ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 :: ประตูสู่เบื้องล่าง [win(d)]
มือเรียวคว้ารองเท้าสีขาวปักลวดลายสีทองยัดใส่เท้าเปลือยเปล่าอย่างทุลักทุเล เนื่องจากความพยายามที่จะใส่รองเท้าไป และวิ่งไปด้วยจากแรงกึ่งดึงกึ่งลากที่แขนอย่างร้อนรน พาร่างบางวิ่งผ่านทางเดินที่รั้งเพดานด้วยเสาสูงอย่างมหาวิหาร ชุดผ้าสีขาวเบาบางสะบัดพลิ้วไหวไปด้านหลังอย่างรุ่มร่าม ยิ่งทำให้ความเร่งรีบนั้นช้าลงกว่าเดิมเมื่อผ้าบนไหล่ค่อยๆ ไหลตกลงมา “เดี๋ยวก่อน พี่อากิ ...”
“จับไว้สิคะ!” คนถูกเรียกไม้แม้แต่หันมามอง กลับยิ่งกระชับมือแน่นขึ้นลากน้องสาวที่รีบตวัดชายผ้าขึ้นพาดรอบคอ “ยิ่งช้า ก็ยิ่งลำบาก”
“แต่คือ ....” ค้านไปอีกฝ่ายก็คงไม่ฟัง เด็กหญิงจึงได้แต่ออกแรงวิ่งตาม สายตาของทูตสวรรค์ที่เดินอยู่ตามทางเดินหันมองทั้งคู่ด้วยสายตาประหลาดใจ หากทางเดินก็ถูกแหวกออกให้เด็กสาวทั้งสองผ่านไปโดยง่าย คงเป็นเพราะลายประจำตัวที่ปักอยู่บนชุดคลุมของพวกเธอ ... ลายประจำตัวของทูตสวรรค์เพียงสี่องค์เท่านั้นที่สามารถทรง ...
จตุรเทพผู้สรรค์สร้าง
บนบทเล่าขานตำนานแห่งมวลมนุษย์
จักรพรรดิแห่งสรวงสวรรค์ ผู้สร้างสิ่งทั้งปวง ... ผู้ให้กำเนิดสรรพชีวิต
... พร้อมด้วยบุตร แลธิดา ยืนอยู่เหนือทิศทั้งสี่ ...
“เร็วเข้าครับ” ร่างสูงเพรียวผู้ยืนอยู่บนแท่นหินซึ่งถูกแกะสลักเป็นลาย ‘เทพแห่งความอิสระ’ ร้องทักทันทีที่ประตูเปิดผางออก เด็กหนุ่มสวมเครื่องประดับรูปปีกสีขาวตวัดด้วยสีม่วงเช่นเดียวกับด้วงตาไว้บนเรือนผมสีขาวยาว .... เป็นอันเสร็จพิธี ... เครื่องทรงประจำองค์สำหรับประกอบพิธีกรรม ...
เด็กหนุ่มอีกคนเองก็พร้อมอยู่ตรง ‘เทพแห่งโชคชะตา’ แล้ว ใบหน้าหวานราวกับอิสตรีขมวดคิ้วน้อยๆ ขณะรอจนเด็กสาวทั้งสองขึ้นมาบนตำแหน่งของพวกนางเรียบร้อย มือขาวดั่งหิมะจึงได้ดึงออกข้างลำตัวเพียงเล็กน้อย และเริ่มพึมพำ “อำนาจแห่งจตุรศาสตรา .... จงฟังข้าผู้เป็นนายเหนือเจ้า”
“จงสถิตพลัง ... สรรค์สร้าง แลทำลาย” เจ้าตำแหน่ง ‘เทวีแห่งความยุติธรรม’ เอ่ยขึ้นตามด้วยเสียงอันทรงอำนาจ ลายคันชั่งบนพื้นหินอ่อนที่ถูกสลักเป็นวงกลม ซึ่งล้อมด้วยตำแหน่งทั้งสี่ส่องลำแสงสีแดงขึ้น พันกับสีน้ำเงินเข้มที่ขึ้นมาพร้อมคำกล่าวก่อนหน้านั้น
“พลังอำนาจอันชอบธรรม ... จงอยู่ภายใต้หัตถ์แห่งผู้บัญชา” ลายสีม่วงวิ่งจนสมบูรณ์เป็นลาย ลายลมพัดหมุนวนล้อมวงพิธีกรรม และบุตรแห่งมหาเทพทั้งสี่ เสียงฝีเท้าจากภายนอกรีบร้อนดังใกล้เข้ามา ... เร็วเข้า ... ก่อนที่ผู้ไล่ตามจะเข้ามาใกล้มากกว่านี้!
สตรีคนสุดท้ายลืมดวงเนตรสีอำพันแข็งกร้าวจ้องมองด้วยสมาธิไปยังวงพิธี ฝ่ามือยืนสู่เบื้องหน้าดั่งผู้ประกาศิตถ้อยคำอันเป็นนิรันดร์ ลำแสงสีทองปรากฏเป็นลายวิหคเพลิงเป็นร่างสุดท้าย “บันดาลสิ่งที่จิตแห่งข้าปรารถนา ... ประตูสู่มนุษยโลก จงเปิดเดี๋ยวนี้!!!”
สิ้นคำ พลันแผ่นหินอ่อนสีดำแยกออกเป็นสี่แผ่น ก่อนจะเลื่อนเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างสีขาวเจิดจ้า จนผู้ประกอบพิธีต้องยกมือขึ้นบัง หากเท้าทั้งสี่คู่พาร่างเดินเข้าใกล้จนแทบจะตกลงไป ชุดประจำองค์ของเทวทูตทั้งสี่ปลิวตามแรงที่พุ่งขึ้นมาดูราวกับปีกสีขาว ประตูหน้าวิหารถูกเปิดออก พร้อมผู้รับคำสั่งจากมหาเทพเซฟิรอธให้มาตามตัว ‘ลูกๆ’ ของพระองค์เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง “จะ ... จตุรเทพ!! อย่าทำเช่นนั้น ....!”
“ช้าไปแล้วละค่ะ ท่านเลขา” หญิงสาวผู้มีอายุมากสุดหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มที่บอกให้คู่สนทนารู้ว่า ตัวเขาต้องเดือดร้อนเป็นแน่ เธอกล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนที่ทั้งสี่จะทิ้งตัวลงไปในทางไปสู่ ‘โลกมนุษย์’ “เราจะไม่ยอมให้ใคร มาจับพวกเราแต่งงานหรอก”
ฉันจะสาปแช่งพวกนาย ....
สีหน้าบูดบึ้งบนใบหน้าสวยคมจนดึงสายตาผู้คนรอบข้างให้หันมาเป็นจุดเดียว หากเจ้าตัวไม่เพียงแค่ไม่สนใจ เท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงยังกระแทกโครมตามจังหวะเดินไปบนระเบียงทางเดินของชั้นเรียน ดวงตาสีอเมทิสต์จ้องขึงไปข้างหน้าอย่างหัวเสีย ทว่ายังดูนิ่งขึงคงความสง่างามที่ห้อมล้อมไว้อย่างปิดไม่มิด ซึ่งนั่นทำให้ดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก
ใครที่มันให้ฉันใส่ชุดบ้าๆ นี่ ....
ชุดบ้าๆ ที่ว่าคือชุดแต่งงานสีขาวล้วน พร้อมด้วยผ้าคลุมเจ้าสาวประดับอกไม้สีหวานติดเหนือใบหู ต่างหูห้อยลงไล้ลำคอขาวเนียนราวกับผิวไข่มุก เรือนผมสีดำยาวแผ่อยู่บนแผ่นหลังยิ่งทำให้ร่างบางดูโดดเด่นอย่างคมคาย ราวกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์กำลังจะเข้าสู่พิธีแต่งงาน ... ยิ่งคิด ริมฝีปากบางที่ถูกแต้มด้วยสีชมพูอ่อนธรรมชาติยิ่งเม้นแน่น
ฉันจะฆ่ามัน .............!!
โรงเรียนเซนต์ลูเชีย โรงเรียนซึ่งผู้เข้าเรียนหากไม่มาจากตระกูลเก่าแก่ที่มีอิทธิพลของประเทศ ก็เป็นลูกเจ้าของบริษัทชั้นนำที่มีชื่อในวงการธุรกิจ โรงเรียนชั้นนำที่ผลิตนักเรียนที่จบการศึกษาอย่างมีคุณภาพ และพร้อมด้วยความเป็นผู้นำเต็มเปี่ยม สอนครบวงจรตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงมหาลัย บนพื้นที่ขนาดใหญ่พอจะเป็นเมืองขนาดย่อมๆ ได้เลยทีเดียว
เทศกาลงานโรงเรียน แม้จะต่างจากโรงเรียนทั่วๆ ความหรูหราของการจัดกิจกรรมต่างๆ แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ขนาดร้านกาแฟยังเรียกว่าระดับโรงแรมห้าดาวทีเดียว หากทว่าสิ่งที่ ‘เด็กวัยรุ่น’ อยากจะทำในงานเทศกาลก็ยังคงใกล้เคียงกันอยู่ ....
ด้วยเหตุนี้ จึงก่อกำเนิด .... แฟนซีคาเฟ่ ‘Would you Marry Me?’ คาเฟ่ชุดเจ้าสาวขึ้นมา ...
คาเฟ่บ้าอะไรฟะ!!!!! แล้วไอ้ชุดแต่งงานผู้หญิงนี่อีก!
“จะรีบไปไหนล่ะครับ คุณหนู” แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นสูง ที่มีแต่ลูกคุณหนูสูงศักดิ์เท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าเรียน แต่เรื่องภาชนะหุงต้มเสริมใยเหล็กนี่ก็ไม่เข้าใครออกใคร ร่างบางไม่สนใจเสียงเรียก แต่อีกฝ่ายกลับคว้าแขนไว้ “เดี่ยวก่อน ...”
“ปล่อย!!” เสียงแข็งประกาศกร้าวทันทีที่ดวงหน้านั้นสะบัดกลับมามอง “ฉันกำลังหงุดหงิด ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็ช่วยปล่อยแขนด้วย”
“ดุจัง” อีกฝ่ายกลับยิ้มเสียอีก และนั่นทำให้ความอดทนที่กำลังลดต่ำลงสุดขีดของร่างบางประดุขึ้น ...
“ฉันบอกว่าให้ ....!!”
ก่อนที่เสียงหวานจะพูดได้จบ พลันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นวาบตรงหน้าขั้นระหว่างทั้งสอง แรงผลักราวกับมือกระแทกสองร่างแยกออกจากกันจนล้มลง ประกายแสงสี่สีวิ่งพันกันจนตวัดพื้นเป็นลวดลายอักขระราวกับวงเวทมนตร์ จนเกิดเป็นสัญลักษณ์ ...
ตำนานแห่งผู้สร้างโลก ... เจ้าผู้ให้กำเนิดมวลมนุษย์
... จตุรทิศมหาเทพควบคุม ... ต้นสายแห่งพลังที่สถิต เป็นดั่งคำอวยพรที่พระเจ้าได้ประทานให้
เพราะโชคชะตานั้น เราจักกำหนดเอง ....
เพราะความยุติธรรม ... สิทธิแห่งการเลือกเป็นของคนผู้นั้น
... เพราะอิสระ ... จึงเกลียดชังโซ่แห่งพันธนาการ
แสงตะวันนั้นสาดส่อง ...
เพียงเส้นทางที่เราชี้เท่านั้น!!
.... สัญลักษณ์พญาอินทรีแห่งนภาส่องสว่าง แปรแสงสีขาวเป็นสีม่วงเจือพันราวกับสายลมเมื่อยามเจ้าแห่งความอิสระสะบัดปีก แสงที่อาบด้วยกลิ่นของมนตรากลายเป็นขนนกแห่งทวยเทพโอบล้อมร่างหนึ่งไว้ราวกับปกป้องนายเหนือหัว ... เทพแห่งความอิสระ
ดวงตาคมเพียงปรายมองสถานที่ที่ตนเหยียบย่าง เปลวประกายแสงสีเดียวกับเนตรที่เพียงขยับก็สะกดเสียงอื้ออึงไว้ได้แล่นผ่านปลายนิ้วของร่างบุรุษเพศจนจางหายไป ชุดแต่งกายสีขาวค่อยข้างกรุยกราย สลักด้วยตราสัญลักษณ์แห่งเทพ ซึ่งไม่ว่าผู้ใดทั้งบนโลกนี้ ... หรือโลกเบื้องบนก็ไม่มีสิทธิ์ใช้มัน หากยังไม่สะดุดตาเท่ากับ ใบหน้าที่ทั้งดูคมคายดั่งรูปสลัก ทั้งคงความหวานราวกับอิสตรี ...
“แย่จริงเชียว ...” บุรุษร่างสูงดึงผ้าคลุมไหล่ออก เผยให้เห็นผิวขาวนวล รอยยิ้มบางเผยทำให้สีหน้านั้นดูอ่อนลงอย่างน่าประหลาด “การมาของผมทำให้สุภาพสตรีต้องบาดเจ็บ ... ต้องขออภัยจริงๆ”
“อย่ามาพูดบ้าๆ นะ!!” ร่างบางหายจากอาการตะลึงในทันที ริมฝีปากสีอ่อนหยักอย่างฉุนกึก พลางปัดมือที่ยื่นมาช่วยพยุงออกแล้วยันตัวขึ้นเองทันที “นายเป็นใครกัน!”
“ถ้ารู้ว่าบนโลกมีคนที่งดงามเสียยิ่งกว่าเทพีผู้เลอโฉมที่สุดบนสวรรค์ ... ผมคงลงมาที่นี่นานแล้ว ไม่ต้องรอให้ท่านพ่อจับหมั้นหมาย” หากอีกฝ่ายกลับยิ่งก้าวเข้ามาใกล้ ชุดผ้าคลุมสีขาวสะบัดขึ้นเบาๆ ทั้งที่ไม่มีลดพัดแม้แต่น้อย ผ้าคลุมยาวถูกยื่นออกก่อนร่างสูงจะปล่อยให้มันลอยหลุดมือไป ... ทว่าเมื่อผ้าผืนบางนั้นลอยผ่าน ร่างของนักเรียนคนอื่นๆ กลับล้มลงราวกับง่วงขึ้นกะทันหัน กระทั่งทั้งชั้นเรียนนั้นเหลือดวงตาที่ยังลืมอยู่เพียงสองคู่ ... รอยยิ้มบนใบหน้าชวนหลงใหลดั่งคนช่างแกล้ง “ก่อนอื่นช่วยบอกหน่อยสิครับ ... ผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือ”
“พูดเรื่องอะไรน่ะ!” อีกฝ่ายถอยหลังหนีอย่างที่ตนเองยังแปลกใจ ... หมอนี่มันอะไร! ทำไมฉันถึงต้องยอมถอยด้วย “แล้วฉันก็เป็นผู้ชายต่างหาก!!!”
พูดจบเด็กหนุ่มในชุดเจ้าสาวก็กระแทกร่างสูงกว่าให้หลบทางออกไป ไม่ไปเปล่ายังทิ้งหมัดพิฆาตเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายเต็มรัก ก่อนจะวิ่งหายไปตรงทางเดิน ชายหนุ่มในชุดกรุยกรายไอเบาๆ กับแรงกระแทกที่หนักมือไม่น้อย ....
ผู้ชายเหรอ ....
หึ ... มีอะไรน่าสนใจบนโลกนี้แล้วสิ ...
“เรียบร้อยเลยนะครับเนี่ย ... พี่คิระ” เสียงหวานใสดังขึ้นเรียกสายตาของชายหนุ่มให้เงยขึ้นมอง แล้วก็ยิ้มให้น้องชายของตน ที่เดินมาพร้อมกับน้องสาวอีกคนหนึ่ง ... ลูเซียส และเรย์ เด็กสาวผู้เป็นน้องคนที่สามในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนของเขาดึงหมวกซึ่งประดับปีกพันลายสีแดงออกด้วยสีหน้าติดรำคาญ ต่างจากน้องชายคนเล็กนั้นยังคงสภาพการแต่งตัวไว้เป็นอย่างดี “ไม่คิดเลยว่า ‘ประตูสู่โลกมนุษย์’ ที่พวกเราเปิดออกจะมากันคนละทาง พี่เรย์กับผมอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่”
“งั้นก็เหลือแต่พี่อากิสินะ” สิ้นคำกล่าวถึงเสียงเรียกก็ดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของทางเดิน ร่างของหญิงสาวในชุดผ้าสีขาวประดับด้วยลวดลายสีทองโบกมือน้อยๆ พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่แสนจะอารมณ์ดีให้ หากที่แปลกนั่นคือเด็กหญิงอีกคนหนึ่งซึ่งเดินมาด้วยกันต่างหาก “พี่อากิ ... เพิ่งจะลงมาไม่ทันไร พี่ไปหลอกเด็กผู้หญิงที่ไหนมาน่ะครับ”
“เสียมารยาทต่า คิระจัง” เจ้าของนาม อากิระ ฟาดมือบนหลังของน้องชายเบาๆ หากไอ้ ‘เบาๆ’ ของเธอนั่นก็ทำเอาแทบหน้าคว่ำ ดวงตาสีอำพันที่ส่องประกายสดใส หากแข็งกร้าวอย่างไม่อาจหยั่งถึงบนผิวสีงาช้างบอกถึงความชอบใจของเธอ มือเรียวคว้าตัวเด็กหญิงมาตรงหน้า “นี่คือนานาลี่จัง ... สาวน้อยแสนใจดีทีจะให้ที่อยู่พวกเราบนโลกมนุษย์นี่ยังไงล่ะ!!”
เลขาแห่งมหาเทพเซฟิรอธตัวลีบลงจบแทบจะเหยียบให้จมดินได้รู้แล้วรู้รอด กระแสความโกรธแผ่ออกจากร่างบุรุษผู้เป็นใหญ่เหนือโลกทั้งสามแม้ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูดใดๆ
“หนีไปแล้ว ...” สุรเสียงดังกันวาลสะท้อนทั่วโถงแห่งวิหารทรงสูง มือที่เท้ากับเก้าอี้บัลลังก์ยกขึ้นปิดใบหน้า หากยังคงเห็นผิวนั้นเป็นสีแดงก่ำอย่างเดือดจัด ซึ่งคำพูดช้าชัดนี้บอกถึงความอดทนแสนประมาณ “... แล้วยังไปบนโลกมนุษย์อีกด้วย ... ทำได้ดีมาก คาออส ...”
“คือ ... ข้า”
“เจ้าพวกลูกงี่เง่า!!!” ฝ่ามือหนากระแทกกับพื้นโต๊ะเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจนับ ซึ่งนั่นทำให้โต๊ะไม้สลักของวิจิตรเกิดรอยร้าว ชายหนุ่มหายใจเข้าอย่างสะกดกั้น แต่เส้นเลือดที่ขมับนั้นปูดขึ้นจนแทบจะเห็นมันแตกไปต่อหน้าต่อตา “ก่อเรื่องยุ่งบนสวรรค์ไม่เว้นแต่ละวัน แล้วนี่ยังลงไปถึงโลกมนุษย์อีกงั้นเรอะ!!!!”
“ที่จริง ...” ราชเลขางึมงำ “ก็เพราะท่านจะจับทั้งสี่องค์หมั้นหมาย ...”
“เพราะข้าจะดัดนิสัยเจ้าจอมก่อเรื่องสี่คนนั่นน่ะสิ!!!” ไม่พ้นหูท่านมหาเทพ “เพราะไม่รู้จักโตเป็นผู้ใหญ่กันเสียที ถึงได้เอาแต่เล่นไปวันๆ แบบนี้ ... นี่น่ะหรือ จตุรเทพที่มนุษย์บูชานับถือ!! ก็จับมันแต่งงานซะ จะได้รู้จักคิดเสียบ้าง!”
“แต่ที่จริงก็ ...”
ก่อนที่ท่าเลขาคาออสจะได้พูดอะไรที่ทำให้ตัวเองเดือดร้อนไปมากกว่านี้ รายงานขอเข้าพบก็ดังขึ้นพร้อมกับประดูวิหารค่อยๆ เปิดออก ... ร่างสี่ร่างปรากฏขึ้นที่บานประตูนั่น ลายปักบนเครื่องทรงบอกให้รู้ถึงลายลักษณ์เฉพาะตัวเทพ และเทพีชั้นสูง หน้าสุดนั้นคือชายหนุ่มที่ต่างไปจากทุกคนในห้อง หรืออาจรวมทั้งพื้นสวรรค์นี้ก็เป็นได้ ด้วยสีแห่งเครื่องแต่งกายนั้นกลับเป็นสีเข้มที่ขัดกับโทนขาวของทูตสวรรค์ ดวงตาสีนิลภายใต้กรอบแว่นสบกับมหาเทพผู้กำลังโกรธระยะสุดท้ายได้อย่างไม่หวั่นเกรง “ได้ยินมาว่า ‘คู่หมั้น’ ของพวกเรา ลงไปเยี่ยมเยือนโลกมนุษย์หรือขอรับ ... ท่านมหาเทพ”
“หนีน่ะสิ!” ผู้อยู่เหนือกว่ากระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด “ลูกข้านี่มันแย่จริงๆ!!”
“ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ ... อยู่บ้าง” ชายหนุ่มส่งยิ้มบางอย่างใจเย็นมาให้ ส่งผลไปถึงอารมณ์คุกรุ่นของมหาเทพที่พอจะค่อยคลายลงบ้าง “เช่นนั้นผม ... และคู่หมายทั้งสาม จะลงไปรับจตุรเทพกลับมาเอง”
---------------------
ได้แค่นี้ละค่ะ ...
//โยนโลดด
2ความคิดเห็น