คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : A Colorless God And A Sleeping Withered Rose: Chapter I
ครั้งหนึ่ง รูบี้ โมริ ก็เคยได้รับความรักจากผู้ให้กำเนิด อาจนับตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเสียด้วยซ้ำ กระทั่งมันได้ผันกลายเป็นความเกลียดชังเมื่อพ่อที่เป็นชาวต่างชาติจำต้องบินกลับบ้านเกิดเมืองนอนด้วยข้ออ้างเรื่องครอบครัว เขาให้คำมั่นกับสองแม่ลูกว่าจะกลับมาหา แต่หลังผ่านไปหนึ่งปี แม่ของเธอก็ได้ตระหนักถึงความเป็นจริงที่ทิ่มแทง จากนั้นหล่อนก็เริ่มหลับนอนกับผู้ชายแปลกหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนเงินทองสำหรับการใช้จ่ายส่วนตัวที่หมายถึงการดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำทั้งเช้าค่ำ โดยไม่มีเผื่อแผ่มาถึงเลือดเนื้อเชื้อไขที่หล่อนควรต้องรับผิดชอบดูแล หล่อนมักจะหายตัวไปคราวละหลายๆ วัน หากเมื่อไหร่ที่กลับมาบ้าน หล่อนจะด่าทอและทำร้ายร่างกายลูกสาววัยแปดขวบที่มีผมสีทองและนัยน์ตาสีเทาเหมือนกับผู้ชายคนนั้นที่ทอดทิ้งไป โชคดีที่รูบี้ยังคงได้รับความเมตตาจากคู่สามีภรรยาวัยชราเจ้าของแผงดังโงะในละแวกบ้านเช่าที่ปันอาหารมาให้ แม้พวกเขาจะทัดทาน แต่เด็กหญิงที่รู้คุณก็เต็มใจช่วยเหลืองานที่แผงดังโงะ เป็นภาพที่ชินตาของผู้คนตลอดละแวกนั้นมากว่าสองปี
กระทั่งเธอได้รับแจ้งข่าวร้ายเรื่องการตายของแม่จากเพื่อนบ้าน ในเช้าวันเกิดอายุครบสิบขวบของตนเอง หล่อนถูกฆ่าตายในตรอกและทิ้งร่างที่ถูกกรีดใบหน้าจนเละเทะ ส่วนหน้าท้องก็แหวกเอาขดไส้ออกมาให้ส่งกลิ่นเน่าเหม็น เป็นอาหารของสัตว์กินซากอยู่กว่าครึ่งค่อนวัน สภาพของหล่อนตอนที่ตำรวจไปพบนั้นแทบไม่มีชิ้นดี ถ้าไม่ได้เป็นเพราะนามบัตรของร้านเหล้าเจ้าประจำที่หล่อนพกติดกระเป๋าถือมาด้วย มาสเตอร์ที่ถูกเรียกตัวไปจดจำเสื้อผ้าสีฉูดฉาดตัวที่หล่อนใส่ในวันนั้นและกระเป๋าถือใบเก่งได้อย่างแม่นยำ ข้อสรุปจึงแน่ชัดว่าเป็นนางโมริ คาสึมิ มารดาที่รูบี้ไม่ได้เจอหน้านานกว่าสัปดาห์แล้ว น้ำตาของเธอไหลหลั่งลงมาทันทีที่ได้ยินข่าวร้ายนั้น ทุกคนต่างพากันสงสารเวทนาเด็กหญิงตัวน้อย แต่แท้จริงแล้วหยาดหยดของน้ำตาเหล่านั้นหาได้มาจากความเสียใจ หากเป็นความโล่งใจและยินดีกับการตายของผู้ให้กำเนิด เมื่อต่อจากนี้เธอจะไม่ต้องคอยหวาดผวากับเสียงเลื่อนบานประตูหน้าบ้านอีกต่อไปแล้ว บ้านที่จะเปลี่ยนเป็นนรกเมื่อหล่อนมาเยี่ยมเยือนอาจไม่ถึงกับเป็นสรวงสวรรค์ กระนั้นมันก็ทำให้รูบี้กินอิ่มนอนหลับได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องทนคุดคู้ด้วยความเจ็บปวดทรมานกับรอยช้ำตามเนื้อตัว โดยเฉพาะหนังหัวที่มักจะถูกฉุดกระชากจนมันขาดร่วงเป็นกระจุก
แต่รูบี้ไม่คาดคิดว่าเธอจะได้พบกับสรวงสวรรค์ของจริงหลังได้พบกับพี่สาวของแม่ในงานศพ คนที่เด็กสาวไม่เคยรู้ว่ามีตัวตนบนโลกใบนี้มาก่อน ใบหน้าของหล่อนถูกปกปิดไว้ภายใต้หมวกปีกกว้างใบใหญ่กับผ้าคลุมลูกไม้สีดำเสมอ ลือกันว่าหล่อนมีแผลเป็นน่าเกลียดบนใบหน้าซีกหนึ่งซึ่งรูบี้เคยได้เห็นผิวหนังที่ยับย่นผ่านผ้าคลุมที่พะเยิบขึ้น กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เธอนึกหวาดกลัวหรือว่ารังเกียจ หล่อนไม่ให้หลานสาวเรียกด้วยสถานะ หากอย่างเป็นการเป็นงานว่า ‘คุณมิโดริ’ และเมื่อเธอได้ย้ายจากบ้านเช่าซอมซ่อในเมืองหลวงไปยังคฤหาสน์แบบยุโรปกลางป่าคารุอิซาวะที่หล่อนเป็นผู้ถือครอง รูบี้ก็ยินยอมพร้อมใจทำทุกอย่างที่คุณมิโดริต้องการโดยไม่มีข้อแม้
คุณมิโดริให้การเลี้ยงดูหลานสาวคนเดียวเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าหล่อนมักจะหายไปต่างประเทศคราวละนานๆ ด้วยข้ออ้างเรื่องงานที่หล่อนไม่เคยขยายความ และรูบี้ก็ไม่กล้าถาม หากแม่บ้านประจำและครูสอนหนังสือที่จะเข้ามาสัปดาห์ละสามครั้งก็คอยดูแลเธอทั้งเรื่องมารยาทและการเรียนไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เรือนผมหยิกสีทองของเธอกลับมาขึ้นเต็มสลวย นุ่มลื่นและเปล่งประกายเหมือนกับเส้นไหมเนื้อดี ขับผิวสีขาวสว่างที่ไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ ในชุดกระโปรงฟูฟ่องจนเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่คุณมิโดริมักหอบหิ้วมาฝากจากอเมริกาไม่มีว่างเว้น
เธอไม่ได้พบปะผู้คนมากนัก ยกเว้นเวลาที่คุณมิโดริกลับบ้านแล้วพาเธอไปออกงานสังคมที่มีแต่พวกผู้ใหญ่ด้วยกัน จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเด็กชายหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเลย ถึงอย่างนั้นรูบี้ก็ไม่ได้กระหายอยากมีเพื่อนเล่นหรือเพื่อนสนทนาด้วยมากไปกว่าหนังสือกองพะเนินทั้งภาษาญี่ปุ่นและต่างประเทศที่เป็นของสะสมของคุณมิโดริ กฎมีอยู่แค่ห้ามนำหนังสือออกไปอ่านข้างนอกและต้องเก็บเข้าใส่ชั้นในตำแหน่งเดิมเท่านั้น
เธอได้พบกับชายหนุ่มที่ชื่อฟุคาซาวะ ทัตสึยะตอนอายุสิบหก เขามาทำสวนให้คุณนายมิโดริแทนพ่อที่ล้มป่วยและต้องพักรักษาตัวอยู่อีกนาน รูบี้ตกหลุมรักใบหน้าอันหล่อเหลากับรอยยิ้มขัดเขินที่เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ส่องสว่างนับตั้งแต่แรกพบ ถึงด้วยฐานะที่ด้อยค่า และอายุที่มากกว่าเกือบสิบปี เธอไม่อาจอดทนเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ได้ จำต้องระบายมันลงไปในไดอารี่ล็อกกุญแจที่เธอซ่อนลูกกุญแจเอาไว้ใต้กระถางดอกไม้ริมหน้าต่าง หากเด็กสาวยังไม่ทันได้รู้จักความรักครั้งแรกที่ควรจะหวานชื่นให้ถ่องแท้ เธอกลับต้องลิ้มรสของความขมปร่าไม่ต่างจากยาฉุน เมื่อในวันถัดมานั้นเอง คุณมิโดริก็จะสั่งให้แม่บ้านจัดกระเป๋าใบใหญ่ให้เธอ ก่อนพาจับรถไฟเที่ยวสายในวันถัดมา ไม่สนใจคำอ้อนวอนขออยู่ต่อหรือตอบคำถามเด็กสาวที่น้ำตานองหน้ายามต้องแยกจากชายผู้เป็นที่รักลับๆ ข้างในอก ตลอดหกชั่วโมงของการเดินทาง เธอได้แต่ปล่อยหยาดน้ำใสให้ไหลอาบแก้มลงมาอย่างเงียบๆ หล่อนเองก็ไม่ได้ปริปาก กว่าจะมาถึงปลายทางก็เป็นเวลาเย็นย่ำมากแล้ว และเมื่อคุณมิโดริเรียกรถแท็กซี่ไปยังโรงเรียนสตรีเซย์ชิน ที่สุดแล้วข้อข้องใจของรูบี้ก็คลี่คลาย ทว่าก็ไม่ได้ช่วยให้ความโศกเศร้าของเธอมลายลงไปได้เลย
เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะไม่ได้กลับไปพบหน้าคุณฟุคาซาวะอีกเป็นเวลาสองปี หรืออย่างน้อยๆ คุณมิโดริก็ทำให้เธอเชื่อเช่นนั้น เมื่อหล่อนประกาศว่าจะไม่มารับเธอกลับไปอยู่ที่บ้านด้วยตอนปิดภาคเรียน หล่อนใช้หางตาปรายมองและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบกับรูบี้เป็นครั้งแรกว่าเด็กสาวที่ลุ่มหลงในบุรุษเพศถือว่ามีมลทินและจะต้องถูกลงทัณฑ์ สันหลังของเธอลุกวาบ รู้ว่าคุณมิโดริได้อ่านไดอารี่ที่เธอพร่ำเพ้อต่อหนุ่มชาวสวนผู้นั้นเป็นแน่แท้ ถึงไม่รู้ว่าหล่อนหาที่ซ่อนของลูกกุญแจพบได้อย่างไร แต่เธอก็น่าจะรู้ว่าไม่มีอะไรสามารถรอดหูรอดตาคุณมิโดริในคฤหาสน์ของหล่อนเองไปได้ คืนนั้นน้ำตาของเธอเปียกหมอนจนชุ่ม พร้อมกับหัวใจที่ถูกบีบรัดอย่างร้าวราน
ชีวิตที่เคยเป็นอิสระกลับต้องมาถูกกักขังอยู่ในกรงทองที่แม้จะโอ่อ่า หากเมื่อไม่มีสิ่งใดทำให้หัวใจชุ่มชื่นอยู่อีกต่อไปแล้วเธอจะปรีดาอยู่ได้อย่างไร
ชีวิตในโรงเรียนประจำก็ย่ำแย่ เธอต้องทำตามระเบียบที่แสนเคร่งครัดทุกอย่างจนน่าอึดอัด พวกคุณครูก็คอยจับตาดูอยู่ตลอด โดยเฉพาะอาจารย์ชิโรยานางิที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกับคุณมิโดริมากเป็นพิเศษ ทั้งที่หล่อนแก่มากแล้วแต่กลับให้ความเคารพคุณมิโดริที่อายุอ่อนวัยกว่า ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือรูบี้ยังถูกรังเกียจจากเพื่อนในโรงเรียนคนอื่นๆ เพียงเพราะการเป็นชาวต่างชาติที่มีทั้งหน้าตา รูปลักษณ์ หรือกระทั่งมันสมองเหนือกว่าใครๆ อันเนื่องมาจากความรู้ที่ซึมซาบมาจากหนังสือนับร้อยพันเล่ม เสียงพูดคุยสนุกสนานของพวกเธอจะเงียบลงไปเมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น รูบี้จึงเลือกใช้เวลาช่วงพักอยู่ในห้องสมุด ไม่ก็เดินเตร็ดเตร่ในตัวอาคารแสนกว้างขวาง หรือยืมหนังสือออกไปอ่านใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนที่สามารถมองเห็นทั้งอาคารสถาปัตยกรรมแบบกอธิคสไตล์ยุโรป และป่าที่เปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละฤดูกาลคนเดียวลำพัง ไม่เคยมีจดหมายตอบกลับจากคุณมิโดริถึงเธอจะเขียนไปหาหล่อนอย่างสม่ำเสมอมากมายแค่ไหนก็ตาม และแม้รูบี้จะอยากเขียนไปหาคุณฟุคาซาวะจนใจจะขาด เธอก็รู้ว่าไม่มีทางทำได้ เมื่อการตรวจจดหมายเข้าออกนั้นเข้มงวดจนเกือบใกล้เคียงกับคำว่าละลาบละล้วง รูบี้ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยนามของเขาหรือความรู้สึกที่อัดแน่นลงในไดอารี่ที่แน่ใจว่าต้องมีคนเข้ามาแอบอ่านตอนเธอไม่อยู่ ถึงจะล็อกห้องไว้แล้วก็ตาม รูบี้รู้เลยด้วยซ้ำว่าคนๆ นั้นต้องเป็นอาจารย์ชิโรยานางิ เธอต้องอดทนกับความทุกข์ทรมานแม้จะไม่ใช่ทางร่างกายเหมือนตอนที่อยู่กับแม่ ทว่าเป็นทางจิตใจที่ก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน
จนเมื่อถึงวันเกิดครบรอบปีที่สิบเจ็ด เธอก็ได้รับของขวัญจากคุณมิโดริที่เดินทางมาหาถึงโรงเรียน มันเป็นสร้อยคอรูปไม้กางเขนสีเงินเกลี้ยงเกลา เธอแอบผิดหวังเล็กน้อยกับของขวัญที่แสนธรรมดา หาใช่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับสีสันสวยๆ เหมือนอย่างหกปีที่ผ่านมา ถึงอย่างนั้นการได้พบหล่อนอีกครั้งหลังจากช่วงเวลาอันเนิ่นนานก็ทำให้เด็กสาวเต็มตื้นไปทั้งใจ
หล่อนบอกให้เธอสวมมันติดตัวเอาไว้ตลอดแม้แต่ตอนที่อาบน้ำ รูบี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำ เหมือนกับทุกๆ เรื่องที่เธอพร้อมทำเพื่อหล่อนได้เสมอ
หล่อนมาเพื่อมอบของขวัญให้เพียงเท่านั้น ไม่มีการสนทนาในเรื่องอื่นใดอีกอย่างที่รูบี้คิดว่าจะเป็น จากนั้นเธอก็เดินไปส่งคุณมิโดริและมองตามรถแท็กซี่ที่ขับพาหล่อนกลับไปจนลับตา รูบี้ยังคงยืนนิ่ง ปล่อยความคิดให้ลอยเหม่ออยู่อีกพักใหญ่ๆ มาได้สติเอาก็เมื่อมีรถแท็กซี่อีกคันมาจอดอยู่เบื้องหน้า รูบี้อดไม่ได้ที่จะจ้องมองดูด้วยความสนใจใคร่รู้ ไม่บ่อยนักที่จะมีคนหน้าใหม่เข้ามา ถ้าไม่ใช่ช่วงปิดหรือเปิดภาคเรียนที่ผู้ปกครองจะแห่แหนมารับและส่งบุตรหลานของตน นานทีปีหนถึงจะมีเด็กใหม่เข้ามากลางคันเหมือนอย่างเธอ หรืออย่างที่คุณมิโดริมาเยี่ยมเยือนในกรณีพิเศษ
แต่ชายที่เดินลงจากรถไม่เข้าข่ายไหนที่ว่ามาเลยสักอย่าง เขาลงจากรถมาคนเดียว และการที่เขาหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบสี่เหลี่ยมลงมาด้วยก็ช่วยยืนยันว่าเขาไม่ใช่ผู้ปกครองที่มาเยี่ยมเยือนของนักเรียนคนใด
นอกจากอาจารย์ใหญ่วัยใกล้หกสิบแล้ว บุคลากรทั้งหมดในโรงเรียนสตรีเซย์ชินก็ล้วนแต่เป็นผู้หญิงประเภทเดียวกัน ทั้งอายุมาก เจ้าระเบียบ และจืดชืดเหมือนใบไม้ที่แห้งโกร๋นในป่าตอนฤดูใบไม้ร่วง ตลอดหนึ่งปีที่อยู่ที่นี่ — หรืออาจจะตลอดทั้งชีวิตของเธอ — รูบี้ไม่เคยพบเจอชายตัวสูงใหญ่ กับใบหน้าหล่อเหลาที่สุดในแบบลูกผสมของทั้งอเมริกันและเอเชียเหมือนกับเธอมาก่อน เส้นผมสีเทาของเขาต้องแสงอาทิตย์สีเรื่ออ่อนในยามสนธยาและเปล่งประกายสีน้ำเงินที่หลบซ่อนอยู่ในนั้น มันงดงามไม่ต่างจากดอกกุหลาบสีดำที่ส่องต้องกับแสงจันทร์แล้วทอประกายสีน้ำเงินในเรือนกระจกของคุณมิโดริซึ่งหล่อนเพาะพันธุ์ขึ้นเอง และรูบี้ก็เคยลุ่มหลงเป็นนักหนากับการได้เห็นคุณฟุคาซาวะเฝ้าดูแลมันอย่างทะนุถนอม หากในชั่วพริบตาที่เขาหันมาจ้องสบกับเธอ ความคิดคำนึงถึงคุณฟุคาซาวะผู้เคยเป็นที่รักก็เลือนลับไปจนหมดสิ้น เขาส่งยิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่เพียงยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ทำให้ก้อนเนื้อข้างในอกของเธอเต้นรัวแรง
หรือคำตอบที่ถูกไขขานในวันถัดมา ก็ไม่อาจหยุดยั้งความรู้สึกที่คุณมิโดริกล่าวหาว่าแปดเปื้อนได้เลย
“ฉันชื่อเจสซี่ ลูอิส จะเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่ของพวกเธอนับตั้งแต่วันนี้”
รูบี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อาจารย์ใหญ่จึงรับอาจารย์ผู้ชายที่ยังหนุ่มแน่น แถมมีใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจเข้ามาในโรงเรียนสตรีเช่นนี้ แม้แต่อาจารย์ผู้หญิงที่เคยด่าทอต่อว่าเพียงแค่ภาพถ่ายของดาราหนังในหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีคนแอบเอาเข้ามาก็ยังนิยมชมชอบเขา ไม่ต่างจากสาวรุ่นวัยแรกแย้มเลยแม้แต่น้อย รูบี้ไม่เคยพบเขาอยู่ตามลำพังเหมือนอย่างวันแรกที่เจออีก ไม่อาจารย์ก็นักเรียนจะเข้าไปรุมล้อมเขา สรรหาเรื่องราวต่างๆ นานา ทั้งเรื่องบทเรียนหรือเรื่องสัพเพเหระเพียงเพื่อที่จะได้อยู่ชิดใกล้ ไม่มีการถูกรังเกียจเพราะเป็นลูกครึ่งอเมริกันเหมือนอย่างที่เธอได้ประสบ...และยังคงเผชิญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หรืออันที่จริงควรต้องบอกว่ามากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะทุกคนต่างหวั่นเกรงว่าเธอจะใช้มันเป็นข้อได้เปรียบในการเข้าหาอาจารย์ลูอิส
ความรู้สึกที่เธอมีให้อาจารย์ลูอิสในบัดนี้ทั้งรุนแรงและเข้มข้นยิ่งกว่าที่เคยรู้สึกต่อคุณฟุคาซาวะเมื่อหนึ่งปีก่อน จนเธอไม่อาจเก็บงำไว้กับตัวเองได้อีกต่อไปโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง รูบี้จำต้องพร่ำเพ้อพรรณนาออกมาเป็นรูปธรรมในไดอารี่หลายหน้าที่แสนจะยาวเหยียด ไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าอาจารย์ชิโรยานางิจะมาเจอมันแล้วฟ้องไปยังคุณมิโดริหรือไม่ เธอจะร้องเรียกชื่อของเขาซ้ำๆ ในห้องนอนยามค่ำคืนที่ไม่มีรูมเมตเพราะคุณมิโดริประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น เป็นครั้งแรกที่รูบี้นึกขอบคุณหล่อนที่ส่งเธอมายังโรงเรียนประจำแห่งนี้ ต่อให้มันจะเป็นกรงขังที่ลิดรอนอิสรภาพมากเพียงไร รูบี้ก็เต็มใจยอมรับมัน
เด็กสาวไม่สามารถตั้งสมาธิจดจ่อในคาบเรียนของอาจารย์หนุ่มผู้นั้นได้ กระนั้นก็สามารถปกปิดความนัยเอาไว้ได้อย่างแนบเนียนในยามที่นั่งตัวตรงแล้วจับจ้องมองเขา เพราะนักเรียนดีเด่นอย่างรูบี้กระทำเช่นนั้นเสมอ เมื่อไหร่ที่บังเอิญสบสายตากับอาจารย์ลูอิส เนื้อตัวของเธอก็จะสั่นสะท้านราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังงานบางอย่าง หรือตอนที่เขาเรียกชื่อของเธอให้ตอบคำถาม และคำชมเชยที่ว่าเก่งมาก ท้องน้อยของเธอก็จะรู้สึกโหวงหวิว เหมือนว่าเธอต้องการให้เขาเรียกชื่อของเธอ เอ่ยคำชมเชยในเรื่องอื่นที่มากกว่านั้น
เพียงแต่รูบี้ไม่รู้ว่ามากกว่านั้นมันคืออะไร
เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ไม่มีการเรียนการสอน หลังรับประทานมื้อเที่ยง รูบี้จึงออกไปนั่งอ่านหนังสือในสวนเหมือนอย่างทุกที ที่นั่งประจำของเธอคือใต้ต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องดนตรีซึ่งจะได้ยินเสียงเปียโนดังแว่วมา รูบี้รู้ว่าอาจารย์ลูอิสเป็นคนบรรเลงมัน เธอคิดว่าเขาเล่นมันได้ไพเราะไม่ต่างจากแผ่นเสียงที่เธอจะได้ยินอย่างแผ่วผิวในยามค่ำคืนจากห้องนอนของคุณมิโดริเสมอๆ บทเพลงที่เบาสบาย ผนวกกับสายลมเย็นและแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านหมู่ไม้มาจะทำให้เธอผล็อยหลับไป พร้อมกับวรรณกรรมเรื่อง ‘อลิซผจญภัยในแดนมหัศจรรย์’ ที่ยังถืออยู่แนบอก กว่าจะลืมนัยน์ตาตื่นขึ้นมาอีกที ท้องฟ้าก็กลายเป็นสีดำสนิทที่ถูกแต้มแต่งด้วยวงกลมสีขาวดวงใหญ่ในมุมหนึ่งแล้ว ความตื่นตระหนกทำให้รูบี้ผลุนผลันลุกขึ้นยืน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเลยเวลามื้อค่ำหรือล่วงไปถึงเวลาดับไฟแล้วหรือเปล่า แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับตัวมากไปกว่านั้นเพื่อกระทำสิ่งใด หนังสือที่ร่วงหล่นลงไปบนพื้นเพราะการขยับตัวอันรวดเร็วก็จะถูกอะไรบางอย่างฉกฉวยไป รูบี้หลุดกรีดเสียงร้องออกมาเบาๆ เธอมองไม่เห็นว่าเป็นสิ่งใดนอกจากดวงตาอันวาววับของมัน ทั้งที่รู้ดีว่าอันตรายแค่ไหน กระนั้นเธอก็วิ่งตามมันเข้าไปในป่าที่มีเพียงแสงจากจันทร์เต็มดวงสาดส่องให้มองเห็นทาง
ทั้งที่มันวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เธอก็ยังคงไล่ตามจนทันแผ่นหลังของมันที่วิ่งไวๆ ได้ ว่ากันตามตรงแล้วดูราวกับว่ามันรั้งรอคอยเธออยู่เสียด้วยซ้ำไป รูบี้วิ่งลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ ครั้นแล้วเมื่อเธอรู้สึกล้าอ่อนจนแทบจะทนไม่ไหว มันก็หยุดการเคลื่อนไหว ปล่อยหนังสือเล่มหนาของเธอลงแล้วเร้นกายหายลับเข้าไปในเงามืดของแมกไม้
บัดนี้มีเพียงเธอที่ทรุดร่างลงไป แต่ไม่ใช่ความเชียบงันที่รายล้อม มีเสียงของสายลม ของแมกไม้ กระทั่งเสียงร้องของนกกลางคืนที่ทำให้สรรพสิ่งรอบข้างสั่นไหว ความเหนื่อยล้าดูเหมือนจะปัดเป่าความหวาดกลัวไปจนสิ้น
จนเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงเงาร่างที่บดบังแสงสว่างจากเบื้องหลัง ลำคอระหงของเธอก็จะถูกมือใหญ่ดึงรั้งขึ้นให้แหงนเงย พร้อมกับใบหน้าที่ถูกจับเอียงไปอีกฟากหนึ่ง เนื้อตัวของหญิงสาวสั่นเทา ยิ่งเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่รดรินลงมา เธอคิดถึงความแหลมคมที่อาจจะกดลงมาจากคมเขี้ยวเหมือนในหนังสือที่เคยอ่าน แต่กลับเป็นสัมผัสนุ่มหยุ่นที่กดประทับลงมาแทน ปลายนิ้วที่วางอยู่บนลำคอก็เขยิบขึ้นมาถึงริมฝีปากของเธอและลากวนอยู่อย่างนั้น ก่อนเธอจะเผยอรับและเล็มเลียมัน มวนในท้องพลันก่อตัวขึ้นอีกครั้งจนเธอรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่เพียงแค่ท้องน้อยหากยังรวมถึงจุดกึ่งกลางลำตัวที่เธอยังคงไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ยินเสียงหัวเราะของเขาที่ราวกับอ่านความคิดแสนเดียงสาของเธอออก และเมื่อนั้น รูบี้ก็ไม่สนใจอีกแล้วว่าตนเองจะต้องกลายเป็นหญิงสาวผู้แปดเปื้อนมีมลทินอย่างไร ความภักดีที่เคยมีต่อคุณมิโดริสลายหายไปในวินาทีที่อาจารย์ลูอิสแนบริมฝีปากลงประทับกับส่วนเดียวกันของเธอ
_______________
ความคิดเห็น