ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales form Me

    ลำดับตอนที่ #2 : movie::X-MEN ORIGINS: WOLVERINE

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 52


    i

     

                                   X-เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน (20th Century Fox)

    กำหนดฉาย: 29 เมษายน 2009

    นำแสดง :  ฮิวจ์ แจ๊คแมน, ลีฟ ไชรเบอร์, ไรอัน เรย์โนลด์, ดาเนียล เฮนนี

    กำกับ :  เกวิน ฮู้ด

    อำนวยการ : ลอเร็น ชูเลอร์ ดอนเนอร์

    เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ (ไทย)  
    (ขอบอกว่าเว็บเค้าอลังการไม่แพ้หนังเลย มีให้โหลดwallpaperได้ทั้งขนาดมาตรฐานและสำหรับคนที่ใช้จอแบบไวด์สกีนด้วย รูปตัวละครต่างๆ ไคอนจากเรื่องนี้ เรื่องย่อ และคลิปจาก X-MEN ORIGINS: WOLVERINE)

    โอ้ว....หลังจากไปดูเรื่องนี้มาแล้ววันที่ 6 ที่ผ่านมานี้(มาลงช้าไปหน่อย)ต้องขอบอกว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่ราคาคุยจริงๆ  ฉากแอคชั่นดูแล้วซะใจอย่างที่ตัดๆมาให้ดูกันทางโฆษณา  ไม่เหมือนกันบางเรื่องที่ดูโฆษณาแล้วมันมากแต่ไปดูจริงแล้วธรรมดาสุดจนน่าผิดหวัง    แถมมีนักแสดงสุดยอดๆ  และที่ชอบที่สุดนอกจาก ความตระการตาในเรื่องแล้วคงไม่พ้นฉากเหน็บแนบแนวฝรั่งที่ดูแล้วฮาแตกมากๆ(สำหรับตัวเอง)   ใครได้ดูรายการพิเศษทางช่องเจ็ดเกี่ยวกับเบื้องหลังและนักแสดงแล้ว  คงรู้ว่าเรื่องนี้สมควรไปดูแบบเสียง original ลีฟ ไชรเบอร์(วิคเตอร์ ครี้ด)  , ดาเนียล เฮนนี(วิลเลี่ยม สไตร้คเกอร์) และพบกับมนุษย์กลายพันธุ์ที่ดูแล้วสงสัยว่าเจ๋งขนาดนี้ทำไมภาคอื่นและพบกับมนุษย์กลายพันธุ์ที่ดูแล้วสงสัยว่าเจ๋งขนาดนี้ทำไมภาคอื่นไม่ได้ออกมา??? ฮะๆ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดจริงๆ

    --------------------------

      ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine  หรือ X-เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน เป็นปฐมบทของอภิมหาตำนาน X-เม็น เป็นการรวมตัวกันระหว่าง วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) กับเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ชื่อดังในโลกของ X-เม็น อีกหลายๆ คน ในมหากาพย์บทสำคัญที่กลุ่มอิทธิพลพลังมหาศาลริอาจคิดทำลายมนุษย์กลายพันธุ์ทุกผู้ทุกนามให้สูญพันธุ์

              ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) กลับมารับบทที่ส่งให้เขาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก บทนักสู้ยิบตาที่มีพลังรักษาตัวเองอย่างน่าทึ่ง, กรงเล็บอาดาแมนเทียมสุดแข็งแกร่ง, และความแค้นคับอกที่พร้อมจะระเบิดเป็นพลังเข้าห่ำหั่นศัตรูชนิดบ้าดีเดือด 

              ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine หรือ X-เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ยังคงรักษากรอบประเพณีที่สืบเนื่องต่อกันมาจากภาคก่อนของตำนาน X-เม็น ด้วยการคงสมดุลระหว่างความน่าตื่นตาตื่นใจของเรื่องราวเข้ากับภาพที่ดูสมจริง ในขณะเดียกวันก็เสริมความลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์อันหลากหลาย และยังล้วงลึกถึงความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งหมดด้วย

              ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine  หรือ X-เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ยังเปิดมนุษย์กลายพันธุ์ที่ผู้ชมเฝ้าตั้งตาคอยจะได้เห็นบนจอภาพยนตร์กันเต็มๆ หลายคนด้วย ทั้ง Team X กองกำลังพิเศษที่รวบรวมเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เข้าไว้ด้วยกัน อันประกอบด้วย วูล์ฟเวอรีน (Wolverine), พี่ชายของเขาที่ชื่อ วิคเตอร์ ครี้ด (Victor Creed) หรือที่รู้จักกันในนามเซเบอร์ทู้ธ (Sabretooth) เจ้าของพละกำลังมหาศาลที่ยังหาใครมากำราบให้เชื่องไม่ได้, เว้ด วิลสัน (Wade Wilson) ที่ต่อมารู้จักกันในนาม เดดพูล (Deadpool) มือปืนรับจ้างสุดไฮเทคที่เชี่ยวชาญการใช้ดาบเป็นอาวุธชนิดหาใครเปรียบไม่ได้, สายลับหมายเลขศูนย์ (Agent Zero) นักแม่นปืนฝีมือฉกาจและเป็นผู้เชี่ยวชาญการสืบหาติดตามเป้าหมายที่ยอมรับกันว่า เก่งกว่ามือวางอันดับหนึ่ง, เรธ (Wraith) ผู้มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายสสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง (teleporter) ได้อย่างน่าทึ่ง, เฟร็ด เจ ดุ๊ค (Fred J. Dukes) หรือเดอะ บล๊อบ (The Blob) เมือกตัวมหึมาสุดแข็งแกร่งและน่าขยะแขยงสุดๆ, และแบร้ดลี่ (Bradley) มนุษย์กลายพันธุ์ที่สามารถควบคุมพลังไฟฟ้าได้อยู่หมัด 

              ผู้นำกองกำลังพิเศษหน่วยนี้ก็คือ วิลเลี่ยม สไตร้คเกอร์ (William Stryker) ที่เคยปรากฎตัวมาให้ผู้ชมได้รู้จักกันแล้วใน X2 หรือ X-เม็น 2 แต่ในภาคนี้ผู้ชมจะได้รู้จักที่มาที่ไปนับตั้งแต่กำเนิด ตลอดจนแรงบันดาลใจที่ทำให้เขามุ่งมั่นขนาดนี้อย่างถึงแก่น รวมถึงความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนของเขากับวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ความผูกพันที่มีต่ออดีตของโลแกน และน่าจะทำนายอนาคตให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย

              ภาพยนตร์เรื่อง X-MEN Origins : Wolverine หรือ X-เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ยังตีแผ่ความสัมพันธ์สุดลึกซึ้งระหว่างโลแกนกับ เคย์ล่า วิลเวอร์ฟ๊อกซ์ (Kayla Silverfox) ที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมสุดสลด ชะตากรรมของเคย์ล่าเป็นแรงกระตุ้นให้โลแกนตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Weapon X ซึ่งเป็นการทดลองลับสุดยอดของกองทัพที่มีมูลค่ามหาศาลนับเป็นพันล้านเหรียญ ซึ่งมีวูล์ฟเวอรีนและเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์อีกหลายๆ คนเป็นกลจักรสำคัญ รวมทั้ง แกมบิท (Gambit) หรือหนุ่มน้อยสก๊อต ซัมเมอร์ (Scott Summers) ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามไซครอป (Cyclops), เอ็มม่า ฟรอสต์ (Emma Frost) มนุษย์กลายพันธุ์สาวสวย, และเดดพูล (Deadpool) ซึ่งท้ายที่สุดแล้ววูล์ฟเวอรีนต้องมาดวลกันตัวต่อตัวด้วย

              ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง X-เม็น ภาคก่อนๆ จะเกิดขึ้นในอนาคตแต่ไม่ไกลจากปัจจุบันเท่าไหร่นัก แต่เหตุการณ์ในภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ซึ่งเป็นปฐมบทของอภิมหาตำนาน X-เม็น เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์ในทุกๆ ภาค แต่ก็ไม่ได้ถอยย้อนอดีตไปไกลมากนัก น่าจะอยู่แค่ราวทศวรรษ 1970 แต่ก็มีบางช่วงเหมือนกันที่ถอยย้อนกลับไปราวๆ 150 ปี ซึ่งช่วยส่งให้ภาคล่าสุดน่าตื่นตาตื่นใจทั้งในแง่ของความอลังการและความมุ่งมั่นที่จะผลักดันใน X-เม็น น่าสนใจมากยิ่งขึ้น 

              "เราพยายามจะสร้างภาคนี้ให้เกินความคาดหวังของทุกๆ คนให้ได้" ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) ดารานำแสดงและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ฟันธง "เราไม่ได้อยากสร้างแค่หนังดี กันสักเรื่องนะ แต่เราอยากให้ผลงานที่ออกมาเหนือชั้นกว่าในทุกๆ ด้านเลยล่ะ"

              เพื่อสร้างภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ให้ออกมาได้สมดังความตั้งใจขนาดนั้นย่อมต้องถมทั้งฉากแอ็คชั่น และการผจญภัยเข้าไปชนิดไม่ปล่อยให้ผู้ชมได้พักหายใจหายคอกันเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกความขัดแย้งทางอารมณ์ที่ลึกซึ้ง และสุดแสนจะสลับซับซ้อนอันเป็นเครื่องหมายทางการค้าของภาพยนตร์ X-เม็น ทุกภาคไปเสียแล้วด้วย

              "เห็นกันชัดๆ อยู่แล้วว่าหนังเรื่องนี้จะต้องเต็มไปด้วยภาพที่ตื่นตาตื่นใจ ฉากแอ็คชั่นที่น่าทึ่ง และโดนใจสุดๆ" เกวิน ฮูด (Gavin Hood) ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ (Academy Award(R)) สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม (Best foreign language film) จาก Tsotsi เสี้ยวบุญของคนบาป เมื่อปี 2005 กล่าว "แต่เรื่องราวและตัวละครก็ต้องน่าเชื่อถือด้วยไง เพราะประเด็นหลักของภาคนี้ก็ยังคงอยู่ที่เรื่องราวของคนซึ่งไม่พอใจกับสภาพที่ตนเองเป็นอยู่ คนที่พยายามสู้กับตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง นั่นทำให้เขาเป็นคนที่น่าสนใจและน่าล้วงลึกน่าค้นหาไม่น้อยเลยล่ะ ยิ่งได้เข้าไปสัมผัสสมรภูมิสู้กับกำพืดของเขาเอง ก็ยิ่งทำให้หนังภาคนี้น่าตื่นเต้น และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ภาคนี้เป็นมากกว่าแค่หนังแอ็คชั่นที่ดูสนุกสนานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วไง"

    แจ๊คแมนเชื่อมั่นว่า ฮูด เหมาะที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ที่สุดหลังจากดู Tsotsi เสี้ยวบุญของคนบาป ภาพยนตร์ทุนสร้างต่ำของฮูด ซึ่งเป็นผลงานดราม่าสุดสะเทือนใจที่อาศัยเมืองโยฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg) เป็นฉากหลัง และแนะนำให้ผู้ชมรู้จักกับอาชญากรวัยรุ่นชีวิตสุดรันทด ที่ชีวิตของเขาพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเกิดความรู้สึกผูกพันอย่างลึกซึ้งกับทารกน้อยที่มีคนนำมาทิ้งไว้บนเบาะหลังรถของเขา

              "ตัวละครใน Tsotsi เสี้ยวบุญของคนบาป ก็ต่อสู้กับตัวตนที่แท้จริงของเขาเองอย่างสาหัสเหมือนกันกับ วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ไง" แจ๊คแมนเล่า "ผมประทับใจกับบทบาทชีวิตต้องสู้ของต๊อตติ (Tsotsi) มากเลยนะ และปลาบปลื้มสุดๆ กับวิธีคิดของเกวินที่มีต่อเรื่องราวและตัวละครในหนังเรื่องนี้"

              "บรรดาตัวละครทั้งหลายนี่แหละที่เป็นหัวใจของ X-เม็น ทั้งการ์ตูนและในหนังทุกภาค" แจ๊คแมนกล่าวต่อ "ผู้ชมสามารถเข้าถึงและรู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครเหล่านั้นได้อย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"

              ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกๆ ที่สแตน ลี (Stan Lee) กับแจ๊ค เคอร์บี้ (Jack Kirby) นักวาดการ์ตูนระดับตำนานสร้างสรรค์ X-เม็น เมื่อกว่า 40 ปีที่แล้ว ทั้งคู่ช่วยกันปรับแต่งตัวละครและเรื่องราวต่างๆ ให้เต็มไปด้วยอารมณ์ดราม่าและความขัดแย้งสุดหลากหลาย เหล่า X-เม็น เป็นกลุ่มฮีโร่ไม่ธรรมดาที่หลายต่อหลายครั้งจะเผยให้เห็นจุดอ่อนชัดๆ ความเป็นกบถต่อสังคมชนหมู่มาก และช่างเสียดสีเย้ยหยันอยู่ในที แต่ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารเมื่อพวกเขาต้องต่อกรกับเหล่าอสูรที่เข้ามารุกรานวิถีชีวิตของพวเขา หรือเมื่อพวกเขาต้องเข้าห้ำหั่นลงไม้ลงมือกับเหล่าร้ายที่มีพละกำลังมหาศาล ซึ่งก็อยู่ร่วมกันในโลกของเหล่าผู้มีพลังพิเศษนั่นแหละ

              วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) เป็นตัวละครที่ถือกำเนิดขึ้นหลายปีหลังจากเหล่าพี่น้องร่วมคณะ X-เม็น ของเขาโลดแล่นอยู่ในใจแฟนๆ แล้ว เขาปรากฎตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในหาร์ตูนเมื่อปี 1974 จากการสร้างสรรค์ของนักเขียนชื่อ เลน เวน (Len Wein) กับผู้กำกับศิลป์ชื่อจอห์น โรมิต้า ซีเนียร์ (John Romita Sr.) ก่อนที่จะก้าวขึ้นหน้ามาเป็นสมาชิกหลักคนสำคัญของ The X-Men และการ์ตูนที่เขาเป็นพระเอกเต็มตัวในเวลาต่อมานั่นเอง

              วูล์ฟเวอรีน (Wolverine) กลายเป็นตัวละครที่ส่งผลต่อวัฒนธรรมป๊อบกระแสหลักของโลกอย่างชัดเจนมาโดยตลอด แค่ปีที่แล้วเพียงปีเดียว วูล์ฟเวอรีน ได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Wizard ให้เป็น แชมป์ (#1) ในบรรดาตัวละครจากหนังสือการ์ตูน 200 อันดับตลอดกาล (Top 200 Comic Book Characters of All Time) และยังได้รับการยกย่องจาก Empire Magazine ให้ครองอันดับ 4 จาก 50 อันดับตัวละครจากหนังสือการตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (The 50 Greatest Comic Book Characters) ด้วย  

              ฮิวจ์ แจ๊คแมน (Hugh Jackman) นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ของแวดวงมายาฮอลลีวู้ด (Hollywood) รับบทวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ใน X-Men ภาคแรกที่ออกฉายในปี 2000 และกลายเป็นที่กล่าวขวัญกันจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ในเชิงบวกอย่างกว้างขวาง และถือเป็นการปลุกตัวละครจากหนังสือการ์ตูนให้โลดแล่นบนแผ่นฟิล์มที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง หลังจากนั้น X2 หรือ X-เม็น 2 ก็ออกฉายในปี 2003 ตามติดมาด้วย X-Men: The Last Stand หรือ X-เม็น รวมพลังประจัญบาน ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 ซึ่งทุกภาคก็ล้วนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นอกจากนั้นก็ยังเคยมีการสำรวจในปี 2009 พบว่า มากกว่า 70% ของผู้ชมภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (American moviegoers) เคยดูภาพยนตร์เรื่อง X-เม็น อย่างน้อย 1 ภาค

    สำหรับแจ๊คแมนแล้ว การกลับมารับบทวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้ตีแผ่ตัวละครเอกของโลกมนุษย์กลายพันธุ์ให้ลึกซึ้งและกว้างไกลไปยิ่งกว่า 3 ภาคแรก 

              "เราจะได้สัมผัสโลแกน (Logan) ทั้งการดำเนินชีวิตและการต่อสู้กับตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากเหตุการณ์ในอดีตที่ยังตามมาเล่นงานวิถีชีวิตของเขาจวบจนทุกวันนี้" แจ๊คแมนกล่าว "วูล์ฟเวอรีนเปี่ยมล้นด้วยคุณลักษณะที่เหมาะเหลือเกินที่จะเป็นรูปเคารพให้ผู้คนยกย่อง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นกุ๊ยหัวแถวให้ผู้คนเกรงขามกันถ้วนหน้าด้วย ต้องขอยืมประโยคเด็ดของเขาที่นิยามชัดเลยว่า วูล์ฟเวอรีนเก่งฉกาจในทุกเรื่องที่เขาลงมือทำ อย่างแท้จริง แล้วทุกอย่างที่เขาทำลงไปก็อาจจะไม่ได้น่ารักสักเท่าไหร่นักหรอก" 

              ลอเร็น ชูเลอร์ ดอนเนอร์ (Lauren Shuler Donner) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีน ซึ่งดูแลงานนี้ใน 3 ภาคแรกด้วยก็กล่าวเสริมว่า "โลแกนเป็นคนที่แนวคิดเป็นตัวของตัวเอง มีอารมณ์ขัน และมีสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำให้เขาน่าสนใจมากๆ ที่สำคัญเขาไม่ค่อยยี่หระว่าใครจะคิดกับเขาอย่างไร ซึ่งนั่นก็ทำให้แฟนๆ ยิ่งสนุกสนานเพิ่มขึ้นด้วย"

    ฮิวจ์ แจ๊คแมน รับบทเป็น โลแกน กับ วูล์ฟเวอรีน และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ 

              ฮิวจ์ แจ๊คแมนเปิดตัวในโลกภาพยนตร์อเมริกันด้วยบทวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ในภาคแรกของอภิมหาตำนานไตรภาค X-Men ก่อนจะกลับมารับบทเดิมใน X2 หรือ X-เม็น 2 และ X-Men: The Last Stand หรือ X-เม็น รวมพลังประจัญบาน บัดนี้ก็นำแสดงใน X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X-เม็น: กำเนิดวูล์ฟเวอรีนเต็มๆ 

       แจ๊คแมนร่วมกับจอห์น พาเลอร์โม (John Palermo) และเด็บบอร์ร่า-ลี เฟอร์เนส (Deborra-lee Furness) ก่อตั้ง Seed Productions บริษัทสร้างภาพยนตร์ที่เป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง X-MEN ORIGINS: WOLVERINE หรือ X-เม็น : กำเนิดวูล์ฟเวอรีน และก่อนหน้านี้ก็อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Deception ระทึกซ่อนระทึก ด้วย

             
    แจ๊คแมนเพิ่งเป็นพิธีกรบนเวทีประกาศรางวัลออสการ์  (Academy Awards) ครั้งที่ 81 เมื่อต้นปีนี้ด้วย

      เครดิต:: http://hilight.kapook.com/view/35493/2
                  http://movie.mthai.com/view/16/35867-x_men_origins_wolverine.movie

    gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 1 gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 2 gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 3 gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 4gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 5
    gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 6 gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 7 gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 8 gallery -  X-MEN ORIGINS: WOLVERINE รูปที่ 9
     
     X-MEN Origins : Wolverine X-Men Origins  Wolverine  X-Men
      X-Men X-Men X-Men X-Men


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×