ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry potter I never regretted that she lovers (เดร/เฮอร์)

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2: จุมพิตเธอ...กลางสายฝน...ปนความหนาว

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 53


    Cheapter 2 : จุมพิตเธอ...กลางสายฝน...ปนความหนาว

     

    นางนาร์ซีสซา มัลฟอย ยืนอยู่หน้าประตูร้าน หลังจากเอ่ยปรามบุตรชาย  เธอหันกลับไปมองพนักงานในร้าน แล้วยิ้มให้พวกเขาเหมือนรู้จักกันมานานหลายปีไม่ใช่เพียงนาทีสองนาที มัลฟอยเงยหน้าขึ้นสบตามารดาแวบหนึ่งเหมือนไม่ใส่ใจ ก่อนตวัดสายตาที่เย็นชาหันมาสนใจเด็กสาวที่หยิ่งผยองตรงหน้าเหมือนเดิม นางมัลฟอย ขยับตัวอย่างอึดอัดแววขุ่นเคืองสาดประกายแรงกล้าออกจากแววตาคู่นั้น สักพักจึงค่อยถอนใจยาวเมื่อเห็นท่าทีเฉยชาของผู้เป็นบุตรชาย เธอจึงเดินตรงมาหาเด็กหนุ่มที่เจ้าอารมณ์แล้วโน้มหน้าเข้าใกล้ ลดระดับเสียงให้ต่ำลงเหมือนไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แล้วกระซิบ

     
    เรามีเรื่องสำคัญกว่าเรื่องนี้นะ เดรโก


    ถึงแม้ มัลฟอยจะรับฟังแต่เขาก็ยังไม่ละสายตาไปจากเฮอร์ไมโอนี่ แววตาแข็งกร้าวของเขายังคงเดิม เพียงแต่แรงบีบที่ข้อมือของเขาเริ่มคลายลงบ้าง แต่ก็ยังขืนตัวเธอเอาไว้อยู่ มัลฟอยยื่นหน้ามาเกือบใกล้เธอริมฝีปากซีดเซียวของเขาจรดกับริมหูของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวสะดุ้งตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงแข็งกระด้างของมัลฟอย 


    วันนี้เธอรอด เกรนเจอร์ แต่ไม่รอดตลอดไปหรอกนะ ระวังตัวเองไว้ให้ดีเถอะ แล้วเจอกัน ยายเลือดสีโคลนโสโครก


    คำสุดท้าย มัลฟอยคำรามเสียงกร้าวพร้อมกับที่เขาผลักเด็กสาวออกไปให้พ้นๆตัว แล้วจึงเดินตามผู้เป็นมารดาไปยังโต๊ะด้านในสุดที่มีกลุ่มชายหญิงวัยรุ่นนั่งอยู่ พร้อมๆกับที่คนของร้านที่จับตัวรอนเอาไว้ในตอนแรก ค่อยคลายแขนที่จับเขาเอาไว้ รอนรีบสลัดแขนของเขาออกจากคนพวกนั้น แล้ววิ่งไปหาเฮอร์ไมโอนี่ด้วยความเป็นห่วงปนโมโห


    เธอเป็นอะไรหรือเปล่าเฮอร์ไมโอนี่


    เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆพยายามอย่างยิ่งเพื่อให้ตัวเองสงบลงและพยายามที่จะหยุดคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบไปเมื่อกี้ ช่วงเวลาหนึ่งเธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ลืมเรื่องแย่ๆในวันนี้ได้ลง เธอพยายามยิ้มแต่ก็ดูเหมือนฝืนเต็มที


    ฉันโอเค แล้วเธอล่ะ


    ฉันไม่เป็นไรหรอก แต่ข้อมือเธอเป็นรอยช้ำเลยนะ แน่ใจเหรอว่าไม่เป็นอะไร


    รอนพูด แล้วมือใหญ่หนาของเขา ดึงข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่ ขึ้นมาสำรวจอย่างเบามือเพราะกลัวเธอเจ็บ เขาเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโมโหปนกังวลเมื่อได้เห็นรอยช้ำรอบๆข้อมือทั้งสองของเธออย่างชัดเจน


    แน่ใจสิ ไม่เป็นไรหรอกรอน


    เฮอร์ไมโอนี่ดึงข้อมือของเธอออกมาจากรอน แล้วรีบดึงแขนเสื้อให้ยาวมาปิดรอยช้ำเอาไว้อย่างมิดชิด  เนวิลล์และแคทเธอลีนเดินตามมาสมทบ เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็นว่าแคทเธอลีนตัวสั่นเล็กน้อย


    ฉันว่าเราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ เนวิลล์ร้องบอกทุกคน  รอนพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ดึงแคทเธอลีนมาประคองไว้ แล้วเดินตามเนวิลล์และรอนที่เดินออกนอกร้านในทันที


    ************************************************************


    แดดตอนเที่ยงวันที่ร้อนจัด ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อพวกของเฮอร์ไมโอนี่ห่างไกลจากร้านอาหารนั้นพอสมควร เมฆลูกใหญ่ทะมึนก็เคลื่อนตัวเข้าบดบังดวงอาทิตย์ไว้ ให้ประกายแสงที่จ้านั่นอ่อนลง พร้อมลมที่กรรโชกวูบดูน่ากลัวว่าคนจะปลิวตามไปด้วย


    สงสัยฝนจะตก” รอนแหงนคอมองดูท้องฟ้าที่มืดมิดชั่วครู่ ให้นึกถึงเมื่อเที่ยงวันที่ร้อนตับแทบแล่บ อากาศของพวกมักเกิ้ลช่างปรวนแปรจริงๆ เขาคิด แล้วหันกลับมาดูเพื่อนๆที่ตามเขาออกมาสมทบ ทีละคนสองคน ตอนนี้พวกเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านขายของชำ ใกล้ๆกับร้านอาหารที่เกิดเรื่อง  ถึงแม้ว่าภายนอกร้านจะอึมครึมเพราะพายุฝน  แต่ภายในจิตใจของแต่ละคนกลับรู้สึกดี ปลอดโปร่งโล่งสบายมากกว่าตอนที่อยู่ภายในร้านมากนัก   เฮอร์ไมโอนี่รีบกล่าวขอโทษทุกคนทันทีเมื่อออกมานอกร้านแล้ว


    ขอโทษนะทุกคน พวกเธอเลยหมดสนุกกันเลยเฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงพึมพำ


    ใช่ความผิดเธอที่ไหนเล่า เฮอร์ไมโอนี่แคทเธอลีนจับมือเธอบีบเบาๆอย่างปลอบโยน


    นั่นสิ ต้องโทษไอ้หมาบ้านั่นมากกว่าตามมากัดถึงโลกมักเกิ้ลเลย

    รอนกระชากเสียงอย่างโมโหจากนั้นดูเหมือนเขาจะควบคุมคัวเองได้อีกครั้งแต่ถึงยังงั้นก็ยังคงความรู้สึกได้ว่าเขายังโมโหอยู่ดี


    อย่างงั้นวันนี้ พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันแคทเธอลีนออกความคิดเห็นเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้ารับเงียบๆสายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองไปที่เนวิลล์ที่เห็นได้ชัดว่าหน้าเศร้ากับคำพูดนั้น แต่ก็ยิ้มออกมาได้ในที่สุด เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กำลังใจเมื่อเนวิลล์หันมาสบตากับเธอ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเนวิลล์รู้สึกยังไง ครั้งนี้เป็นเดทแรกของเขาเสียด้วย แต่กลับต้องมาพังเพราะคนๆเดียวแท้ๆ


    ก็ดี ฉันก็หมดอารมณ์เที่ยวต่อแล้วเหมือนกันตั้งแต่เห็นหน้าไอ้ซีดมัลฟอยนั่นแล้ว รอนกล่าวสำทับอย่างเซ็งๆ


    ว่าแต่เธอจะกลับยังไงเหรอ แคทเธอลีน เฮอร์ไมโอนี่รีบถาม


    เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกเฮอร์ไมโอนี่ฉันกลับเองได้


    เนวิลล์ที่นิ่งเงียบมานาน อ้ำๆอึ้งๆ รีบอาสาอย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก


    เออ ...แคทเธอลีน ฉันไปส่งเธอนะเขารีบเบือนหน้าหลบสายตาของแคทเธอลีน เมื่อเธอหันมาหาเขา เนวิลล์ดัดข้อนิ้วตนเองด้วยอาการหงุดหงิด กระวนกระวายใจ เขากลัว กลัวเหลือเกินว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้จะทำให้เขากับแคทเธอลีนเปลี่ยนไป


    เฮอร์ไมโอนี่ฉีกยิ้ม

    ดีสิเนวิลล์ งั้นเธอไปส่งแคทเธอลีนก็แล้วกันนะ


    แคทเธอลีนไม่ได้พูดปฎิเสธการไปส่งของเนวิลล์ นั่นเป็นสัญญาณที่ดี เฮอร์ไมโอนี่คิด แคทเธอลีนหันมายิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่แล้วบอกลา


    งั้นฉัน กลับก่อนนะแล้วเจอกันที่ฮอกวอตส์ บายจ๊า


    บายเฮอร์ไมโอนี่ บายรอนเนวิลล์โบกมือให้เฮอร์ไมโอนี่และรอนก่อนเดินตามแคทเธอลีนไปติดๆ รอนและเฮอร์ไมโอนี่มองตามทั้งคู่เดินไปจนลับสายตารอนหันมาหาเพื่อนสาวแล้วบุ้ยใบ้ไปที่ป้ายรถเมล์


     ฉันไปส่งเธอนะ เฮอร์ไมโอนี่


    ไม่เป็นไรหรอกรอน เธอรีบตอบกลับมาเธอไปเถอะฉันว่าจะแวะไปซื้อหนังสือแถวนี้อ่านก่อนสักสองสามเล่มแล้วค่อยเข้าบ้านนะ


    เอางั้นเหรอ


    รอนตอบหลังจากนิ่งคิด เขายักไหล่เล็กน้อย


    โอเค..งั้น ระวังตัวด้วยล่ะ แล้วเจอกันที่ชานชาลาที่เก่าแระกัน


    เฮอร์ไมโอนี่โบกมือลารอนแล้วมองดูเขาเดินจากไปเป็นคนสุดท้ายเธอดูนาฬิกาเพื่อดูเวลาทำให้เห็นรอยช้ำที่ข้อมือได้ชัดเจนเด็กสาวชั่งใจสักครู่ก่อนหันหลังแล้วเดินทอดน่องไปยังฝูงชนเพื่อข้ามถนนไปอีกฝากหนึ่งของถนนอย่างรวดเร็ว

     

    วินเวิร์ด พุ่งสายตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเดรโก มัลฟอย ทว่าดวงตาคู่นั้นก็ก็จ้องตอบกลับอย่างแข็งกร้าวเช่นกัน วินเวิร์ดมองดูเด็กหนุ่มนัยน์ตาซีดเจ้าอารมณ์ที่อยู่เบื้องหน้าเขาอย่างหงุดหงิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาตระหนักได้ถึงอารมณ์ของเดรโก มัลฟอยเหมือนพายุคลั่ง และพลังพิโรธของท้องทะเลเมื่อพัดผ่านไปที่ใดมันจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้พินาศได้โดยทันที


    ที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเขาสักนิดแต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอยากตะบันหน้าเด็กหนุ่มแสนยียวนคนนี้เสียเหลือเกิน คือเรื่องหญิงสาวผมสีน้ำตาลคนนั้นต่างหาก คนอย่างเขาไม่เคยรังแกผู้หญิง และไม่คิดจะทำให้ผู้หญิงเจ็บ จริงอยู่ถึงเขาจะเป็นคนเย็นชา ไร้หัวใจแต่เขาก็ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งของเดิร์มสแตรง เมื่อเขาเห็นผู้หญิงถูกรังแกมันทำให้เขาเจ็บ เขาเกือบลุกขึ้นแล้วเข้าไปขวางแล้วเชียวถ้าดอนไม่ดึงเขาลงมานั่งแล้วกระซิบเตือนเรื่องบางเรื่องเสียก่อนทำให้เขาสงบลงได้


    ร่างเล็กๆที่ถูกจับไว้แน่นด้วยมืออันทรงพลังของมัลฟอย  คงทำให้เธอเจ็บ จมูกรั้นๆเชิดๆนั้นรวมทั้ง สีหน้าเด็ดเดี่ยวของเธอที่กลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ทำให้วินเวิร์ดรู้สึกแปลกๆในใจ เขาชอบเธอเหรอ วินเวิร์ดคิด บ้าสิ ...เป็นไปไม่ได้ เขาไม่ได้ชอบเธอ เพียงแต่ .....ชื่นชมและรู้สึกถึงความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของเธอ ผู้หญิงแบบนี้หาได้ยาก พอๆกับหาผู้หญิงที่ชอบชายตาให้เขานั่นง่ายและดูดาษดื่น  วินเวิร์ดรู้สึกโล่งใจที่เขาคง....หาสาเหตุได้แล้วว่าอะไรทำให้เขารู้สึกแปลกๆกับเด็กผู้หญิงคนนั้น


    มัลฟอยยืนจ้องหน้าวินเวิร์ดเขม็ง ประกายตาที่สาดกระทบใบหน้ามัลฟอยแฝงความสงสัยเปี่ยมล้นชายหนุ่มตรงหน้าแสดงสีหน้าเหมือนไม่พอใจเขา แต่นั่นเขาไม่สนใจหรอกเขาสนใจแต่เพียงว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความสำคัญแค่ไหน เนื่องจากบิดาของเขาสั่งการให้มารดาของเขาที่แทบจะไม่สุงสิงหรือออกนอกอาณาเขตของบ้านไปไหนเลยแต่กลับต้องมารับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้ด้วยตัวเอง ที่บ้านดูวุ่นวายกันใหญ่กับการต้อนรับชายหนุ่มคนนี้ นั่นมันทำให้เขาอยากเจอและเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เขามาที่นี่ ในโลกมักเกิ้ลแสนสกปรกแห่งนี้ เมื่อมาเจอกัน อีกหนึ่งความคิดที่พุ่งเข้ามา คือความไม่ชอบหน้าและความเกลียดชัง  มัลฟอยรู้สึกถึงหัวใจเขาที่กระตุกวูบอย่างไม่มีเหตุผล


    มัลฟอยไม่ได้รู้เลยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ ต่อไปจะทำให้หัวใจของเขา แทบจะถูกดึงออกไปจากร่าง เหมือนตายทั้งเป็น


    อมาธาร์ เมอเร่
     เพิ่งเห็นเดรโก มัลฟอย ถนัดตาขึ้นเมื่อเขาเดินอาดๆเข้ามาหา พร้อมคุณนายมัลฟอย ผมสีบรอนส์เงิน ที่ปรกหน้าผากใบหน้าสีขาวซีด และดวงตาเย็นชาทำให้เขาน่าดูขึ้นอย่างมากมาย และอมาธา เองก็ยอมรับว่าเธอชอบคนผมบรอนด์ ซึ่งทำให้เขาดูน่าทึ่งทีเดียว

    และความจริงข้อนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวยามที่เธอจ้องมองเขา ถ้าพูดถึงปฎิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นกับเธอนี่เป็นครั้งที่สอง นอกจากวินเวิร์ด ที่ทำให้เธอใจเต้นแรง ยามที่มองจ้องสบตาของเขา


    เดรโก มัลฟอย และวินเวิร์ด เป็นความเหมือนที่แตกต่าง ดวงตาทั้งคู่เหมือนกัน เย็นชาและแข็งกระด้างผิดกันแต่เพียง วินเวิร์ดจะดูสุขุมและเย็นชาลึกลับ แต่เดรโก มัลฟอย  ไม่ใช่อย่างนั้น เขาเป็นคนหนุ่มที่เลือดร้อน เจ้าเล่ห์ ความดิบและเถื่อนของเขาดูเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ซึ่งอมาธา กลับชื่นชอบ และยิ่งเมื่อเขาชายตามองเธอและยิ้มให้สายตาที่แข็งกระด้างกลับระยิบระยับดูเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มที่บาดใจนั้นทำให้เธอแทบคลั่ง


    ขอต้อนรับจ้า วินเวิร์ด เรื่องเมื่อกี้คงไม่ทำให้พวกเธอตกใจกันหรอกนะ


    นางมัลฟอยพูดทำลายความเงียบที่ปกคลุมความคิดของพวกเขา  นางหันมาทางอมาธา แล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น


    พ่อหนูเป็นยังไงบ้างจ๊ะ อมาธา คงวุ่นน่าดูเลยนะ เป็นถึงหัวหน้ากองเวทมนต์แล้วนี่

    อมาธาก้มศรีษะแล้วยิ้มเป็นการตอบรับ


    พ่อสบายดีค่ะ ยังฝากความคิดถึงมาให้คุณลุงกับคุณป้าด้วย


    เหรอจ๊ะ ฉันกับคุณลูเซียสยังคุยกันเลยว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมพ่อเธอที่กระทรวงเวทมนต์อยู่เลยเชียวนางมัลฟอยยิ้มกว้างให้อมาธา และคงจะมีการพูดคุยกันมากกว่านี้ถ้าไม่เพราะลูกชายสุดห่ามของนางทำน้ำเสียงไม่พอใจอยู่ข้างๆเสียก่อน


    มัลฟอยมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าสักครู่  เขาถอนหายใจแรงๆอย่างเหลืออดแล้วอยู่ๆมัลฟอยก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างหงุดหงิด


    แม่ฮะ ถ้าแม่ยังอยากจะคุยกันที่นี่ งั้นผมกลับก่อนนะฮะ เบื่อจะตายอยู่แล้ว


    เดรโกมัลฟอยถือโอกาสที่นางมัลฟอยทักท้วงสาวเท้าพรวดเดียวออกจากโต๊ะตัวนั้นแล้วเดินออก
    ไปนอกร้านทันทีโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย


    นางมัลฟอยส่ายหน้าอย่างระอากับพฤติกรรมของมัลฟอยเธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นปกติ

    ลูกชายป้าก็อย่างงี้แหละ ขี้หงุดหงิด อย่าถือสาเลยนะ กลับบ้านกันเถอะจ๊ะ คุณลูเซียสคงดีใจที่จะได้เจอเธอนะวินเวิร์ด เขารอเธออยู่ที่บ้านแนะ


    ดอนเหลือบตามองดูวินเวิร์ดอย่างเห็นใจที่จะต้องไปอยู่บ้านตระกูลมัลฟอยกับเด็กเจ้าอารมณ์อย่าง เดรโก มัลฟอย แต่สำหรับเพื่อนสาวของเขา เขายิ้มนิดๆเมื่อสังเกตเห็นหน้าแดงๆของอมาธ่าที่แอบลอบมอง มัลฟอยก่อนที่มัลฟอยจะเดินออกไป ทำให้เขาพอรู้ว่าเธอคิดยังไงกับคนๆนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นปฎิกิริยาแบบนี้กับเพื่อนสาว โดยทั่วไป อมาธาชอบวินเวิร์ดและนั้นเป็นความจริง แต่ตอนนี้ เขาไม่แน่ใจ ..หรือว่า วินเวิร์ดจะมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเสียแล้วล่ะ  ก็สมควรหรอก หน้าตาดูหล่อเหลา หุ่นสูงใหญ่ สะอาดสะอ้านแบบนี้ เป็นสาวๆที่ไหนก็ใจละลาย เขาเริ่มรู้สึกสนุกเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต


    ดอนขยับลุกขึ้นแล้วก้มศีรษะ ให้นางมัลฟอยเล็กน้อยก่อนเอ่ยขอตัว

    งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะฮะ


    วินเวิร์ดเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยปากถาม

    นายไม่ไปกับเราด้วยเหรอดอน


    ดอนทำสีหน้ากวนๆนั่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเขา ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่พอใจแต่สำหรับวินเวิร์ดนั่นเขารู้ดี

    ไม่หรอก นายก็รู้ว่าเราไม่ชอบอยู่ที่ไหนนานๆ แล้วเจอกันที่สถานีรถไฟฉันอาจจะไปส่งนายด้วย แล้วจะเลยไปที่เดิร์มสแตรงเลย


    วินเวิร์ดพยักหน้ารับแล้วตบบ่าดอนเบาๆ

    ได้แล้วเจอกัน


    เมื่อดอนออกไปแล้วนางมัลฟอยจึงสั่งให้คนในร้านช่วยยกข้าวของเครื่องใช้ของวินเวิร์ดและอมาธาเอาไปไว้ที่หน้าเตาผิงเพราะเธอจะใช้ผงฟูลหายตัวเข้าไป

    อมาธาหนูคงต้องไปกับฉันนางมัลฟอยโอบบ่าอมาธาแล้วดึงมากอดเบาๆอย่างเอ็นดู


    คงต้องรบกวนคุณป้าจนกว่า ฮอกวอดส์ จะเปิดแล้วล่ะค่ะ

    น้ำเสียงอ้อนๆของอมาธาทำให้นางมัลฟอยหัวเราะอย่างอารณ์ดีเธอรู้สึกถูกชะตากับเด็กผู้หญิงคนนี้เสียจริงๆถ้าเดรโกจะสนใจเด็กผู้หญิงคนนี้มันคงทำให้เธอมีความสุข แต่นางมัลฟอยไม่ได้รับรู้เลยว่าความสุขของนางกำลังจะนำความทุกข์ให้กับบุตรชายคนเดียวของนางเอง


    ยินดีเสมอ สำหรับหนูจ้า อมาธานางมัลฟอยพูดพร้อมกับจูงมืออมาธาเดินตามนางไป


    ********************************************


     
    ผมกลับมาแล้วฮะ  เสียงห้วนๆของรอนดังขึ้น เรียกให้นางวิสลี่ย์หันหน้ามาตามเสียงนั้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง รอนเดินเข้ามายังห้องรับแขกอย่างเซ็งๆแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างเหนื่อยแรงปากก็ยังพูดต่อโดยไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าของผู้เป็นมารดา


    ทำอะไรให้ผมกินหน่อยสิฮะแม่ผมหิวแล้ว


    รอนเหลือบตามองจินนี่ที่นั่งก้มหน้าบนโซฟาฝั่งตรงข้ามสีหน้าดูเธออารมณ์ไม่ดีนัก


    ว่าไงจินนี่น้องรักนั่งหน้าบึ้งเชียวทะเลาะกับใครมาอีกล่ะ

    จินนี่นิ่งเงียบไม่ตอบเม้มปากแน่นทำให้รอนเริ่มรู้สึกผิดปกติ รอนหันกลับมาดูมารดาเพื่อสอบถามแต่เมื่อเห็นนางวิสลี่ส์มองจินนี่ด้วยสายตาโมโหทำให้รอนอึ้งไป


    รอนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนถามมารดาอย่างหวาดๆ

    มีอะไรกันเหรอฮะแม่


    นางวิสลี่ย์หันไปทางรอนแล้วพยักหน้าไปทางจินนี่

    ก็ถามน้องสาวลูกดูเองสิว่าทำอะไรไว้


    มีอะไรจินนี่..รอนหันไปทางจินนี่ แล้วถามแต่ยังไม่ทันพูดจบ จินนี่ก็ผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งขึ้นไปยังห้องนอนเธอทันที เสียงประตูปิดดังโครมใหญ่ ทำให้รอนถึงกับหน้าเหวอ


    บ้า..ฉิบ รอนสบถเสียงดังอย่างหัวเสีย เขาหันกลับมาเพื่อจะถามนางวิสลี่ย์ให้รู้เรื่อง แต่นางวิสลี่ย์ไม่มีอารมณ์จะตอบรอน เพราะเธอยังอยู่ในอารมณ์โกรธอยู่จึงเดินเลี่ยงเข้าห้องครัวไป     เพื่อทำอาหารเย็นต่อ รอนชักเริ่มอารมณ์เสียวันนี้เป็นวันอะไรของเขา มีแต่เรื่องทั้งวัน รอนคิดเขาเดินตามนางวิสลี่ย์เข้าไปในครัวแล้วกอดอกมองดูมารดาหยิบนี่จับโน่นอยู่คนเดียวอยู่นานเพื่อรอให้นางวิสลี่ย์พูดก่อน จนในที่สุดรอนก็หมดความอดทน จึงตะโกนถามนางวิสลี่ย์เข้าไปในครัวอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่เช่นกัน


    แล้วผมจะรู้เรื่องไหมฮะวันนี้


    ********************************************


    รอนสาวเท้าไปตามระเบียงทางเดินภายในบ้านเขาหยุดหน้าประตูห้องของน้องสาวคนเล็กแล้วเปิดประตูเข้าไปทันทีไม่ทันไรเสียงๆหนึ่ง ก็ดังลอดออกมาจากภายในห้อง


    พี่รอน ไม่มีมารยาทเลยนะที่หลังจะเข้ามาก็หัดเคาะประตูเสียบ้างสิ

    รอนยักไหล่เหมือนไม่สนใจคำต่อว่า


    ปกติก็ไม่เคยเคาะนี่. เขาพูดเอื่อยๆระหว่างสาวเท้าเข้าห้องด้านใน รอนเคลื่อนตัวมานั่งที่ปลายขอบเตียงของน้องสาวแล้วถามเสียงขึง


    ว่าแต่เราเถอะ ทะเลาะอะไรกับแฮร์รี่เขาอีก เมื่อเช้าเขาอุตส่าห์มาหาเราตั้งแต่เช้า

    จินนี่หน้าบูดเธอรู้ดีว่าแม่คงรายงานเรื่องที่เธอมีปากเสียงกับแฮร์รี่ให้พี่ชายผมแดงเธอรับรู้แล้ว


     พี่รู้ ..นี่แม่คงเล่าให้พี่ฟังแล้วล่ะสิจินนี่กระแทกสียงอย่างเบื่อๆ


    จริงหรือเปล่าล่ะรอนถามเสียงเข้มแต่ตาจ้องจินนี่เขม็ง

    เธอยอมรับว่าเธอหงุดหงิดใส่แฮร์รี่ ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่เธอกลับมาแฮร์รี่ก็เอาแต่ซักเธอตลอดว่าหายไปไหนตั้งแต่เช้า เธอออกไปโดยที่ไม่ได้บอกใครไว้นั่นทำให้แม่และแฮร์รี่เป็นห่วง จินนี่ยอมรับว่ามันเป็นความผิดของเธอที่ไม่ได้บอกใครไว้ว่าเธอจะออกไปข้างนอก เพราะพอเธอได้รับจดหมายจากเดรโกที่มีมาถึงเธอ ทำให้เธอดีใจจนลืมตัว ออกมาโดยที่ไม่มีใครรู้แม้กระทั่งรอนที่ยังนอนคุดคู้อยู่ในห้องก็เถอะ


    ฉันไม่ชอบคนจู้จี้ น่ารำคาญนี่นาจินนี่ทำปากแบะในขณะที่พูดให้รอนฟัง รอนขมวดคิ้วกับน้ำเสียงแปลกๆของจินนี่


    แค่แฮร์รี่ถามนิดถามหน่อยแค่เนี่ยนะ ต้องโกรธเขาด้วยเหรอ เขาเป็นห่วงเธอนะจินนี่ อีกอย่างเขามารอเธอตั้งแต่เช้าก่อนที่พี่จะออกไปหาเฮอร์ไมโอนี่เสียอีก

    รอนติงจินนี่เสียงเบา


    เขาแสดงความเป็นเจ้าของหนูมากไปหนูไม่ชอบนี่จินนี่ตอบเสียงสะบัด เธออดรำคาญรอนไม่ได้ที่รอนเข้าข้างแฮรร์รี่จนลืมนึกถึงจิตใจเธอ


    แต่เขาเป็นแฟนกับเธอเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จินนี่รอนตวัดเสียงใส่จินนี่

    จินนี่เริ่มหมดความอดทนเมื่อรอนยังเซ้าซี้เธออยู่ในเรื่องของแฮร์รี่

     

    เป็นแฟนกันแล้วต้องมาคอยมาถามนู่นถามนี่ให้วุ่นวาย ทำยังกับหนูป็นนักโทษ ยังงั้นก็เลิกกันเลยดีกว่า

    เพียงคำพูดที่ไม่ยั้งคิด ที่หลุดออกมาจากปากของจินนี่ ...รอนถึงกับตาโตไม่คิดไม่ฝันว่าจินนี่จะพูดแบบนี้ออกมาได้


     จินนี่ เธอเป็นอะไรของเธอน่ะแค่นี้ก็ต้องโวยวายใส่ด้วยเหรอ พิลึก

    ทั้งจินนี่และรอนเงียบเสียงไปสักครู่ใหญ่ก่อนที่รอนจะเอ่ยปากถามน้องสาวอย่างลองเชิง


    เธอมีคนอื่นแล้วหรือไงถึงพูดว่าจะเลิกกับแฮร์รี่น่ะ


    ใช่  จินนี่โพล่งออกไปอย่างอัดอั้นใจพูดถึงตอนนี้สีหน้าของจินนี่พลันหมองคล้ำแล้วสลับเป็แดงระเรื่อขึ้นมาเรื่อยๆเธอเบนสายตาหลบสายตาที่จ้องเขม็งของรอน เธอก้มหน้านิ่งสมองกำลังคิดย้อนกลับไปเมื่อช่วงบ่ายบนเตียงกับชายหนุ่มผมบลอนส์ที่แสนเร่าร้อนคนนั้น

     

    *****************************************************


    อย่าเพิ่งบอกใครเรื่องนี้นะจินนี่เจ้าชายอสูรของเธอพูดกับเธอในขณะที่สองมือของเขาตระกองกอดร่างเปลื่อยเปล่าของเด็กสาวไว้ในวงแขนแข็งแรงนั้นอย่างอ่อนโยน


    ทำไมล่ะเดรโกฉันไม่อยากปิดบังเรื่องของพวกเรานะจินนี่ถามเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ชายหนุ่มกอดกระชับเด็กสาวแน่นเข้าไปอีก


    ฉันรู้แต่ถ้าเราบอกเรื่องที่พวกเราเป็นแฟนกัน ในขณะที่เธอก็ยังเป็นแฟนกับพอตเตอร์อยู่ เธอคิดว่าพ่อแม่เธอจะยินยอมให้เราคบกันอย่างงั้นเหรอ  แล้วอีกอย่าง ฉันกลัว จินนี่ ฉันกลัวว่าฉันอาจจะไม่ได้พบกับเธออีก


    คราวนี้จินนี่เงยหน้าขึ้นมามองเดรโกของเธอด้วยแววตาที่มุ่งมั่นขึ้นกว่าเคย

    ฉันไม่ยอมหรอก ฉันรักเธอนะเดรโก


    ชายหนุ่มยิ้มตอบมือของเขาลูบไล้ไปตามใบหน้าสวยงามนั้นอย่างแผ่วเบา

    ก็เพราะยังงี้ฉันถึงให้เธออดทน เพื่อฉัน ฉันจะเป็นคนค่อยๆบอกเรื่องนี้กับพวกเขาเอง


    แต่จินนี่พยายามแย้ง  เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจแต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกไปริมฝีปากหนานุ่มของชายหนุ่ม ก็ทาบทับลงบนริมฝีปากแดงระเรื่อนั่นอย่างหนักหน่วง  เพียงแค่นี้จินนี่ก็ร่างอ่อนระทวยภายใต้ร่างของชายหนุ่มอย่างง่ายดาย  ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากของเธออีก  เมื่อชายหนุ่มจูบจนพอใจแล้วจึงผละริมฝีปากออกมาจากเธอ อย่างเชื่องช้า


    เธอต้องเชื่อใจฉันจินนี่ เธอทำได้หรือเปล่า


    ฉันเชื่อเธอจินนี่พูดกระซิบเสียงแผ่ว  รับคำเหมือนต้องมนต์ เขาดึงร่างของจินนี่ลงมาที่อ้อมอกอุ่นอีกครั้งอย่างนุ่มนวล


    อีกอย่าง เธอห้ามไปสุงสิงกับไอ้หัวแผลเป็นนั่นให้มันมากนักชายหนุ่มพูดเสียงเครียด แต่รอยยิ้มที่จินนี่มองไมเห็น กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้าย จินนี่หัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมกอดของ มัลฟอยอย่างอารมณ์ดี  เพราะเธอคิดว่ามัลฟอยคงหึงเธอกับแฮร์รี่


    ทำไม...เธอหึงฉันล่ะสิ ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันไปยุ่งกับพี่แฮร์รี่ ฉันก็จะพยายามเลี่ยงเขาก็แล้วกัน

    มัลฟอยพลิกร่างจินนี่ให้อยู่ภายใต้ร่างของเขาเขาซุกไซ้ไปตามซอกคอของหญิงสาวจนเธอขนลุกเกรียว ตัวสั่นสะท้าน


    เด็กดี..เธอน่ารักมากจินนี่เขากระซิบ และแล้วพายุสวาทลูกใหม่ก็ดำเนินต่อไปอีกเนินนาน


    *****************************************


    จินนี่หน้าแดงเมื่อคิดถึงตอนนี้ สิ่งที่มัลฟอยปรนเปรอให้เธอมันทำให้เธอทั้งหวาดกลัวและรู้สึกดีอย่างไม่เคยมีมาก่อน พระเจ้า...มันช่างวิเศษจริงๆ  ทำให้เธอแทบขาดใจตายในตอนนั้น ความคิดของจินนี่คงลอยเตลิดเปิดเปิงถ้าไม่มีเสียงตวาดจากรอนเสียก่อน เสียงของรอนแทรกผ่านเข้ามาในหัวของจินนี่ ทำให้จินนี่สะดุ้ง


    จินนี่ รอนถลึงตาใส่จินนี่ เขาไม่รู้ว่าวันนี้จินนี่เป็นบ้าอะไร  ถึงได้พูดจาได้ร้ายกาจแบบนี้ จริงอยู่จินนี่เป็นน้องสาวของเขา แต่ถึงยังไงจินนี่ก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะบอกเลิกกับแฮร์รี่เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เขาเองไม่ชอบเอาเสียเลยกับปฎิกิริยาของน้องสาว จินนี่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะอะไรถึงทำให้เธอเปลี่ยนไป


    ใช่...เหรอ เธอพูดอย่างงี้หมายความว่ายังไงจินนี่ เธอคบกับใครอยู่ มัลฟอยเหรอ

    รอนเดาส่งนั่นทำให้จินนี่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ที่จริงเขาไม่คิดจะพูดชื่อนี้ออกไปด้วยซ้ำแต่อารมณ์โกรธที่ยังคุกกรุ่นในวันนี้ของเขาทำให้เขาโพล่งชื่อนี้ออกไปโดยไม่ทันยั้งคิด


    จะบ้าเหรอพี่รอนจินนี่หน้าตื่นพูดเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่


    ที่ฉันพูดว่าใช่ ฉันหมายถึง...ฉันอาจจะงอแงกับพี่แฮร์รี่มากไปหน่อยก็เท่านั้นตอนนี้จินนี่รู้สึกจะปรับสติตัวเองอยู่แล้ว


    รอนไม่อยากรู้หรอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างจินนี่และแฮร์รี่ มันไม่ถูกต้องที่รอนจะไปขุดคุ้ย  เรื่องระหว่างพวกเขานั่นเป็นเรื่องที่พวกเขาสองคนต้องเคลียร์กันเอาเอง ...ถึงเขาจะรู้สึกหงุดหงิดไปกับมันโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ตาม


    รู้ตัวก็ดีแล้ว รีบๆไปคืนดีกับแฮร์รี่เขาเร็วๆล่ะฉันขี้เกียจอดข้าวอดน้ำเป็นเพื่อนเขาเป็นหนที่สอง ที่จริงแล้วถ้าฉันรู้ว่าเธอไม่อยู่บ้านฉันคงลากแฮร์รี่ไปด้วยแล้วจะได้ช่วยกันเลอะฟันหน้าเจ้าหมาบ้านั่นออกเสียหน่อย

    จินนี่หันขวับมามองรอนด้วยความสนใจ อีกครั้ง


     พี่ว่าใครหมาบ้า

    คนเป็นพี่มองหน้านิดหนึ่งก่อนจะพูด


    จะใครก็ไอ้ซีดมัลฟอย นั่นนะสิ


    พี่เจอ..เดร..เอ้ย..มัลฟอยเหรอจินนี่พูดเสียงสั่นเล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมาก็ปะทะกับสายตาของรอนที่มองมาก่อนอยู่แล้ว เธอแกล้งฝืนยิ้มให้รอน ซึ่งรอนเองก็ไม่ได้เห็นสิ่งผิดปกติอะไร


    ก็ใช่นะสิ ยังมีเรื่องกับมันมาด้วยรอนยังคงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จินนี่ฟังอย่างเจ็บใจ


     
    เจ็บใจนักทำอะไรมันไม่ได้เลย เฮอร์ไมโอนี่มัวแต่ห้ามไม่ให้พี่ใช้เวทมนต์อยู่นั่นแหละ พูดถึง เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าข้อมือเธอเป็นยังไงบ้าง ไอ้หมาบ้านั่นเล่นบีบมือเธอเสียเขียวเชียว ฉันคงต้องส่งนกฮูกไปถามเธอหน่อยแล้วป่านนี้มิบวมแล้วเหรอ


    รอนลุกขึ้นแล้วก้าวเท้ายาวๆออกไปจากห้องของจินนี่เพื่อเข้าห้องตัวเอง ตั้งใจจะส่งจดหมายถึงเพื่อนรักทั้งสองเสียหน่อย


    จินนี่นั่งอยู่กับที่กำลังคิดถึงเรื่องมัลฟอย แต่เธอก็ยังไม่วายตะโกนไล่หลังรอนเตือนเรื่องการเตรียมของที่จะเริ่มเรียนเทอมใหม่อีกไม่กี่วันนี้


    ************************************************


    เฮอร์ไมโอนี่กำลังก้มมองดูนางพยาบาลร่างใหญ่พันผ้าก๊อสไปรอบๆข้อมือของเธออย่างระมัดระวัง จนกระทั่งเสร็จ เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีให้เฮอร์ไมโอนิ่ ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบ


    เสร็จแล้วจ๊ะ


    ขอบคุณค่ะป้าเมดเฮอร์ไมโอนี่ขยับข้อแขนสองสามครั้งและคิดว่าผ้าก๊อสคงไม่หลุดลุ่ยลงมาง่ายๆเธอจึงกระโดดลงจากเตียง แล้วเดินไปหาป้าเมดที่เก็บอุปกรณ์ทำแผลให้เข้าที่

    ป้าเมดเงยหน้ามองเฮอร์ไมโอนี่แล้วถามอย่างข้องใจ


    แล้วที่นี้บอกป้าได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้อมือของเธอ

    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแหยๆให้กับเพื่อนรักของแม่เธอ ก่อนโกหกไม่เต็มคำ


    อ้อ พอดีหนูเล่นกับเพื่อนแรงไปหน่อยนะค่ะ


     เด็กวัยรุ่นสมัยนี้แรงเยอะดีเหลือเกินป้าเมดมองหน้าเฮอร์ไมโอนี่นิ่ง เธอยิ้มอย่างรู้ทันแต่ก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรเฮอร์ไมโอนี่มากนัก


    หนูไปก่อนนะค่ะป้าเมด


    หนูกลับบ้านเลยหรือเปล่าป้าเมดถามก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินจากไป


    หนูว่าจะแวะตรงร้านหนังสือหัวมุม ซื้อหนังสือกลับไปสักสองสามเล่มก่อนกลับน่ะค่ะเฮอร์ไมโอนี่นึกอยากจะซื้อหนังสือของพวกมักเกิ้ลเอาไปที่ฮอกวอตส์สักสองสามเล่ม เพราะที่ฮอกวอตส์ หนังสือของมักเกิ้ลค่อนข้างหายากสักหน่อย


    ระวังตัวหน่อยนะเฮอร์ไมโอนี่ แล้วนี่ฝนก็ใกล้ตกแล้ว รีบๆซื้อแล้วรีบๆกลับก่อนฝนตกล่ะป้าเมดร้องเตือนก่อนจะหมุนตัวกลับไปประจำตำแหน่งของเธอเอง


    ทราบแล้วค่ะป้าเมด หนูไปก่อนนะค่ะ


    เฮอร์ไมโอนี่เคลื่อนตัวออกมาจากร้านหนังสือฝนก็เริ่มลงเม็ดปรอยๆแล้ว เธอเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงที่ป้ายรถประจำทาง ข้างหน้าโดยเร็ว แต่อากาศเย็นๆเริ่มปะทะร่างบางจนห่อไหล่สะท้าน เธอก้มหน้าลงจรดกับหน้าอกเมื่อลมตีกระทบกับใบหน้าจนเจ็บ  ความคิดแรกตอนนี้ของเธอเมื่อกลับถึงบ้านอยู่ที่เตียงนอนอ่อนนุ่มและผ้าห่มผืนโต เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองป้ายรถประจำทางที่เธอเดินใกล้ถึง เธอชะงักนิดนึงเมื่อเห็นคนที่ออกันแน่นเพื่อหลบลมและฝน  เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจยาวๆอย่างอึดอัด เมื่อตอนนี้ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้น ผู้คนเริ่มวิ่งหลบฝนเข้าไปภายในตัวอาคารใกล้เคียง และร้านรวงต่างๆจนแน่นไปหมดและนั่นทำให้เธอตัดสินใจไม่เข้าไปหลบตามร้านเหล่านั้นมันคงทำให้เธอหายใจไม่ออกและรู้สึกอยากอาเจียน เมื่อสูดดมกลิ่นตัวของคนแปลกหน้าเหล่านั้น เธอกวาดตามองชายคาที่เธอพอจะยืนหลบฝนโดยที่ไม่ต้องไปเบียดกับใคร 


    มุมหนึ่งของร้านขายของเก่ามีชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังกอดกันอย่างหวานชื่นโดยไม่ใส่ใจกับบรรยากาศรอบตัวนัก และมีอีกคนสองคนที่ยืนหลบฝนข้างๆกัน เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีเวลาคิด และเวลาสังเกตนานนักเมื่อฝนเริ่มตกแรงขึ้น เธอรีบวิ่งไปยังที่หมาย ในขณะที่ฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอวิ่งมาหลบฝนได้ทัน แต่กระนั้นเสื้อผ้าของเธอก็ยังคงเปียกอยู่ดี เฮอร์ไมโอนี่มองฝ่าสายฝนออกไปด้านนอกอย่างกังวล ฝนตกหนักจนเธอแทบมองไม่เห็นอะไรเลย เธอคงต้องยืนรออยู่ที่นี่ก่อนจนกว่าฝนจะซาเม็ดลง


    ยืนได้สักครู่เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงหอบหายใจหนักๆจากชายหญิงที่ยืนกอดกันอยู่นั้นพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาว เฮอร์ไมโอนี่เหลือบสายตาไปทางชายหญิงคู่นั้นสองสามครั้งอย่างนึกตำหนิ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สนใจ เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันแต่เธอไม่กล้าหันไปมองอีกเลยเมื่อได้ยินเสียงครางของทั้งคู่ เฮอร์ไมโอนี่อึดอัด และไม่ใช่เฉพาะแค่เธอเท่านั้นที่รู้สึกอย่างนั้น เพราะมีคนอื่นที่ยืนหลบฝนพร้อมกับเธอก็คงอึดอัดด้วยเหมือนกัน เพราะเฮอร์ไมโอนี่ ได้ยินเสียงสบถด่าของชายแก่คนหนึ่งเบาๆแล้วสักพักเขาคนนั้นก็เดินฝ่าสายฝนออกไปโดยหันมามองชายหญิงคู่นั้นอย่างรังเกียจเฮอร์ไมโอนี่ก็กำลังคิดว่าเธอควรจะฝ่าสายฝนออกไปเลยดีหรือเปล่าเพราะเธอเองก็รู้สึกไม่ดีกับพวกเขาทั้งตู่เหมือนกัน จนกระทั่ง เธอได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวและเสียงแหบพล่าของชายหนุ่มก็ตามมา


     พอเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว เราไปหาที่เงียบๆกันดีกว่าที่รัก

    หญิงสาวคนนั้นรีบฉุดมือชายหนุ่มคู่ขาวิ่งฝ่าสายฝนออกไปทันที


    เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก เธอกำลังนึกตำหนิท่าทางของคนทั้งคู่อยู่นิดๆ

    ที่อื่นก็มีเยอะแยะทำไมต้องมาทำอะไรทุเรศๆที่ตรงนี้ด้วยก็ไม่รู้


    เฮอร์ไมโอนี่ชะงักตวามคิด พร้อมความรู้สึกราวถูกจับจ้องของใครบางคนยังความอึดอัดประสานความพรั่นพรึงแปลกๆจนต้องหันหลังขวับกลับไปมอง

    ริมฝีปากได้รูปเผยอด้วยความตกใจเมื่อคนตรงหน้าที่เธอเห็นเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ใครๆทั่วฮอกวอตส์ต่างก็หลงใหลได้ปลื้ม แต่สำหรับเธอเขากลับเป็นอสรพิษที่เต็มไปด้วยความร้ายกาจและน่ากลัวสำหรับเธอ


    ใช่ ร้ายกาจและน่ากลัว และยิ่งเขามองมาที่เธอพร้อมทั้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดมาที่ริมฝีปากได้รูปยิ่งทำให้เธอรู้สึกตัว


    มัลฟอย เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแผ่วจนเหมือนกระซิบ

    มัลฟอยยืนกอดอกแบบสบายๆเขาจ้องมองมาทางเธอนิ่งและเมื่อเห็นท่าทีที่ตกใจของหญิงสาวทำให้ ปากบางเฉียบเผลอเหยียดยิ้มอย่างเปิดเผยมาทางเธอ


    *********************************************


    หลังจากที่มัลฟอยเดินหงุดหงิดออกมาจากร้านอาหารนั้น ก็ยังไม่อยากกลับบ้านนักเพราะเขาขี้เกียจต้องมานั่งปั้นหน้ากับแขกคนสำคัญของบิดา เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่เท่าไหร่หรอกออกดูน่ารักน่าใคร่เสียด้วยซ้ำ แต่สำหรับเด็กชายคนนั้นมันเหลือทนสำหรับเขา และเขาก็คงทนไม่ได้ถ้าต้องทำดีกับมัน ดังนั้นเขาเลยเตร็ดเตร่เดินดูอะไรที่ในโลกมัลเกิ้ลนี้ เพลินไปหน่อย จนฝนเริ่มตก นั่นแหละเขาจึงต้องหาที่หลบฝนเป็นการชั่วคราว เหมือนโชคชะตาเล่นตลกทำให้เขาได้เจอกับเธออีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่  เจน เกรนเจอร์


    ที่จริงมัลฟอยมองมาที่เธอนานแล้ว ตั้งแต่ที่เธอวิ่งเข้ามาหลบฝนและตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น โดยที่เธอเองก็คงไม่รู้ว่าเขาเองก็หลบฝนอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน


    มัลฟอยเหยียดยิ้มด้วยความรังเกียจมาที่เธอ พร้อมแววตาที่เย็นชามองไปทั่วเรือนร่างที่ เปียกปอนของเฮอร์ไมโอนี่ เสื้อยืดสีเหลืองนวลที่เปียกปอนแนบเนื้อนั้นโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งได้ชัดเจน  และนั่นมันทำให้หัวใจเขาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อยู่ๆสิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจก็เกิดขึ้น อย่างรวดเร็วร่างกายของมัลฟอยร้อนฉ่าดั่งไฟลน  ทุกอณุเนื้อเขียดขึงขึ้นเป็นลำดับ มัลฟอยเจนจัดพอที่จะรู้ว่าเขาเป็นอะไร  แต่เขากลับไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเกิดอารมณ์ขึ้นมาได้เพียงแค่เห็นร่างแนบเนื้อเพียงลางๆของเกรนเจอร์ ยายเลือดสีโคลนนี้เท่านั้น


    มัลฟอยปิดบังอารมณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึมนั้น และพยายามสกัดกั้นจิตใจที่ใฝ่ต่ำของเขาออกไปจากใจซึ่งเขาเองก็รู้ว่ามันยากเต็มที


    เจอกันอีกจนได้ เกรนเจอร์  เสียงยานคานตามเอกลักษณ์ของมัลฟอยทักทายทำให้เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาเขม็ง


    นายตามฉันมาทำไม  หญิงสาวถามเสียงแข็ง


    ใครตามเธอ ฉันมาหลบฝนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เธอเองต่างหากที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาเอง  มัลฟอยตอบเสียงแข็งไม่แพ้กัน

    เฮอร์ไมโอนี่ถอยหลังไปอีก สองสามก้าวเมื่อมัลฟอยเดินเข้ามาใกล้เธอ


    กลัวหรือไง

    มัลฟอยกล่าวเสียงต่ำมาทางเธอ พร้อมหัวเราะมัลฟอยหรี่ตาทำหน้าเจ้าเล่ห์มองหล่อนเขม็ง นั่นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่พอใจ เฮอร์ไมโอนี่นึกวูบ....ความอยากเอาชนะมาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาเกาะกุมเต็มหัวอก หญิงสาวส่ายหน้าปฎิเสธเสียงดัง


    ใครเขากลัวนายกัน มัลฟอย  คนอย่างนายไม่เห็นจะแตกต่างจากคนอื่นที่ไหน


    ฉันแตกต่างเกรนเจอร์ เขาขบกรามแน่นแล้วย้ำเสียงอย่างชัดเจนในแต่ละคำแล้วฉันจะพิสูจน์ให้เธอดูว่าฉันแตกต่างจากคนพวกนั้นตรงไหน


    เฮอร์ไมโอนี่กวาดตามองไปทั่วเธอพึ่งตระหนักเดียวนี้เองว่ารอบตัวเธอนอกจากมัลฟอยแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก เธอขยับตัวอีกครั้งก่อนยกมือขึ้นกอดอก อากาศไม่ได้หนาวเหน็บอะไรนักแต่เธอกำลังปกปิดอาการสั่นเพราะความกลัวไม่ให้คนข้างหน้ารับรู้  แต่ดูเหมือนจะปิดอาการไม่อยู่เมื่อมัลฟอยเหลียวมองดูรอบๆตัวก่อนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


    เสียใจด้วยนะเกรนเจอร์ ตอนนี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้น ไม่มีใครมาช่วยเธอได้หรอก ยายเลือดสีโคลน


    ออกไปให้ห่างๆฉันนะมัลฟอยหญิงสาวตวาดกลับ ก่อนจะผลักชายหนุ่มให้ถอยออกห่าง เมื่อเริ่มรู้สึกร่างกายเขาที่เบียดชิดเข้ามาใกล้ทุกที... ….


    ไม่ ..... เกรนเจอร์ มัลฟอยส่ายหัวเล็กน้อยก่อนเดินเข้าใกล้เธออีกครั้ง


    ไม่เคยมีใครมาออกคำสั่งกับฉัน เธอเป็นใครกล้าดียังไง  ชายหนุ่มพูดเสียงรอดไรฟัน เขาชักเริ่มสนุกที่จะยั่วโมโหเธอ โดยไม่มีใครมาขัดจังหวะอีก  และแล้วความคิดบางอย่างก็เกิดขึ้น เขาอยากแกล้งเธอ .... ใช่ .... อยากให้เธอร้องขอและวิงวอนต่อเขา 


    เธอต้องไปกับฉันเกรนเจอร์ มัลฟอยว่าพลางลากคนตัวเล็กกว่าที่ขืนตัวเองเอาไว้ให้เดินตามตัวเองฝ่าพายุฝนออกมา มัลฟอยดึงเฮอร์ไมโอนี่เข้ามายัง ช่องทางเดินเล็ก ๆที่ไร้ผู้คน รอบ ๆ เป็นกำแพง เหมือนเข้าไปในตรอกแคบ ๆ เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่ามัลฟอยต้องการจะทำอะไรแต่เธอก็หวาดกลัวจนกว่าจะนิ่งเฉยอยู่ได้ เธอดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก


    ปล่อยฉัน มัลฟอย นายจะพาฉันไปไหน  เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหนีในทันทีเมื่อพูดจบเพราะเม็ดฝนที่ซัดโดนใบหน้าเธอจนหน้าชา    พร้อมกับที่มือเย็นๆของมัลฟอยคว้าแขนเธอเอาไว้แล้วกระชากร่างบาง โอบรัดท่อนแขนล่ำสันของเขาจนร่างเธอดิ้นไปไหนไม่ได้อีก  ริมฝีปากเย็นๆของมัลฟอยแนบชิดกับข้างหูของเธอแล้วพูดเสียงแหบพร่า


     ฉันเห็นนะเกรนเจอร์ตอนที่เธอเหลือบมองดูชายหญิงคู่นั้น เธอต้องการมันและฉันกำลังจะช่วยเธออยู่นี่ไง

    เฮอร์ไมโอนี่หน้าชากับคำพูดที่ร้ายกาจนั้น


    ไม่....นายมันบ้า ฉันไม่เคยคิดเรื่องต่ำๆแบบนั้นในหัวฉันหรอกนะมัลฟอย

    คราวนี้มัลฟอยหัวเราะลั่นเขาผลักเธอออกจากอ้อมแขนไปติดกำแพงนั้นแล้วพูดจาเสียดสีเธออีกครั้งอย่างจงใจ


    เรื่องต่ำๆเหรอเกรนเจอร์  เซ็กส์...มันไม่ใช่เรื่องต่ำๆเลยสักนิด แต่มันเป็นเรื่องธรรมชาติต่างหาก ว่าแต่ เธอจะลองให้ฉันลองกับเธอสักครั้งไหมล่ะเกรนเจอร์ แล้วเธอจะติดใจนะ ฉันกล้ารับรอง ความสามารถของฉันที่จะ.....  ยังพูดไม่ทันจบเฮอร์ไมโอนี่กำหมัดแล้วต่อยไปที่ปากของมัลฟอยเต็มแรงด้วยความโกรธ มัลฟอยอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะรู้สึกตัวว่าเลือดของเขาออกมาทางริมฝีปากเป็นทาง เขาใช้มือเช็ดเลือดที่ผสมปนเปกับหยาดฝนออกอย่างช้าๆแล้วใช้ลิ้นเลียริมฝีปากที่มีเลือดซึมออกมาอีกเล็กน้อย แล้วดูดกลืนเข้าไปอย่างใจเย็น


    เมื่อได้สติเฮอร์ไมโอนี่กลัวอย่างจับใจ เธอสปริงตัวแล้วหันหลังกลับออกวิ่งในทันที เพียงสองสามก้าว มัลฟอยก็กระโจนร่างของเขารัดตัวของหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนนั้นไว้ทันท่วงที  เขาหันตัวเธอกลับให้มาประจันหน้ากับเขา ตอนนี้เขาโกรธเธอ และอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อสั่งสอนเธอให้รู้สำนึกเสียบ้าง และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะทำทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ออกฤทธิ์กับเขา 

    ใบหน้าของมัลฟอย ซุกไซ้ไปตามซอกคอของเธอ เขาใช้ใบหน้าปัดปอยผมเกะกะบนแก้มเนียนใสให้พ้นจากใบหน้างามเพื่อจะจูบเต็มๆถนัดถนี่แต่เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าไปมาและดิ้นรนเพื่อให้หลบพ้นปากและจมูกที่ซุกซนนั้น มัลฟอยคำรามลั่นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ขัดขืนไม่เคยมีใครขัดความรู้สึกเขาเช่นนี้มาก่อน เขาจูบหล่อนไม่หยุดไล่เรื่อยมาตั้งแต่ซอกคอหอมกลุ่นมายังแก้มเนียนใสและริมฝีปากนุ่มน่าสัมผัสนั้น กระแสประหลาดบางอย่างเริ่มไหลวนกลับเข้ามาอีกครั้งอย่างช้าๆหลังจากก่อนหน้านั้นเขาสามารถควบคุมมันได้แล้วแท้ๆ มันถูกกระตุ้นจากกลิ่นหอมราวเด็กอ่อนจากเนื้อตัวเนียนใสของเฮอร์ไมโอนี่นี่เอง มัลฟอยเริ่มกดริมฝีปากของเขาบดขยี้อย่างหนักกับริมฝีปากบางนั้นอีกครั้งเหมือนจงใจให้เธอลิ้มรสชิมเลือดของเขาเต็มๆเขาพยายามเปิดปากเธอแต่เฮอร์ไมโอนี่ปิดปากแน่นและพยายามส่ายหน้าเพื่อให้รอดพ้นจากริมฝีปากที่น่ารังเกียจของมัลฟอย


    เฮอร์ไมโอนี่เจ็บแปลบที่หัวใจอย่างหนัก มัลฟอยทำกับเธอมากเกินที่เธอจะรับมันได้ ครั้งแรกในวัยสาวที่เธอโดนกระทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยโดนจูบ จูบแรกของเธอกับวิกเตอร์ ครัม นั่นเป็นจูบที่น่าทนุถนอม และมันเป็นจูบเดียวที่เธอยินยอมพร้อมใจ แต่จูบนี้เธอกลับอึดอัดและน่ารังเกียจเป็นที่สุด เธอเกลียดเขา ไม่มีสิ่งใดที่จะมาลบล้างความเกลียดที่เธอมีให้กับผู้ชายคนนี้ได้ เธออยากจะร้องไห้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้เธอจะต้องทำอะไรก็ได้ที่จะให้หนีให้พ้นจากผู้ชายเลวทรามคนนี้เสียก่อน


    มัลฟอยละจากริมฝีปากนั้นอย่างโหยหา เขาอยากลิ้มรสริมฝีปากถือดีนั้นอีกครั้ง แต่ถ้าเขาไม่ยุติมันเสียก่อนเขากลัวใจตัวเองเหลือเกินกลัวว่าจะระงับอารมณ์ที่พล่งพล่านนั้นไม่อยู่  มันยอดเยี่ยมเสียจริงๆสำหรับเขา ริมฝีปากของยายเลือดสีโคลนช่างหอมหวานนัก เขาไม่เคยลิ้มรสริมฝีปากใครที่เยี่ยมยอดแบบนี้มาก่อน


    มัลฟอยเริ่มปรับอารมณ์ของเขาให้เข้าที่ ก่อนที่เขาจะกระชากเสียงเยาะเย้ยหญิงสาวออกไปอีกครั้ง 

    ชอบไหมเกรนเจอร์ หนึ่งตบแลกกับหนึ่งจูบ ฉันว่ามันยุติธรรมดีสำหรับฉัน

    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่กระซิบเบาๆ พูดอะไรบางอย่างออกไปจนเขาต้องก้มหน้าลงมาใกล้ๆกับริมฝีปากเธอเพียงเพื่อฟังให้ถนัด


    แล้วอย่างนี้ล่ะ นายชอบไหมมัลฟอย

     

    ทันใดนั้นโดยที่ไม่คาดคิดเฮอร์ไมโอนี่ใช้หัวของเธอกระแทกไปที่ใบหน้าของมัลฟอยจังๆจนเขามึน ทำให้เขาปล่อยมือที่จับเฮอร์ไมโอนี่ข้างหนึ่ง แล้วมาคลำที่ใบหน้าด้วยความเจ็บ เฮอร์ไมโอนี่ใช้จังหวะนี้ ตีเข่าไปที่ท้องของมัลฟอยอย่างแรงจนคราวนี้มัลฟอยต้องยอมปล่อยมือจากเฮอร์ไมโอนี่แล้วล้มลงไปนอนกองกับพื้นเต็มตัว

     

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมทิ้งโอกาสอันดีให้ผ่านเลยไปเธอรีบวิ่งออกไปจากขุมนรกนั้นทันทีโดยที่ไม่หันกลับมามองร่างของมัลฟอยเลยว่าเขาจะเจ็บสักแค่ไหน

     

    มัลฟอยจุกจนลุกแทบไม่ขึ้นเขาคิดไม่ถึงว่าร่างเล็กๆนั้นจะมีพิษสงเต็มตัวแบบนี้  เขากัดฟันกรอด ทุบกำปั้นลงพื้นอย่างแค้นใจ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้ให้ตายเถอะ คอยดูเถอะ เกรนเจอร์ คอยดู ว่าฉันจะจัดการกับเธอและเพื่อนๆของเธออย่างไงแล้วเราจะได้เห็นดีกัน

    ***********************************
    to be con  


    ตอนค่อไป

    ลาก่อน แฮร์รี่

     

    หลังจากคำพูดสุดท้ายของเฮอร์ไมโอนี่แฮร์รี่ก็เห็นร่างแบบบางของเพื่อนรักกระโจนลงไปยังหน้าผาสูงชันนั้นอย่างเด็ดเดี่ยว พร้อมกับเสียงร้องอย่างโหยหวนของพ่อมดหนุ่มที่ทรุดตัวหวบที่ริมหน้าผาและร้องไห้เหมือนคนถูกกะชากหัวใจออกมาทั้งเป็น

    และนั่นเองที่ทำให้แฮร์รี่เปล่งเสียงร้องออกมาจนสุดเสียงด้วยความรู้สึกอยากปลดปล่อยความคุ้มคลั่งที่เขาเผชิญให้หมดไป

     

    เฮอร์ไมโอนี่นนนนนนนน……………….”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×