ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    forbidden mansion ปริศนาคฤหาสน์ต้องห้าม

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่สอง : เกิดเรื่อง

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 53


    " มิซากิ..ฉะ..ฉันรู้สึกว่าตัวเองมาอยู่ผิดที่อ่ะ " ผมมองโซจิที่ทำท่าประหม่าๆหลังจากที่มาถึงคฤหานน์ลึกลับที่ต้องบุกป่าฝ่าดงกว่าจะมาถึง อืม..ที่นี่มันหรูหรามากและดูมีบรรยากาศของชนชั้นสูงลอยฟุ้ง สำหรับเจ้าชนชั้นกลางอย่างโซจิสมควรที่จะประหม่า แต่ระดับผมแค่นี้มันไม่เท่าไหร่หรอก..
     
    แต่ไอ้ความรู้สึกสยองขวัญไปทุกอนูขุมขนแทบจะหายใจไม่ออกแบบนี้ เพิ่งจะเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก ที่นี่มันน่ากลัวเป็นบ้า! แค่เหยียบย่างเข้ามาในนี้ก็แต่จะลมจับ น่ากลัว..ทุกสิ่งในร่างกายร้องเรียกให้ผมออกมาจากที่นี่ แต่คุณพ่อบ้านก็เอาสัมภาระของผมเข้ามาแล้วจะเผ่นออกไปคงไม่ได้..
     
    หลังจากที่ผมพยายามจะสอดส่องหาบริเวณใดก็ได้ในคฤหาสน์นี้ที่พอจะทำให้ผมรู้สึกดีได้บ้าง ผมก็เลือบไปเจอ..คนที่สามารถทำให้ผมรู้สึกหายหวาดกลัวคฤหาสน์หลังนี้ได้อย่างหมดสิ้น เพราะคนๆนั้นทำให้ผมกลัวมากกว่าคฤหาสน์นี้ซะอีกเด็กผู้ชายตัวเล็กในชุดสูทสำหรับเด็กสีดำที่กำลังกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล..
     
    เขาคือคนเดียวกันกับเด็กชายในความฝันของผม..ดวงตาสองสีของเขามันยังคงเฉยชาอยู่เสมอ มันทำให้ผมแน่ใจว่าคงไม่มีใครที่มีลักษณะแบบนั้นเหมือนกันเป็นแน่..แต่จะให้เดินดุ่มๆแล้วถามว่านายเป็นใครมันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก - -* แต่ถ้าทักทายแบบทั่วไปก็คงพอได้ " เอ่อ..สวัสดีครับ คุณคงจะเป็นแขกในงานเลี้ยงเหมือนกันสินะครับ " ผมเอ่ยทักทายอย่างสุภาพตามมรรยาท ก็นะ..เด็กคนนี้มีอย่างอื่นที่ผมสนใจด้วย..คือแบบว่า อ๊ากกก โมเอ๊~ โชตะมากกก โดนจายยย > <
     


    และระหว่างที่ผมกำลังพร่ำเพ้อสติฟั่นเฟืองโดยที่ไม่แสดงออกทางใบหน้าอยู่นั้นเอง..


     
    " ระวัง..อย่าให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อนะพี่ชาย.." ยิ่งเสียงนี้ผมถึงมั่นใจว่าต้องใช่เด็กคนนี้แน่ๆ!! แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่ออีก คุณพ่อบ้านของคฤหาสน์นี้ก็ออกมาเชิญไปห้องพัก คุณพ่อบ้านโค้งศีรษะให้เด็กคนนั้นแล้วกระซิบกระซาบข้างๆหูเบาเด็กคนนั้นเบาๆ ก่อนที่เด็กคนนั้นจะเดินหายไปในคฤหาสน์ที่แสนวกวน



    อย่าให้ตกเป็นเหยื่อ? หมายความว่ายังไงกันนะ!?



    " มิซากิ~ ฉันกลัว.." โซจิเอ่ยเบาๆหลังจากที่พวกเราเข้ามายังห้องโถงที่จัดงานปาร์ตี้เอาไว้ แน่นอน..เรื่องน่ากลัวของโซจิมันคงจะหนีไม่พ้น " ฉันกลัวไปทำข้าวของเขาเสียหายอ่ะ ถ้ามันแตกไปสักอันชาตินี้ฉันคงไม่มีปัญญาชดใช้แน่ๆ T^T " หมอนี่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีไม่ได้รู้เลยรึไงว่ารางวัลจากการแข่ง แต่ละนัดของนายน่ะเอามาทบกันสักสองสามรายงานก็ใช้หนี้ได้แล้วยังเหลือกินสบายๆไปอีกชาติหนึ่งด้วยซ้ำ
     
    " ถึงตอนนั้นก็ไปขายตัวเอาเงินมาชดใช้สิเฟ้ย " ผมตัดบทด้วยความรำคาญหันไปตักอาหารใส่จานตัวเองให้พูนจานด้วยความเร็วเสียงด้วยท่วงท่าสง่างามจากการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก เพื่อที่จะหามุมสงบๆให้การยัดของทั้งหมดลงกระเพราะ เสียงโซจิบ่นงำงำดังแว่วๆมาว่า..


    " แล้วฉันจะไปขายตัวที่ไหน ถึงจะเงินดีล่ะมิซากิ~ "
     
     
    งานปาร์ตี้นี้ไม่ตรงอะไรกับปาร์ตี้ที่ไปมาบ่อยๆมากนัก ผู้คนมากหน้าหลายตาที่เป็นเศรษฐีตดเหม็นยืนจับกลุ่มกันสนทนาเรื่องความร่ำรวยของตน ใส่ชุดราตรีราคาแพงลิบลิ่ว เพื่อรอเวลาที่จะได้ประมูลทรัพย์สมบัติล้ำค่า ที่ยั่วยวนความโลภของคนให้ประทุ
     
    มิซากิรีบแยกตัวออกจากกลุ่มคนพร้อมด้วยโซจิโยะที่กล้าๆกลัวๆ เพื่อที่จะหามุมสงบที่จะสามารถยัดอาหารกองโตในจานลงท้องได้อย่างไม่น่าเกลียดนัก งานทำเนินไปอย่างเรียบร่ายแต่หรูหรา และไร้วี่แววคนที่น่าจะเป็นเจ้าบ้านออกมาพูดคุยปราศัยกับใครเลย ปกติต้องออกมาคุยอวดนั่นอวดนี่ไม่ใช่รึไง..มิซากิคิดโดยอาศัยจากประสบการณ์ที่พานพบมา
     
    " สวัสดีครับ " ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็ได้พบกับชายหนุ่มหน้าตาดีผู้มีเรือนผมสีดำสนิท และดวงตาสีแดงที่ดูมีความลับมากมาย ไว้ทรงผมแปลกๆจนดูคล้ายสับปะรด..ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไป คิดอะไรเสียมารยาทกับคนเพิ่งเคยเห็นหน้า ได้ยังไง?



    หารู้ไม่..ว่าคนตรงหน้าเองก็คิดว่า มิซากิน่าเตะ..

     
    " ผมเนียร์  เดอ  เฮฟรองซ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ " นายสับปะรดส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะโค้งหัวให้ตามธรรมเนียมญี่ปุ่น เล่นเอาผมโค้งตามเกือบไม่ทัน " โฮคุโจ มิซากิครับ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ " ผมโปรยยิ้มแสนสุภาพที่ลวงโลกให้ จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันนั้นผมก็รู้สึกได้ถึง พลังอะไรบางอย่างอยู่ในตัวของนายสับปะรดคนนี้..


     
    นายสับปะรดส่งยิ้มแสนสุภาพมาให้อีกครั้งทำให้ผมรู้สึกตัว ว่าจ้องนานเกินไปแล้ว..


     
    ผมมายืนครุ่นคิดถึงพลังบางอย่างในตัวของนายสับปะรดคนนี้ ในขณะเดียวกันที่นายสับปะรดกำลังทักทายกับโซจิโยะที่กำลังเก้ๆกังๆ เพราะไม่ชินกับการทักทายตามมรรยาทของชนชั้นสูง ผมจิ้มเนื้อกวางราดซอสเข้าปากแล้วเหม่อลอยเก๊กท่าไปเรื่อยๆแล้วตั้งสมาธิหาโอกาสที่จะแว้บกลับห้อง แต่ผมคงจะสมาธิไม่ดีพอ..
     
    เมื่อเด็กคนนั้นได้ย่างก้าวเข้ามายังห้องโถงนี้พร้อมๆกับคุณพ่อบ้าน สายตาตาก็หันไปมองโดยอัตโนมัติ เหมือนว่าเด็กคนนั้นจะเห็นผมแล้ว ผมจึงคิดจะเข้าไปทักทายและถามเรื่องที่เด็กคนนั้นบอก แต่ก็ถูกเด็กหนุ่มผมสีทองตาสีฟ้าที่ดูเจ้าเล่ห์ ชิงตัดหน้าไปซะก่อน..อะ..อดเลย T^T
     
    ผมกลับไปสนใจอาหารในจานที่เริ่มจะเย็นชืด พลางเหลือบมองเจ้าหนุ่มผมทองที่ยืนคุยกับวินเซนต์อยู่ ก่อนจะได้ความรู้สึกว่า..โมเอ๊~! โชตะทั้งคู่เลย > <  และผมยังเห็นนายสับปะรดกำลังจะเข้าไปทักเด็กคนนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ว่านายสับปะรดก็หยุดชะงักฝีเท้าไปแว้บหนึ่ง พร้อมใบหน้าที่เจือจางไปด้วยรอยยิ้มแห้งๆไม่เหมือนกับทุกๆครั้งที่จะยิ้มแย้มอย่างลันล้า 

    " มิซากิ..ฉันกลัว~ " โซจิโยะสะกิดแขนผมอย่างเป็นกังวล กับสายตาของสาวน้อยสาวใหญ่ที่จ้องมองมันกับผมอย่างน่ากลัว อืม..เรื่องนี้มันก็สมควรจะกลัวจริงๆนั่นแหละ " กลัวอะไรของแก..คิดซะว่าฝูงแรดมองเราอยู่ก็พอ " ผมตอบแบบไร้เยื่อใย ได้ยินเสียงลูกศรแทงใจดำใครแถวนี้เต็มๆ เอาเถอะผมควรจะรีบจัดการอาหารแบบผู้ดีด้วยความเร็วเสียงเพื่อไปให้พ้น จากสายตาหื่นๆของพวกป้าๆ
     
    ไหนๆก็ไหนๆ เข้าไปทักทายเด็กคนนั้นกับเด็กหนุ่มคนนั้นก่อนกลับห้องดีกว่า เพราะผมไม่สนใจเรื่องการประมูลอยู่แล้ว ยิ่งเด็กๆอย่างผมมาอยู่ในงานแบบนี้ก็แปลกมากพออยู่แล้วด้วย ผมเดินตรงไปหาเด็กคนนั้นที่อยู่ตรงมุมห้อง ก่อนจะรู้สึกเหมือนชนกับอะไรบางอย่าง?

     
    นิ่มๆ แต่มันก็ไม่มีอะไรนี่หว่า? ผมเดินไปอีกครั้งก่อนจะรู้สึกเหมือนได้ชนกับผู้หญิง..ทำไมถึงรู้ว่าเป็นหญิง? ก็มัน..คือว่ามัน..ไอ้ที่ว่านิ่มๆ มันคือหน้าอกนี่หว่า -////- ได้คิดลามกไม่ทันไร ก็เหมือนโดนอะไรไม่รู้ฟาดเอาที่หัวอย่างจังเลย เจ็บ!! " เป็นอะไรมากเปล่า ไอ้หนู!? " เด็กหนุ่มผมทองท่าทางเจ้าเล่ห์ที่ยืนคุยกับเด็กคนนั้นตลอดร้องทักแล้วยิ้มอย่างสะใจ

     
    เฮ้ๆดูยังไงฉันก็อายุมากกว่านายแน่ๆ!! โอ๊ย! มึนหัวอ่ะ มึนมากๆเลยด้วย! " ผมไม่เป็นอะไรครับ คุณ? " เจ้าหนุ่มขยับยิ้มอีกรอบ " ฉันชื่อฟอร์ทูน่า ส่วนเจ้าหมอนั่น " เขาชี้ไปทางเด็กคนนั้นที่ยืมจ้องผมด้วยใบหน้าตาย " หมอนั่นชื่อวินเซนต์แล้วนายล่ะ " ผมโปรยยิ้มไม่จริงใจอีกรอบ " โฮคุโจ มิซากิครับ "

     
    เสียงสบถเบาๆว่า ไปตายซะ ซึ่งเป็นเสียงเด็กผู้หญิงลอยเข้าหูผมมา หืม? เสียงไรหว่าผมหันกลับไปมองด้านหลังก็พบกับเด็กสาวผมสาวสีน้ำเงิน ดวงตาสีน้ำเงินกำลังฉายแววตาที่โกรธเกรี้ยด เธออยู่ในชุดฮากะมะสีดำดูแปลกตาและไม่เข้ากับบรรยากาศงานเลี้ยง เธอคนนั้นกำลังต่อว่าผมที่เดินไม่ดูทางซ้ำยังไปจับหน้าอกของเธอด้วย ผมก็ได้แต่ขอโทษขอโพย

     
    หลังจากที่ผมกระทำการอุกอาจจับหน้าอกสตรีโดยไม่ได้รับอนุญาต บรรยากาศในงานก็เริ่มเปลี่ยนไป พิธีสาวสุดสวยสวมหน้ากากขนนกเดินขึ้นไปบนเวทีที่เตรียมไว้ ก่อนจะประกาศให้แขกได้รับรู้ว่า งานประมูลเริ่มขึ้นแล้ว " สมบัติอันมหาศาลและโบราณวัตถุที่ประเมินค่าไม่ได้ อันเป็นสิ่งที่ตระกูลของเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้สะสมเอาไว้ จะเริ่มเปิดการประมูลนับแต่บัดนี้เป็นต้นไปแล้วค่ะ!!~ "


    ท่ามกลางเสียงปรบมือของแขกส่วนใหญ่ กลับมีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เพราะเสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่ว " ฆ่า..ฉันจะต้องฆ่า..พวกแก..ให้หมด..หึหึ " เสียงที่เพียงได้ยินก็แทบจะหมดเรี่ยวแรง น้ำเสียงชวนขนลุกที่เย็นเยียบไปถึงสุดขั้วหัวใจ กลับมีเพียงคนจำนวนหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน..


    " สังเวยเหยื่อรายแรก.." วินเซนต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเช่นทุกที ก่อนที่ไฟจะดับลงพร้อมเสียงเอะอะโวยวายของแขกในงานจะดังขึ้น " กริ๊ดดดดดดดดด!!~ " เสียงสตรีนางหนึ่งกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง พร้อมกับที่ไฟฟ้าได้กลับมาอีกครั้ง ห้องโถงสีขาวสะอาดตาสดหรูหรา ที่ผนังกลับเต็มไปด้วยรอยมือเลือดราวกับมีคนจำนวนมากทำเอาไว้แต่จะทำได้อย่างไร ในเมื่อไฟดับไปแค่ 2-3 วินาทีเท่านั่น

     
    แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้น..คือหญิงสาววัยกลางคนที่สภาพศพไร้หัว ถูกมีดกรีดแทงนับไม่ถ้วนราวกับฆาตกรได้ชิงชังหญิงคนนี้มากมาย.." หะ..หะ..หัว " ส่วนหัวของหญิงผู้นั้นถูกลากมากองไว้หน้ามิซากิ เด็กหนุ่งทรุดตัวนั่งลงที่พื้นเพราะร่างกายมันไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพูด


    " มิซากิอย่ามอง " โซจิโยะปิดตาเพื่อนของเขา ที่ตอนนี้สิ้นสติไปเป็นที่เรียบร้อย เสียงกรีดร้องโกลาหลดังขึ้นจนน่าปวดหัวผู้คนในห้องโถงวิ่งหนีสับสนวุ่นวาย โซจิโยะพยายามกันเพื่อนของเขาจากฝูงคนที่ไม่สนใจว่าใครจะถูกเหยียบไปบ้างในเมื่อเวลานี้ การฆาตกรรมที่เป็นไปไม่ได้กำลังเกิดขึ้น



    " ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบด้วยค่ะ!! "

     
     
    หญิงสาวผมสีทองติดออกส้มๆ ตะโกนเสียงดังลั่นมีพลังขนาดที่ทำให้แขกในงานอยู่ในความสงบอย่างที่เธอต้องการได้ ดวงตาสีทองที่ถูกบดบังด้วยแว่นตาสีแดง กวาดตามองทุกๆคนในงานเหมือนตำรวจก็ไม่มีผิด " ตอนนี้ฉันต้องการข้อมูลของคุณผู้หญิงท่านนี้ ใครมีข้อมูลก็กรุณาบอกด้วยค่ะ!! " เธอตะโกนเสียงดังก่อนจะกวาดตามองทุกๆคน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้รับทราบคำพูดที่ติดสั่งของเธอ


    " นายคนนั้นน่ะ..ไหวรึเปล่า " เธอหันไปถามโซจิโยะที่กำลังพยุงเพื่อนของเขาขึ้นมาอย่างทุลักทุเล เพราะสัดส่วนที่เกือบจะเท่าๆกันมันทำให้เขามีปัญหานิดหน่อย " คิดว่าคงจะไหวนะ เมื่อกี้เธอคุมสถานการณ์ได้เยี่ยมไปเลย ว่าแต่จะว่าไปหน้าคุ้นๆนะเนี่ยเราเคยเจอกันรึเปล่า " เธอสะดุ้งขึ้นมาแล้วยิ้มแห้งๆ

     
    " ฉันคาเนสึ มาโมรุ เป็นตำรวจค่ะ " เธอหัวเราะแก้เก้อนิดๆ " ออ ฉันอุเมมิยะ โซจิโยะ ส่วนหมอนี่โฮคุโจ มิซากิยินดีที่รู้จัก " " เช่นกันค่ะ " ก่อนจะเริ่มลงมือจริงจังด้วยการตรวจสอบสภาพศพกับรอยมือบนผนัง แล้วบ่นไปด้วยว่าดันมาเจอผู้สืบทอดสำนักที่เคยไปฝึกมาในที่แบบนี้จนได้ ทั้งๆที่ปลอมตัวเข้ามาเงียบๆแท้ๆ


    " ช้าไป..รึเนี่ย " ชายหนุ่มที่อยู่มุมห้องยกมือขึ้นมากุมที่ดวงตา ก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยที่มีความสามารถเหมือนกับที่เขามีมองล่วงหน้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง..แต่ไม่แม้แต่ที่จะเตือนให้หญิงคนนั้นพ้นจากความตาย ไม่มีเศษเสี้ยวที่เรียกว่า ความเห็นใจเลยรึไงกัน..เขาคิดพลางลูบดวงตาที่เหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×