คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 2 (100%)
“หนูซอนเยจ๊ะ มีพัสดุจากทางบ้านส่งมาหาหนูจ๊ะ” เสียงสูงวัยอันเต็มไปด้วยความเอ็นดูของป้าผู้ดูแลดังขึ้นมา หลังจากที่ฉันก้าวเข้ามาในบริเวณคอนโดที่ฉันอาศัยอยู่
“ขอบคุณค่ะป้า สงสัยคุณแม่จะส่งของกินมาให้อีกแน่เลย” ฉันยิ้มรับพร้อมกับรับกล่องขนาดใหญ่จากป้าผู้ดูแล แม่ของฉันชอบส่งผลไม้และขนมจากทางบ้านมาให้ฉันอยู่ตลอด มันเป็นนึงสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง
“ป้าก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกันจ๊ะ อ๋อ เกือบลืมบอกหนูเลย ข้างห้องของหนู มีคนมาอยู่แล้วหน่ะจ๊ะ เพิ่งย้ายของมาวันนี้เอง ป้าว่าน่าจะอายุประมาณเรานี่หล่ะ เป็นผู้หญิงสวย เอ๊ะ หรือหล่อ ดีหล่ะ เอาเป็นว่าเขาดูดีมากเลยหล่ะจ๊ะ ดูดีเกินพวกผู้ชายทั่วไปด้วยซ้ำ” ป้าผู้ดูแลบอกฉัน
“หรอค่ะ ดีจัง มีเพื่อนบ้านแล้ว เอาเป็นว่าหนูจะไปทักทายเขาหน่อยดีกว่า ขอบคุณหน่ะค่ะป้า” ฉันตอบรับคำของป้า ก่อนที่จะเดินไปขึ้นลิฟต์ เพื่อไปที่ห้องของตนเอง
“เออ คุณค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยค่ะ ฉันอยู่ห้องข้างคุณนี่เอง” หลังจากที่ฉันจัดการกับตนเองเสร็จแล้ว ฉันก็เดินเข้าไปถามหญิงสาวที่ยืนหันหลังให้ฉัน เพื่อจัดข้าวของที่กองอยู่เต็มหน้าห้องของตนเอง แล้วฉันก็รู้ว่าเขาคงรู้ว่าห้องข้างๆที่บอกไปหน่ะ คือห้องไหน ก็ในเมื่อห้องของเขาเป็นห้องที่อยู่หัวมุมสุดของชั้นนี้
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันเกรงใจ” หญิงสาวคนดังกล่าวตอบกลับมา แต่ก็ยังไม่ได้หันมาสบตากับฉัน แต่ทำไมฉันรู้สึกคุ้นกับเสียงนุ่มทุ้มต่ำและแผ่นหลังกว้างนี้จังเลย
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เพื่อนบ้านกัน ก็ต้องช่วยกันอยู่แล้วค่ะ อีกอย่าง ถ้าให้ฉันช่วย จะได้เสร็จเร็วขึ้นไงค่ะ” ฉันเสนอกลับไป คนตรงหน้าฉันดูเหมือนจะคิดอะไรอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะหันมา แล้วเมื่อพวกเราสบตากัน
“คุณซอนเย/คุณยูบิน” เขาและฉันพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างประหลาดใจ
“ที่แท้ก็คุณยูบินนี่เอง ไม่น่าหล่ะ ฉันเลยคุ้นเสียงของคุณจัง” ฉันบอกคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ฉันรู้สึกดีใจมากเลยหน่ะ ที่เพื่อนบ้านใหม่เป็นเขา เพราะอะไรหน่ะหรอ สาเหตุรองคือ การได้เพื่อนบ้านเป็นเพื่อนร่วมงานที่รู้จักกันอย่างนี้ มันทำให้รู้สึกดีไม่น้อย ถึงจะเคยคุยกันแค่ครั้งเดียว อย่างน้อยก็เคยรู้จักกันมาแล้ว ส่วนสาเหตุหลักหน่ะหรอ ก็คือ ฉันรู้สึกประทับใจเขามากตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียวว่า อยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้
“เสียงฉันมีเอกลักษณ์ขนาดนั้นเลยหรอค่ะ คุณซอนเยเลยจำได้ขนาดนั้น” ยูบินถามกลับอย่างเขินๆ ตัวเองก็พอรู้อยู่หรอกหน่ะ ว่าเสียงของตนเองมีเอกลักษณ์ขนาดไหน
“ถ้าจำไม่ได้จะแปลกมากเลยค่ะ ก็เสียงของยูบิน ขอเรียกอย่างนี้แล้วกันหน่ะ แล้วเรียกฉันว่าซอนเยเฉยๆ ดีกว่า มีคำว่าคุณนำหน้าดูห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ ก็เสียงของผู้หญิงที่ฟังแล้วคล้ายผู้ชายอย่างยูบิน มีไม่มากหรอก” ซอนเยตอบร่างสูงตรงหน้าด้วยความเป็นกันเอง
“หรอ คงเป็นอย่างนั้นจริงๆนั้นหล่ะ” ยูบินยิ้มรับ
“เอาเป็นว่าให้มินช่วยดีกว่า จะได้เสร็จเร็วขึ้น แล้วพวกเราไปทานมื้อเย็นกัน อุ้ย!!” ซอนเยพูดขึ้นมาโดยเผลอแทนตนเองด้วยคำคุ้นปากอย่างลืมตัว กว่าจะรู้ตัวก็หลุดออกมาแล้ว ทำให้คนตัวสูงยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“ไม่เป็นไรหรอก บางทีแล้วเราก็จะแทนบินเหมือนกัน เอาเป็นว่าเราเรียกซอนเยว่ามินบ้างดีกว่า ดูกันเองมากกว่าเรียกซอนเยเฉยๆอีก” คนตัวสูงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ได้เลย งั้น มินเรียกยูบินว่าบินบ้างหน่ะ” คนตัวเล็กถามอีกฝ่าย แล้วเมื่อคนตัวสูงพยักหน้ารับเธอก็ยิ้มออกมาทันที
“งั้นพวกเราช่วยกันเก็บของดีกว่า จะได้ไปทานมื้อเย็นกัน มินมีร้านอร่อยแถมถูกแนะนำให้บินด้วย” ซอนเยพูดต่อด้วยความกระตือรือร้น ทำให้ยูบินอดจะเอ็นดูกับอาการของคนตัวเล็กกว่าไม่ได้
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาในเช้าวันนึง
เมื่อหญิงสาวเจ้าของห้องได้ยิน ก็ยิ้มออกมาทันที เพราะเสียงดังกล่าว เป็นการบอกเธอว่า คนที่เธอรออยู่นั้น มาอยู่ที่หน้าห้องแล้ว
“บินนี่ ตรงเวลาจังหน่ะ” หญิงสาวเจ้าของห้องเอ่ยทักทายคนตัวสูงกว่าทันทีที่เปิดประตูมาพบเจ้าของชื่อ บินนี่ เป็นชื่อของยูบิน ที่คนตัวเล็กชอบเรียกแทนอีกฝ่าย จนจะกลายเป็นคำแทนตัวของคนตัวสูงไปแล้ว
“ถ้าไม่ตรงเวลา เดี๋ยวบินก็โดนใครบางคนงอนเขาซิ” คนตัวสูงแซวกลับ ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วรู้ว่าห้องข้างๆเป็นหญิงสาวที่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันแล้ว กิจวัตรประจำวันของเธอ ก็มีเรื่องของคนตัวเล็กมาแทรกอยู่ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการมารับตอนเจ็ดโมงครึ่งของทุกวัน เพื่อไปทำงานให้ทันเวลาเข้างานตอนแปดโมงครึ่ง พอถึงเที่ยงก็ไปทานข้าวด้วยกัน แล้วพอเลิกงาน ก็ต้องรอเธอกลับพร้อมกัน แล้วยังรวมถึงทานมื้อเย็นด้วยกันอีก วันไหนที่กิจวัตรดังกล่าวเกิดรวนขึ้นมา คนตัวเล็กก็พาลงอนเธออีก แล้วเธอก็ต้องเป็นฝ่ายง้อทุกที แม้ว่าเธอไม่ใช่ฝ่ายผิดก็ตาม
“เขาไม่ได้งอนสักหน่อย ว่าแต่วันนี้ทำไมบินนี่มีข้าวของเยอะอย่างนี้หล่ะ แล้วพวกเราจะไปกันยังไงหล่ะ” ซอนเยถามคนตรงหน้าอย่างสงสัย เมื่อพบว่าคนตัวสูงถือของมาหลายอย่างมาก มีตั้งแต่กระเป๋าเอกสาร ถุงพลาสติกใบใหญ่หลายใบ ที่ซอนเยคาดว่าข้างในคงหนีไม่พ้นอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่เจ้าตัวทำงานเกี่ยวกับมันอยู่ และกระเป๋าประจำตัวของคนตัวสูงอีกใบ
“ก็วันนี้บินต้องใช้ของพวกนี้ทำงานให้เสร็จทันกำหนดของผู้จัดการหนิ ส่วนเรื่องไปที่ทำงาน ไม่ต้องห่วง เพราะวันนี้บินจะพามินไปทำงานด้วยพาหนะใหม่ของบินหน่ะซิ” คนตัวสูงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม ซึ่งทำให้อีกฝ่ายสงสัยมาก ยูบินไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กสงสัยนาน เธอจัดการเอากระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือไว้ แล้วจัดการปิดห้อง ก่อนที่จะพาคนตัวเล็กออกมาทันที
“นี่ไง พาหนะใหม่ของบิน” ยูบินพูดด้วยน้ำเสียงที่ภูมิใจนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง
“รถยนต์หนิ บินนี่ไปเอามาจากไหนอ่ะ” คนตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจและตื่นเต้นเป็นที่สุด เมื่อพบว่าพาหนะดังกล่าวคือรถยนต์ขนาดกำลังดี สีขาวสะอาดตา จอดนิ่งอยู่หน้าตนเอง
“ของพี่ชายบินเอง เขาซื้อรถใหม่อ่ะ เขาเลยยกคันนี้ให้บิน” คนตัวโตตอบ พร้อมกับเปิดประตูรถให้อีกฝ่าย ก่อนที่จะนำของของตนไปเก็บที่หลังรถ แล้ววิ่งมาขึ้นฝั่งคนขับ
“มินชอบหรือเปล่า” ยูบินหันมาถามอีกคน ที่ยังคงไม่หายตื่นเต้นกับพาหนะใหม่ของตน
“ชอบซิ รถของบินสวยมากเลยหล่ะ อย่างนี้ วันหลังมินขนงานกลับมาทำบ้างดีกว่า” ซอนเยตอบรับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
“ตามสบายเลยองค์หญิง พร้อมแล้วหน่ะ ก็ไปกันเลย” ยูบินสรุป เมื่อเห็นอีกฝ่ายหันมายิ้มรับอีกรอบ ก่อนที่จะขับรถออกไปทันที
ความคิดเห็น