ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระบบนักเขียนมืออาชีพ

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนแรกของเส้นทางสู่เต๋าสวรรค์

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 64


    ตอนที่ 2 ตอนแรกของเส้นทางสู่เต๋าสวรรค์

     

    “หนี!!! หนีเร็วเข้า!!! มีสัตว์อสูรบุกมาแล้ว!!!!”

     

    หยูฟางเฉินค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายดังรบกวน แล้วก็พบว่าไม่สามารถลุกขึ้นได้เหมือนมีอะไรทับอยู่ แถมทั้งตัวยังรู้สึกเจ็บระบมไปหมด 

     

    “สัตว์อสูรเสือดำเพชฌฆาตกำลังจะฆ่าคนแล้ว!!!! หนีเร็วเข้า!!!!!!”

     

    “อ่า…นอนตกเตียงเหรอเนี่ย” หยูฟางเฉินพึมพำกับตัวเอง เสียงโวยวายเหล่านั้นยังดังอยู่ไม่ไกลทำให้สติของหยูฟางเฉินค่อย ๆ แจ่มชัดมากขึ้น 

     

    สัตว์อสูรบ้าอะไร นี่มัน ปี 2021 แล้วยังจะมีสัตว์อสูรอะไรอีก สงสัยอัพยาเกินขนาดจนเกิดภาพหลอนแหง ๆ 

     

    “เจ้าหนู! อดทนไว้ก่อนนะ ลุงจะไปตามนักล่าสัตว์อสูรในหมู่บ้านมาช่วย อย่าเพิ่งตายล่ะ!” ชายวัยกลางคนตะโกนพร้อมกับวิ่งไปด้วย คนอื่น ๆ ก็กำลังวิ่งพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกตามหลังกันไป 

     

    หยูฟางเฉินกะพริบตาปริบ ๆ แทบไม่ได้ฟังที่ลุงคนนั้นพูดเพราะกำลังอึ้งกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าของเขา สิ่งมีชีวิตหน้าตาน่าเกลียดรูปร่างคล้ายกับเสือกำลังเอาอุ้งเท้าเหยียบอยู่บนอกของเขา พร้อมกับทำน้ำลายไหลเยิ้มยิงฟันอันแหลมคมที่มีหินปูนเกาะอยู่ให้เขาดู

     

    อี๋ กลิ่นเหม็นเป็นบ้า

     

    หยูฟางเฉินคิดว่าเขากำลังฝันอยู่ และนี่คงเป็นฉากที่เขาโดนสัตว์อสูรไล่ล่า เขาเป็นนักเขียนที่มีจินตนาการสูงน่ะ…ฝันอะไรแบบนี้อยู่บ่อย ๆ จนชินซะแล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้ค่อนข้างสมจริงเพราะมาทั้งความเจ็บและกลิ่นที่เกินจะทน

     

    “เปลี่ยนฉากได้แล้วน่า ทำไมฉันไม่เคยฝันถึงสาว ๆ สวย ๆ บ้างเลยนะ ฝันถึงแต่พวกสัตว์ประหลาดน่าเกลียดอยู่นั่นแหละ” หยูฟางเฉินหลับตาและมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนฉากในความฝันของเขา แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็ยังเห็นฉากเดิมไม่เปลี่ยน

     

    “ฮ่ะ ๆ ฝันครั้งนี้ดื้อด้านจริงแฮะ ก็ได้ ๆ ฉันคงต้องปราบตัวประหลาดตรงหน้านี้ก่อนสินะ แล้วไหนอาวุธล่ะ ?”

     

    [ระบบตรวจพบอันตราย สัตว์อสูรจิ้งจอกมายาระดับเส้นทางเทพขั้น 4 เนื่องจากโฮสต์ไม่มีอาวุธ โฮสต์ต้องการเช่าอาวุธเพื่อจัดการกับปิศาจหรือไม่ ?]

     

    เช่าอาวุธ ? แปลว่าต้องเสียเงินด้วยเหรอเนี่ย ทำไมในความฝันของฉันมันถึงได้งกจังเลยนะ…

     

    “เช่าก็เช่า ยังไงซะก็ไม่ได้เสียเงินจริง ๆ สักหน่อย”

     

    [ระบบส่งมอบอาวุธประเภทมีดสั้น คิดเป็นเงิน 200 เหรียญทองแดง เนื่องจากสภาพร่างกายของโฮสต์อยู่ในสภาวะผิดปกติ ระบบจะทำการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายให้โฮสต์โดยคิดเป็นเงิน 100 เหรียญทองแดง]

     

    ยืมอาวุธ 200 เหรียญ ฟื้นฟูร่างกาย 100 เหรียญ พระเจ้า…นี่มันปล้นกันชัด ๆ !!

     

    เมื่อเสียงแปลกประหลาดนั้นพูดจบ ร่างกายของเขาก็รู้สึกเบาสบายไม่เจ็บระบมแถมยังมีพละกำลังเต็มเปี่ยม! สัตว์อสูรที่กำลังเหยียบอกหยูฟางเฉินร้องคำราม ก่อนจะอ้าปากหวังจะกัดร่างของเขา ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดจึงรีบยกมือขึ้นมาเพื่อป้องกันโดยที่ในมือขวาของเขามีมีดสั้นเล่มหนึ่งที่มาตอนไหนก็ไม่รู้ สัตว์อสูรตนนั้นจึงทำได้แค่กัดโดนคมมีดนั้น

     

    กรร!

     

    ปิศาจตนนั้นขู่อย่างอาฆาต และพยายามจะกัดหยูฟางเฉินให้ได้ หยูฟางเฉินยกเท้าถีบเข้าไปที่กลางร่างกายของปิศาจตนนั้น ก่อนจะดีดตัวขึ้นมาตั้งท่าเตรียมต่อสู้

     

    “เฮ้ ๆ อย่าได้ใจไปนักไอ้ตัวน่าเกลียด เห็นอย่างนี้ฉันก็เป็นกังฟูนะโว้ย” 

     

    “เจ้าสิน่าเกลียด!! บิดาเจ้าก็น่าเกลียด!!! ทั้งตระกูลเจ้าน่ะเป็นไอ้ตัวน่าเกลียด!!!!”

     

    หยูฟางเฉินขมวดคิ้วหรี่ตาลงเล็กน้อย เสียงของสัตว์ประหลาดตัวนี้มันแหลมสูงเหมือนเด็กยังไม่แตกเนื้อหนุ่มผิดกับภาพลักษณ์ที่ดูอุบาทว์นี้พอสมควร แล้วเมื่อกี้เหมือนได้ยินเสียงประหลาดนั่นบอกแว่ว ๆ ว่ามันคือสัตว์อสูรจิ้งจอกมายา ไอ้ตัวที่อยู่ตรงหน้านี่มองยังไงก็ไม่เหมือนจิ้งจอกเลยสักนิด…

     

    “นี่ ไอ้ตัวน่าเกลียด แกน่ะเป็นตัวอะไรกันแน่ มองยังไงก็ไม่เห็นเหมือนจิ้งจอกเลยสักนิด” 

     

    สัตว์ประหลาดตรงหน้าเมือได้ยินหยูฟางเฉินพูดเช่นนั้นก็เบิกตาอ้าปากกว้างเหมือนกำลังตกตะลึงในสิ่งที่หยูฟางเฉินพูด

     

    “จ…เจ้า รู้ได้ได้ยังไงว่าข้าเป็นจิ้งจอก เอ้ย!! ไม่ใช่ ข้าไม่ใช่จิ้งจอก ข้าคือสัตว์อสูรเสือดำเพชฌฆาตต่างหาก!!”

     

    “อ๋อ แกแปลงร่างได้สินะ แต่แกหลอกคนฉลาดอย่างฉันไม่ได้หรอก แกน่ะคือจิ้งจอก!!!” 

     

    “อ๊าาา ก็บอกว่าข้าไม่ใช่จิ้งจอกยังไงเล่า!! ช่างเถอะ ยังไงซะวันนี้แกก็ต้องกลายมาเป็นอาหารให้ข้าอยู่แล้ว ตายซะเถอะ!!!” เมื่อพูดจบ สัตว์อสูรตนนั้นก็กระโจนเข้าไปหาหยูฟางเฉิน 

     

    หยูฟางเฉินเบี่ยงตัวหลบก่อนจะใช้ด้ามมีดทุบลงที่หลังของสัตว์อสูรตนนั้น แล้วตามด้วยใช้ส้นเท้าเตะไปที่คอของสัตว์อสูรตนนั้น 

     

    “อ๊ากกกก”

     

    สัตว์อสูรตนนั้นกรีดร้องเมื่อไปกระแทกเข้าต้นไม้ต้นใหญ่จากลูกเตะของหยูฟางเฉิน มันลุกขึ้นขึ้นมาก่อนจะมองหยูฟางเฉินด้วยแววตาโหดร้ายและเร่งความเร็วในการพุ่งเข้ากระแทกหยูฟางเฉินกระเด็นไปกระแทกกับหินก้อนใหญ่จนเขาแทบกระอักเลือด

     

    “อั่ก! เจ็บนะโว้ยไอจิ้งจอกนี่!!”

     

    ตูม! ตูม! ตูม! 

     

    เสียงกระแทกของหยูฟางเฉินและสัตว์อสูรที่ผลัดกันรุกผลัดกันรับจนสะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน ร่างกายของหยูฟางเฉินเต็มไปด้วยเลือดที่เกิดจากกรงเล็บ ส่วนร่างกายของสัตว์อสูรก็อาบด้วยเลือดที่เกิดจากคมมีดของหยูฟางเฉิน

     

    ทั้งสองพุ่งกระโจนเข้าใส่กันอีกครั้งจนในที่สุดสัตว์อสูรก็พลาดท่าหยูฟางเฉินรีบกดมีดจ่อไปที่คอของสัตว์อสูรตนนั้นทันที “เอาล่ะ มาดูกันสิว่า…ขนของแกจะเอาไปทำพรมเช็ดเท้าได้กี่ผืน”

     

    หยูฟางเฉินเงื้อมีดขึ้นหวังจะปักไปที่คอของสัตว์อสูรตนนั้น

     

    “หยุดก่อน!! เจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!!!”

     

    หยูฟางเฉินชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็รีบกดมีดลงที่คอของสัตว์อสูรตนนั้น 

     

    “ทำไมฉันจะฆ่าแกไม่ได้ แกก็เป็นแค่ฝันของฉัน” นิสัยเสียของหยูฟางเฉินกำลังเริ่มขึ้น เขามีนิสัยแปลก ๆ ที่ชอบไล่ต้อนผู้คนให้จนมุมเพราะรู้สึกว่าตัวเองนั้นเหนือกว่า จนบางครั้งก็เผลอไปขัดขาตอใหญ่เข้า ดีที่แม่ของหยูฟางเฉินส่งให้เขาเรียนศิลปะการต่อสู้ไว้ป้องตัวจึงทำให้เขานั้นรอดพ้นจากการโดนรุมกระทืบมาจนโตป่านนี้ได้ 

     

    “ฝันบิดาเจ้าน่ะสิ! อึ่ก! ข้าขอโทษ…เอามีดของเจ้าออกไปให้ห่างคอข้าหน่อยได้ไหม!!” เมื่อสัตว์อสูรตนนั้นอ้อนวอนเขาจึงถอยมีดออกห่างมาเล็กน้อย แต่ก็ยังจ่อคอมันอยู่

     

    “เอาล่ะ บอกเหตุผลดี ๆ มาสักข้อสิว่าทำไมฉันถึงฆ่าแกไม่ได้ ถ้าเหตุผลไม่ดีพอล่ะก็…” หยูฟางเฉินเพิ่มน้ำหนักมีดที่กดอยู่ที่คอสัตว์อสูรตนนั้นเล็กน้อย

     

    “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! เพราะ…เพราะว่า…” สัตว์อสูรตนนั้นทำท่าทางอึกอักจนหยูฟางเฉินเพิ่มน้ำหนักมีดลงไปอีกนิด

     

    “บอกแล้ว บอกแล้ว! ที่เจ้าฆ่าข้าไม่ได้เพราะข้าเป็นสัตว์อสูรเผ่าจิ้งจอก!!”

     

    “แล้วยังไง ? แกเป็นเผ่าจิ้งจอกแล้วทำไมฉันจะฆ่าแกไม่ได้ ?” หยูฟางเฉินขมวดคิ้วงงเล็กน้อย

     

    “บัดซบ! เจ้าตัวโง่เง่านี่ บิดาเจ้าไม่สั่งสอนหรือไงว่าคนในเมืองท้อสวรรค์นี่ทำสัญญากับท่านคิวบิจิ้งจอกมายาศักดิ์สิทธิ์ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่เข่นฆ่ากันเป็นระยะเวลาหมื่นปี! และข้าเป็นจิ้งจอกเพราะฉะนั้นเจ้าจะฆ่าข้าไม่ได้!!” เหมือนสัตว์อสูรตนนั้นกลัวว่าหยูฟางเฉินจะไม่เชื่อว่ามันเป็นจิ้งจอก จึงได้แปลงกลายกลับไปเป็นจิ้งจอกน้อยสีขาวตัวเล็ก ๆ ทันที

     

    เดี๋ยวนะ…

     

    เมืองท้อสวรรค์ ? คิวบิจิ้งจอกมายาศักดิ์สิทธิ์ ?? 

     

    นี่มันชื่อเมืองของ ‘ตงฟางรุ่ยจื่อ’ พระเอก ของนิยายเรื่องเส้นทางสู่เต๋าสวรรค์ของเขา กับชื่อสัตว์อสูรเจ้าแห่งป่าท้อสิบทิศเขตเหนือนี่ไม่ใช่หรือไง ?

     

    หยูฟางเฉินสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน นี่เขาฝันถึงนิยายที่ตัวเองแต่งหรือนี่ ก็เป็นไปได้…เพราะช่วงนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับการพยายามแต่งเส้นทางสู่เต๋าสวรรค์ให้จบให้ได้สักที 

     

    “เจ้าตัวโง่เง่า รู้แบบนี้ก็ปล่อยข้าสักที! เจ้าคงไม่คิดจะผิดสัญญากับท่านคิวบิใช่หรือไม่ เจ้าคงไม่อยากให้เผ่าจิ้งจอกบุกถล่มหมู่บ้านเล็ก ๆ ของเจ้าให้พังราบคาบหรอกนะ” 

     

    หืม…

     

    ฝันถึงนิยายตัวเองก็เรื่องนึง…แต่ไอเจ้าจิ้งจอกน้อยอวดเก่งนี่ก็อีกเรื่องนึง สงสัยต้องสั่งสอนในฐานะผู้สร้างนิยายเรื่องนี้สักหน่อยล่ะมั้ง

     

    “อ้อ…อย่างนั้นเหรอ เผ่าจิ้งจอกจะถล่มหมู่บ้านข้าเพราะทำผิดสัญญาอย่างนั้นเหรอ แล้วถ้าหากข้าฆ่าเจ้าทิ้งซะ เผ่าจิ้งจอกจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนทำ แล้วอีกอย่าง…ข้าว่าเจ้าเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจมตีมนุษย์ก่อนนะ” หยูฟางเฉินยิ้มเหี้ยมพลางไล้คมมีดไปที่กรอบหน้าของจิ้งจอกน้อยจนจิ้งจอกน้อยตัวสั่นพั่บ ๆ 

     

    “เผ่าจิ้งจอกต้องตามหาข้าแน่! ข้าเป็นถึงองค์ชายสิบของเผ่าจิ้งจอก!! มนุษย์ที่ต้อยต่ำอย่างเจ้าจะนับเป็นอะไรได้!!”

     

    องค์ชายสิบของเผ่าจิ้งจอก ? สัตว์อสูรคู่พันธสัญญาที่ตงฟางรุ่ยจื่อทำสัญญาตั้งแต่ตอนแรกเลยอะนะ ? หรือว่าตอนนี้เขาฝันว่าตัวเองคือตงฟางรุ่ยจื่องั้นหรอกเหรอ…มิน่าฉากนี้มันช่างคุ้น ๆ ซะเหลือเกิน

     

    “เจ้าคือ ‘เว่ยเว่ย’ อย่างนั้นเหรอ ?” 

     

    “บังอาจ! ข้าคือหลี่เว่ยหลาง เว่ยเว่ยนั่นคือนามอะไรกัน เจ้าไม่มีสิทธิ์มาเรียกข้าเช่นนั้น!” เว่ยเว่ย…หรือหลี่เว่ยหลาง พองขนทำตาเกรี้ยวกราด แต่เมื่ออยู่ในร่างจิ้งจอกน้อยตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ แบบนั้นกลับไม่ได้ทำให้ดูน่ากลัวเลยสักนิด ยิ่งทำให้หยูฟางเฉินยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง เขามองเว่ยหลางตาเป็นประกายระยิบระยับ…แกล้งตัวละครของตัวเองสักนิดจะเป็นอะไรไป

     

    อยู่ ๆ เว่ยหลางก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ 

     

    “อืม…เว่ยหลางงั้นสินะ ข้าไม่อาจจะฆ่าเจ้าได้จริง ๆ นั่นแหละ ไม่งั้นมันจะเป็นปัญหาได้” หยูฟางเฉินพูดพลางแสร้งถอนหายใจ เว่ยหลางเห็นดังนั้นก็ยิ่งยืดเข้าไปใหญ่ 

     

    “ใช่มั้ย! ใช่มั้ยล่ะ!! เจ้าฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วนี่…ถ้างั้นก็รีบปล่อยข้า แล้วข้าจะไม่ถือสาเอาความเจ้าอีก” รอให้เจ้าปล่อยข้าก่อนเถอะ ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ แล้วกินซะ! เว่ยหลางแอบคิดในใจ

     

    “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือไง ถ้าข้าปล่อยเจ้าไปเฉย ๆ ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าจะไม่กลับมาแก้แค้นข้า” 

     

    “ข้าเป็นองค์ชาย พูดคำไหนคำนั้น!” ซะเมื่อไหร่กันล่ะ…

     

    “ไม่ได้ ๆ ข้าต้องมีอะไรมายืนยัน ไม่งั้นข้าก็จะยอมเสี่ยงฆ่าเจ้าแล้วหนีไปให้ไกลจากเมืองท้อสวรรค์นี่ซะ” หยูฟางเฉินทำท่าคิดหนัก และแอบขู่เว่ยหลางไปในตัว

     

    “ไม่ได้! ก็ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะไม่ถือสาเจ้า เจ้าจะเอาอะไรอีก” 

     

    “พันธสัญญา…ข้าต้องการทำพันธสัญญากับเจ้า” หยูฟางเฉินยื่นข้อเสนอให้จิ้งจอกจอกน้อย

     

    “เจ้า! ข้าไม่ยอม!! ข้าเป็นถึงองค์ชาย จะให้ข้าไปเป็นทาสเจ้าฆ่าข้าเสียยังจะดีซะกว่า!!!” 

     

    “งั้นเหรอ…ตกลง งั้นฆ่าเจ้าทิ้ง” หยูฟางเฉินลงน้ำหนักมีดแรงขึ้น

     

    “เดี๋ยวก่อน!!!” จิ้งจอกน้อยตัวสั่น บ้า เจ้านี่มันบ้าไปแล้ว…มันไม่สนกฎห้ามฆ่าจิ้งจอกที่ท่านคิวบิทำไว้หรือกลัวเผ่าจิ้งจอกมาตามแก้แค้นเลยสักนิด เขาเชื่อว่าถ้าเกิดยังขัดขืน เจ้าหมอนี่มันจะฆ่าเขาทิ้งจริง ๆ แต่จะให้ทำพันธสัญญาเป็นทาสไปตลอดชีวิตเขาก็ยอมไม่ได้…

     

    “ให้ข้าเป็นทาสติดตามเจ้าไปตลอดชีวิตข้าทำไม่ได้ เจ้าต้องกำหนดระยะเวลาในการทำพันธสัญญาให้ชัดเจน” 

     

    “งั้นสักพันปีเป็นไง ?”

     

    “พันปีปู่เจ้า…”

     

    “หรือจะให้ข้าฆ่าเจ้า ?”

     

    เอื๊อก…

     

    จิ้งจอกน้อยเว่ยหลางแอบกลืนน้ำลายกับมีดเล่มนั้น ทั้ง ๆ ที่ตอนเขาเลือกเหยื่อเขาก็ดูดีแล้วนะว่ามันไม่มีปราณเลย เป็นแค่ขยะธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ ๆ เจ้านี่ก็แข็งแกร่งขึ้นมาได้ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นสัตว์อสูรระดับเส้นทางเทพขั้น 4 เขาควรจะฆ่าขยะไร้ปราณนี่ได้ง่าย ๆ สิ

     

    “ว่ายังไงจิ้งจอกน้อย…ข้าก็ไม่ได้จะเอาเปรียบเจ้าหรอกนะ สัญญาทาสอะไรนั่นข้าไม่ทำ ข้าจะให้เจ้าทำพันธะคู่สัญญา เมื่อครบพันปีข้าก็ปล่อยเจ้าไป” หยูฟางเฉินพูดขึ้นมายิ้ม ๆ ด้วยรู้ว่ายังไงซะจิ้งจอกนี่ก็ตอบตกลงอยู่แล้วเพราะคิดว่าตงฟางรุ่ยจื่อไม่มีปราณ อายุขัยน้อยไม่นานก็ตาย 

     

    ใช่…จิ้งจอกน้อยกำลังคิดเช่นนั้นอยู่จริง ๆ ไม่แปลกที่หยูฟางเฉินจะรู้ ก็เขาเป็นคนเขียนมันขึ้นมาเองนี่นา 

     

    “ตกลง ข้าจะทำพันธะคู่สัญญากับเจ้าเป็นเวลาพันปี ร่ายพันธะซะสิ” จิ้งจอกน้อยแอบยิ้มอยู่ในใจ แต่ภายนอกทำหน้าเศร้า

     

    “ข้าตงฟางรุ่ยจื่อ ขอทำพันธะคู่สัญญา กับองค์ชายสิบหลี่เว่ยหลางแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาเป็นเวลาหนึ่งพันปี” หยูฟางเฉินที่ตอนนี้เป็นตงฟางรุ่ยจื่อเขียนวงเวทคู่พันธะ เขาสร้างมันอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับร่ายมาเป็นสิบเป็นร้อยครั้ง แอบตกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่มือขยับเขียนอักขระแปลก ๆ ไปเอง

     

    ก็จริงอยู่ว่าเขาเป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้ แต่ไอ้วงเวทย์นี่มันเกินสิ่งที่เขาเขียนไปอยู่นะ…

     

    [ภารกิจย่อยที่ 1 ทำพันธสัญญากับหลี่เวยหลางเสร็จสิ้น โฮสต์สามารถตรวจสอบของรางวัลได้ที่แอปพลิเคชันภารกิจ]

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×