นานโดยไม่รู้ตัว

     

            นั่นเป็นของๆเจ้า เสียงของใครบางคนดังขึ้น

     

    เขารีบหันไปมองเจ้าของเสียงในทันที ชายวัยกลางคนอายุราวๆ 50 เขาสวมเสื้อยืดสีดำกางเกงขายาว ผมยาวสีดำสนิทถูกมัดรวบไว้อย่างเป็นระเบียบ หนวดเคราขึ้นพอประมาณทำให้ใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้นี้ดูน่าเกรงขาม นัยน์ตาสีดำ แม้จะดูมีอายุแต่ร่างกายกลับดูราวกับคนหนุ่มกล้ามเนื้อเป็นมัดเห็นได้อย่างชัดเจน ตามแขนของเขาปรากฏแผลเป็นมากมายบ่งบอกถึงประสบการณ์การรบอย่างโชกโชน

     

            หึ หึ แผลของเจ้ายังไม่หายดี เจ้าควรจะนอนพักให้หายดีเสียก่อน

    ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามพร้อมกับจ้องไปที่หน้าของเซริกส์

     

            ท่านเป็นใคร ?”เซริกส์เอ่ยถามขึ้นทันที

     

            หึหึ ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ข้าคือ ไกอา ผู้ที่บัดนี้ไปจะเป็นอาจารย์ของเจ้าเขาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ

     

            ข้าขอบคุณท่านมาก ที่ท่านช่วยชีวิตข้า แต่ทำไมถึง...?”เซริกส์เอ่ย ถามน้ำเสียงของเขาเจือความยำเกรงและความสงสัยต่อชายวัยกลางคนผู้นี้

     

            หึ หึ เพราะอะไรนะหรือ ? แล้วเจ้าจะรู้เองเด็กน้อย อีกอย่างเจ้าเป็นหนี้ชีวิตข้า พึงระลึกไว้เสียด้วยว่าชีวิตของเจ้าในตอนนี้ไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป  ไกอาผู้น่าเกรงขามตอบ เสียงหัวเราะของเขามีพลังกดดันมหาศาลทำให้เซริกส์ถึงกับเหงื่อแตก

           

            ใช่สิ ไกอาพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังแท่งแก้วซึ่งบรรจุโซลสีน้ำเงินเข้มที่วางไว้บนชั้นวางของ

            นั่นเป็นของๆเจ้า ทันทีที่พูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องไป

     

     

     

     

            นี่คงเป็นชะตากรรมสินะ ในเมื่อฟ้าลิขิตมา ข้าก็ไม่อาจจะฝืนอะไรมันได้ เซริกส์บ่นพึมพำกับตัวเอง

    สายตาจ้องมองไปยังนอกหน้าต่าง นัยน์ตาสีกำมะถันจ้องไปยังท้องฟ้าที่กว้างไกลด้วยความเด็ดเดี่ยว แน่วแน่  

            หึ ไม่ว่าชะตากรรมจะเป็นอย่างไร ข้าก็จะขอสู้กับมันจนถึงที่สุด ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสนุกในความท้าทายของชะตากรรม

     

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

    ผ่านไปราว 3 ปี

     

            เช้ง !!! เคร้ง !!!” เสียงของมีคมปะทะกันอย่างดุเดือด ดังติดต่อกันอย่างไม่ว่างเว้น เป็นเสียงของยอดฝีมือสองคนที่กำลังปะทะกันอย่างเมามัน รอบๆตัวพวกเขาปรากฏรอยดาบมากมาย ต้นไม้ใหญ่ โขดหินขนาดใหญ่ แม้แต่ลำธารที่อยู่ห่างออกไปก็ยังปรากฏร่องรอยแห่งการต่อสู้ ทันใดนั้นเสียงของหนึ่งในสองยอดฝีมือที่ปะทะกันก็ดังขึ้น

     

            ฮ่าฮ่าฮ่า มีปัญญาแค่นี้หรือไงเจ้าหนู ฮ่า ฮ่า แค่นี้ก็เหนื่อยหอบแล้วหรือไงเป็นเสียงของไกอานั่นเอง

    แม้การต่อสู้จะดูดุเดือดรุนแรง แต่น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงความสนุกสนาน คำว่าเจ้าหนูที่เขาพูดขึ้นทำให้เดาได้ไม่ยากว่ายอดฝีมืออีกคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับเขาคือใคร

     

            แฮ่ก ๆ เสียงหอบด้วยความเหน็ดเหนื่อยดังออกมาจากเขาผู้นั้น

     

            แฮ่ก ๆ ถ้าอย่างนั้นท่านก็...แฮ่กๆ... รับมือ !!! เป็นเซริกส์นั่นเอง แม้จะเหนื่อยล้า แต่ใบหน้าของเขากับปรากฏรอยยิ้ม ราวกับสัตว์ป่าที่สนุกกับการต่อสู้เขาพุ่งทะยานเข้าใส่ไกอาอย่างบ้าคลั่ง ดาบขนาดยักษ์ในมือของเซริกส์มีลักษณะเช่นเดียวกับของไกอามันถูกง้างเตรียมที่จะเข้าปะทะอย่างบ้าคลั่งดุเดือดอีกครั้ง

     

            เคร้งงงงงง !!!”เสียงดาบปะทะกันหลายครั้งในหนึ่งวินาทีเร็วจนแทบจะฟังเป็นเสียงเดียวตามมาด้วยเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

     

     ย๊ากกกก !!!” เซริกส์ตะโกนพร้อมกับพุ่งตัวเข้าหาไกอาอย่างเต็มกำลัง

     

             ดาบขนาดใหญ่ลักษณะเหมือนของไกอาถูกกำแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง มันถูกใช้ฟาดฟันอย่างดุดัน ฟาดฟันแต่ละครั้งเกิดประกายไฟสีส้มเข้ม ตัวดาบถูกคลุมด้วยออร่าสีแดงบางๆเพื่อเพิ่มความทนทานและพลังโจมตี แต่ไม่ว่าเซริกส์จะโจมตีรุนแรงสักเท่าไหร่ ไกอาผู้แข็งแกร่งก็ปัดป้องการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง ไกอาถีบตัวถอยไปตั้งหลักอย่างรวดเร็ว ด้านเซริกส์ก็พุ่งตัวเข้าหาโดยไม่ให้ไกอาผู้เป็นอาจารย์ได้ตั้งตัวแต่มันก็เปล่าประโยชน์

     

     

     

     

     

    เคร้ง !!” เสียงดังขึ้นพร้อมกับดาบเล่มใหญ่ของคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกเขากระเด็นลอยลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้า แล้วมันก็ตกลงมาเสียบพื้น ฉึกเป็นดาบของเซริกส์นั่นเองมันถูกแรงปะทะที่รุนแรงจากดาบของไกอาผู้เป็นอาจารย์จนหลุดออกจากมือ เซริกนั่งทรุดกับพื้นพร้อมกับเสียงหอบและเหงื่อที่เปียกโชกทั่วตัว

     

     

     

            ฮ่าๆ  ประมาทข้าเกินไปแล้วเจ้าหนู ไกอาพูดขึ้น

     

            แฮ่กๆเซริกส์ไม่ได้พูดจาอะไร เขาได้แต่หอบด้วยความเหนื่อย สายตามองไปยังผู้เป็นอาจารย์ด้วยความเคารพ รอยยิ้มยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าแม้เขาจะพ่ายแพ้

     

    ไกอามองไปยังศิษย์ของตนด้วยความพอใจแล้วเอ่ยปากขึ้น  เอาหละ วันนี้พอแค่นี้เจ้ากลับไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เจ้าต้องเดินทางแต่เช้า

     

            แฮ่กๆ ...เดินทาง ?” แม้เซริกส์จะเหน็ดเหนื่อยจนไม่อยากพูดจา แต่คำพูดของไกอาทำให้เขาประหลาดใจจนต้องฝืนเหนื่อยเอ่ยปากถาม

     

            ใช่แล้ว จากนี้ไปเจ้าต้องฝึกฝนด้วยตัวเองไกอาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแววตาจ้องไปยังเซริกส์

     

            นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปข้ามีเรื่องที่จะต้องทำน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป บ่งบอกถึงความไม่สบายใจนิดๆ น้ำเสียงที่เจือความไม่สบายใจนี้ทำให้เซริกส์ผู้เป็นศิษย์สงสัย ไกอาหันกลับมามองศิษย์ของเขาอีกครั้งแล้วยิ้ม

     

            หึ หึ  เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอกข้าเตรียมการทุกอย่างให้เจ้าแล้ว

    หลังจากที่พูดจบเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามองผู้เป็นศิษย์

     

            เวลาล่วงเลยไปดวงอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่ในยามเช้าบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยพระจันทร์ ในกระท่อมกลางป่าของไกอา เซริกส์ผู้เป็นศิษย์กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของเขา ห้องที่มืดมิดมีเพียงแสงจันทร์เท่านั้น นัยน์ตาสีกำมะถันจ้องมองไปยังพระจันทร์บนท้องฟ้า  ในมือกำของบางอย่างอย่างทะนุถนอมมันคือ โซลเม็ดสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความหลังนั่นเองบัดนี้มันถูกทำเป็นสร้อยเพื่อให้พกพาได้สะดวก เขานั่งเหม่อลอยบนเตียงพลางนึกถึงเรื่องเมื่อครั้งอดีต เวลาผ่านไปความอ่อนล้าและความง่วงทำให้เขาหลับไปในที่สุด

     

     

            เมื่อรุ่งเช้ามาเยือน กระท่อมหนังนี้ก็ไร้ซึ่งผู้คนภายใน ไกอาผู้เป็นเจ้าของได้ออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เช้ามืด เวลานี้บริเวณรอบๆมีเพียงเซริกส์ซึ่งจ้องมองกระท่อมหลังนี้จากจุดที่ไกลออกไป ชุดคลุมสีดำพร้อมกับดาบขนาดใหญ่ที่ถูกสะพายกลางหลัง ทำให้คนผู้นี้ดูน่าเกรงขามขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว เส้นผมสีแดงลอดออกมาจากหมวกของชุดคลุม

            ลาก่อน บ้านของข้าเขาพรึมพรำขึ้น

     

    ใบหน้าใต้ชุดคลุมปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาหันหลังให้กับสถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้านนี้ และเริ่มเดินห่างออกไปโดยไม่หันกลับมามอง . . .


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×