คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Intro : โชคชะตา
เรื่องราวในอดีต... ก็เป็นเพียงเรื่องราวในอดีต...
ความทรงจำ... ต่อให้สวยงามแค่ไหนก็เป็นเพียงความทรงจำ
ความผูกผัน... ถ้ามันขาดสะบั้นไปแล้วก็ยากจะต่อให้ติด
ความรัก...
ใครจะว่าสวยงามยังไง...พร่ำพูดว่าเป็นความบริสุทธิ์สวยงามเพียงไหน หากมันทำให้ฉันคนนี้เจ็บปวดเหมือนตกนรกทั้งเป็น...
ก็ไม่ขอรักอีกต่อไป...
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
“นี่มันอะไรกัน!! ทำไมอาทิตย์เดียวลูกค้าหายไปหมดเลยวะ!?”
เสียงมือตบโต๊ะดังปัง แต่เสียงโวยวายเสียดหูกลับดังกว่า บ่งอารมณ์เจ้าของได้เป็นอย่างดี...
เคยคิดไหมว่าบางครั้งโชคชะตาดูเหมือนชอบเล่นตลกกับคนเราเสียเหลือเกิน
“พรหมลิขิตกำหนดมา ให้คาเฟ่แห่งนี้มีคู่แข่ง...”
ป้าบ!!!
มือเรียวฟาดบนแผ่นหลังบาง คนถูกกระทำรีบกอดลูกแก้วอันมโหฬารไว้แนบอก พลางส่งสายเลื่อนลอยอันเป็นเอกลักษณ์ไปให้อีกคนที่ตีหน้ายักษ์อยู่ข้างๆ
“อย่ามาเพ้อเจ้อแถวนี้ ปาร์คจองซู ถ้าว่างขนาดนั้นก็ไปหางานทำซะไป๊!!”
บางคราวโชคชะตาก็ดูเหมือนจะเล่นแรงไปซะด้วย....
“คุณแจจุงคะ!!! ซังอาเพิ่งไปเจอคาเฟ่เปิดใหม่อีกสามบล็อกถัดไปนู่นค่ะ คนเต็มร้านเลย แถมเป็นลูกค้าประจำของเราตั้งครึ่ง!!” ประตูกระจกห้อยป้าย ‘Open’ ตกแต่งดอกไม้หลากสีถูกสาวน้อยหอบของพะรุงพะรังใช้ไหล่ดันเข้ามา ปากเล็กๆรีบรายงานภาพที่ตัวเองไปเห็นมากับตา แม้ว่าสัมภาระยังเต็มมือ
“หา!!!?? ไอ้ตัวไหนกล้ามาแย่งที่ทำมาหากินของฉัน!!!” ส่งเสียงสูงปรี๊ดเสียจนน่ากลัวจะทำกระจกหน้าร้านแตก
“ก็บอกแล้วว่ามีคู่แข่ง...” คนที่นั่งเอกเขนกบนโซฟาพึมพำ มือสวยสับไพ่อย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนขัดกับอีกสองชีวิตที่ทำท่าเหมือนไก่ถูกแขวนคอ
โชคชะตาเล่นตลกเสียจนเป็นตลกร้าย ทำซะบางคนขำไม่ออก...
“คุณแจจุงจะไปไหนคะ!?” เด็กสาวร้องถาม เมื่อนายจ้างหนุ่มหยิบเสื้อโค้ทกันลมจากเคาน์เตอร์มุมร้าน
“ไปเจี๋ยนไอ้บ้าไม่มีมารยาทที่บังอาจมาแย่งลูกค้าของคิมแจจุง!!!” โวยวายข้ามร้านมาราวพูดกับคนหูตึง ตีหน้าเป็นนางยักษ์ขมูขีเต็มขั้น...
“เปล่าประโยชน์ ไพ่ใบนี้บอกว่าอนาคตร้านของนายเข้าสู่ช่วงร่อแร่” คนใจเย็นครางฮึมฮัม พลางโบกไพ่เดวิลในมือไปมา
“ปาร์คจองซู!!! ไอ้หมอดูเก๊!!! ถ้าแกไม่หุบปากฉันจะเฉดหัวแกออกจากร้าน!!!”
แต่ในขณะเดียวกันตลกร้ายที่โชคชะตาทำบางคนหน้าหงิก อีกคนกลับหัวเราะร่าในสิ่งที่โชคชะตาทำ
.
เท้าสามคู่พาร่างสามร่างเดินตามฟุตบาทที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เป็นกลุ่มคนเล็กๆที่เรียกความสนใจจากประชาชีได้พอสมควร เพราะความเร่งรีบเหมือนกลัวประตูนรกปิดกับการแต่งตัวแปลกๆ
ตั้งแต่เด็กสาววัยรุ่นสวมเสื้อผ้าเหมือนคนใช้เขตยุโรปในยุคกลาง ผมสีโคล่าเก็บซ่อนไว้ในผ้าคลุมมวยผมสีขาว ใบหน้าใสๆเปื้อนเขม่าเล็กน้อย ขนมปังฝรั่งเศสที่เจ้าตัวหยิบติดมือมา ยิ่งทำให้ดูเหมือนหลุดมาจากเทพนิยายเรื่องซินเดอเรลล่า
อีกรายเป็นหนุ่มน้อยตากลมโต นัยน์ตาเพ้อฝันเลื่อนลอย สวมเสื้อคลุมไหมพรมสีเทาแบบคลุมทั้งครึ่งบนกับกางเกงยีนส์สีซีด ในอ้อมแขนมีของประหลาดๆจำพวกลูกแก้วขนาดเท่าลูกตะกร้อ สำรับไพ่ผูกด้ายสารพัดสี และเครื่องประดับรูปทรงพิลึกพิลั่นอีกมากมาย ความจริงคนนี้แหละตกเป็นเป้าสายตามากที่สุด แต่ดูเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจ
และคนสุดท้าย ยากจะบอกว่าเป็นชายหรือหญิง ถ้ามองแค่ดวงหน้าสวยหวานที่ออกจะบึ้งตึงก็คงเข้าใจว่าเป็นหญิง แต่รูปร่างโดยรวมแล้วไม่น่าจะใช่ ถึงเสื้อยืดจะแนบลำตัวจนเป็นเอวคอดบาง แต่ส่วนสูงและความกว้างของหัวไหล่กลับมากกว่าผู้หญิงทั่วไป ทว่าผ้ากันเปื้อนลายขนมเค้กสีชมพูหวานแหววที่ดันแสลนใส่มา ทำให้คนมองมองสับสนว่า ‘ตกลงเอ็งเป็นเพศไหนกันแน่!?’
“ซังอา ร้านนั่นอยู่ไหน?!” เอ่ยถามเด็กสาวเสียงเครียด
“อีกไม่กี่ช่วงตึกเองค่ะ” ขานตอบอย่างกระตือรือร้น
“พรหมลิขิตขีดเส้น... โชคชะตากำหนด...” อีกคนที่รั้งท้ายฮัมเพลงประหลาดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถ้าไม่ติดว่าอยากไปบุกร้านคู่แข่งเร็วๆ คงได้ถีบส่งมันลงถนน!!!
และโชคชะตาในครั้งนี้... ก็เริ่มเล่นตลกกับชีวิตของคนสองคน...
ในที่สุดก็ถึงที่หมาย คนที่ตีหน้ายักษ์หอบเบาๆเพราะเร่งฝีเท้าเต็มที่จนหยุดอยู่หน้าคาเฟ่ขนาดกลางตกแต่งด้วยสีเอิร์ธโทน เมื่อมองทะลุกระจกร้านใสแจ๋วก็เต็มไปด้วยลูกค้าสาวๆนั่งจิบชากาแฟไม่ก็กินพวกเบเกอรี่อย่างสุขใจ
เป็นอย่างที่ซังอาว่า เกือบครึ่งของแม่สาวๆพวกนี้เคยเป็นลูกค้าประจำของร้านเขา!!!
ใครบังอาจมาแย่งลูกค้าของคิมแจจุง หรือเรียกให้ถูกก็คือ ‘เงินของคิมแจจุง!!!’
มันผู้นั้นไม่ผู้นั้นไม่ได้ตายดีแน่!!!!!
มือบางผลักประตูกระจกที่เหมือนกับร้านของเขาราวกับถอดแบบ แต่ที่นี่มีเสียงกระดิ่งดังกรุ๋งกริ๋งแทรกมาด้วย ทว่าคนเปิดไม่ได้อยู่ในอารมณ์สุนทรีย์พอจะใส่ใจกับพวงกระดิ่ง แม้กระทั่งป้ายชื่อร้านยังไม่สนใจ
‘Strawberry’s YH Café’
เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง อารมณ์ที่กรุ่นๆตั้งแต่ออกจากถิ่นตัวเองระเบิดเปรี้ยงกลางร้านแบบไม่สนใคร
“ไอ้เจ้าของร้านนี้มันอยู่ไหน!!!!?”
ทั้งร้านที่เคยมีเสียงจ้อกแจ้กเงียบกริบ เหลือเพียงเสียงเพลงคลาสสิกที่เปิดคลอเบาๆ สายตานับสิบๆคู่พุ่งตรงมายังผู้มาใหม่ ทว่าไม่ระคายผิวหน้าที่สามารถหนาเป็นซีเมนต์ได้ถ้ามีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวข้อง!!
“นี่เธอ นั่นใช่แจจุงรึเปล่า” หนึ่งสาวที่นั่งอยู่ใกล้ๆรัศมีทะมึนกระซิบกระซาบกับเพื่อนสาว ทำไมหล่อนถึงคิดว่าเป็นแจจุงน่ะหรือ ก็เพราะสองสามอาทิตย์ก่อนแม่คุณยังไปอุดหนุนคาเฟ่ของเขาได้ทุกวัน!!!
ไม่ต้องรอให้เพื่อนตอบ คนหูดีก็ตวาดแว้ดตอบแทนเสียเอง
“เออ!! ฉันนี่แหละคิมแจจุง มีธุระด่วนต้องคุยกับเจ้าของร้านนี่!!!!”
อีกสองชีวิตเพิ่งแย้มหน้าเข้ามาในร้านได้แต่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงธรณีประตู
ลองเจ๊แกเข้าโหมดเดือดไม่เกรงใจใครเพราะเกลือเข้าเส้นเลือด ถ้ายังไม่อยากไปสู่สุขคติก็จงอยู่ห่างๆเข้าไว้
เป็นหลักปฏิบัติของคนที่คลุกคลีกับแจจุงมานานพออย่างทั้งคู่ ยึดไว้เป็นสรณะในการอยู่อย่างเป็นสุข
ขอไว้อาลัยแด่ผู้ประกอบการชะตาขาด ที่บังอาจมายุ่งกับเขตหากินของ ‘คิมแจจุง’ ขาวีนติดอันดับท็อปเท็นของกรุงโซล...
ตกลงมันเปิดคาเฟ่รึตั้งแก๊งค์ยากูซ่ากันวะ!!??
ขาวีนเริ่มโวยวายตามฉบับเสียงแหลมบาดหูลั่นร้าน ไอ้เจ้าของร้านก็ไม่โผล่มาสักที เสื้อโค้ทที่หยิบติดมือหวังใส่กันลมพาดอยู่บนบ่า เท้าสะเอวตะโกนโหวกเหวกไม่กลัวซีเมนต์เคลือบหน้าหลุด เอาเหอะ...ซีเมนต์ถูกกะเทาะจากสายตาคนในร้านยังพอโบ๊ะใหม่ได้ แต่เงินรั่วจากกระเป๋าตังค์นี่ยอมไม่ได้!!!!
โวยวายไปก็แอบสำรวจร้านไปด้วย รอบๆตกแต่งแบบโมเดิร์นที่ปกติดูยังไงก็ไม่เข้ากับสีเอิร์ธโทน แต่ร้านนี้กลับจัดให้ลงตัวได้อย่างน่าประหลาด โมเดิร์นกับเอิร์ธโทนผสมผสานกันจนได้บรรยากาศกึ่งอบอุ่นกึ่งทันสมัย ยอมรับว่าคนคิดคอนเซ็ปต์เก่งจริงๆ
ถึงจะเคลิ้มๆไปกับบรรยากาศแต่ปากสายพันธุ์บางแก้วก็ยังไม่หยุดส่งเสียง
“โว้ยเฮ้ย!!! มุดหัวอยู่หลุมไหนแล้ววะ!!! ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเด้!!! อย่าบอกนะว่าปอด!!?”
ขาสองข้างพาร่างสะโอดสะองว่าผู้ชายปกติเดินว่อนไปทั่วจนถึงตู้กระจกแช่เค้ก และเคาน์เตอร์กาแฟ ส่งเสียงวี้ดๆจนคนทั้งร้านมองแล้วพร้อมใจกันคิดว่า ‘ไอ้นี่...ประสาท’
“ซังอา...” หนุ่มที่ยืนสังเกตการณ์แถวประตูหันไปหาเด็กสาว
“คะ?”
“วันนี้แจจุงไปกินรังแตนมาเรอะไง ดูมันทำเข้า” พูดอย่างระอาพลางมองจอมยุ่งที่ก้มหน้าดูเค้กในตู้กระจก โดยปากยังทำหน้าที่ได้ไม่มีบกพร่อง
ซังอายิ้มบาง อย่างน้อยคนข้างๆก็ยังฉุดไม่ให้เธอติดเชื้อวีนจากนายจ้าง
“แบบนี้ต้องเจอคาถาแม่หมอทึกกี้...” มือสวยดึงเครื่องประดับหนึ่งชิ้นมาจากอ้อมแขนที่กอดสารพัดเครื่องมือไว้อย่างแสนรัก จับจี้ที่ทำจากเขี้ยวตัวอะไรสักอย่างขึ้นมาในระดับสายตา แล้วท่องภาษาที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจแปลความ
“โอม ตะบึ้กตะปึ้ก อะจึ้กอุมเปรา อัมบราสาระแน ปาปาย่าป็อกๆ กว๊ากๆกุ๊กๆ #*&^@^%^#&!%....”
ซังอาหุบยิ้ม ถึงไม่ติดเชื้อวีน แต่กุเสียวติดเชื้อเพี้ยนว้อย!!!!
“โว้ย!!! หมาตัวไหนมันมาเห่าหาเมียในร้านวะ เดี๋ยวพ่อจับตัดไอ้เจี๊ยวไปต้มยาแมร่ง!!!!”
หลังจากโหวกเหวกเกือบห้านาที ในที่สุดคนที่ต้องการพบก็โผล่หัว
ช่างเป็นการเปิดตัวแสนประทับใจเมื่อคำพูดที่บ่งชัดถึงระดับการศึกษาดังมาก่อนตัว เหมือนถูกชกหน้าแรงๆที่ถูกด่าว่าเป็น ‘หมาหาเมีย’
ไม่ได้มาหาเมีย แต่มาขบหัวเอ็งนั่นแหละ ไอ้กร๊วก!!!!!
มู่ลี่ที่กั้นห้องๆหนึ่งกับส่วนเคาน์เตอร์ แหวกออกด้วยมือที่ยังถือมีดตัดแป้งพาย แล้วหัวโตๆปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีน้ำตาลไฮไลท์แดงก็โผล่ตามมา และร่างสูงนุ่งผ้ากันเปื้อนแบบเรียบก็ปรากฏให้เห็นเต็มตา ใบหน้าบูดสนิทอวดขอบตากระตุกยิกๆ ปากหยักหนาถ่มก้านอมยิ้มลงถังขยะเล็กได้ตรงเป้า
คนมองได้แต่ทำหน้ายู่กับพฤติกรรมเปิดตัวของไอ้คู่แข่ง (ที่คิดเอาเอง)
หาสมบัติผู้ดีไม่เจอโว้ย!!
แต่!!!
ไม่ต้องสนมารยาทมัน แม่จะด่าเช็ดไม่เหลือน้ำเลยแมร่ง!!!!
แต่ไม่ทันได้ปริปาก แม่ลูกค้าสาวๆข้างหลังก็พร้อมใจกับวี้ดว้ายหลังจากเงียบเหมือนถูกดินกลบหน้ามาชาติเศษ
“พวกหล่อนจะแหกปากหาสวรรค์วิมานอะไรวะ!!!” ขาวีนเอาเสียงตัวเองเข้าข่ม อันนี้มันซีนฉัน!! พวกหล่อนหุบปาก!! แต่ก็ได้ผลเป็นศูนย์เมื่อชะนีหลงป่าเอาแต่ร้องด้วยเสียงที่ขาวีนฟังยังไงก็ ‘เสียงเรียกหาผัว!!’
“แล้วเจ๊มาจากไหนฮะ โวยวายเป็นแม่ค้าปากตลาดตั้งกะเช้า” บุรุษต้นเหตุของ ‘เสียงชะนีหลงป่าเรียกหาผัว’ เดินออกจากหลังเคาน์เตอร์ มือยังกำมีดไม่ปล่อย “ไม่ใช่ตลาดธรรมดาซะด้วย ตลาดสดไร้เกรดเชียวล่ะ”
“ไอ้กร๊วกกก!!!!!” ร้องว้ากๆไม่กลัวปรอทแตก นิ้วเรียวชี้หน้าคนที่ย่างสามขุมเข้ามาหาอย่างหมายมั่น
“แกไม่สิทธิ์มีว่าฉัน!! ฉันต่างหากต้องด่าที่แกมาแย่งลูกค้าไปหมด!!!!”
“อะไรล่ะเจ๊ ไม่ใช่ว่าฝีมือหมาไม่แดกเองเรอะ!!?”
สงครามน้ำลายระหว่างร่างสูงผ้ากันเปื้อนสีขาวกับร่างบางผ้ากันเปื้อนสีชมพูทำท่าจะเปิดฉาก เมื่อทั้งคู่ยืนประจันหน้ากันในระยะเมตรครึ่งเมตร
สายตาแข็งกร้าวของทั้งคู่สบตากันอย่างจัง เป็นวินาทีแรกที่ต่างฝ่ายต่างเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มตา
สองชีวิตที่สังเกตการณ์อยู่เป็นนานเตรียมฟังพวกเดียวกันวีนแตก ไม่เคยมีใครกล้าปล่อยสัตว์สี่เท้าออกมาวิ่งเล่นยั่วจอมวีนแบบนี้เลย หรือถ้ามีคนๆนั้นก็คงต้องรีบไปล้างหูหลังจากนั้นสองชั่วโมงเพราะถูกขุดโคตรเหง้าขึ้นมาด่าแบบเสียวสะท้านถึงแก้วหูชั้นใน
แต่เงี่ยหูฟังตั้งนานแล้ว... ทำไมมันไม่ด่ากันซะทีวะ???
ใช่... โชคชะตามักเล่นตลกเสมอ... ไม่ใช่เพียงบางครั้ง
เหมือนสายลมแรงพัดผ่านจนเกิดเสียงหวีดหวิดกลบทุกสำเนียงรอบกาย เพียงต่างฝ่ายต่างมองตา...
ประตูแห่งความทรงจำดีดเปิดออกอย่างแรง สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในไหลทะลักเข้าสู่สมองเหมือนเขื่อนแตก...
ไหลเรื่อยไปทุกตารางนิ้วของพื้นที่สำหรับเหตุการณ์ปัจจุบัน...
เติมทุกส่วนจนเอ่อเต็ม...
มีมากเสียจนล้นทะลัก ก่อนพยายามไหลออกจากดวงตาของฝ่ายหนึ่ง...
ริมฝีปากหยักสั่นอย่างไม่สามารถควบคุม... โพล่งคำสามคำออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ค...คิมแจจุง”
เพียงวูบเดียว เจ้าของชื่อก็เข้ามาอยู่ในวงแขนแกร่ง ใบหน้าที่ตกใจสุดขีดซบลงกับแผงอกกรุ่นกลิ่นขนมปัง
“จองยุนโฮ...”
ร่างบางกลืนคำด่าแล้วฝืนเอ่ยชื่อแสนคุ้นเคย ทั้งที่หน้ายังซุกกับอกอุ่น... ความตกใจอย่างถึงที่สุดทำให้ตัวแข็งทื่อและสมองด้านชาไปชั่วขณะ
ทำไม???
ทำไมต้องเป็นหมอนี่!!??
ในหนนี้... โชคชะตาเลือกเล่นตลกกับ...จองยุนโฮ และ คิมแจจุง...
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-+-
หนีงานมาอัพฟิค-*-
วันนี้นังวูล์ฟไม่จ้อเพราะรีบจัด-*-
ทุกท่านจะเห็นได้ว่าบรรยากาศเรื่องนี้ค่อนข้างแตกต่างจากYou Are My Soul และอุดมด้วยภาษาที่ไม่อาจเรียกได่ว่า ภาษาผู้ดี - -;; ไม่พอใจก็ขอโทษด้วยนะคะ
เอาล่ะไม่จ้อแล้ว ไว้มาเมาท์แตกตอนปิดเทอม-*-
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ^^
ความคิดเห็น