ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Last Memory : Part 1.1 Shin Dong Says :

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1: Beginning

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 51


    คุณคะ คุณ ตื่นได้แล้วค่ะ”ผมลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเสียงๆหนึ่ง ผมกวาดตาไปรอบๆ แค่มองเพดานที่นี่ผมก็รู้แล้วว่าเป็นโรงพยาบาล และกลิ่นที่ผมได้สัมผัสมันก็คือกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ส่งกลิ่นไปทั่ว

    อาการของคุณดีขึ้นหรือยังคะ พอดีดิฉันเอาอาหารเช้ามาให้คุณค่ะ”เสียงนี้เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อผมมองไปที่ชุด ผมก็พอรู้ว่าเธอเป็นนางพยาบาล ตอนนี้ผมรู้สึกเบลอมาก ผมยังจับความอะไรไม่ถูก แต่ผมก็ถามเธอกลับไปว่า

    ผมเป็นอะไรมากไหมครับ?” ผมถามนางพยาบาล

    ถ้าแม่ได้มาเห็นผมกินข้าวต้มโดยไม่เถียงนี่ จะรู้สึกยังไงนะ”ผมนึกเสร็จผมก็พูดให้ตัวเองฟัง

    อะไรนะคะ” พยาบาลทำหน้างง

    ครับ ยังไงผมจะพยายามลดให้ได้ก็แล้วกันครับ”ผมพูดไปพร้อมกับทำหน้าเจื่อนๆ

    และเราก็สนทนากันตลอดทาง

    ผมว่าน่าจะมีนางพยาบาลแบบผู้หญิงคนนี้เยอะๆนะครับ คนไข้จะได้ไม่เหงา เพราะเธอคุยสนุก

    และตอนนี้เราก็มาอยู่ที่หน้าห้องหมอ

    “คุณหมอค่ะ คนไข้เมื่อคืนต้องการพบค่ะ” นางพยาบาลเคาะประตูก่อนที่จะพูด พอพูดเสร็จเธอก็เปิดประตูเข้าไป ผมเห็นหมอกำลังคุยกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอไม่เหมือนผู้ป่วยเลย

    เดี๋ยวหนูไปนั่งข้างหลังก่อนนะ ให้พี่เขามาคุยกับหมอก่อนก็แล้วกัน” หมอบอกเด็กผู้หญิงคนนั้น

    ได้ค่ะคุณหมอ”เธอยิ้มให้หมอและเดินออกไปนั่งที่เก้าอี้ข้างหลังอย่างคล่องแคล่ว แต่เธอก็นำเก้าอี้ที่นั่งออกไปด้วย เพราะเธอเห็นผมนั่งรถเข็นอยู่

    ก็อย่างที่หมอเห็นนั่นแหละครับ ว่าแต่อาการของผมเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ แล้วผมจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่ครับ”ผมถามหมอ

    หนูว่านะคะ อาการแบบพี่ซักเดือนก็คงได้กลับบ้านแล้วละค่ะ” เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังเดินมาดู พร้อมกับบอกผม

    หา! เป็นเดือนเลยเหรอครับ คือผมต้องรีบกลับบ้านไปสะสางงานต่อนะครับ”ผมตอบไปด้วยท่าทางตกใจ

    ไม่หรอกครับ อย่างคุณน่ะ แค่2อาทิตย์ก็กลับบ้านได้แล้ว แล้วนี่คุณไม่มีญาติเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นมีใครมาเยี่ยมคุณเลย”หมอถามผม

    จริงๆเลยนะ งั้นออกไปเล่นที่สนามหน้าโรงพยาบาลก่อนไปแล้วค่อยมาคุยกันใหม่” หมอบอกเด็กผู้หญิงคนนั้น

    ได้ครับนายท่าน” เด็กผู้หญิงคนนั้นพูดแบบเล่นๆกวนๆ ประมาณว่าหมอคนนั้นเป็นพ่อ

    โชคดีนะคะพี่ เดี๋ยวว่างๆหนูจะไปเยี่ยมพี่นะ อิอิ”เธอพูดกับผมก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

    หมอครับ ผมว่าเด็กคนนั้นไม่เหมือนเด็กที่ป่วยเลยนะครับ คือผมอยากทราบว่าเธอเป็นโรคอะไรเหรอครับ” ผมถามหมอ

    อ๋อ เธอเป็นมะเร็งไขกระดูกน่ะครับ เธออยู่ที่โรงพยาบาลมาเกือบ2ปีแล้วครับ ห้องเธอก็อยู่ข้างๆห้องคุณนั่นแหละครับ”หมอตอบ

    ครับๆ ขอบคุณมากครับ ว่าแต่อาการของผมเป็นอย่างไรบ้างครับ”ผมถามหมออีกครั้ง

    งั้นผมขอกลับห้องก่อนนะครับ” ผมบอกหมอ

    ผมมาถึงที่ห้องแล้วครับ

    “ขอบคุณมากครับหมอ”ผมบอกหมอ

    ไม่เป็นไรครับ ยังไงถ้าคุณมีปัญหาอะไรก็กดปุ่มเรียกนางพยาบาลนะครับ”หมอบอกผม

    ครับหมอ”ผมตอบ

    เด็กคนนั้นอยู่ที่นี่จนชินแล้วล่ะครับ ถุงน้ำเกลือแทบจะกลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเธอไปแล้ว” หมอตอบ

    อื้อว่าแต่เธอชื่ออะไรล่ะ พี่จะได้เรียกถูก”ผมถามเธอ

    ใช่ครับ เรียกพี่สั้นๆว่าชินดงก็ได้”ผมบอก

    พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่จำได้น่ะว่าพี่ถูกแฟนบอกเลิก พี่เสียใจมาก พอขับรถไปเรื่อยๆ พี่ก็เห็นแสงๆนึง แวบเข้ามา แล้วพี่ก็จำอะไรไม่ได้เลย”ผมบอกกับเด็กคนนั้นพร้อมกับก้มหน้าลงทำหน้าเศร้า

    อืม........เป็นแบบนี้เองเหรอ ไม่เป็นไรค่ะไม่เป็นไร ยังไงพี่มาอยู่ที่นี่แล้ว รับรองพี่ไม่มีเหงาแน่”เด็กคนนั้นพูดเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องของความรักของผมเลย แต่ไม่สิ ผมมองไปที่ตาของเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมเห็นสายตาของเธอเศร้าๆ เธอคงอยากให้ผมยิ้ม แทนที่จะมานั่งเสียใจ

    พี่ไม่ลืมหรอกน่า งั้นเกี่ยวก้อยสัญญากันเลย”ผมพูดพร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นมา

    “ได้เลย”เธอก็ยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับผมเช่นกัน

    “ครับ ได้ งั้นพี่จะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วล่ะ”ผมบอกเด็กคนนั้น

    “จะว่าไป พี่เองก็ขาหักนี่นา ยังไงช่วง2-3วันแรกหมอไม่ยอมให้ออกไปเล่นข้างนอกอยู่แล้ว น่าเสียดายจัง หนูกะว่าจะพาพี่ไปทัวร์รอบโรงพยาบาลซะหน่อย งั้นอีกซัก4วันพี่ไปเล่นกับหนูนะคะ”เด็กคนนั้นบอกผม

    “อื้อ ตกลง พี่ไปแน่นอน พี่ไม่พลาดสัญญาหรอก”ผมบอกเด็กคนนั้น

    “โอเค เราสัญญากันแล้วนะ ถ้าไม่ทำตามสัญญาหนูโกรธจริงๆด้วย”เด็กคนนั้นพูด

    “ว่าแต่พี่ชินดงเถอะไปทำอะไรมาล่ะถึงได้มาเป็นแบบนี้ได้”เด็กผู้หญิงที่ชื่อSunnyถามผม

    “หนูชื่อซันนี่ค่ะ ว่าแต่พี่ชื่อ ชิน ดง ฮี ใช่ไหมคะ”เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบ พร้อมกับถามผม

    และคำพูดของหมอก็เป็นจริง

    ผ่านไปไม่ถึง10นาที เธอก็มาเคาะประตูห้อง

    “พี่คะ หนูขอเข้าไปหน่อยนะ”เธอตะโกนในระดับเสียงที่ไม่รบกวนคนไข้และนางพยาบาลบอกผม

    “อื้อ เข้ามาสิ พี่ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”ผมบอกกับเธอ พร้อมกับส่งยิ้มให้

    “เย้ๆ ดีจังที่พี่ไม่รังเกียจหนู”เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบ

    “พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว”ผมบอกเด็กคนนั้น

    “อีกหนึ่งอย่าง ยังไงถ้าเด็กผู้หญิงคนนั้นเข้ามาห้องคุณ ก็ไม่ต้องไปไล่เธอนะครับ เพราะเธอน่ะ แค่อยากมาเล่นกับคุณเฉยๆ พอดีเธอเป็นคนขี้สงสารน่ะครับ เห็นคนไข้คนไหนไม่มีญาติมาเยี่ยมเธอก็ชอบเข้าไปเล่นด้วย เธอกลัวคนไข้เหงาน่ะครับ” หมอบอกผม

    “ครับ ว่าแต่เธอจะไม่เหนื่อยเหรอครับ ผมเห็นเธอมีสายน้ำเกลือคล้องไปด้วยตลอดเวลา”ผมถามหมอ

    “ครับงั้นเดี๋ยวผมเข็นไปส่งก็แล้วกันครับ”หมอบอกผมพร้อมกับลุกมาเข็นรถเข็นของผมไปส่งที่ห้อง

    “อาการของคุณแค่ขาหัก อีกประมาณ2อาทิตย์คุณก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะครับ ดีนะครับที่คุณไม่เป็นอะไรมากเพราะเห็นว่ารถของคุณพังยับเลย”หมอบอกผม

    “ครับ ขอบคุณมากครับหมอ” ผมตอบ

    “ไม่ถึงกับขนาดไม่มีหรอกครับ แค่ตอนนี้ญาติผมไม่อยู่บ้านเฉยๆครับ”ผมตอบ

    “ง่ะทำไมหมอถามพี่เขาแบบนั้นละค่ะ ทีหนูน่ะไม่มีญาติหมอยังไม่ถามหนูเลย”เด็กผู้หญิงคนนั้นทักท้วง

    “เชิญครับ คุณ ชิน ดง ฮี ใช่ไหมครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ อาการดีขึ้นหรือยัง” หมอถาม อ้อ! ผมลืมแนะนำตัวเองไป ผมนี่มันแย่จริงๆเลย ผมชื่อ “ชิน ดง ฮี” ครับ เรียกผมสั้นๆว่าชินดงก็ได้ครับ

    “ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ดิฉันแค่อยากให้คุณยิ้มก็เท่านั้น เพราะตั้งแต่เราเจอกัน ฉันยังไม่เคยเห็นคุณยิ้มเลย” นางพยาบาลพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

    “ครับ ขอบคุณมากครับ” ผมตอบพร้อมกับยิ้ม

    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอรับประทานอาหารเช้าก่อนก็แล้วกัน ขอบคุณที่นำอาหารมาส่งนะครับ” ผมยิ้มให้นางพยาบาล

    “ค่ะ ได้ค่ะ”พยาบาลตอบ หลังจากตอบเสร็จก็เดินออกจากห้องไป

    ตอนนี้ผมอยู่ในห้องคนเดียว ผมไม่ได้รู้สึกกลัวหรอกนะ แต่มีความรู้สึกหนึ่งที่ผมรู้สึก คงจะเป็น “เหงา” มากกว่ามั้งครับ เพราะไม่มีใครมาเยี่ยมผมเลย พ่อกับแม่ก็ไปพบลูกค้าที่ USA ผมก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว อยู่ที่บ้านก็มีแต่คนรับใช้ผมเลยรู้สึกเหงาไงครับ

    “จะว่าไปรสชาติของข้าวต้ม ไม่เหมือนตอนนั้นเลย อร่อยกว่ากันเยอะเลย” กินไปผมก็บ่นพึมพำไปคนเดียว คุณว่าผมประสาทไหมละครับ

    และผมก็รับประทานข้าวต้มเสร็จ

    ผมกดปุ่มเรียกพยาบาล

    พยาบาลคนเดิมก็กลับมา

    “จะไปเลยไหมคะ?” นางพยาบาลถาม

    “ครับ ไปตอนนี้เลยก็ได้”ผมตอบ

    นางพยาบาลออกจากห้องพร้อมกับไปเอารถเข็นมาให้ผมนั่ง ตอนที่ลุกจากเตียงไปยังรถเข็น ผมรู้สึกว่า ผมยังเคลื่อนย้ายตัวเองยังไม่ค่อยได้

    “ยังไงคุณก็ไปลดน้ำหนักหน่อยก็ดีนะคะ เพราะคราวหน้าถ้าคุณมีร่างกายแบบนี้ แทนที่คุณจะใช้ไม้เท้า คุณจะได้ใช้รถเข็นเอา” นางพยาบาลแซวผมเล่น

    “ฉันคงบอกอะไรได้ไม่ดีเท่าคุณหมอหรอกค่ะ แต่ถ้าสภาพภายนอกของคุณ คุณก็คงจะขาหักแล้วก็มีบาดแผลถลอกตามร่างกายนิดหน่อยละค่ะ เดี๋ยวยังไงถ้ากินข้าวเช้าเสร็จลองเรียกฉันใหม่นะค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปหาคุณหมอ”นางพยาบาลคนนั้นตอบ

    “ครับ ได้ครับ”ผมตอบ และผมก็รับประทานอาหารเช้า อาหารต้อนรับตอนเช้าของผมคือ ข้าวต้ม ซึ่งเป็นอาหารที่ผมไม่เคยได้กินหลังจากที่ผมอายุ7ขวบ เพราะผมจำได้ว่า ตอนที่ผมอายุ7ขวบนั้น ผมได้ป่วยหนัก ตอนนั้นแม่ไม่บอกว่าเป็นโรคอะไร แต่ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไร ผมมีแต่งอแงอยากกลับบ้านอย่างเดียว และตลอดเวลาที่ผมอยู่โรงพยาบาล ผมได้กินแต่ข้าวต้มตลอด ซึ่งตอนเด็กๆผมไม่ค่อยชอบซะด้วยสิ ผมงอแงจนแม่ต้องหาอาหารอย่างอื่นมาให้ผมกินแทนข้าวต้ม แต่มีอยู่มื้อหนึ่ง วันนั้นแม่ไม่อยู่ แม่ต้องเข้าประชุมที่บริษัท ผมจะงอแงก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมอยู่โรงพยาบาลคนเดียว นางพยาบาลก็มองอย่างยิ้มๆและก็พูดว่า “กินเถอะค่ะ มันไม่มีพิษภัยอะไรที่จะทำให้คุณหนูกินไม่ได้หรอกค่ะ” ผมเลยต้องจำใจกิน แต่ตอนนั้นผมรู้สึกว่า มันจืดมาก แค่กินคำแรกผมก็ไม่อยากกินต่อ แต่นางพยาบาลบอกว่า “ถ้าคุณหนูไม่กินอีก ทางเราจะไม่นำอาหารมาให้คุณหนูรับประทานอีกนะคะ” และแน่นอน ผมต้องจำใจกินอีกแล้ว และผมต้องกินให้หมดถ้วย ยิ่งกินผมรู้สึกว่าทำไมถ้วยมันใหญ่จัง ทั้งที่จริงมันเล็กกว่าถ้วยแกงกิมจิที่ผมชอบทานซะอีก และแล้วผมก็ทานจนหมด นางพยาบาลเห็นก็พูดว่า “เก่งจังเลยนะคะ กินหมดแล้ว” และตอนนั้นแหละ แม่ก็เดินเข้ามาในห้องและก็ปรบมือให้ แม่บอกว่า “ลูกเก่งมากเลยนะ แม่นึกว่า ถ้าแม่ไม่อยู่ลูกจะต้องงอแงใส่นางพยาบาลแน่ๆเลย แต่นี่ลูกทำได้ วันนี้ลูกจะต้องออกโรงพยาบาล ถ้าอยากกินอะไรบอกแม่ได้เลยนะครับคนเก่ง” ที่จริงแล้วแม่ต้องการทดสอบผม แม่อยากให้ผมลองกินข้าวต้มถ้วยนั้นดู และตอนนั้นผมก็ได้รางวัลคือ การได้ไปกินไอศกรีมที่ร้านโปรดของผม

    “ที่นี่ที่ไหนครับ?”ผมถามนางพยาบาลคนนั้น “ที่นี่ก็โรงพยาบาลไงคะ เมื่อคืนคุณประสบอุบัติเหตุ และตอนนี้คุณก็อยู่ที่ห้อง 402 ค่ะ” นางพยาบาลคนนั้นตอบ

    ใช่ เมื่อคืนนี้ผมถูกผู้หญิงบอกเลิก ผมอยู่ที่ผับถึงเที่ยงคืน ผมเสียใจมากเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผมรักมาก เราคบกันมาครบ1ปีพอดี แต่เธอก็กลับมาบอกเลิกผม ในวันที่เราครบรอบเจอกันครบ1ปี ผมขับรถกลับบ้านเร็วมาก ถ้าจำไม่ผิดผมเหยียบคันเร่งจนถึง200กิโลเมตร/ชั่วโมง เลยทีเดียว และตอนที่ผมขับรถกลับคอนโด ผมเสียใจมาก ผมร้องไห้ไปตลอดทาง จู่ๆก็มีแสงๆหนึ่งมาปะทะที่หน้าของผม และผมก็จำอะไรไม่ได้อีก จนผมมารู้ว่าผมอยู่โรงพยาบาล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×