ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อยู่ดีๆก็มีสามีโผล่มา (รีไรท์) Mpreg

    ลำดับตอนที่ #2 : ลูกชายตัวน้อย

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 66


    ​ผ่านมาสองเดือนวันที่ผมไม่ได้คาดคิดมาถึง

    วันนั้นผมตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย เรี่ยวแรงรู้สึกหดหาย แถมมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ผมอาเจียนจนไม่มีอะไรจะออก แต่ก็ฝืนตัวเองลงไปทำงานที่ร้าน แต่มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็นอนอยู่บนเตียงที่มือห้อยสายน้ำเกลืออยู่ ข้างๆ ผมมีคุณพีชเจ้าของร้านกับคุณคิมแฟนของพี่เขานั่งเฝ้าผมอยู่

    ผมได้รับแจ้งจากคุณหมอว่าตั้งครรภ์ได้ 8 สัปดาห์แล้วอธิบายวิธีการดูแลตัวเอง เพราะว่าการตั้งครรภ์ในผู้ชายจะอันตรายมากกว่าผู้หญิงหากดูแลไม่ดี ตอนนั้นผมช็อกมาก ร้องไห้ออกมาจนสลบไป พอตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่พีชนั่งเอามือลูบหัวผมอยู่ ผมลุกขึ้นไปกอดพี่พีชแล้วร้องไห้โฮออกมาอีก พี่พีชไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ช่วยกอดปลอบผมอย่างอ่อนโยนเหมือนพี่ชายปลอบน้องชายที่กำลังเสียขวัญ พี่พีชกับคุณคิมพาผมไปฝากครรภ์แล้วขอเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ลูกผม เพราะพวกพี่เขาอยากมีลูกเหมือนกัน ผมเลยปล่อยให้พวกพี่เขารับลูกผมเป็นลูกบุญธรรม ตอนนั้นผมยังเด็กมากถ้าไม่ได้พี่พีชกับคุณคิม ผมคงไม่ได้กอดลูกน้อยมาจนถึงตอนนี้ หรือผมอาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้...

    ผมอดคิดไปถึงอดีตที่ผ่านมา ทั้งที่อยากจะลืมและกดความทรงจำนั้นให้ลึกมากที่สุด แต่ผมก็ทำไม่ได้สักที

    เกือบสามปีแล้วสินะจากวันนั้น..ผมกับลูกใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองคน ตอนนี้เจ้าก้อนอ้วนของผมก็จะอายุสองขวบเต็มแล้ว

    ตอนนี้ผมกำลังจะพาเจ้าตัวเล็กไปส่งพี่พีชที่ร้านเพราะผมต้องไปสอบ พี่พีชเลยให้พาเจ้าก้อนอ้วนไปอยู่ด้วย ผมบอกแล้วพ่อแม่อุปถัมภ์ของเจ้าก้อนอ้วนน่ะ หลงเจ้าก้อนของผมไม่ไหวแล้ว พร้อมเปย์กันตลอดจนตอนนี้ผมไม่ห้ามอะไรแล้ว พวกเขาบอกว่าที่พวกเขาทำเพราะเขามีความสุขที่ได้เห็นพวกเราสองแม่ลูกได้ยิ้มมีความสุข แค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว

    ผมอุ้มปาแปงพากันออกมาที่ร้านอาหาร ตอนนี้ร้านคุณพีชขยายใหญ่เปิดทั้งกลางวันกลางคืน ด้านหน้าเปิดเป็นร้านอาหารทั่วไป อีกด้านหนึ่งจะเป็นผับเปิดให้บริการตอนกลางคืน ผมได้รับหน้าที่ดูแลร้านอาหารช่วงกลางวันเท่านั้น แต่ถ้าวันไหนผมมีสอบ ผมก็จะเปลี่ยนกับพี่ที่อยู่โซนผับเข้าไปดูแลแทน ผมได้เรียนหนังสือต่อเพราะเจ้าของร้านทั้งสองคนเอ็นดูผมเหมือนน้อง ส่งเสียให้เรียนต่อแถมยังจะส่งเสียน้องปาแปงให้ผมด้วย ชาตินี้ผมคงตอบแทนบุญคุณทั้งสองคนไม่หมด ผมจึงต้องใจเรียน ถ้าผมว่าเมื่อไรผมก็ทบทวนตลอดจนตอนนี้ก็ผ่านมาได้สามปีแล้วเหลืออีกปีเดียวผมก็จบซะที

     

    เอี๊ยดด....

    ” เห้ย!!!” เสียงล้อมอเตอร์ไซค์เบียดครูดถนน พร้อมกับเสียงร้องของผมกับปาแปงที่แข่งกันร้องจนเสียงดัง เด็กน้อยร้องเพราะความเสียขวัญส่วนคนเป็นแม่ก็เสียขวัญไม่ต่างกัน

    “ฮือ...ฮืออ!!!”

    “ปาแปงลูก โอ๋...โอ๋...ไม่เป็นไรนะครับ มามี้อยู่นี่...มามี้ขอโทษ" เสียงร้องไห้โฮของเราสองคนดังลั่นถนน ผมกอดปาแปงไว้แน่น พลางพูดพร่ำปลอบลูกด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ตอนนี้ผมตกใจมากทำอะไรไม่ถูก รู้ตัวอีกทีก็มีมือมาซ้อนผมกับลูกอุ้มผมขึ้นรถทั้งสองคน

    “ไปโรงพยาบาล” ผมได้ยินเสียงคนข้างๆ สั่งคนขับรถให้ออกรถเสียงดัง จนลูกผมร้องไห้จ้าขึ้นมาอีกหลังจากที่ตอนแรกแค่ส่งเสียงสะอึกสะอื้น

    “โอ๋...ไม่ร้องลูก ไม่ร้องนะ..นะครับ” ผมกอดลูกพลางตบหลังเบาๆ เป็นการปลอบประโลม

    ตอนนี้น้ำตาผมไหลจนมันพร่ามัวไปหมดมองไม่เห็นคนตรงหน้าด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นยังไง รู้แต่ว่าเขาเป็นคนตัวใหญ่สามารถอุ้มผมกับลูกขึ้นมาพร้อมกันได้โดยที่ผมไม่ได้ยินเสียงหอบจากเขาเลยด้วยซ้ำ เขาต้องเป็นคนชอบออกกำลังกายมากแน่ ๆ เขาสามารถอุ้มผมพร้อมลูกชายมาที่รถอย่างสบายๆ แต่ผมไม่ชอบที่เขาพูดเสียงดุเลยจริง ๆ

    ตอนนี้ผมได้แต่มุดหน้าลงซบลูกชายไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ สภาพผมไม่ต่างอะไรกับลูกเลยแม้แต่น้อย น้ำมูกน้ำตาไหลเปื้อนปนกันแถมแยกไม่ออก เขายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผม

    “เช็ดหน้าซะ! หน้าตาดูไม่ได้เลยทั้งสองคน” เขาเสียงดุจนลูกชายผมผวากอดผมแน่น

    “คะ...ครับบ” ผมรีบรับผ้าเช็ดหน้าที่ดูจะแพงกว่าเสื้อผ้าของผมกับลูกรวมกันด้วยมือสั่นเทา

    “ผะ...ผมขอลงป้ายรถเมล์ ขะ...ข้างหน้านะครับ” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นไม่กล้าเงยหน้ามองคนตัวโตด้วยซ้ำ

    เขาตวัดตามามองผมแล้วจ้องผมนิ่งจนผมรู้สึกได้ ผมกอดลูกชายแน่นตัวสั่นเทายากจะควบคุม ผมยอมรับว่ากลัวคนตรงหน้ามาก เขาไม่พูดอะไรได้แต่จ้องจนผมไม่กล้าสบตา ผมรู้สึกขนลุกจนไม่อาจควบคุม คนอะไรดูน่ากลัวเป็นบ้าเลย

    “ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาลอย่าดื้อให้มากนัก...เด็กน้อย!”

    เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดเย็นสายตาคมกริบดุดันที่มองมาทำให้ผมสะดุ้งวาบ ขนาดไม่ได้สบตากันเพียงแค่น้ำเสียงก็ทำเอาผมนั่งตัวเกร็งไปหมดไม่กล้าแม้แต่กระดิกตัว แถมตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวเข่าอีกคงได้แผลจากตอนล้มกระแทกเมื่อกี้แน่ ๆ ผมก้มมองดูลูกชายเห็นว่าลูกชายผมหลับไปแล้ว

    “ชื่ออะไร” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมาทำผมสะดุ้งเฮือก ไหล่เกร็ง

    “เอ่อ..ปะ..ปัณณ์ คะ...ครับ” ผมตอบคนตรงหน้าอย่างตะกุกตะกักข่มใจฝืนกั้นความกลัวไว้

    “อืม” เขาตอบแค่นั้นแล้วก็นั่งเงียบไปจนถึงโรงพยาบาล

    พอถึงโรงพยาบาลเขาอุ้มผมกับลูกอีกครั้งโดยไม่ให้ใครช่วย ข้าง ๆ กันมีผู้ชายใส่สูทสองคนเดินขนาบตามเข้ามาจนถึงห้องตรวจโดยไม่ต้องรอคิว เขาวางผมบนเตียง ส่วนผมก็วางลูกชายนอนลงให้หมอตรวจดูอาการ หมออีกคนก็มาดูอาการของผมทำแผลที่หัวเข่ากับข้อศอกที่เกิดจากตอนที่ผมล้มคงจะครูดไปกับพื้นถนนตอนที่โดนชนเฉี่ยว

    “น้องไม่เป็นอะไรมากครับ แค่ตกใจขวัญเสียเท่านั้นครับ คุณหมอที่มีทำหน้าที่ตรวจลูกชายหันมาพูดกับผม ส่วนคุณผู้ชายมีแผลถลอกกระดูกไม่แตกครับ ตอนนี้ทำแผลแล้วก็สามารถกลับบ้านได้เลยครับ”

    “ขอบคุณครับ" ผมยกมือไหว้หมอพลางเหลือบตาไปมองคนใส่สูทตัวยักษ์ที่ยืนหันข้างคุยกับหมออีกคนอยู่ ผมที่เพิ่งได้มีโอกาสผู้ชายคนนี้เต็มตา ผู้ชายคนนี้ตัวใหญ่มากๆ น่าจะสูงประมาณ 190 ผมหยักศกสีทองรับกับดวงตาสีอำพันกับจมูกโด่งเป็นสันอย่างกับพระเอกละคร ดูแล้วน่าจะอายุประมาณ 38-39 ผมที่กำลังจ้องมองวิเคราะห์คนตรงหน้า เมื่อเขาหันกลับมาสายตาบังเอิญมองสบตาสีอำพันก็พาสะดุ้งเฮือกหนึ่ง เขาสาวเท้าเดินตรงเข้ามาหา

    “บ้านอยู่ไหน!” เขาถามด้วยเสียงเข้มมองผมนิ่งๆ แต่ดูน่ากลัวถ้าเผลอไปสบตาเข้า แม้แต่ตอนนี้ผมก็ไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่นิดเดียวขนาดเราพูดโต้ตอบกันหลายประโยคแล้ว

    “เอ่อ...เดี๋ยวผมให้พี่มารับ คะ..ครับ” ผมตอบออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกัก ไม่ยอมสบนัยน์ตาที่มีอำนาจน่ากลัวนั่นเป็นใครจะไม่ตกใจ นอกจากจะตัวใหญ่แล้วเวลาเปล่งเสียงพูดออกมาก็ทรงพลังอย่างคนมีอำนาจ ผมที่อยากจะออกจากสถานการณ์จะแย่แล้ว ก็รีบออกตัวเพื่อจะขอแยกกับผู้ชายตรงหน้าสักที

    ครืด ครืด

    โชคดีของผมที่เสียงโทรศัพท์ผมดังช่วยชีวิตพอดี

    "ครับพี่พีช..อ่าาา" ตอนนี้ผมกับน้องปาแปงอยู่โรงพยาบาลครับ ครับ ๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ แค่โดนรถเฉี่ยวน่ะครับ ตอนนี้ผมกำลังจะกลับแล้วครับ พี่พีชไม่ต้องมารับครับ ผมเรียกแท็กซี่กลับได้ ครับ...ครับ...พี่พีชไม่ต้องเป็นห่วง ขอบคุณครับ”

    พอผมวางสาย ก็รู้สึกถึงสายตาคมกริบที่มองมาผมเผลอสะดุ้งผงะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว

    ผมหันหน้าหนีสายตาน่ากลัวนั่น แล้วถามคุณหมอถึงค่ารักษาพยาบาลของผมกับลูก

    “อ่อ คุณผู้ชายท่านนี้จ่ายเรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณรอรับยาสักครู่นะคะ “คุณพยาบาลกล่าวจบก็รีบออกไปทันที

    “เอ่อ ครับ” ผมหันไปหาคนตัวสูงพลางเหลือบมองคนตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าทำใจกล้าสอบถามค่ารักษาที่เขาออกไป ผมจะได้รีบไปกดเงินให้ก่อนที่น้องปาแปงจะตื่น

    “ค่ารักษา ทะ...เท่าไรครับ” เขาตวัดสายตาดุมองผมแต่ไม่ตอบแถมยังเดินเข้าไปอุ้มลูกผม เดินออกไปจากห้องโดยไม่รอ ทำผมต้องวิ่งโขยกเขยกตามไป เพราะเจ็บหัวแผลที่หัวเข่า

    “คุณ เอ่อ.. จะเอาลูกผมไปไหนครับ” ผมตะโกนถามเสียงดังไล่หลัง

    “เงียบแล้วนั่งรถตามมา” ผมเห็นลูกน้องคนหนึ่งของเขาเอารถเข็นมาให้ผมนั่ง ผมนั่งทันทีโดยไม่อิดออด หัวเข่าผมเริ่มตึงแล้วดันรีบวิ่งออกมาอีก พรุ่งนี้คงได้ระบมกว่านี้แน่ๆ เขาพาพวกเราขึ้นรถขับออกจากโรงพยาบาล โดยไม่ถามสักคำว่าพวกเราพักอยู่แถวไหน แต่เขากลับพาผมมาส่งถึงที่พักได้อย่างปลอดภัย รถเก๋งซีดานสีดำเงาที่ชาตินี้ผมไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้นั่งมาจอดอยู่หน้าร้านอาหารที่พี่พีชกับคุณคิมออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว

    คนตัวโตอุ้มลูกผมออกมาส่งให้กับพี่พีชที่ยื่นมือออกมารับ ข้างกันมีคุณคิมมองมาด้วยความสงสัย

    ผมลงรถเดินกะโผลกกะเผลกตามลงมายืนข้างๆ พี่พีชแล้วยกมือไหว้ขอบคุณฝรั่งตัวโตตรงหน้า ตอนนี้ผมกล้า

    มองเขาตรงๆ โดยไม่เกรงกลัวแล้ว เพราะผมมีพี่ชายทั้งสองคนอยู่ข้างๆ พวกเขาไม่ยอมให้ผู้ชายคนนี้ทำอะไรผมแน่นอน

    “เธอพักอยู่ที่ไหน”

    “อยู่ที่นี่ครับข้างในนั้น ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมกับลูกวันนี้” ผมยกมือไหว้คนตัวโตอีกครั้ง พิจารณามองคนตรงหน้าที่กำลังมองเลยไปด้านหลังร้านที่ผมบอกว่าเป็นที่พัก

    “พวกเราขอบคุณ คุณมากนะครับที่ช่วยน้องผม” พีชพูดขอบคุณตัวโตตรงหน้า เขามองแวบแรกถึงกับตกใจเพราะคนคนนี้กับเจ้าหมูก้อนปาแปงที่โดนอุ้มอยู่ เหมือนกันอย่างกับแกะ ไม่ว่าจะจมูก ผิวพรรณ สีตา คนนอกมองปราดเดียวก็นึกว่าพ่อลูกกันแน่นอน ขนาดเขายังอดคิดไม่ได้ว่าฝรั่งตัวโตตรงหน้าเป็นพ่อของเจ้าหมูก้อนแน่ๆ แต่เหมือนกับน้องปัณณ์จะไม่รู้ว่าลูกชายตัวเองหน้าคล้ายกับคนตัวโตตรงหน้าแค่ไหน เขามองสบตากับคุณคิม เห็นคุณคิมพยักหน้าอย่างรู้กัน ตอนที่พวกเรากำลังหันกลับ เขาเห็นปัณณ์ตัวลอยจากพื้นอยู่ในอ้อมแขนของฝรั่งตัวโตแทน

    “อ๊ะ!! คุณปล่อยผมลง” ผมตกใจเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึงพลางเอามือกอดคนตรงหน้าที่จู่ ๆ ก็อุ้มผมเสียอย่างนั้น

    “อยู่นิ่งไม่ถ้าไม่อยากตกลงมา ผมขออนุญาตไปส่งปัณณ์ที่ห้องนะครับ “เขาพูดดุผม แล้วหันไปพูดขออนุญาตกับพี่พีช พลางพยักหน้าไปทางคุณคิมเป็นการขออนุญาตอีกทีหนึ่ง ผมที่ทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่นอนตัวเกร็งอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงนั่น พี่พีชเดินนำเขาเข้ามาในห้องวางน้องปาแปงที่เตียงแล้วเดินออกไปปล่อยทิ้งผมกับคนตัวโตเพียงลำพัง เขาวางผมลงบนเตียงใกล้ๆ ปาแปง ผมเห็นเขากวาดสายตามองรอบห้องผมอย่างพิจารณา ห้องผมไม่มีของมากมายนักแต่มีการจัดแบ่งโซนการใช้งานอย่างเป็นระเบียบ มีมุมครัวสำหรับทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น เพราะปกติผมออกไปทานที่ครัวของร้านอยู่แล้ว ส่วนอีกมุมใช้วางคอกกั้นสำหรับหัดเดินกับของเล่นของปาแปงที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ

    “ขอบคุณที่มาส่งครับ” ผมเอ่ยปากขอบคุณเร่งให้เขาออกจากห้องผมไปสักที ตอนนี้ผมอยากจะได้พักผ่อนมาก เขาพันหลังกลับออกไปทันทีโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนไปผมเห็นเขาตวัดสายตามองเจ้าก้อนอ้วนด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา แวบหนึ่งผมเห็นแววตาเหมือนเสียดายของเขาก่อนจะกลับมาเป็นสายตาที่ปกติตอนหันมาสบตาผม

    “เห้อ!! ออกไปซะที วันนี้เป็นวันอะไรกันนี่ เหนื่อย!!!

     

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×