ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vedas

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 ....

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 50


     

      Chapter 2….มิตรภาพ

               

    เมื่อวันเดินทางมาถึง .....................

    "หน้าที่สำคัญรอลูกอยู่ ขอจงเชื่อมั่นทุกอย่างได้ถูกกำหนดไว้แล้ว"

         พระราชากล่าวพร้อมทั้งสวมกอดบุตรชายทั้งสองไว้แล้วจึงคลายอ้อมกอดออก

         เจ้าชายทั้งสองโค้งศีรษะให้บิดา แล้วออกเดินทางทันทีโดยม้าคู่ใจ

      ณ เวดัส โรงเรียนเวทมนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สอนทั้งเวทมนต์และยุทธการรบ

       รวมไปถึงวิชาทั่วไปที่ต้องเรียนด้วย  มีนักเรียนจากทั้งสามเผ่าพันธุ์ถูกคัดเลือกมาเรียนที่นี่

       และต้องอยู่ร่วมกันทั้งมนุษย์ ปีศาจ และแวมไพร์ โดยไม่แบ่งชนชั้น   เวดัส เป็นสถานที่สำคัญ

       ของทั้งสามเผ่าพันธุ์ นอกจากจะเป็นโรงเรียนแล้ว ยังมีหอคอยกลางที่สมาชิกสภาสามเผ่าพันธุ์

       หรือที่เรียกกันว่า   "หอคอยสภาสามเผ่าพันธุ์"   นั่นเองประจำการอยู่ที่นี่ด้วย เปรียบได้ว่าเป็นหัวใจ

       ของสามเผ่าพันธุ์ก็ว่าได้

                    ทันทีที่พวกเขาเดินทางมาถึงและหยุดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า อีวานก็ทำท่าตกตะลึงเล็กน้อย

       เมื่อเห็นกำแพงสูง แต่ก็ยังมองเห็นหอคอยสภาสามเผ่าพันธุ์ที่สูงพ้นกำแพงขึ้นไป

                   "ยิ่งใหญ่สมกับเป็นเวดัส"  อีวานกล่าวพร้อมหันไปหาจัสตินเชิงขอความเห็น

       จัสตินพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ ก่อนจะหันไปมองนายทหารยาม สามนายที่กำลัง

       เดินตรงมายังพวกเขา  ทั้งสองลงจากหลังม้าแล้วยื่นเอกสารให้ตรวจหลังจากนั้น นายทหารผู้หนึ่ง

       ก็เดินนำพวกเขาไปข้างใน ส่วนนายทหารอีกสองคนจูงม้าไปอีกทาง 

                  พอก้าวพ้นประตูเข้ามาด้านใน อีวานถึงกับตะลึงอีกเป็นรอบที่สองกับความใหญ่โตของแต่ละอาคาร 

    "หวังว่าเข้ามาแล้ว ฉันจะหาทางออกเจอนะ" อีวานกล่าว ขำๆ

    " เราต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนาน พอที่นายจะไม่หลงทางหรอก"  จัสตินยิ้มแล้วพูดออกมา

            แล้วนายทหารก็พาทั้งสองมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เขียนว่าห้องประชุม

        ผายมือให้ก่อนจะโค้งศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินจากไป   ในวินาทีต่อมาเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง

        ก็พาทั้งสองเดินเข้าไปในห้องโดยที่นักเรียนคนอื่นๆรออยู่ก่อนแล้ว

    "อ้อ  มาถึงกันแล้วเหรอ"     หญิงค่อนข้างชราคนหนึ่งลุกขึ้นพร้อมกล่าวต่อเจ้าชายทั้งสอง

                    "อาจารย์ มาเอล"

           ทั้งสองกล่าวพร้อมกันด้วยความแปลกใจและดีใจปนกัน  เดินเข้าไปสวมกอดอาจารย์มาเอล

    "ฉันดีใจที่ได้เจอเธอทั้งสองคนนะ เรามีอะไรต้องคุยกันอีกยาวเลย ไปทางโน้นสิ"  

           พูดจบก็ผายมือไปยังเก้าอี้แถวหน้าตัวที่ว่างอยู่

    "ยังดี ที่เราไม่ได้มาช้าที่สุดนะ อีวาน"  

           จัสตินกล่าวขณะมองไปยังเก้าอี้ว่างอีกหลายตัว ทำให้พวกเขาโล่งใจขึ้น

    "ฉันไม่ยักจะรู้ว่า อาจารย์มาเอล จะอยู่ที่นี่ด้วย" อีวานกล่าว

    "แปลกยังไง เขาก็เป็นอาจารย์ แล้วยังเป็นสมาชิกสภาด้วย"   จัสตินตอบ

    "นั่นสินะ  แต่ก็ดี อย่างน้อยก็ยังมีคนรู้จักบ้าง"  

        อีวานกล่าวถึงอาจารย์ที่เคยสอนวิชาประวัติศาสตร์ของพวกเขามาก่อนหน้านี้แล้ว

                     "เฮ้อ!!  นึกว่าจะมาไม่ทันแล้ว"เสียงสนทนาของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้น ตรงเก้าอี้ถัดจากอีวานนั่งอยู่

    "ถ้าไม่ใช่เพราะความอยากรู้ของนาย เราคงไม่เดินหลงกันหรอก" ชายอีกคนหนึ่งพูด

    "เอาน่า  ยังไงก็ยังทัน"  คนตัวปัญหากล่าว

    "สวัสดี  ฉัน อีริค อาร์ว เจ้าชายจากเมือง ลูคอน" ชายตัวสูง ผมสีคำ นัยน์ตาสีเขียว

          ที่เพิ่งนั่งลงข้างอีวานแนะนำตัวก่อนผายมือไปยังเพื่อนอีก 3 คนเชิงแนะนำ 

       ด้วยเครื่องแต่งกายของเขาที่บ่งบอกว่าเป็นเจ้าชายแห่งเมืองปีศาจแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก

      โดยเฉพาะเจ้าตัวเอ่ยชื่อเมือง ลูคอน ซึ่งเป็นเมืองที่ก่อกบฏเมื่อ 5 ปีที่แล้ว

     "สวัสดี ฉัน ไบรอัน  โรเจอร์ เจ้าชายจากเมือง เมอร์เดียส" เจ้าชายแวมไพร์แนะนำตัว

       เผยให้เห็นเขี้ยวน้อยๆขณะพูด

    "สวัสดี ฉัน อัลเฟรด เกรกอรี่ เจ้าชายแวมไพร์จากเมือง คาลอส"

                    "ส่วนฉัน โอเว่น  เรย์ ไม่ใช่เจ้าชาย แต่เป็นนายทหารผู้แข็งแกร่งจากเมือง ลูคอน"

       เขาแนะนำตัวท่าทางภูมิใจ โดยที่เพื่อนๆได้แต่ส่ายหน้า ระอากับความอยากจะเป็นนายทหาร

       ผู้แข็งแกร่งของเขาเว้นก็แต่อีริค ที่โตมาด้วยกันกับเขา แน่นอนพวกเขาเป็นปีศาจ

    "แล้วนายสองคนล่ะ"  อีริคถาม

    "ฉัน  จัสติน  กิลเบิร์ต และนี่ อีวาน น้องชายของฉัน เราสองคนมาจาก โรมาเนีย ยินดีที่ได้รู้จัก"

       ทั้งสองพี่น้องจับมือกับเพื่อนใหม่อย่างผูกมิตร 

    "โอ้!!  เจ้าชายกิลเบิร์ต แห่ง โรมาเนีย หรือนี่"  อัลเฟรดซึ่งเป็นคนที่ฉลาดมาก

        และรู้เรื่องวิชาการ รวมทั้งเหตุการณ์ณ์ต่างๆ เป็นอย่างดีเพราะเขามีหนังสือเป็นเพื่อน ตั้งแต่เด็กจนโต

         กล่าวขณะจับมือกับจัสตินและอีวาน

         

                แน่นอนถ้าพูดถึงตระกูลกิลเบิร์ต แห่งโรมาเนียแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นเมืองมนุษย์

        มีกษัตริย์ที่แข็งแกร่ง เก่งด้านการสู้รบมาก  และได้ฝากความแค้นไม่น้อยไว้กับจอมปีศาจ

        เมื่อสงครามครั้งก่อน  เขาคือกษัตริย์โคลมังค์  บิดาของจัสติน กับอีวาน นั่นเอง

                      "พวกนาย มานานแล้วหรือ"     จัสตินเอ่ยถาม

                   "พวกฉันมากันตั้งนานแล้ว"      ขณะตอบอีริคเบือนหน้าไปมอง โอเว่น แล้วเอ่ยต่อ

                   "ก็เจ้าโอเว่นน่ะสิ อยากสำรวจโรงเรียนพาพวกฉันเดินซะจนหลง เลยมาช้า"

                   "ก็มันน่าสนใจ นี่นา กว้างขวางขนาดนั้น แล้วพวกนายก็ยินดีไปกับฉัน " 

           เจ้าตัวปัญหาไม่สำนึก  เพื่อนๆที่เหลือได้แต่ส่ายหน้า ด้วยความทะเล้นของเพื่อนนักรบผู้แข็งแกร่ง 

              เสียงคุยกันของนักเรียนดังไปทั่วห้องประชุม แต่แล้วก็เงียบกริบในพริบตา

        ทันทีที่ชายสูงวัยคนหนึ่งที่สวมเครื่องแต่งกายด้วยชุดข้าราชการชั้นสูง  เดินมาหยุดยืนตรงกลางเวที

       ที่มีอาจารย์ท่านอื่นๆรออยู่ก่อนแล้ว ขณะนั้นอาจารย์และนักเรียนทุกคน ก็ลุกขึ้นทำความเคารพ

       อย่างรวดเร็วและเงียบที่สุด  ทำให้ทั้งหกสหายลุกตามแทบไม่ทันเพราะมัวแต่คุย ที่สำคัญ

       มันทำให้โอเว่น ผู้ประกาศตัวว่าเป็นนายทหารผู้แข็งแกร่ง แทบล้มคะมำหน้าทิ่มพื้น

     ถ้าอีริคไม่แขนเขาไว้ก่อน  ทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าสายตาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

             ไม่เว้นแม้กระทั่ง.................

                      "ยินดีที่ได้พบเธอนะ  เจ้าชายอีริค  อร์าว แห่ง ลูคอน"   ชายสูงวัยกล่าว

      " เช่นกันครับ   ศาสตราจารย์ เคอร์ดิส"   

          ทั้งสองทักทายกันก่อนที่ศาสตราจารย์จะผายมือให้อาจารย์กับนักเรียน นั่งตามปกติ

          แล้วสถานการณ์ยังคงเงียบต่อไปจนกระทั่งการประชุมเริ่มขึ้น

     "ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคน สู่ เวดัส ที่นี่เป็นที่ที่พวกเธอต้องอยู่ร่วมกันทั้งหมด

    ไม่แบ่งชนชั้นและเผ่าพันธุ์"

        ศาสตราจารย์กล่าวด้วยน้ำเสียงบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี ระคนตักเตือนต่อนักเรียน

                    "ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด เพราะสิ่งรอบๆตัวล้วนแล้วแต่อันตราย

                  และมีหลายสิ่งที่เป็นสิ่งต้องห้ามเช่นกัน นักเรียนทุกคน จะต้องถูกคัดเลือกเข้าปราการ

                 ตามความเหมาะสมอาจารย์ ลูดอฟ จะเป็นคนจัดการ"

        ศาสตราจารย์กล่าวพร้อมแนะนำ อาจารย์ลูดอฟ  ชายวัยกลางคนที่หน้าตาค่อนข้างดุ

       เดาได้เลยว่าเขาต้องเป็นอาจารย์สอน ยุทธการรบแน่นอน ซึ่งนั่นก็เป็นจริง เมื่ออาจารย์ ลูดอฟ

       แนะนำตัวแล้วก้าวมายืนอยู่ด้านหน้าเวที

      

               ทันทีที่อาจารย์บ่นอะไรสักอย่าง หรือร่ายเวทมนต์นั่นเอง ในมือที่ว่างเปล่าก็ปรากฏ

       กระดาษรายชื่อนักเรียนทันที  อาจารย์ลูดอฟตวัดมือขึ้นลงในอากาศ พลันเกิดแสงสีสีแดงจ้า

       จนนักเรียนที่นั่งอยู่แถวหน้าหรี่ตาแทบไม่ทัน แล้วกระจกบานใหญ่ขนาดเท่าตัวคนตั้งอยู่ตรงหน้า

       สร้างความสนใจให้แก่นักเรียนทุกคนเป็นอย่างมาก

          ในกระจกสะท้อนให้เห็นทั้ง 6 ปราการ ปราการ  ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และปราการ มืด

        อาจารย์ลูดอฟขานชื่อนักเรียน เพื่อเลือกปราการ    

                   การเลือกปราการยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆท่ามกลางความตื่นเต้นไม่เว้นแม้กระทั่ง

       หกสหายทุกคนรออย่างใจจดใจจ่อ

              " จัสติน   กิลเบิร์ก"  ทันทีที่ชื่อถูกขาน เจ้าของชื่อรวมทั้งสหายอีกห้าคนก็ลุ้นกันใหญ่

       จัสตินก้าวออกไปข้างหน้า ยื่นมือผ่านกระจกเข้าไป ขณะนั้นเขารู้สึกได้ว่ามือไปสัมผัส

       กับอะไรบางอย่าง จึงคว้าออกมา ในมือปรากฏคฑาสีเงินความยาวขนาดเท่าแขนของเขา

       แล้วที่ด้ามจะมีสัญลักษณ์ปราการสลักอยู่ เขาอยู่ปราการดิน   คนต่อมาคืออีวานผู้เป็นน้องชาย 

       เขาถูกเลือกให้อยู่ปราการ แสงสว่าง สองพี่น้อง งงเล็กน้อยเพราะคิดว่าจะได้อยู่ปารการเดียวกัน

             อีริคอยู่ปราการ มืด        โอเว่นอยู่ปราการ ไฟ

             ไบรอันอยู่ปราการ น้ำ   และอัลเฟรดอยู่ปราการ ลม 

       หกสหายมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่อยู่คนละปราการ อาจเป็นเพราะคุณสมบัติในตัวพวกเขา

       แต่ละคนต่างกันจึงถูกเลือกให้อยู่คนละปราการ

                    "ไม่เป็นไรน่า   พวกเราเพื่อนกันยังไงก็ต้องเรียนด้วยกันตลอดอยู่แล้ว แยกกันแค่ตอนนอนเอง"

             อัลเฟรดเห็นสีหน้าของเพื่อนดูเซงๆจึงพูดขึ้น

             หลังจากเลือกปราการเสร็จสมบูรณ์พวกเขาต้องแยกย้ายกันไปพบรุ่นพี่ และอาจารย์ประจำปราการ

                     เมื่อภารกิจในตอนเช้าเสร็จพวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่โต๊ะมุมหนึ่งภายในห้องโถง

     ทั้งหกสหายพูดคุยกันสนุกสนาน ดูเหมือนจะสนิทกันเร็วจริงๆ

                       "โครม ๆ ๆ ๆ"

           ทันใดนั้นก็เกิดเสียงที่ทำให้พวกเขาหยุดสนทนากัน  และหันไปยังที่มาของเสียง

              "ข้าศึก บุกหรือเปล่าน่ะ"  

         โอเว่นพูดอย่างตกใจ ด้วยสัญชาตญาณนักรบ

      

       โปรดติดตามตอนต่อไป.........................
    ................................................................................................................................................................................

          
      อ่านแล้วเป็นไงบ้างคะ Comment ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×