ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tokyo Revengers [Mikey x Oc] : I'm girl

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 64


    บทที่2

    ความหลัง…ที่ไม่อยากจำ

     

    ย้อนไปเมื่อ5ปีก่อน เหล่าแก๊งอันธพาลได้เกิดขึ้นไม่เว้นวัย โดยแต่ละพื้นที่มีแก๊งอันธพาลเป็นเจ้าถิ่นอยู่ทุกที่ ใครที่แกร่งก็เป็นราชา ใครอ่อนแอก็เป็นทาสไป

     

    เด็กสาวไร้นามที่อาศัยอยู่ในชิบูย่า ณ บ้านร้างแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าผีดุมาก แต่ผีที่ว่านั้นคือเธอเองต่างหาก ถ้ามีใครกล้าเหยียบย้ำเข้ามาในพื้นที่ของเธอ เธอก็กล้าที่จะอัดเจ้าพวกนั้นให้เละจนออกมาข้างนอกบ้านไม่ได้ไปหลายวัน

     

    แต่แล้ววันนึง…

     

    “นี้เคนจิน ที่นี้มันบ้านร้างเหมือนในหนังผีเลยนะ” วันหนึ่งมีเด็กชายผมสีบลอนด์ครีมอ่อน ได้ย่างกายเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างสูงเกินวัยผมสีบลอนด์ทองที่มีรอยสักลายมังกรตรงขมับ

     

    ร่างเล็กคือซาโนะ มันจิโร่ หรือไมค์กี้แห่งนานะโช

    ร่างสูงคือริวงูจิ เคน หรือดราเค่นจากยงโช

     

    “ก็เรามาล้าท้าผีกันนี้หน่า อีกอย่างตอนนี้เป็นตอนกลางวันเดียวคงไม่มีอะไรหรอกน่า!” ดราเค่นสูงพูดขึ้น พลางก้าวเข้ามาอยู่ ณ ใจกลางบ้าน

     

    “งั้นก็ไปกันเถอะ” ไมค์กี้เดินไปรอบๆ สำรวจห้องต่างๆ ในบ้าน ตามด้วยดราเค่นที่ขาสั่นเล็กนอยพลางมองซ้าย

     

    และแล้วทั้งสองก็หยุดชะงักอยู่หน้าห้องๆ หนึ่ง

     

    “มีอีกไหม~ อีกสักครั้งที่ฉันจะได้เกิด…มา~”

     

    “ฮะ เฮ้…ไมค์กี้ ได้ยินนั่นไหม….?”

     

    “อืม มีคนกำลังร้องเพลง--”

    “คนบ้าอะไรเล่า! นั่นมันผีชัด!! เป็นเสียงผู้หญิงด้วย!” ดราเค่นเขย่าตัวไมค์กี้ ที่กำลังอมลูกอมอยู่

     

    “งั้นก็ลองเปิดเข้าไปแล้วกัน” ว่าแล้วไมค์กี้ก็เปิดบานประตู แต่เสียงร้องเพลงนั้นก็หยุดลง พร้อมกับเก้าอี้ไม้ที่โยกเยกไปมา

     

    “……” ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องที่รกเหมือนซากปรักพัง เมื่อมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่ มีเพียงประตูห้องน้ำที่ถูกเปิดแง้บเอาไว้เหมือนเชิญชวนให้พวกเขาเข้าไป

     

    เอี้ยด…

    ไมค์กี้เข้าไปเปิดประตูบานนั้น พลางหยุดชะงักที่ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงกำลังร้องไห้อยู่ ก่อนที่จะหยุดลงพร้อมกับมือเรียวขาวซีดที่เกาะขอบประตูอยู่

     

    มี ธุ ระ อะ ไร?” ปลายผมยาวดำสนิท กับดวงตาสีฟ้าอมดำจ้องเขม่งมาทางเด็กชายตรงหน้า จากนั้นเขาก็เอาลูกอมจูปาจุ๊ปส์ออก

     

    “มาเป็นเพื่อนกับฉันเถอะ คุณผี” ไมค์กี้ยื่นมือทางเธอ พร้อมกับรอยยิ้ม

     

    “เห้ย?! เอาจริงดิ?!!” ดราเค่นที่มองการกระทำเขาอยู่ก็พูดขึ้น

     

    “……”

     

    ผัวะ!!

    ร่างของเด็กสาวผมยาวเผยร่างของมาจากห้องน้ำ ก่อนจะพุ่งหมัดเสยคางของเด็กตรงหน้าอย่างเร็ว ทำให้ไมค์กี้เดินเซถอยหลังเล็กน้อย และเด็กผู้หญิงคนนั้นก็มายืนประจันหน้ากับเขาทั้งสอง

     

    “เฮ้ย! ทำอะไรของแกว่ะ?!” ดราเค่นเดินเข้ามา และให้ร่างเล็กมาอยู่ข้างหลังแทน

     

    “พวกนายนั้นแหละมาทำอะไรกัน? นี้มันบ้านของฉัน…” ทั้งสองต่างจ้องมองร่างเด็กผู้หญิงผมสีดำยาว พร้อมกับหน้ากากอนามัยสีขาว และเสื้อเชิ้ตสีดำเหมือนสีผมเธอ กับกางเกงขาสั้นสีเดียวกับเสื้อ

     

    “คนอะไรจะอยู่ในที่แบบนี้กันเล่า!!”

     

    “ใจเย็นก่อนน้า เคนจิน” ไมค์กี้พลักเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ข้างหลัง ก่อนที่สายตาสีม่วงอมดำจะจ้องมองทางเธอ

     

    “เธอน่ะ ชื่ออะไรหรอ?”

     

    “…ไม่มีชื่อหรอก ทุกคนเขาเรียกว่าผีเด็กผู้หญิงกันนะ” เธอหรี่ตาลงก้มมองร่างของตน

     

    “งั้นฉันขอเรียกเธอว่ายูเรจินนะ” (ยูเร,幽霊=ผี)

     

    “จะเรียกแบบไหนก็ได้…แต่เรื่องที่ขอเป็นเพื่อนน่ะ ฉันขอปฏิเสธ…” ในวินาทีนั้นเด็กสาวก็พุ่งตรงเข้าหาเขา และทุกอย่างก็วูบดับไป

     

    ..

    .

     

    ผัวะๆๆๆ!! ปัง! ตุบ!!

    ร่างของชายทั้ง6นอนจมกองเลือดในห้องชมรมคาราเต้ โดยมีเด็กสาวทรงชายยืนหอบอยู่ตรงกลางห้อง เธอมองร่างที่ไร้สตินอนอยู่รอบกาย

     

    ‘อ่า…ทำไปอีกแล้วจนได้…’

     

    “ยามาริจัง! เป็นอะไรรึเปล่า?!” มิสากิเดินเข้ามาประคองตัวยามาริที่สลบลง เสียงหวานที่ส่งผ่านมาไม่ได้เข้าหูของเธอเลยสักนิด เพียงแค่คิดว่าจากวันนี้คงโดนไล่ออกแหง

     

    ..

    .

     

    หลังจากที่ออกจากห้องฝ่ายปกครองมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องที่เธอยังได้เรียนอยู่ที่นี้ และเรื่องเหตุผลที่แก๊งโตมันของซาโนะมายึดชมรมที่เธอกำลังจะเข้าไปดื้อ

     

    ถ้าหากวันนี้ซาโนะมาก็คงดี แต่มันคงไม่ดีสำหรับเขาที่ต้องมาเจอเธอในสภาพที่โกรธแค้นเขาสุดขีด

     

    ครืน…

    เธอเปิดประตูห้องเรียนออก ทำให้เสียงที่พูดคุยเสียงเจ๊าะแจ๊ะหยุดลง สายตาทั้งหมดต่างจับจ้องร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผล ผู้คนที่อยู่ในโรงเรียนนั้นรู้ดี

     

    “ยามะจิน ทางนี้ๆ!” ซาโนะโบกไม้โบกมือให้เธอ แต่หารู้ไม่ว่าหลังจากนี้เขากำลังจะเจอกับอะไรบ้าง

     

    ผัวะ

    หมัดของยามาริพุ่งเข้าต่อยด้านข้างหน้าของซาโนะอย่างจัง เก้าอี้ที่เข้านั่งอยู่เซเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับล้มลง ทั้งห้องต่างตกตะลึ่งกับเหตุการณ์ตรงหน้า ที่หัวหน้าแก๊งโตมันโดนเด็กคนนึงต่อยเข้าให้แล้ว

     

    ในโลกของเขานั่นการกระทำแบบนี้คือการ หาเรื่อง และสิ่งที่เธอกำลังทำคือการแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ

     

    “สำหรับลูกน้องของนายที่ต่อยฉัน”

     

    “……” หัวหน้าแก๊งก้มมองเธอด้วยใบหน้าที่โกรธเคือง ก่อนที่ริวงูจิจะจับแขนของเธอไว้แน่นด้วยความโกรธเช่นกัน

     

    “นี้รู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป?”

     

    “รู้สิ เพราะรู้ถึงได้ทำลงไปแล้วไง” ต่างฝ่ายต่างจ้องตาเขม่งกัน

     

    “ปล่อยเขานะ เคนจิน”

     

    “แต่ว่า--!” ริวงูจิมองสายตาจ้องเขม่งของผู้เป็นเพื่อน ทำให้เขายอมปล่อยมือลง

     

    “ถ้าอยากต่อยตี ฉันว่าข้างนอกน่าจะดีกว่านะ”

     

    “ฉันไม่ได้ต่อยนายเพราะอยากสู้ แต่เพราะเอาคืนแค่นั้น”

     

    “งั้นก็จบตรงนี้เลยแล้วกัน”

     

    ผัวะ!!

    พลังหมัดของเขามันต่างกัน…ต่างกับเธอมาก จนทำให้ตัวของเธอล้มลงไปนั่งกับพื้น มิสากิที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็เข้ามาช่วยเหลือยามาริในทันที

     

    “น่าเสียดายจังน้า อุตส่าห์ได้เป็นเพื่อนกันทั้งที”

     

    ตอนนี้ทุกคนคงกำลังคิดว่าซาโนะเป็นคนชั่วที่กล้าทำร้ายได้แม้แต่ผู้หญิง แต่นั้นมันก็มีเหตุผลอยู่ เพราะซาโนะเอาแต่โดดเรียนทำให้ไม่รู้เรื่องของยามาริเหมือนกับนักเรียนคนอื่นที่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง และเขาก็ไม่ได้ปริปากถามด้วย

     

    “ยามาริจัง! พอแค่นี้เถอะ!!” มิสากิน้ำตาคลอที่ต้องเห็นเพื่อนตัวเองต้องบาดเจ็บอีก

     

    “นายก็ด้วยไมค์กี้! ทำไมถึงต้องทำร้ายผู้หญิงแบบนี้ด้วย!!”

     

    “หา?” ซาโนะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พลางมองกำปั้นของตนที่ได้ต่อยหน้าของเด็กสาวตรงหน้าไป

     

    ยามะจิน เป็นผู้หญิง และเขาก็เพิ่งรู้ก็ตอนนี้แหละ

     

    “ยามะจิน…?”

     

    “อ่า…ก็จริงอย่างว่าฉันเป็นผู้หญิง คิดว่านายจะรู้แล้วซะอีก” ยามาริลุกขึ้น พลางมองหน้าของหัวหน้าแก๊งอันธพาลที่เพิ่งต่อยเธอไปเมื่อครู่

     

    “แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันล่ะ?!”

     

    “ก็นายเล่นโดดเรียนแทบทุกวันอย่างนี้จะให้บอกได้ไงล่ะ อีกอย่างฉันก็คิดว่านายจะรู้แล้วซะอีก” เธอเช็ดเลือดที่ไหลออกจากจมูกเธอ

     

    “ฉัน…ขอโทษนะ”

     

    “อะ อ่า…ฉันก็ขอโทษเหมือนกัน ที่ต่อยนายไปโดยไม่บอกว่าเรื่องอะไร”

     

    “งั้นที่ตอบฉันเพราะอะไรล่ะ และก็ผ้าพันแผลที่หัวกับแผลที่หน้าด้วย” ซาโนะพูดพลางชี้บริเวณหัวของตนเป็นเชิงสัญลักษณ์ ตอนแรกเขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าเธอมีบาดแผลทั่ว แต่พอรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วเขาก็รู้สึกผิด

     

    “อ่า…เมื่อวานฉันไปมีเรื่องกับคนที่บอกว่าเป็นคนของโตมัน พวกนั้นมายึดชมรมคาราเต้น่ะ”

     

    “แถมยังรุมฉันเอาไม้เบสบอลมาทุบหัวด้วย” ยามาริชี้ที่หัวของตน

     

    “และอีกอย่างพวกนั้นก็มาทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้ด้วย ฉันก็เลยจัดไปหมด6คนเลย”

     

    “งั้นหรอ…”

     

    “นายเป็นหัวหน้าก็ควรดูแลลูกน้องให้ดีด้วยสิ ตอนนี้คงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ”

     

    “นั่นก็จริง” ซาโนะบุกจากเก้าอี้และหันมาทางยามาริ พลางโค้งตัวลงเล็กน้อย ตามด้วยริวงูจิที่โค้งตัวให้90องศาเอามือไขว้หลัง สำหรับคนที่เกรงใจคนอื่นอย่างยามาริ ก็เขินอ่อนเล็กน้อยและบอกให้พวกเขาหยุดการกระทำนั่น

     

    “ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ฉันดูแลลูกน้องไม่ดีจนทำให้เธอและคนอื่นๆ ต้องบาดเจ็บ” ซาโนะเงยหน้าขึ้น ยิ้มตาหรี่ตามปกติ แต่ทำไมรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นเต็มไงด้วยความรู้สึกผิดกันนะ?

     

    “งั้นวันนี้ฉันจะจัดการให้เอง ฉันก็ไม่ค่อยชอบคนที่ทำลายผู้หญิงเหมือนกัน…” เขากำมือแน่นพลางกัดฟันเล็กน้อย ทำให้หลุดมาดสุขุมของเขาไป

     

    “ช่วยสัญญากับฉันได้ไหม?” เขายื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าเธอ

     

    “ถ้ามีเรื่องอะไร อย่าเก็บเรื่องของเธอไว้คนเดียวได้ไหม?”

     

     

    ……

    [อย่าเก็บเรื่องของเธอไว้คนเดียวสิ สัญญานะ?]

    ……

     

     

    “M?” เธอเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะรู้ตัวนิ้วก้อยของเธอก็เกี่ยวนิ้วก้อยกับซาโนะไปซะแล้ว

     

    “ไว้เจอกันน้า” ซาโนะโบกมือลาเธอและเดินออกจากห้องไป แต่แล้วยามาริก็จับมือเขาไว้ทัน

     

    “มีอะไรหรอ ยามะจิน?”

     

    “อย่าให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาดนะ ขอย้ำว่า เด็ดขาด

     

    “วางใจได้เลย ฉันไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเกี่ยวหรอก”

     

    ..

    .

     

    เหล่าคนในชมรมคาราเต้ต่างพูดถึงข่าวของเด็กใหม่ในชมรม ที่ดูท่าทางไม่หลาดกลัวกับหัวหน้าแห่งโตมัน แถมยังสนิทชิดเชื้อกับเขาเป็นปาท่องโก๋เลย

     

    อันนี้พูดความจริงนะ เพราะช่วงนี้ซาโนะมาโรงเรียนเกือบทุกวันแต่ก็ไม่ได้ทั้งวัน

     

    แม้ทุกคนจะรู้ว่าซาโนะเก่งขนาดไหน ถึงขั้นล้มคนที่สูงกว่าตนด้วยลูกเตะข้างเดียว คิดไปคิดมาก็รู้สึกขนลุกชะมัด ยามาริไปต่อยเขาอย่างจังรอดได้ก็บุญแล้ว

     

    “เสร็จแล้วล่ะ ให้ช่วยอะไรอีกไหม?” ซาโนะเดินมาหาเธอ ด้วยเสื้อที่เปื้อนเลือดเล็กน้อย

     

    “เออ…ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็พอแล้ว…ขอบคุณนะ และก็ขอโทษด้วย!” ยามาริโค้งตัว90องศา

     

    “ไม่ต้องขอโทษหรอก ยามะจินไม่ได้ผิดสักหน่อย เพราะฉะนั้นวันหลังก็อย่ามาต่อยกันแบบนี้สิ รู้ไหมว่าเธอต่อยแรงมากเลย” ซาโนะชี้ที่รอยแดงกำปั้นอ่อนๆ เป็นนัยว่าตอนนี้เขายังเจ็บไม่หาย

     

    “ยังเจ็บอยู่หรอ?! ฉันขอโทษนะ!” เธอเดินไปหาเขา พลางจับแก้มข้างซ้ายที่ซาโนะโดยต่อย

     

    จากสาวทรงหนุ่มที่ทำท่าสุขุมและมักจะรำคาญซาโนะ ก็ทำท่าทางหลุดใบหน้าน้ำตาคลอและจับแก้มเขาไปมา

     

    “ฮ่าๆๆๆ ยามะจินนี้น่ารักจังเลยนะ” ซาโนะหัวเราะออกมาด้วยใบหน้ายิ้มกว้าง จนยามาริได้สติและกลับตัวเป็นสาวมาดเข้มดั่งเดิม

     

    “ก็จริงนั่นแหละ เธอน่ะโคตรเหมือนเพื่อนสมัยเด็กพวกฉันเลย ฮ่าๆๆๆ” ริวงูจิเองก็หลุดขำออกมา ทำให้ยามาริหน้าเขินอายขึ้น

     

    “ขำอะไรอยู่ได้! พวกนาย--”

     

    ตรู้ดดดดด

    ยังไม่ทันที่จะพูดจบ เสียงโทรศัพท์มือถือแบบพับของเธอก็ดังขึ้น ยามาริหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตและรับสายที่โทรมา

     

    “ห้ะ เอาจริงดิ? ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากไปยุ่งน่ะ…”

     

    “งั้นหรอ…ก็ได้ๆ แต่ฉันจะใส่หน้ากากไปนะ แค่นี้แหละ” พูดเสร็จเธอก็ตัดสายนั้นไป ก่อนจะมองซาโนะที่ยื่นโทรศัพท์ของเขาให้

     

    “เม็มเบอร์ของยามะจินด้วยนะ และก็เม็มว่ายามะจินด้วย อ๋อ เอาเบอร์เคนจินไปด้วยนะ”

     

    “เห้ย! ทำไมต้องของฉันด้วยฟร้ะ ไมค์กี้?!” ยามาริยิ้มแห้งพลางหัวเราะแหะๆ ก่อนจะแลกเบอร์กับพวกเขาทั้งคู่ แต่ในใจก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ถ้าไม่รับโทรศัพท์พวกเขาจะโดนทุบรึเปล่านะ?

     

    “ถึงจะพูดไปแล้วก็เถอะ แต่ว่าฉันชอบยามะจินนะ” เขายิ้มให้ด้วยความอ่อนโยน

     

    “เอ๊ะ?” ถึงจะเคยพูโไปแล้วแต่เธอก็จำไม่ได้หรอกว่าตอนไหน แต่พอรู้ว่ายามาริเป้นผู้หญิงก็พูดชอบเลยงั้นหรอ?

     

    “เธอน่ะ เหมือนเพื่อนสมัยเด็กของฉันน่ะ ที่เป็นคุณผีด้วย”

     

    ‘ผี?!! นี้หน้าของฉันเหมือนผีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย?!!’ เธอจับหน้าตัวเองพลางหยิกแก้มเล็กน้อย

     

    “จริงๆ แล้วเธอเป็นคนน่ะ แต่เพราะอยู่ในบ้านร้างคนแถวนั้นเลยเรียกว่าผีเด็กสาวกันน่ะ” ริวงูจิให้คำตอบเพิ่มเติม ทำให้ยามาริโล่งใจขึ้น

     

    “นิสัยของคุณผีน่ะ เป็นคนที่ชอบทำอะไรคนเดียว และก็ต่อยตีเก่งมากเลยนะ เธอหลบการโจมตีของฉันได้หมดเลย”

     

    “อ่า คงเป็นคนที่เก่งน่าดู แล้วเธอไปอยู่ไหนแล้วล่ะ?”

     

    “เธอน่ะ…”

     

     

     

    ตายไปแล้ว

     

    TBC.

     

    จบไปแล้วกับอีกตอน บอกเลยว่าตอนนี้ปริศนาเยอะมากกับคู่ของยามะจินกับไมค์กี้คุง บางทีเขาอาจจะมีซัมติงอะไรกันรึเปล่า?^^)?

     

    และนี้ก็คือคุณผียูเรจินเองค่าา 

    ขอบคุณรูปจากPinterest

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×