ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Iruma-kun | Bellenette Roufler (oc)

    ลำดับตอนที่ #2 : 「新入生になった魔女」

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 67


    ดวงดาวเปรียบเสมือนเรื่องราว อนาคตนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายหลายชิ้นส่วน โชคชะตาที่แม่มดทุกคนล้วนฝ่าฝืนไปโดยปริยายกำลังหวนกลับมาทักทายอีกครั้ง

     

    “จากนี้จะทำอะไรต่อดีคะ คุณโอเปร่า” เบลเลเนตต์เอ่ยถาม หลังจากผ่านมื้อเช้าแสนเอร็ดอร่อยแล้วก็ถึงช่วงเวลาอิสระ ซัลลิแวนเดินหายออกไป ทิ้งท้ายไว้ว่าจะไปธุระและให้โอเปร่าอยู่กับเธอคอยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้
     

    “เอาเป็นเล่าเรื่องที่ควรรู้ในโลกปีศาจก่อนแล้วกันนะครับ” แม้หน้าเขาจะนิ่งจนเธอเดาอารมณ์ไม่ถูก แต่บรรยากาศรอบตัวชวนผ่อนคลายนี้ทำให้เบลเลเนตต์รู้สึกดีไม่น้อย “รบกวนด้วยค่ะ”

     

    ภายในห้องโถงใหญ่ มีเพียงเสียงของโอเปร่าที่เอื้อนเอ่ย ทั้งเรื่องแรงค์ที่ตัดสินจากความแข็งแกร่ง กฏ ข้อห้าม แม้กระทั่งช่วงเวลาลำบากที่ควรระวังของปีศาจ เขาก็บอกให้เธอรับรู้ทั้งสิ้น “น่าสนใจมากเลยนะคะเนี่ย”
     

    แปลกใหม่ ลึกลับ น่าค้นหา เบลเลเนตต์คิดเช่นนั้น ตัวตนจากเรื่องเล่าที่หลายคนเชื่อว่าไม่มีจริงกำลังบอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง “แล้วคุณเบลเลเนตต์ละครับ ดูจากภายนอกคล้ายมนุษย์ ทว่าหากมองจากพลังความแข็งแกร่ง คุณเหมือนพวกเรามากกว่า”
     

    เบลเลเนตต์เอียงคอมองหน้าโอเปร่า คนถูกถามกำลังครุ่นคิดคำตอบ “เรียกว่าเคยเป็นมนุษย์แล้วกันค่ะ แต่เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ปาฏิหาริย์มา เปลี่ยนพวกเราให้กลายเป็นแม่มด” หลุบตามองแฟล์ที่นั่งนิ่งบนตัก

     

    “อาจเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ คำอธิฐานหรือคำสั่งเสีย อุบัติเหตุหรือกระทั่งความจงใจ หนึ่งในร้อย หนึ่งในเหตุการณ์นั้นจะสร้างแม่มดที่ฝ่าฝืนโชคชะตา ทำลายกฏเกณฑ์ ได้รับการยกเว้นจากการพิพากษาของโลก” เบลเลเนตต์วาดรอยยิ้ม เพลิดเพลินไปกับการลูบขนนุ่มของตุ๊กตาหมีสีชมพู

     

    “แล้วการใช้ชีวิตล่ะครับ” โอเปร่าถามต่อ หางสีดำสนิทส่ายไปมาควบคู่กับใบหูที่กระดิกเบาๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

     

    เธอหัวเราะเบาๆ ตอบความสงสัยเขาแต่โดยดี “แน่นอนว่าต้องหลบซ่อนค่ะ มนุษย์ธรรมดานั้นอ่อนแอและไม่ยอมรับสิ่งที่แตกต่างจากตัวเอง ต่อต้านสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ เชื่อมั่นแต่สิ่งที่ตัวเองรู้และพิสูจน์ได้”

     

    “การทำตัวแตกแยกจะดึงความสนใจของสังคมเข้าสู่ตนเอง แม้จะมีพลังมาก แต่ฉันก็ไม่อยากให้ตัวเองตกเป็นเป้าหรอกค่ะ” ถึงจะพูดแบบนั้น ช่วงชีวิตส่วนใหญ่ของเบลเลเนตต์ก็อาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า มีบ้างที่ออกไปเดินเที่ยวในเมือง แต่นับว่าน้อยครั้งนัก

     

    “ลำบากน่าดูเลยนะครับ ถ้าเป็นที่นี่คุณเบลเลเนตต์สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่เลยครับ” นั่นรวมถึงพลัง ความสามารถ ความแข็งแกร่งที่เธอเก็บซ่อนด้วย “ฮ่าๆ ถ้าให้ฉันปล่อยตัวคุณโอเปร่าจะลำบากเอานะคะ” เบลเลเนตต์หัวเราะร่า จากที่นั่งสงบเสงี่ยมมานานก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
     

    “ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปดูรอบๆ หน่อยนะคะ จะว่าอะไรไหมถ้าฉันอยากให้คุณไปด้วย ไม้กวาดฉันนั่งสบายนะคะ” เบลเลเนตต์รับประกันได้ ยืนยันจากการที่เธอเคยเผลอหลับตอนเดินทาง เบาะนั่งยืดออกยาวกลายเป็นที่นอนจำเป็นให้เธอหลับใหล จำได้ว่าตอนนั้นเปิดประสบการณ์ใหม่มากเลย

     

    “อยากลองเหมือนกันครับ สะดุดตาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
     

    ความรู้สึกตอนลมเย็นปะทะหน้าใบหน้า เสียงลมและนกตัวน้อยที่บินขนาบข้างทำให้เธอสบายใจอย่างถึงที่สุด

     

    แม้ท้องฟ้าจะแดงฉาน เสียงร่ำร้องแสนเกรี้ยวกราดกู่ก้อง ตลอดทางไม่อาจหาความสงบได้ ถึงอย่างนั้นเบลเลเนตต์ก็ยังคุยเล่นได้โดยไม่รู้สึกรู้สา “คุณโอเปร่าอยากได้การขับขี่แบบไหนดีคะ แบบโลดโผนหรือปลอดภัย”

     

    ถึงในใจเธอจะเอนเอียงไปแบบที่ค่อนข้างอันตราย แต่ก็ต้องถามความเห็นของผู้โดยสารก่อน “เอาที่คุณคิดว่าสนุกเลยครับ” ได้ยินดังนั้นเบลเลเนตต์ก็โน้มตัวไปข้าง เร่งความเร็วไต่ระดับความสูง
     

    “เกาะแน่นๆ นะคะ” แม้จะพูดเช่นนั้น เธอก็ไม่คิดว่าการตกไม้กวาดจะทำอันตรายปีศาจที่ใช้ปีกบินได้ หมุนวน ตีลังกากลับไปมา กระทั่งทิ้งตัวกลางฝากฟ้า ให้เมฆดำโอบอุ้ม ร่วงหล่นลงไปและถูกรับโดยไม้กวาดคู่ใจ
     

    “แบบนี้ดูบ้าบิ่นมากเลยนะครับเนี่ย” โอเปร่ามองดูร่างบางที่ยังคงรอยยิ้มไม่สนสิ่งใดไว้บนใบหน้า ตัวเขากางปีกทันทีที่ไม้กวาดนั่นกลับหัว แล้วทั้งเขาและเธอร่วงลงเตรียมหัวโหม่งพื้น “ฮ่าๆ ตราบใดที่ฉันยังอยู่ในสภาวะควบคุมพลังเวทย์ได้ ไม่มีทางที่จะร่วงเป็นดาวตกแบบเมื่อวานแน่ๆ ค่ะ”
     

    แน่ล่ะ เคราะห์หนักสาหัสแบบนั้นเธอก็พึ่งประสบพบเจอครั้้งแรกตั้งแต่เป็นแม่มด มันรุนแรงถึงขนาดที่ว่า แค่รักษาชีวิตตัวเองยังเต็มกลืน รุนแรงจนสามารถปราบเธอที่ถูกขนานามว่าเป็นแม่มดผู้อยู่เหนือแม่มดทั้งปวงลงได้
     

    “หือ?” ชั่ววินาทีนั้นเบลเลเนตต์รู้สึกอะไรบางอย่าง ทั้งคุ้นเคยและน่าคิดถึง มาพร้อมกับปีศาจบางตนที่เธอพบพานเมื่อไม่นานนี้ “ดูเหมือนคุณปู่ซัลลิแวนจะพาคนกลับมานะคะ”

     

    คนที่แปลว่ามนุษย์
     

    คฤหาสน์กว้างกำลังวุ่นวายนัก เมื่อเด็กมนุษย์ที่ได้รู้ว่าถูกขายโดยพ่อแม่ของตนกำลังยืนตัวสั่นอยู่หน้าปีศาจ “อิรุมะ?” เสียงใสเอ่ยทัก ความตกใจและคาดไม่ถึงมากจนรับรู้ได้
     

    เรื่องแรกคือเด็กที่เคยหลงมาในกระท่อมโตขนาดนี้แล้วเหรอ? ทั้งที่รู้สึกว่าภาพของเด็กผมฟ้าสูงเท่าเอวพึ่งเกิดได้ไม่นานนี่เอง
     

    กับเรื่องที่สองคือการที่เด็กแสนดีแบบนี้โดนขายให้แก่ปีศาจ ที่ไม่อาจรู้เลยว่าจะทำอะไรกับเขาบ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะอิรุมะสวมสร้อยข้อมือสีเงินที่เธอเคยให้ไว้อยู่ตลอด เธอคงไม่รู้สึกตัวเร็วขนาดนี้
     

    “หนูเบลรู้จักกับอิรุมะคุงด้วยสินะ! งั้นดีเลย ต่อจากนี้ก็คอยดูแลกันที่โรงเรียนด้วยนะ!”

     

    มองจากสีหน้าของอิรุมะเขาคงรู้สึกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด ทั้งหวาดกลัวและหวาดระแวง  แต่ก็ดีกว่าตอนแรกมาก รอยยิ้มโล่งใจที่ฉาบอยู่บนใบหน้าเขาตอนเจอเธอ ทำให้จิตใต้สำนึกของเบลเลเนตต์ไม่อาจเมินเฉยเจ้าเด็กน้อยคนนี้ได้
     

    “จะว่าไปเปิดเทอมวันไหนเหรอคะ” พูดถึงเรื่องโรงเรียนบาบิรุสนี่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้เสียทีว่าจะต้องเข้าไปใช้ชีวิตเป็นเด็กนักเรียนอีกครั้งวันไหน

     

    “พรุ่งนี้เป็นวันปฐมนิเทศน่ะ”
     

    โอ้ กระทันหันและกระชั้นชิดสุดๆ เบลเลเนตต์พึ่งมาถึงที่นี่ได้สองวัน ส่วนเด็กชายข้างตัวยิ่งแล้วใหญ่ ยังไม่ทันทำใจยอมรับชะตาชีวิตก็ต้องพบเจอเรื่องสะเทือนใจอีกแล้ว

     

    “คุณปู่ซัลลิแวน ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ให้อิรุมะมานอนกับฉันได้ไหมคะ” นึกเป็นห่วงนิดหน่อย หากปล่อยให้อิรุมะนอนคนเดียวไม่รู้เจ้าตัวจะฟุ้งซ่านขนาดไหน

     

    และคำตอบย่อมไม่เหนือความคาดหมาย เธอพาอิรุมะไปที่ห้อง จัดแจงให้เรียบร้อยแล้วจึงบังคับเขาเข้านอน ดูจากขอบตาก็รู้แล้วว่าเขาอ่อนเพลียมากแค่ไหน “นอนเถอะ อย่าห่วงเลย ถ้าฉันอยู่ตรงนี้ไม่มีใครมาทำร้ายอิรุมะได้ทั้งนั้นค่ะ” เปลือกตาของเด็กชายค่อยๆ ปิดลงแล้วจึงเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    เบลเลเนตต์ยิ้มอ่อน ลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างลืมตัว “แฟล์ ถ้าเรากลับขึ้นไป… ควรทำอะไรสักหน่อยสินะ” เธอพูดขึ้น ไอสังหารแผ่ออกมาเบาๆ ดึงบรรยากาศโดยรอบให้ลดต่ำลง “อื้ม” ภูติดวงดาวพยักหน้าเห็นด้วย ตอนที่ได้เจอกับอิรุมะตอนเด็กเจ้าตัวก็อยู่ด้วย
     

    เธอสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติ เตือนตัวเองว่าสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คืออยู่ข้างอิรุมะและคอยปกป้องเขาให้ดีที่สุด ฝ่ามือขาวโบกเบาๆ ทำการร่ายเวทย์มนตร์จำนวนมากใส่ตัวเด็กชาย เป็นหลักฐานว่าต่อจากนี้แม้ตัวเธอจะไม่อยู่เขาก็จะไม่ได้รับอันตรายใดๆ
     

    หลังจากผ่านไปสักพัก เบลเลเนตต์ถึงค่อยลดมือลง เริ่มทำสมาธิเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างที่ทำเป็นประจำ

     

    แสงของเช้าวันใหม่คืบคลานเข้ามาในห้องนอนอย่างรวดเร็ว แม่มดสาวเขย่าตัวอิรุมะเบาๆ ปลุกให้เขาตื่นจากการหลับใหล “อือ” อิรุมะงัวเงียเล็กน้อย ดูค่อนข้างงุนงงกับภาพตรงหน้า แต่เมื่อตื่นเต็มตาเขาก็ตกใจอีกครั้ง หลุดอุทานออกมาเสียงดังว่า “ไม่ใช่ความฝันนี่นา!”

     

    เบลเลเนตต์หลุดหัวเราะ เอ่ยเตือนให้เขารีบแต่งตัวเพื่อลงไปกินมื้อเช้าก่อนจะออกเดินทาง ร่างบางสะบัดมือ พริบตาชุดนอนสีขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นยูนิฟอร์มของโรงเรียนปีศาจบาบิรุส “จะไปรอด้านล่างนะคะ”
     

    เสียงกระดิ่งเป็นตัวแทนของเบลเลเนตต์ พอเสียงใสดังเข้าหูโอเปร่าก็เปิดประตูห้องอาหารรอทันที “ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มหวาน ผงกหัวเป็นการขอบคุณแล้วจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะยาว

     

    ไม่นานหลังจากนั้นอิรุมะก็ตามมา เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตาจึงเริ่มมื้ออาหารอย่างเป็นทางการ

     

    “อิรุมะอยากลองนั่งไม้กวาดฉันไหมคะ” หลังจากเช็ดปากแล้วดื่มชาคลายความฝืดในคอ เบลเลเนตต์ก็ถามขึ้นมากลางวง มองเด็กชายทำหน้าฉงนแล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ในใจ “ไว้พรุ่งนี้นั่งไปด้วยกันนะคะ” เธอทำเมินสายตารู้ทันของโอเปร่าที่ยืนอยู่ด้านหลัง

     

    “ค- ครับ!”

     

    “ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราไปถ่ายรูปกับป้ายปฐมนิเทศกันดีกว่า!” ซัลลิแวนเริงร่า ออกเดินนำไปหน้าคฤหาสน์ เบลเลเนตต์ลุกเดินตาม ย้ายตุ๊กตาหมีสีชมพูมานั่งบนไหลแทนการอุ้มแบบทุกที เพราะเธอต้องถือกระเป๋านักเรียน คงไม่ใช่เรื่องดีหากเธออุ้มแฟล์ด้วยมือข้างเดียวแล้วเผลอทำเขาตก

     

    ตลอดเส้นทางมีเสียงพูดคุยเพื่อคลายความกดดันของมนุษย์เพียงคนเดียวอย่างอิรุมะ เบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เขาเครียดจนเกินไป เบลเลเนตต์หันซ้ายหันขวามองสภาพแวดล้อมรอบตัว ตอนเช้าเธอทันสำรวจบริเวณไม่ไกลจากคฤหาสน์เท่านั้น
     

    “นี่ๆ ป้ายปฐมนิเทศล่ะ! มาถ่ายรูปเร็วเข้า!” ซัลลิแวนกึ่งดึงกึ่งลากอิรุมะไปที่ป้าย กวักมือเรียกเธอให้ไปยืนข้างๆ รอโอเปร่าถ่ายรูปด้วยกล้องในมือ “จะถ่ายแล้วนะครับ เดวิล~”  เบลเลเนตต์ยิ้มหวาน คิดไว้ว่าหลังจากนี้จะไปขอภาพเอาไว้แปะในไดอารี่การเดินทางของเธอ

     

    “เอาล่ะ หลังจากนี้ทั้งสองคนต้องไปเองแล้วนะ~” ว่าแล้วก็ดันหลังพวกเธอ บอก ‘ไปดีมาดี’ แล้วปีศาจทั้งสองตนก็หายไป

     

    เธอเหลือบมองเด็กชายข้างกาย ท่าทางกระวนกระวายของเขาทำให้ความคิดของเธอค่อนข้างลังเล ใจหนึ่งก็อยากไปเดินสำรวจโรงเรียนทุกซอกทุกมุม อีกใจก็เป็นห่วงไม่กล้าทิ้งอิรุมะไว้คนเดียว “อืม… งั้นไปกันเถอะค่ะอิรุมะ” ช่างเถอะ เจ้าตัวน้อยของเธอสำคัญที่สุดแล้ว(พยักหน้า)

     

    มือบางกอบกุมมอบความอบอุ่นและสบายใจ ปลอบประโลมคนข้างกายให้สงบลง

     

    “ครับ! เบล” อิรุมะรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมจริงๆ

     

    Fiction Mairimashita Iruma-kun | Bellenette Roufler (OC)

    ยังไม่ได้ตรวจคำผิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×