คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Ryomen Sukuna II
*เนื้อหาต่อไปนี้มีการสปอยล์เนื้อเรื่องในอนิเมะและมังงะ*
วัตถุต้องสาประดับพิเศษ
เรียวเมน สุคุนะ II
ตอนนี้ตะวันได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เมงุมิได้ตามกลิ่นอายของวัตถุต้องสาปมาถึงที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเขตเซ็นได
ความเย็นที่ต่ำกว่าด้านนอก ความเงียบเชียบที่หยั่งลึกเข้าไปในจิตใจ โดยรวมแล้วเป็นบรรยากาศที่เงียบสงบสำหรับคนปกติและเหมาะแก่ผู้ป่วยที่ต้องการการผักผ่อน
แต่สำหรับคนที่มองเห็นอย่างเขาแล้วมันไม่ใช่เลย
เด็กหนุ่มเดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ สายตาก็สอดส่องหาเจ้าของเรือนผมสีชมพูพีชทุกซอกมุม เมื่อเห็นคนที่ตามหาอยู่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ติดต่อพยาบาล เขาไม่รีรอช้าสาวเท้าเข้าไปหาโดยเร็ว
"อิตาโดริ ยูจิใช่มั้ย?" เมงุมิเอ่ยทักขึ้นทันที เจ้าของชื่อหันมามองเขาด้วยความงุนงง
แต่เขาไม่ได้ต้องการคำตอบจากอีกฝ่ายว่าใช่หรือไม่ เพราะคำตอบที่เขาต้องการนั้นมันเด่นชัดมาจากกลิ่นอายคำสาปที่รุนแรงจากคนตรงหน้าแล้ว
"ฉันฟุชิงุโระจากโรงเรียนไสยเวท อยากจะคุยกับนายสักหน่อย"
"ตอนนี้เลย"
เขาเอ่ยแนะนำตัวพอเป็นพิธีและบอกความต้องการอย่างเสร็จสับ ถ้าอีกฝ่ายยอมคุยกับเขาดีๆก็จะขอบคุณมาก แต่ถ้าไม่
ก็คงต้องใช้วิธีของมิโนรุ
"เอ่อ... ฉันกำลังไว้ทุกข์อยู่นะ" ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่อิตาโดริก็เดินเข้ามาหาเขา ถือว่าเป็นเรื่องดีที่อีกฝ่ายไม่ได้เมินหรือเดินหนีไปไหน
"ขอโทษด้วยนะ แต่ว่าฉันมีเวลาไม่มาก" เมงุมิสบตากับคนตรงหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความจริงจังยิ่งเสียกว่าเมื่อครู่
"วัตถุต้องสาปที่อยู่กับนายมันเป็นของที่อันตรายมาก ฉันอยากให้นานส่งมันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย"
"วัตถุต้องสาป?"
เมงุมิมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะลอบถอนหายใจ มือเรียวล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา ปัดสองสามทีแล้วชูรูปกล่องไม้ขนาดเล็กที่มีของคล้ายแท่งเล็กๆถูกพันด้วยกระดาษยันต์อยู่ด้านในให้คนตรงหน้าดู
"ไอ้นี่ไงล่ะ"
"อ่า! ใช่ๆ ฉันเก็บมาเองแหละ"
ดวงเนตรสีนิลเบิกกว้างฉับพลัน ทั้งความตกใจ ความประหลาดใจ และอารมณ์หงุดหงิดแล่นเข้ามาในหัว
เจ้าหมอนี่ เก็บวัตถุต้องสาประดับพิเศษไปทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย!?
"ฉันจะคืนให้ก็ได้อยู่หรอก แต่พวกรุ่นพี่เขาชอบมันน่ะสิ , แล้วอันตรายนี่หมายความว่ายังไง?" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนว่าด้วยน้ำเสียงปกติ เขาไม่รู้ว่ามันอันตรายยังไง สำหรับเขาแล้วมันก็เป็นแค่กล่องไม้ใส่ของเก่าๆเท่านั้น
ใช่ อิตาโดริ ยูจิ เป็นแค่เด็กม.ปลายธรรมดา และอยู่ในโลกของคนปกติธรรมดามาตลอด
มันก็เป็นปกติที่เขาจะไม่รู้
"ผู้ที่ตายอย่างประหลาดในญี่ปุ่นและผู้หายสาบสูญมีเกิน 10,000 รายโดยเฉลี่ยต่อปี และสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากคำสาป
นายจะเชื่อหรือไม่ จะเป็นยังไงก็ช่าง แต่นั่นมันเป็นความจริง โดยเฉพาะโรงเรียนกับโรงพยาบาล ความแค้นจะมาสั่งสมกันได้ง่าย
ความทุกข์ ความเสียใจ ความอับอาย ความรู้สึกด้านลบของมนุษย์จะเป็นแหล่งพลังของคำสาป เพราะงั้นในโรงเรียนส่วนใหญ่จึงมีการวางวัตถุต้องสาปเอาไว้เป็นยันต์กันภัยแบบเงียบๆ ของที่นายเก็บไปก็เป็นหนึ่งในนั้น"
"ถ้าเป็นยันต์กันภัยก็ยิ่งน่ายินดีไม่ใช่หรอ? เหมือนเครื่องราง" อิตาโดริยกมือขึ้นเท้าคางอย่างไม่เข้าใจ
"ฟังให้จบก่อน" เมงุมิขมวดคิ้วมองอีกคนเขม็งก่อนจะพูดต่อ
"ด้วยการวางวัตถุต้องสาปที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเอาไว้มันจะเป็นพิษทำให้คำสาปอื่นไม่เข้าใกล้ แต่ผนึกของมันจะเสื่อมลงทุกๆปี ตอนนี้มันก็เป็นเหมือนเหยื่อล่อคำสาปไปแล้ว
ของที่นายเก็บไว้อยู่ เป็นของอันตรายที่ถูกจัดเป็นระดับพิเศษ รีบส่งมันมาให้ฉันก่อนจะมีใครตายซะ"
ในตอนนี้เมงุมิไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง เขาแค่ต้องการเก็บนิ้วของสุคุนะ ไปรับมิโนรุ แล้วก็กลับโตเกียว รายงานให้อาจารย์ฟังว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีและนอนพักผ่อนสักหน่อย
ทุกอย่าง ทุกๆอย่างจะเรียบร้อย
แต่ความกังวลในใจนี่มันมาจากไหนอะไรกัน?
"จะว่าให้ฉันคืนให้มันก็ได้อยู่หรอก แต่ไปบอกรุ่นพี่เอาเองสิ" เจ้าของเรือนผมสีชมพูพีชไหวไหล่ก่อนจะมือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อฮู้ดแล้วโยนกล่องไม้นั่นให้กับเมงุมิ
มือเรียวคว้ารับเอาไว้แล้วรีบเปิดดูข้างในอย่างรวดเร็ว
ว่างเปล่า?
ความรู้สึกราวกับเดจาวูของเมื่อคืนวานที่ไปหาในกล่องวัดอุณหภูมิกับมิโนรุ..
ความกังวลที่พยายามปัดทิ้งเพิ่มมากขึ้นจนพาลจะกลายเป็นความโมโห
"ของข้างในอยู่ที่ไหน!?" ไวกว่าความคิด เมงุมิเอื้อมมือไปคว้ากระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันที
"ก็อยู่ที่รุ่นพี่ไง" อิตาโดริว่า เขาหยุดนิ่งไปครู่นึงคล้ายนึกอะไรได้ก่อนจะพูดต่อ
"จะว่าไป รุ่นพี่บอกว่าคืนนี้จะไปแกะยันต์มันออกที่โรงเรียน"
เมงุมิเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาไล่ตามกลิ่นอายที่อยู่ในกล่องมาตลอด แต่ของสำคัญตอนนี้กลับอยู่ที่โรงเรียน และเขาดันให้คนสำคัญของเขารออยู่ที่นั่น
มิโนรุ !
ตอนนี้มิโนรุไม่มีอาวุธ ที่สำคัญเลยคือเขาไม่มีไสยเวท ถึงนั่นจะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงกว่าคนทั่วไปและสามารถต้านทานต่อพวกคำสาปและอาคมไสยเวทต่างๆได้ก็ตาม
แต่มิโนรุก็ปัดเป่าคำสาปไม่ได้ถ้าไม่มีอาวุธต้องสาป และที่สำคัญ น้องชายฝาแฝดของเขาไม่ชอบคำสาปจนบางครั้งก็เข้าขั้นกลัว
เมงุมิเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาสีอำพัน ริมฝีปากบางเม้นเข้าหากันแน่น พยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ให้มากที่สุด
"ถ้าแกะยันต์ออก พวกนั้นได้ตายแน่"
เมงุมิวิ่งลับหายไปจากสายตาของเขาแล้ว มิโนรุรู้ดีว่าเมงุมิเป็นห่วงเขามาตลอด ยิ่งหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นกับพี่ซึมิกิ เมงุมิก็แทบจะไม่ปล่อยให้เขาไปทำอะไรเสี่ยงๆคนเดียว
ซึ่งเขาก็รับฟังและเข้าใจได้
ขายาวก้าวขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกเรียนเพื่อหลีกหนีสายตาของนักเรียนคนอื่นๆ มือข้างขวาทำการเปิดกระป๋องน้ำผลไม้รสโปรดแล้วยกขึ้นดื่มดับกระหาย
รสหวานของแอปเปิ้ลแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก และเคลื่อนตัวนำพาความสดชื่นไหลลงไปตามลำคอ
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าสวย เป็นสิ่งบ่งบอกว่ามิโมรุพอใจกับรสชาติที่ได้รับเป็นอย่างมาก
"เมงุมิ... ช้าจังแฮะ" จากตอนแรกที่เดินวกวนไปมาก็กลายเป็นนั่งรออยู่เฉยๆ นิ้วเรียวกดกลิ้งกระป๋องน้ำผลไม้ที่ว่างเปล่าเล่นบนพื้น เขาเอนหลังพิงขอบตึกในขณะที่ทอดสายตาไปบนฟ้า
จากสีฟ้าครามสดใสแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง และสุดท้ายก็กลายเป็นสีนิล ลมเย็นที่พัดผ่านมายังคงทำให้คนที่ได้รับรู้สึกดีอยู่เสมอ
หากแต่ช่วงเวลาที่มีความสุขนั้น มักจะสั้นเสมอ
"กรี๊ดดดดด!!!"
เสียงกรี๊ดดังลั่นขึ้นพร้อมความกดดันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน เหล่าคำสาปได้เริ่มออกล่าแล้ว
มิโนรุวิ่งพรวดไปทางต้นเสียงทันที แม้คำสั่งของพี่ชายจะยังคงเด่นชัดอยู่ในความคิด แต่เขาเองก็คงจะเมินเฉยกับเสียงของเด็กผู้หญิงที่ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ไม่ได้
เขาได้แต่ขอโทษเมงุมิอยู่ในใจในขณะที่สอดส่องสายตาหาเจ้าของเสียงกรีดร้องนั้น
จากบรรยากาศที่เคยเงียบสงบ ตอนนี้ตามทางเดินกลับเต็มไปด้วยคำสาปรูปร่างน่าเกลียดมากมาย มือเรียวดันกระชับแว่นตาให้เข้าที่ก่อนจะวิ่งหลบหลีกเหล่าคำสาปพวกนั้นไป
จริงอยู่ที่มิโนรุสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว แต่คำสาปที่โผล่ออกมาจากทั่วทุกสารทิศนั้นก็เป็นอุปสรรคอยู่ดี
"น่ารำคาญจริง!" คอเสื้อของเขาถูกคว้าเอาไว้จากทางด้านหลัง แรงดึงกระชากทำให้ขาเสียการทรงตัวหงายหลัง
มิโนรุรีบเอียงตัวไปด้านซ้ายและใช้แขนข้างเดียวยันพื้นแล้วดันตัวตีลังกากลับหลัง ทันทีที่เท้าข้างขวาสัมผัสกับพื้นอีกครั้ง เขาก็ใช้เท้าซ้ายเตะเข้าที่ช่วงกลางลำตัวคำสาปนั้นทันที
ตัวของมันได้แยกขาดเป็นสองส่วน แต่มันยังไม่ได้หายไป
มิโนรุจิ๊ปาก มองเศษซากคำสาปที่ขยับไปมาอยู่บนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์ มุมปากที่มักยิ้มแย้มอยู่เสมอตอนนี้ก็ได้กลับคว่ำลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฟุชิงุโระ มิโนรุในตอนนี้อยากจะกอดพี่ชายของเขาเป็นบ้า
เมงุมิสาวเท้าวิ่งขึ้นไปยังชั้นสี่ของอาคารเรียนตามคำบอกของอิตาโดริอย่างเร่งรีบ ตอนนี้สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขามีเพียงแค่สองอย่างเท่านั้น
หนึ่งคือมิโนรุ และสองคือนิ้วของเรียวเมน สุคุนะ
กลิ่นอายของคำสาปมันรุนแรงจนเขาอยากจะอ้วก ยิ่งเข้าใกล้นิ้วของสุคุนะมากเท่าไหร่ กลิ่นอายก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
ตามทางที่ขึ้นมาไม่มีเศษซากของคำสาปอยู่ อย่างน้อยนี่ก็ทำให้เมงุมิโล่งใจได้เล็กน้อยว่ามิโนรุไม่ได้ผ่านมาทางนี้ และอาจจะหลบพวกมันอยู่ด้านนอกตามคำบอกของเขา
แต่ทันทีที่เขาขึ้นมาถึงชั้นสี่ ภาพที่เห็นทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ เศษซากคำสาปที่เกลื่อนเต็มไปตามพื้นทางเดินและผนังพวกนั้น มองแค่แวบเดียวเมงุมิก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร
"เกียวคุเคน!" สิ้นเสียง สุนัขสีดำและขาวก็ปรากฏตัวออกมาอยู่ข้างๆทั้งซ้ายและขวาของเมงุมิ
"กินอย่าให้เหลือ"
และในตอนนี้ ฟุชิงุโระ เมงุมิเองก็อยากจะกอดน้องชายของเขาแทบบ้า
เมงุมิจัดการปัดเป่าคำสาปพวกนั้นมาตลอดทาง เมื่อวิ่งไปถึงทางเลี้ยว เขาก็ได้เจอกับคนและของที่ตามหาอยู่สักที
"มิโนรุ!" แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เข้าไปใกล้อีกฝ่าย มิโนรุก็ถูกคำสาปตัวโตฟาดเข้าด้านหลังอย่างแรงจนกระเด็นไปอีกทาง
คำสาปตัวนั้นคว้าผู้หญิงคนนึงเอาไว้ มันไม่ได้หันมาสนใจมิโนรุกับผู้ชายอีกคน เพราะสิ่งที่มันต้องการที่สุด อยู่กับเธอคนนั้น
"เมงุมิ! นิ้วของสุคุนะอยู่กับเธอ มันคิดจะกลืนนิ้วกับเธอไปพร้อมกัน!" มิโนรุแผดเสียงดังตะโกนบอกผู้เป็นพี่ชาย
นักเรียนชายในอ้อมแขนของมิโนรุนั้นหมดสติไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้มิโนรุพยายามอุ้มเขาหนีไปพร้อมกับผู้หญิงอีกคน แต่สุดท้ายก็จนมุมหมดสภาพอยู่แบบนี้
ตอนนี้ร่างกายของมิโนรุก็ใกล้ถึงขีดจำกัดอยู่รอมร่อ ถึงเขาจะแข็งแรงกว่าคนอื่นค่อนข้างมาก แต่การตั้งรับด้านกายภาพนั้นดันด้อยกว่าที่ควรจะเป็น
"บ้าเอ๊ย!!! ไม่ทันแน่!" เมงุมิขบกรามแน่น สุนัขศักดิ์สิทธิ์ดำขาวต่างข่มเสียงขู่ด้วยความโมโห
ราวกับร่างกายพวกเขาถูกแช่แข็ง มิโนรุเบิกตากว้างพยายามเอื้อมมือไปหาเด็กสาวสุดแขน เมงุมิได้แต่ภาวนาขอให้เกียวกุเคนไปให้ทัน
แต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะช้าเสียเหลอเกิน
ในขณะนั้นเอง กระจกหน้าต่างก็ถูกพังเข้ามาในตำแหน่งที่ตรงกับคำสาปอย่างพอดีพอดี ตามด้วยร่างของเด็กชายผมสีชมพูพีชในชุดฮู้ดสีเหลืองอ่อน
"อันตราย!" เสียงร้องเตือนของเมงุมิดังก้องไปทั่วทางเดิน แต่อิตาโดริก็หาได้ฟังไม่ เขาต้องการจะช่วยคนรู้จักของเขามากกว่าสิ่งอื่นใด
อิตาโดริชกเข้าไปเต็มๆที่บริเวณหัวของคำสาปนั้น เขาเหยียบลงบนตัวของมันแล้วช่วยเด็กสาวคนนั้นออกมาได้อย่างฉิวเฉียด
มิโนรุมองการเคลื่อนไหวนั้นอย่างอึ้งๆ อิตาโดริกระโดดหลบมาทางเขา พริบตาต่อมาเกียวกุเคนก็เข้าขย้ำคำสาปนั้นจนจมเขี้ยว
"มีฟุชิงุโระสองคน...?" นัยน์ตาสีครามหม่นสบกับดวงแก้วสีอำพันตรงหน้า อิตาโดริเอียงคอมองมิโนรุอย่างงุนงงก่อนจะหันไปมองเมงุมิที่เดินมาจากทางด้านหลัง
"อย่าบอกนะว่าร่างแยก!?"
มิโนรุอยากจะหัวเราะให้กับความคิดของอิตาโดริจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขารู้สึกปวดราวตรงซี่โครงไปหมด
"ฝาแฝดต่างหาก" เมงุมิถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะทอดสายตาสีน้ำเงินเข้มมองมิโนรุด้วยความเป็นห่วง เขาอ้าปากคลับคล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่พูดแล้วถอนหายใจอีกครั้งแทน
ถอนหายใจบ่อยๆเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอกเมงุมิ มิโนรุได้แต่คิดตอนที่มองพี่ชายของตัวเอง
"อยากจะถามว่ามาทำไมอยู่หรอก แต่ก็ทำได้ดีมาก" เมงุมิว่า มือทั้งสองข้างล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง
"อ่า... แล้วทำไมนายต้องทำท่าแบบนั้นด้วย?"
ใช่ พี่เก๊กทำไม? มิโนรุได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับอิตาโดริในใจ เขาเองก็อยากจะถามออกไปแบบนั้นเหมือนกัน แต่เพราะคำพูดของเมงุมิเมื่อกี้ เหมือนว่าจะไม่ได้พูดแต่แค่กับอิตาโดริ แต่เหมือนพูดกับเขาด้วยนี่สิ
พอคิดแล้วก็รู้สึกหนาวหลังแปลกๆ
"แล้วไอ้ที่กินคำสาปอยู่นั่นมันคืออะไรน่ะ?" อิตาโดริว่า ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะมีแต่เรื่องน่าสงสัยเต็มไปหมด
"ชิกิงามิของฉันเอง นายมองเห็นสินะ? ปกติเขามองไม่เห็นคำสาปกันหรอก ยกเว้นในตอนที่ใกล้ตาย--"
"หรือสถานที่พิเศษแบบนี้"
มิโนรุชิงพูดขึ้นก่อนที่เมงุมิจะได้พูดจบประโยค ร่างสมส่วนวางเด็กหนุ่มในอ้อมแขนให้นั่งพิงผนังตึกอย่างเบามือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มส่วนสูง
"ขอฝากด้วยนะครับ ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้จักเขา"
"อืม ฉันรู้จัก..."
มีแวบนึงที่มิโนรุเห็นความเศร้าฉายในแววตาของอิตาโดริ แต่มันก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
พอมิโนรุลุกขึ้น อิตาโดริก็ลุกตาม ของที่คล้ายกับนิ้วคนที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงของเด็กสาวก็ร่วงออกมาพอดี
"โอ๊ะ! ใช่นี่มั้ย?" มือหนาของอิตาโดริคว้าเอาไว้ได้ทันที เขาชูมันขึ้นพลางถามยืนยันกับเมงุมิ
"อ่า วัตถุต้องสาประดับพิเศษ นิ้วของเรียวเมน สุคุนะ ปาฏิหาริย์มากที่ไม่โดนกินไป"์มากที่ไม่ถูกกินไปพร้อมกันด้วย"
"กินไปแล้วจะได้อะไร? อร่อยหรอเจ้านี้น่ะ?" อิตาโดริเอ่ยพร้อมกับหมุนนิ้วในมือดูไปมา ดูยังไงแล้วก็ไม่ใช่ของที่น่ากินเลยสักนิด
"ไม่ใช่เรื่องรสชาติหรอกครับที่พวกคำสาปสนน่ะ แต่เป็นพลังไสยเวทที่อยู่ในนิ้วนี่ต่างหาก เพื่อที่พวกมันจะได้มีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น" มิโนรุก้าวเท้ามายืนอยู่ข้างๆกับเมงุมิ สภาพร่อแร่ของเขา ทำให้คนเป็นพี่ต้องคว้าเอาแขนข้างนึงไปพาดไหล่เพื่อพยุง
"มันอันตรายมากเพราะงั้นรีบส่งมาซะ" มือเรียวยื่นไปข้างหน้า เมงุมิแบมือออกเป็นสัญญาณว่าให้อีกฝ่ายส่งนิ้วนั่นมาได้แล้ว
มิโนรุที่ได้ยินน้ำเสียงปนหงุดหงิดของพี่ชายก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ อิตาโดริเองพอเห็นอย่างนั้นก็ตอบรับเสียงยานแล้วยื่นให้เมงุมิอย่างว่าง่าย
อีกเพียงแค่นิดเดียว นิ้วของเรียวเมน สุคุนะ ก็จะส่งถึงมือของเมงุมิแล้ว
ถ้าดวงตาคมนั้นไม่เหลือบไปเห็นอะไรเข้าเสียก่อน
"หนีไป!"
* hi blue *
จนถึงตอนนี้แล้ว เจ้าของชื่อเรื่องอย่างพ่อสุก็ยังไม่มีบทเลยสักกะจึ๋ง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว บลูเลยจะยกตอนให้พ่อเขาไปอีกตอนนะคะ เพราะจะเอาให้จบในตอนนี้เลยก็ดูมันจะยาวไป (เกิน10000ตัวไปแล้ว( ._. ))
ค่าตัวแพงต้องทำใจนะคับพ่อ เซนเซก็ด้วยคับ อุฮ่า แต่เดี๋ยวๆๆๆๆ อีกไม่กี่ตอนพ่อหนุ่มที่ตะมาจีบน้องมิก็จะโผล่ออกมาแล้วนะคะ!
ฝากเอ็นดูฝาแฝดกันเนอะๆนะค้าบ thank for reading <3 .
ความคิดเห็น