ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภัยอันตรายในชีวิตประจำวัน.

    ลำดับตอนที่ #2 : คราวนี้เป็นภัยจากแท็กซี่

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 50


    ภัยจากนั่ง TAXI

    เมื่อวานเวลาประมาณบ่ายสองโมง ก็เรียกแท็กซี่จากอาคารศรีจุลทรัพย์ (ตึก กกต) ตรงสี่แยกที่มาจากถนนหน้าสนามกีฬา แล้วจะเลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 6 เพื่อจะกลับแบงก์กสิกร / สนญ. ขอเกริ่นคร่าวๆ ก่อนว่า ก่อนหน้านี้วันเดียวกันก็เรียกแท็กซี่มาแล้ว 3 คัน เพราะไปส่งเอกสาร และรับเอกสารมาหลายที่ ซึ่งก็ไม่มีอะไรผิดปกติ และที่ผ่านมาตั้งแต่อยู่กรุงเทพมา 11 ปี ก็นั่งแท็กซี่บ่อยแต่ก็ไม่เคยเจออะไรที่ผิดปกติ ทำให้เราค่อนข้างชะล่าใจ จนกระทั่งเมื่อวานโดนกลับตัวเองจนได้ พอขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่ได้แป๊บหนึ่ง คนขับก็เปิดกระจกฝั่งตัวเองด้านขวาลงจนสุดสักแป๊บหนึ่งก็ปิด จากนั้นก็เงียบไม่พูดอะไร เราก็เลยบอกว่าไปว่าให้ขึ้นทางด่วนไป ตรงใกล้สุดก็น่าจะเป็น ทางด่วนยมราช มันก็ทำท่าจะกลับรถ แต่ก็บอกว่าไม่รู้เค้าให้กลับรถได้หรือเปล่า มันก็เลยไม่กลับรถก็ขับตรงไป แล้วก็ยึกๆ ยักๆ เหมือนประมาณไม่รู้ว่าจะขับไปยังไงดี ท่าทางลุกลี้ลุกลน เหมือนคนขับไม่รู้ทางแต่ยังงง อะไรประมาณเนี้ยะ เราก็ยังไม่รู้สึกอะไรเฉยๆ และในขณะนั้นเราก็รู้สึกได้เลยว่า แท็กซี่คันนี้ใช้น้ำหอมติดรถกลิ่นแปลกๆ จะหอมก็ไม่หอม จะเหม็นก็ไม่เหม็น แต่ได้กลิ่นไม่นานแค่ช่วงแรกที่ขึ้นรถ จากนั้นก็ไม่รู้สึกว่าเหม็นอีก พอเลยจากอาคารศรีจุลทรัพย์ไปจะเป็นแยกที่เลี้ยวซ้ายไปหัวลำโพง เลี้ยวขวาไปสะพานขาว มันก็ทำท่าจะเลี้ยวขวาไปเราก็งง แล้วรถมันก็ติดไฟแดงเลี้ยวขวา ขณะที่เลนซ้ายผ่านตลอดอยู่แล้ว ก็นึกเหมือนกันว่ามันจะไปขึ้นทางด่วนตรงไหนของมันแฮะ ก็เลยบอกไปว่าไปขึ้นทางด่วนตรงหัวลำโพงก็แล้วกัน มันก็ตีรถออกซ้ายเพื่อไปหัวลำโพง แต่ขอบอกว่าถ้าเป็นแท็กซี่ปกติ คงออกไปได้นานแล้ว เพราะตาเราก็พอมองเห็นด้านซ้าย รถมันก็ไม่เยอะมาก มีจังหวะออกได้ตั้งหลายครั้งก็ไม่ออก ก็คิดไปอีกว่าคงเป็นแท็กซี่ที่คนขับเพิ่งหัดขับรถประมาณนั้น เพราะไม่ยอมออกสักที ทำท่าจะออกอยู่สักพักใหญ่  จนตีเลนซ้ายออกมาจนได้ เวลานี้มันเปิดกระจกด้านขวาคนขับอีกแล้ว จากนั้นก็ปิด ใจก็คิดไปแล้วว่าเหมือนที่อ่านในเน็ตเลย ตอนนั้นมันเปิดมาแล้ว 2 รอบ แต่ก็ยังไม่คิดอะไรมากเพราะเดี๋ยวจะระแวงไปเอง พอเลี้ยวซ้ายไปก็ขับไปเรื่อยๆ แต่ขอบอกว่าในความรู้สึกของเรามันขับรถช้ามาก นึกในใจแท็กซี่ภาษาอะไรขับรถยังกะเต่า มันก็เลยสอดคล้องกับที่เราคิดว่าคงจะเพิ่งหัดขับ เอาอีกแล้วเปิดกระจกฝั่งคนขับเป็นรอบที่ 3 ในใจเราก็ชักจะยังไงแล้วแฮะ ตั้งแต่นั่งแท็กซี่มาก็ไม่เคยเห็นคนขับเปิดกระจกรถแบบนี้ตลอดเลย จากนั้นมันก็บอกเราว่าขอเติมแก๊สหน่อย มีพิรุธอีกรอบ ตอนนี้เราตัดสินใจแล้วไม่เอาแล้ว จะลงรถแล้ว แต่ก็ยังสงวนท่าทีไว้ ยังไม่โวยวายอะไร เพราะไม่เคยนั่งแท็กซี่แล้วคนขับขอเติมแก๊สหรือเติมน้ำมันเลย และโดยปกติก่อนที่คุณจะขับรถออกมาคุณก็ต้องเติมน้ำมันหรือแก๊สจนเต็มแล้วสิ อ๋อลืมบอกไปเป็นรถบริษัทนะไม่ใช่รถแท็กซี่บุคคล ยิ่งไม่จำเป็นต้องเติมแก๊สระหว่างทางใหญ่ มันก็ขับรถไปเอื่อยมากประมาณว่าเหมือนจะหาปั๊มแก๊สว่าอยู่ไหน เราก็เลยถามไปว่าแถวนี้มีปั้มแก๊สด้วยเหรอ มันก็บอกว่ามี จากนั้นก็เจอปั้มแก๊ส ขณะที่กำลังจะเข้าปั้ม เอาแล้วสิมือเราเริ่มสั่นขึ้นมา ใจเต้นตุบๆๆ แรง แล้วเหมือนจะผอืดพะอม ใจหวิวๆ     อยากจะอ้วก ช่วงวินาทีนั้นเราตัดสินใจว่าลงแล้ว พอมันจอดรถกำลังรอคิวเติมแก๊ส เราก็บอกไปว่า ลงแล้วนะพี่ ต้องรีบไป มันก็รีบบอกว่า ไม่นานแป๊บเดียว พอเราทำท่าจะลงมันก็บอกอีกว่า ไม่เติมก็ได้ ก็กำลังจะถอยรถออกจากปั๊มเราไม่ฟังแล้วลงรถเลย ตอนนั้นจะให้ค่าแท็กซี่แต่พอเห็นว่าแค่ 35 บาท ก็เลยไม่ให้แล้วกัน มิเตอร์ยังไม่ขึ้นเลย ระยะทางตั้งแต่ขึ้นรถจนเกิดเหตุไม่เกิน 500 เมตร รวมรถติดแล้วด้วยไม่เกิน 5 นาที เร็วมาก
    พอลงจากรถได้ มือก็ยังไม่หายสั่น ใจเต้นยังเต้นแรง รู้ว่าตัวเองคงไม่ไหวแน่ ก็เลยเข้าไปนั่งตรงร้านอาหารข้างปั้ม ขอซื้อน้ำกิน ก็กินเข้าไป 2 ขวด เอาลูบหน้าตัวเอง ก็คิดในใจโดนเข้าแล้วไง จากนั้นร่างกายก็เริ่มดีขึ้น ก็โทรหาพี่ที่แบงก์ให้เค้ามารับ แต่เราก็ยังหายใจขัดๆ อยู่ตลอด ก็เลยไปห้องพยาบาลเล่าให้หมอฟัง หมอก็บอกว่าน่าจะเป็นก๊าซสลบ เพราะออกฤทธิ์เร็ว แต่ก็หายเร็วเหมือนกัน หมอจับชีพจรจากนั้นก็เลยมาประมาณ 40 นาทีได้แล้วหลังเกิดเหตุ หมอบอกว่าชีพจรยังเต้นเร็วอยู่เลย ก็เลยให้ออกซิเจนช่วยขับก๊าซพิษออกไป ก็หายใจได้ดีขึ้นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
    ก็อยากจะเตือนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ผู้หญิงด้วยกันทุกคนว่า ให้ระวังตัวเองให้มาก คอยระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลาเมื่อเวลาไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดวิตกจริต ไม่กล้าไปไหนคนเดียว แต่ก็ขอให้ช่างสังเกตสิ่งรอบตัว ข้อมูลที่ส่งต่อๆ กันมาทางเน็ตเป็นประโยชน์มากเพื่อเราจะได้ใช้เป็นข้อสังเกตให้กับตัวเอง ยังเสียดายที่ไม่ได้จดทะเบียนแท็กซี่คันนั้นมาด้วย แต่วินาทีนั้นไม่คิดอะไรแล้ว รู้แต่ว่าต้องลงจากรถให้เร็วที่สุด คนขับก็ยังไม่แก่มาก ดูหนุ่มๆ อายุไม่น่าเกิน 30 หน้าตาก็ปกติไม่ได้หน้ากลัวอะไร แต่งตัวก็เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ธรรมดา ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น แต่ลักษณะการขับรถจะดูลุกลี้ลุกลน เหมือนนั่งไม่ค่อยติดประมาณเนี้ยะ 
    ไม่อยากคิดเหมือนกันว่า ถ้าเราจะยังอยู่ในรถแท็กซี่คันนั้นต่อ อะไรจะเกิดขึ้น ด้วยประสบการณ์จากที่เคยเป็นลมมาแล้วหลายครั้งจากการฉีดยาและเจาะเลือด (ดีหรือป่าวเนี้ยะ)  ก็พอจะรู้อาการก่อนเป็นลมว่าเป็นอย่างไร (มือสั่น ใจสั่นเต้นแรง ใจเต้นตุบๆ และอาการคล้ายคนอยากจะอ้วก แต่ก็ไม่อ้วก จากนั้นก็จะหมดสติไปเลย รู้ตัวอีกทีก็มีคนมาอยู่ข้างๆ ส่งยาดมให้) และข้อมูลจากเน็ต เลยทำให้ตั้งตัวได้ทัน ส่วนหนึ่งก็ขอให้เชื่อใน                สัญชาตญานของตัวเอง ถ้าเราไม่มั่นใจก็ไม่ต้องนั่งไปต่อ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะมาว่าหรืออะไร ก็แค่จ่ายเงินไปแล้วก็ลงจากรถ ก็คิดว่ายังเป็นโชคดีของเราที่รอดมาได้ ไม่ว่าจะเป็นจากการที่เราเป็นคนดี ทำแต่สิ่งดีๆ เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ก็ขอขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่ได้ช่วยให้เรารอดพ้นจากสิ่งร้ายๆ มาได้
     
    เป็นห่วงลูกผู้หญิงทุกๆ คนนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×