คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : chapter 2 สถานที่ไม่คุ้นเคย
ตั้งแต่วันเกิดเหตุนี่ก็ผ่านมา 2 วันที่ไม่มีใครฟื้นจากเหตุการณ์ก่อนหน้า คุณหนูคนเล็กของบ้านจึงให้หมอเข้ามาเช็คร่างกายของทั้งคู่ตลอดทั้งเช้าและเย็น ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติ แต่เขาก็ยังหวั่นใจไม่ได้อยู่ดี
ร่างบางยืนมองทะเลกว้างอยู่ที่ระเบียงบ้านชั้น 2 สถานที่ๆเป็นทั้งบ้านและที่พักตากอากาศในเวลาเดียวกัน ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่เสียไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 2 ปีก่อน พี่ชายคนโตต้องมารับหน้าที่ดูแลกิจการของบ้านแทน เพราะในพินัยกรรมระบุเอาไว้แบบนั้น
แต่นั่นเหมือนจะไม่เป็นที่พอใจสำหรับคุณน้าของเขาที่พึ่งทราบข่าวและบินกลับมาจากต่างประเทศเพื่อรับรู้ข้อมูลจากพินัยกรรมอย่างไม่เป็นธรรม พี่ชายจึงคิดหาวิธี เลยตัดสินใจแบ่งหุ้นส่วนในบริษัทให้อีก 30% แต่ถึงอย่างนั้นก็เหมือนจะยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับเขา แต่พี่ชายก็ทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้อีกเพราะนอกจากนี้คุณพ่อไม่ได้มีคำสั่งมอบอำนาจใดๆให้กับคุณน้าของเขาอีกเลย
"คุณหนูครับ อีกครึ่งชั่วโมงคุณเจนท์จะเข้ามาพบนะครับ"
บอดี้การ์ดประจำตัวรายงานเรื่องราวให้ทราบ ไอยตั้งใจว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้ให้เงียบ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและบุคคลใกล้ตัวพี่ชายเอ่ยถาม เขาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะตอบคำถามนั่นให้รับรู้ แต่เหมือนว่าการตัดสินใจของเขาจะผิดพลาด
"เห้ออออ"
ไอยถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนรอความหวังให้พี่ชายของเขารีบตื่นขึ้นมาสักที ตอนนี้เขาเหมือนตัวคนเดียวที่โดดเดี่ยวอยู่บนโลกนี้อย่างไร้ที่พึ่ง ก่อนจะหันหลังให้กับทะเลด้านหน้าแล้วลงไปรอรับแขกที่กำลังมาถึงที่ด้านล่าง
ไม่ทันที่เขาจะเดินมาถึงห้องรับแขกเสียงรถก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าประตู ก่อนจะเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทสีขาวสะอาดใบหน้าสวยเก๋ลงจากรถ และเดินเข้ามาในบ้าน
"พี่เจนท์สวัสดีครับ"
ไอยทักทายผู้มาใหม่ ชายหนุ่มผู้ที่เป็นดาราดังระดับท็อปของประเทศที่หาตัวเจอยากมาก และเป็นบุคคนลที่กำลังสร้างกระแสตัวเองให้มีข่าวกับพี่ชายตัวเองอยู่บ่อยๆจนเลี่ยงไม่ได้
"อิฐเป็นยังไงบ้านน้องไอย"
"ยังไม่ฟื้นเลยครับ"
"พี่ไม่เข้าใจ" เจนท์พูดขณะที่หยิบแก้วน้ำมาดื่มและนั่งลงบนโซฟายาว "ทำไมถึงปล่อยให้ข่าวเงียบแบบนี้"
"ไอยไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต"
"ใหญ่โตสิดี แบบนั้นการหาตัวคนร้ายมันจะได้ง่ายขึ้น" เจนท์ออกความเห็น
"เข้าใจครับว่าพี่เจนท์เป็นห่วง แต่ถ้าเป็นพี่อิฐตอนนี้ก็คงไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โตในการตามสืบเหมือนที่ไอยกำลังทำอยู่เหมือนกันครับ"
"เห้ออออ" เจนท์ถอนหายใจกับความเหนื่อยอ่อน "พี่ไม่เข้าใจกับความดื้อรั้นของเราสองพี่น้องเลยนะ"
"ที่จริงก็อยากจะปิดไว้จนกว่าพี่อิฐจะฟื้นด้วยครับ" น้องไอยเงียบไปครู่นึงก่อนจะพูดต่อ "อีกอย่างคนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็มีแต่พี่อิฐเท่านั้น"
"พี่ไปดูอิฐได้ไหม?"
"ได้ครับ"
ทั้งคู่เดินไปยังชั้น 3 ที่เป็นโซนห้องนอนของบ้าน ห้องพี่ชายอยู่มุมด้านในสุดเป็นห้องมาสเตอร์เบดรูมติดฝั่งทะเลทำให้มองเห็นวิวทะเลรอบด้าน แสงสุดท้ายของวันส่องผ่านเข้ามาในห้องนอน เผยให้เห็นรูปร่างชายหนุ่มที่นอนแน่นิ่งพร้อมกับสายน้ำเกลือและหน้าจอวัดชีพจรทำงานอยู่
"คุณหมอบอกว่าทุกอย่างยังปกติดีครับ ไม่ได้เป็นเจ้าชายนิทรา เพียงเพราะร่างกายยังอ่อนแออยู่เลยยังไม่รู้สึกตัวเท่าไหร่"
"โถ่..อิฐ" เจนท์เข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างพร้อมกับจับมือชายหนุ่มขึ้นมากุม
น้องไอยลอบมองหน้าพี่ชายก่อนจะหันหน้าไปมองอย่างอื่น เขาไม่อยากร้องไห้อีกครั้งของวัน ถึงแม้พี่ชายเขาจะรู้ว่าน้องของตนนั้นอ่อนแอ แต่ยามที่ต้องโดดเดี่ยวไร้คนปกป้องเขาต้องเข้มแข็งและสู้กับทุกอย่างให้ถึงที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูพร้อมกับประตูที่เปิดเข้ามาเป็นหญิงรับใช้
"คุณไอยคะ อีกห้องเช็คตัวเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทุกอย่างยังปกติเหมือนเดิมค่ะ"
"ขอบใจนะครับ"
น้องไอยเอ่ยบอก หญิงรับใช้ก็ก้มหัวและเดินออกไป
"คืออะไรเหรอ?" เจนท์เอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
"เอ่อ.." ไอยลังเลเล็กน้อย เพราะไม่ได้เตรียมคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้เลย
"น้องไอย มีอะไรรึเปล่า"
เจนท์เอ่ยถามอีกครั้ง ทำให้น้องไอยที่ยังลังเลเล่าให้ฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้
"พอดีวันที่ไปเจอพี่อิฐ มีบุคคลปริศนาตามมาด้วยน่ะครับ แต่เขาก็ยังไม่ฟื้นเหมือนกัน"
"เรื่องใหญ่แล้วนะแบบนี้ พี่ว่าแจ้งตำรวจเถอะน้องไอย"
"ใจเย็นก่อนครับพี่เจนท์"
"ยังจะให้ใจเย็นอะไรอีก นี่ถือว่าเก็บศัตรูมาไว้ในบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้"
"ความจริงเขาอาจจะเป็นศัตรู เป็นคนช่วยชีวิต หรือจะชี้ตัวคนผิด" น้องไอยพูดขณะที่มองหน้าคนตรงหน้า "ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นไปได้หมดเลยครับ"
"ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอครับ?"
"พี่มีงานตอนทุ่มนึงน่ะเลยแวะมาหาพอดี ยังไงเอาไว้วันหลังนะ"
"ครับ"
"ถ้าไงก็คิดดูเรื่องที่พี่บอกอีกทีนะน้องไอย" เจนท์จับมือเล็กขึ้นมากุม "พี่เป็นห่วง"
"ครับพี่เจนท์"
น้องไอยส่งแขกกลับไปก่อนจะหันหลังกลับเข้ามาในบ้าน ในใจก็ได้แต่คิดว่าทำถูกแล้วหรือยังที่ต้องเล่าเรื่องพวกนี้ให้อีกคนได้ฟัง แต่คนที่รู้ก็มีแค่ไม่กี่คน คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
ดวงตาเล็กปรือตามองเบื้องหน้า ก่อนจะหลับลงเพื่อทำความคุ้นชินและลืมตาขึ้นอีกครั้งและมองไปยังบริเวณรอบข้าง แสงทะลุผ่านผ้าม่านไม่ได้จ้ามากและเขากำลังประมวณผลในสมองตัวเองอย่างละเอียด ก่อนหน้านี้เขาพึ่งวิ่งหนีพวกนักเลงจนตกสะพานลงแม่น้ำ และในตอนสุดท้ายที่จำได้ก็คือใครสักคนที่อยู่ที่แม่น้ำด้วยเหมือนกัน
"อ๊าาาา"
มือเรียวยกขึ้นกุมขมับที่ยังปวดหนึบๆอยู่ทันที คล้ายกับว่ากำลังทำงานหนักเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา แสงไฟส่องผ่านช่องประตูด้านล่างพร้อมกับเสียงผู้คนจอแจอยู่ด้านนอก ร่างบางจึงลุกขึ้นเพื่อออกไปดูให้แน่ใจว่าที่นี้คือที่ไหน และเขาไม่ได้โดนลากมาทำร้าย
บ้านหลังโตอย่างที่เขาไม่เห็นมาก่อน ด้านซ้ายขวามีแต่ทางเดินยาว ขาเรียวเดินไปตามทางจนถึงเจอกับบันไดก่อนจะเดินลงไปพร้อมกับมองบริเวณด้านข้างไปด้วย บ้านหลังใหญ่โตและกว้างขวางชาตินี้ทั้งชาติเขาก็คงไม่มีทางที่จะได้ในที่แบบนี้แน่นอน
ขาเรียวกำลังจะเดินไปอีกชั้น แต่ต้องชะงักเมื่อสายตาสบเข้ากับใครคนนึง ที่เมื่ออีกคนได้เห็นก็ตกใจเช่นกัน ถึงเช่นนั้นคนๆนั้นก็ยังดูนิ่งมาก ไม่ทันไรก็มีชายชุดสูทสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวทันที
"พี่เซน! อย่า"
คุณหนูของเขาร้องห้าม ก่อนจะเผยรอยยิ้มแสนหวานและเดินเข้ามาใกล้บุคคลที่ยังคงตื่นกลัวอยู่ มือเรียวคว้ามาจับข้อมือก่อนจะพาเดินออกมาจากปลายบันไดนั่น
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?"
ชายคนเดิมที่นั่งด้านข้างเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มหวานนั่นดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยจนคนได้ฟังส่ายหัวแทนการตอบ
"คุณหมอพึ่งเข้ามาดูอาการไปเมื่อตอนเย็นครับ จะเข้ามาอีกทีก็คงจะเป็นพรุ่งนี้เช้าเลย จากที่นี้เข้าไปที่ตัวเมืองก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะงั้นวันนี้ก็ทานอะไรอ่อนๆแล้วก็พักผ่อนเถอะนะครับ"
"ที่นี้คือ.." แสงแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นเป็นครั้งแรก
"บ้านพักตากอากาศน่ะครับ แต่ตอนนี้น่าจะเป็นบ้านพักเสียมากกว่า เราอยู่ที่นี้ซะส่วนใหญ่ครับ เพราะบ้านในเมืองตอนนี้มีคุณน้าอยู่ที่นั่นและเราไม่อยากเข้าไปรบกวนเขามากเท่าไหร่"
"อ๋อ..ครับ" ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ตอบรับไปอย่างช่วยไม่ได้
"ว่าแต่คุณอายุเท่าไหร่ครับ?"
"25 ครับ"
"จริงเหรอ! อายุเท่าไอยเลย" คุณหนูแสดงท่าทีตื่นเต้นออกไป "ลืมแนะนำตัวไปเลยครับผมชื่อไอย แล้วคุณ.."
"ผม.."
ชื่องั้นเหรอ ที่จริงเขาเกือบจะจำชื่อตัวเองไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ นอกจากพ่อแม่ที่เรียกกันเมื่อตอนเด็กหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเรียกเขาด้วยชื่อตัวเองอีกเลย ส่วนคุณหนูของบ้านเห็นท่าทีอีกคนที่นิ่งเงียบไปพร้อมกับอาการที่ยังดูตื่นกลัวอยู่ก็ยังไม่อยากจะถามไถ่หรือเซ้าซี้อะไรไปมากกว่านี้
"คุณยังไม่มีที่ไปใช่ไหมครับ ถ้างั้นก็พักอยู่ที่นี้ก่อนจนกว่าจะหายดีละกัน"
ทันทีที่พูดจบคุณหนูก็ส่งยิ้มหวานไปให้อีกคน เขาแค่หวังให้อีกคนอยู่ที่นี้จนกว่าพี่ชายที่ยังนอนอยู่จะฟื้นขึ้นมา แต่คนที่ได้ฟังมองหน้าแน่นิ่งพร้อมความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ดวงตาใสก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาจนคุณหนูของบ้านเป็นห่วง
"เป็นอะไรรึเปล่าครับ?"
"ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ"
ไม่ว่าเปล่า อีกคนก็รีบยกมือไหว้และลงไปนั่งที่พื้นเพื่อขอบคุณด้วยใจจริง คุณหนูของบ้านเห็นแบบนั้นจึงรีบทรุดตัวลงไปอีกคนทันที
"อย่าครับๆ อย่าทำแบบนี้"
คุณหนูประคองร่างบางให้ลุกขึ้นกลับมานั่งที่โซฟา ใบหน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตาจนเข้าทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีกันแน่ จนต้องหันไปหาบอดี้การ์ดคนสนิทเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไรเขาเลย
"ไม่ต้องคิดมากนะครับ ไอยอยู่ที่นี้ก็ไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ มีคุณมาอยู่ด้วยก็คงจะสนุกเหมือนกัน"
"ครับ"
"ไปทานข้าวกันดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวคุณจะได้พักผ่อน คุณหมอมาตรวจวันพรุ่งนี้ขอให้หายดีนะครับ"
"พรุ่งนี้คุณไอยก็ยังอยู่ด้วยกันใช่ไหมครับ"
"แน่นอนสิครับ"
ความคิดเห็น