คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter2
“อึก . . .” นัยน์ตาสีหมอกเปิดขึ้นช้าๆ แสงส่องสว่างเสียดแทงประสาทการมองเห็นจนต้องกระพริบไล่ถี่ๆ สิ่งต่อมาที่รับรู้คือเสียงเครื่องจักรกลทำงานสม่ำเสมอดังอยู่ภายนอก
‘รถไฟ?’ อเลนคิดอย่างงุนงง เมื่อสายตาเริ่มคุ้นกับแสงสว่าง สิ่งที่เขามองเห็นทำให้พอจะเข้าใจเรื่องราวได้บ้าง
ร่างสูงโปร่งนั่งพิงพนักเก้าอี้ มือกอดอก และขาไขว่ห้างแบบที่ชอบนั่งเป็นประจำ ใบหน้าคมก้มลงเล็กน้อย ดวงตาสีนิลซึ่งมักจะมองสิ่งต่างๆ ด้วยอาการหยามเหยียดปิดสนิท ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนๆ นี้กำลังหลับสนิท เด็กชายยิ้มนิดๆ ไม่นึกว่าคันดะจะยอมช่วยเขา ทั้งๆ ที่พูดอยู่เสมอว่าจะทิ้ง อเลนเลิกม่านหน้าต่างสูงขึ้น นั่งเท้าคางเหม่อมองไปด้านนอก รื้อพื้นความทรงจำที่เกิดขึ้นขณะที่เขามีสติอยู่เพียงเลือนราง . . . จดจำได้เพียงคำพูดบางคำ และสัมผัสอบอุ่นที่ปกคลุมร่างกายตลอดคืน
เอ . . . อุ่นงั้นหรอ คิ้วขมวดน้อยๆ ด้วยความสงสัย แต่เด็กชายกลับเลือกที่จะปัดความคิดเรื่องนั้นออกไปก่อน
‘ . . . อิตาลี่ . . . ใช้ให้คุ้ม . . . อเลน’ ใครกัน มือบางทั้งสองเปลี่ยนมากุมขมับ รู้สึกคุ้นเคย แต่กลับนึกไม่ออก ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกระบายออกมาเบาๆ พร้อมๆ กับเรื่องราวที่ตัดสินใจพับเก็บไว้ . .
“เจ้าถั่วงอก” เสียงเรียกห้วนๆ ดังขึ้น ใบหน้าหวานเหลียวกลับมามองแบบเคืองๆ
“ผมชื่ออเลนครับ”
“จะชื่ออะไรก็ช่างแกเถอะ . . โผล่หัวขาวๆ ของแกออกไปตากอีก แดดเดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก” คันดะจ้องกลับอย่างหาเรื่อง แต่อเลนกลับเป็นฝ่ายหลบตาไปก่อน
“ช่างผมเถอะครับ . . . คุณคันดะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ดวงตาสีหมอกหลุบลงอย่างนึกน้อยใจ . . . นี่เขาทำผิดอีกแล้วใช่ไหม
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงนาย . . . แต่ไม่อยากเห็นใครมาทำตัวสำออยอ่อนแออยู่แถวนี้ มันน่ารำคาญ” ยิ่งฟังอเลนยิ่งรู้สึกไม่ดี จึงลุกเดินออกจากห้องโดยสารเสีย ทิ้งให้เอ็กโซซิสต์หนุ่มใจร้อนสบถกับตัวเองอยู่คนเดียว
. . ยิ่งมอง ก็ยิ่งไม่เข้าใจ . . . ราตรีที่ผ่านมา สำหรับคันดะ มันเป็นช่วงเวลาที่เขาเป็นตัวของตัวเองน้อยที่สุด แค่มีเอ็กโซซิสต์ป่วยเสียคน เขาก็ลนลานจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก ถึงจะยังพอประคองสติไว้ได้บ้าง แต่ก็ทำได้แค่รีบก่อไฟ และคอยเช็ดตัวให้คนป่วย เมื่ออากาศเย็นลง ร่างบางนอนขดตัวด้วยความเหน็บหนาว คำเพ้อเพราะพิษไข้ดังแทบตลอดทั้งคืน นั่นทำให้เขาต้องดึงร่างที่เย็นเฉียบมากอดเอาไว้ . . . ปกติ ถ้าใครถูกจับคู่ทำภารกิจกับเขาคงจะถือว่าโชคร้าย . . . แต่กับเจ้าถั่วงอก ทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้ . . . คันดะรู้สึกสับสนในตัวเอง . . ไม่ต่างจากผู้ที่เดินออกจากห้องโดยสารไปเมื่อครู่ซักเท่าไรนัก
.
เมื่อสบายใจขึ้น . . . เด็กชายเลือกที่จะไม่ถือโทษเพื่อนร่วมงานอารมณ์ร้าย เพราะเขาเองก็มีส่วนผิดกับเรื่องนี้ . . ความถือตน ความทระนง ไม่ควรจะกระทำโดยไม่รู้จักกาลเทศะอย่างที่ทำเมื่อวันวาน อเลนเดินกลับห้องโดยสาร
‘แอ๊ด’ เสียงเปิดประตูไม้ฝืดๆ ร่างบางโผล่ออกมาจากหลังประตู ดวงตาใสเชื่อมอย่างคนที่เพิ่งฟื้นไข้มาใหม่ๆ มองผู้ที่นั่งอยู่แล้ว เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาอะไร อเลนค่อยๆ ย่องก้าวกลับไปนั่งตรงจุดเดิมอย่างเงียบกริบ
“คันดะ . . . คันดะครับ” เอ่ยเรียกซ้ำสองเมื่อไม่ได้รับการสนใจ
“มีอะไร” คำตอบรับแบบไม่เต็มใจนักจากปากเอ็กโซซิสต์หนุ่ม ทำให้เด็กน้อยเริ่มไม่มั่นใจในสิ่งที่จะพูด หากแต่ทำใจให้กล้าพูดออกไป
“ขอบคุณนะครับสำหรับความช่วยเหลือ แล้วก็ขอโทษที่เป็นตัวถ่วงของคุณ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจหรอกนะครับ” มือเล็กๆ โบกไปมาวุ่นวาย
“ผมแค่ . . .” พูดได้เพียงเท่านั้น เด็กชายหาคำแก้ตัวไม่ออก บุรุษหนุ่มชาวญี่ปุ่นหัวเราะเหยียดออกมาหน่อยนึง
“นายก็แค่อ่อนแอไงล่ะ แค่ยอมรับความจริง ฉันไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย”
“ผมไม่ได้ . . .”
“จะบอกว่านายไม่ได้อ่อนแองั้นหรอ นายแน่ใจรึไงว่าจะพูดว่าตัวเองแข็งแกร่งน่ะ” คันดะซ้ำเติม ไม่เปิดโอกาสให้เด็กชายพูดต่อ ขณะที่อเลนอเลนสะอึกกับคำพูดราวดูถูกเหล่านั้น บางสิ่งบางอย่างก็เกิดขึ้นกับร่างกายของบุรุษหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีรัตติกาล
‘ตึก!’ ได้ยินเสียงหัวใจตังเองเต้นและบีบตัวอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ คันดะกล้ำกลืนความเจ็บปวดเอาไว้ ร่างกายร้อนดังถูกเพลิงกาฬแผดเผา ใบหน้าเริ่มซีดขาวและชื้นไปด้วยเหงื่อจนกระทั่งอเลนจับสังเกตได้
“คันดะครับ . . เป็นอะไรรึปล่าวครับ” เด็กชายถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร อย่ามายุ่งน่ะ”
“ขอโทษนะครับที่ยุ่ง แต่ดูเหมือนว่าคันดะจะไม่ไหว ผมเลยอยากจะช่วย” อเลนเริ่มฉุน เมื่อคนหัวดื้อดูเหมือนจะไร้เยื่อใยกับเขาซะเหลือเกิน ฟันกรามบดกันจนเห็นเป็นนูนสันด้วยความเครียด
“ใครไม่ไหวกัน น่าขำ ฉันไม่ได้อ่อนแอแบบนายซะหน่อย” คันดะโต้กลับอย่างเดือดดาลเช่นกัน
.
.
เสียงของรถไฟยังคงคำรามต่อไปเรื่อยๆ ราวกับเป็นหน้าที่ ภายในห้องโดยสารห้องหนึ่ง เอ็กโซซิสต์สองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน โดยมีความเงียบขั้นอยู่ระหว่างกลาง
ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจ๊ะ อเลนคุง คันดะคุง” น้องสาวของหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์นามรินารี่ ลี กล่าวทักทายต้อนรับเอ็กโซซิสต์หนุ่มทั้งสองด้วยความยินดี
= [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] =
“
“กลับมาแล้วครับ” อเลนยิ้มเจื่อนๆ ให้รินารี่ พลางพยุงเพื่อนร่วมงานอีกคนขึ้นจากเรือ แต่ก็โดนผลักออกในทันที
“ฉันไปเองได้” พูดจบ ร่างกายซึ่งดูสะบักสะบอมเหลือทนก็เดินโซซัดโซเซเข้าไปในอาคาร ทิ้งให้บุคคลอีกสองคนมองตามหลังอย่างเป็นห่วง
“คันดะคุงเป็นอะไรเหรอจ๊ะ หน้าซีดขนาดนั้น”
“ผมไม่ทราบครับ เป็นแบบนั้นตั้งแต่เดินทางมาแล้วล่ะครับ”
“งั้นเหรอ . . . น่าจะไปให้พี่ตรวจดูซักหน่อยนะ” ความคิดของเด็กสาวทำเอาอเลนสะดุ้ง นึกเห็นด้วยที่คันดะไม่เคยคิดจะไปให้โคมุอิตรวจ มันอาจจะปลอดภัยกว่าที่คิดก็ได้ แต่ริมฝีปากสวยได้รูปก็ทำเพียงยิ้มบางๆ และตอบแค่ว่า
“คงจะเหนื่อยมั๊งครับ ให้พักซะเดี๋ยวก็คงหาย . . . ว่าแต่คุณโคมุอิอยู่ไหนหรอครับ ผมไปรายงานเรื่องภารกิจซะหน่อยดีกว่า”
“พี่อยู่ห้องทำงานแน่ะ คราวนี้ใช่อินโนเซนส์รึปล่าวจ๊ะ” รินารี่ซักไซ้ ขณะที่เริ่มออกเดินไปด้วยกัน
“เหลวตามเคยครับ แทนที่จะเจออินโนเซนส์ กลับไปเจอโนอาห์แทน เหมือนถูกหลอกอย่างนั้นเลยล่ะฮะ” เมื่อเดินผ่านห้องนอนของคันดะ ดวงตาสีเทาตวัดหันกลับไปมองหน่อยนึงโดยไม่มีใครเห็น
“แล้วพวกอเลนคุงไม่เป็นอะไรหรอจ๊ะ โนอาห์พวกนั้นทำอะไรรึเปล่า” รินารี่ถามอย่างเป็นห่วง อเลนจึงรีบหันมาสนใจกับคนข้างๆ ทันที
“ก็ . . . ไม่ได้ทำอะไรมั๊งครับ” มือบางเกาหัวแกร่กๆ แบบคนสับสนในตัวเอง เด็กชายพยายามอธิบายเรื่องราวต่างๆ ให้รินารี่ฟัง ถึงแม้เนื้อหาจะสับสนอยู่บ้าง แต่เธอก็ยิ้มรับอย่างใจดี
“โชคดีแล้วล่ะจ๊ะ ปรกติคันดะคุงน่ะ เขาไม่เอาใจใส่ใครขนาดนั้นหรอก พูดๆ ไปมันก็แปลกดีนะ . . . เอ้า ถึงแล้ว . . . ฉันขอตัวก่อนนะ อเลนคุง”
“ขอบคุณครับรินารี่”
คำขอบคุณกลั่นออกมาจากใจ . . . สำหรับความเป็นเพื่อนที่มีให้ ความจริงใจที่ได้รับ ความห่วงใย ใส่ใจเสมอ รินารี่ยิ้มรับบางๆ แล้วปลีกตัวออกไปทำธุระที่คั่งค้างของเธอต่อ . . .
= [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] =
ด้วยความสั้น อยากถามตัวเองเหลือเกินว่าอัฟเพื่อ?พักนี้รู้สึกว่าแต่งห่วยมาก ถึงมากที่สุด
คงต้องไปฝึกใหม่ซะแล้ว
= [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] = = [] =
ความคิดเห็น