ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [NCT X You] Love Phobia

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 64


    1

     

     

     

                และแล้วก็ต้องกลับเข้าสู่อีหรอบเดิม ซักประวัติ ถามอาการ รื้อฟื้นปัญหาชีวิต ณ แผนกจิตเวชเจ้าเก่าเจ้าเดิมเพิ่มเติม คือ เปลี่ยนหมอ!

                                                                  

     

     

     

    ก็ใครมันจะอยากไปง้อไอหมอพูดจาชวนกำหมัดคนนั้นอีก!!

     

     

     

     

    ซึ่งครั้งนี้ก็ได้หมอผู้หญิงมา ให้ความรู้สึกสบายใจกว่า และคิดว่าเธอน่าจะเข้าอกเข้าใจฉันเป็นอย่างดี แต่ว่า ฉันก็คิดผิด

     

     

     

     

                จากที่ค่อนข้างมีความหวังกับหมอคนใหม่ กลายเป็นรู้สึกว่าโคตรจะเสียเวลา คุณหมอเอาแต่ทำตัวเป็นไลฟ์โค้ชสอนให้ฉันรู้จักปล่อยวาง เลิกคิด เลิกผูกติด เท่านั้นไม่พอ ยังชอบทำหน้ามึนตึงใส่ราวกับตำหนิเป็นนัยว่าอาการที่เป็นอยู่เนี่ย ก็เพราะฉันทำตัวเองทั้งนั้น คิดจะให้หมอช่วยหรอ เหอ ๆ

     

     

     

     

    โทษนะ แต่จิตตกขนาดนี้ยังไล่ให้กลับไปแก้ไขที่ตัวเอง? เสียตังค์ตั้งแพงแต่แนวทางรักษาก็ไม่มีให้ ถ้าทำตามแค่ที่พูดมาแล้วมันหาย ก็ไม่มาหาหมอหรอกมั้ย

     

     

     

     

     

     

    Hyerin

    เราจะเจอหมอที่ถูกใจในทันทีไม่ได้หรอกนะ

     

     

    Hyerin

    ถ้าแย่ก็แค่หาใหม่

     

     

     

    ฉันก้มหน้าอ่านแชทของฮเยริน พร้อมกับเดินเข้าลิฟท์ที่ประตูเปิดออกพอดี ไม่ได้สนใจสักนิดว่ามีอีกหนึ่งชีวิตเดินเข้ามาด้วย เงยหน้าจะกดปุ่มเลขชั้นล่างสุด ก็เห็นว่าปุ่มมันเรืองแสงอยู่ สงสัยอีกคนเขาคงกดไปแล้ว

     

     

     

    Hyerin

    อาการแกมันแปลก

     

     

    Hyerin

    ยังไงก็ต้องหาหมอ!!

     

     

     

     

    พอพิมพ์ตัดพ้อไปว่าจะล้มเลิกเรื่องหาหมอ ก็ได้รับคำตอบที่เหมือนกับมีเสียงตะโกนของเจ้าตัวดังออกมา ฉันถอนหายใจใส่หน้าแชท พลันจังหวะที่เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์ ลิฟท์ที่หยุดอยู่ระหว่างทาง ประตูก็เคลื่อนเปิดออก และสายตาของฉันก็ป๊ะเข้ากับคนที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์พอดิบพอดี

     

     

     

     

     

     

    เ ห้ ย !!

     

     

     

     

     

    ย..แย่.....แย่แล้ว

     

     

     

     

     

    ดวงตาตื่นเลื่อนไปมองปุ่ม Close ตรงหน้า พร้อมกับนิ้วที่ยกขึ้นเตรียมจะจิ้มตามสมองสั่ง แต่ก็ไม่ทันคนที่รีบก้าวเข้ามาหา

     

     

     

     

    "มินรี มาทำอะไรที่นี่" 

     

     

     

     

    ฉันถดตัวยืนชิดผนัง และพยายามเลี่ยงสายตามองแผงปุ่มลิฟท์ตรงหน้า แต่จิตใจก็ว้าวุ่นเกินกว่าจะควบคุม เพราะร่างสูงใหญ่ที่กำลังหันเข้าหาในระยะประชิด

     

     

     

     

    ปกติเห็นแค่ไกล ๆ ยังจะไม่รอด แล้วนี่ในลิฟท์แคบ ๆ……

     

     

     

     

     

    อึดอัด

     

     

     

     

    อึดอัดจนเหมือนจะหายใจไม่ออก

     

     

     

     

     

    “ยังโกรธอยู่สินะ”

     

     

    ….

     

     

    ..ขอโทษ”

     

     

     

     

                คำว่า ขอโทษ ที่พูดออกมาเพียงครั้งเดียว กลับดังสะท้อนอยู่ในหัวราวกับเป็นเสียงเอคโค่ เล่นเอาเหงื่อตก เวียนหัว ใจเต้นรัว หลากหลายอารมณ์ความรู้สึกประเดประดังจนพาลทำให้อาการแปลกประหลาดยิ่งชัดเจน

     

     

     

     

    "อย่าเอาแต่เงียบสิ"

     

     

    ….

     

     

    “ฉันคิดถึงเธอนะ”

     

     

     

     

    คำพูดและสายตาเว้าวอนคู่นั้นทำเอาร่างทั้งร่างสั่นกึก โทรศัพท์ในมือถูกกำแน่นราวกับเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยยึดเหนี่ยวตัวเองเอาไว้ ความรู้สึกโหยหาและต่อต้านกำลังปะทะกันจนไม่สามารถควบคุมสิ่งที่แสดงออกไปได้

     

     

     

     

    ..ฉ...ฉัน….ไม่อยากได้ยิน

     

     

     

     

    คำพูดพวกนั้น

     

     

     

     

     

    ฉั น ไ ม่ อ ย า ก ไ ด้ ยิ น

     

     

     

     

     

     

     

     

    "โทษนะคุณ" 

     

     

     

     

    เสียงของใครอีกคนที่ฉันไม่ได้สนใจมองหน้าตั้งแต่เข้ามาในลิฟท์ ดังแทรกเข้ามาในภวังค์ความกลัว และในตอนนี้ประตูลิฟท์ก็ได้เปิดออกทั้งที่ยังคงไม่ใช่ชั้นล่างสุด

     

     

     

     

     

    “ไม่เห็นหรอว่าเธอหน้าซีด”

     

     

    ….

     

     

    “ช่วยถอยห่างจากเธอด้วย”

     

     

     

                น้ำเสียงราบเรียบของคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้โรอุนที่มองข้ามอาการแปลก ๆ ของฉัน ต้องเลื่อนสายตามามองอย่าง..เป็นห่วง

     

     

     

     

    “ไม่สบายหรอ ไหวรึเปล่า”

     

     

    “เธอไม่สบายก็เพราะคุณนั่นแหละ”

     

     

    “ว่าไงนะ”

     

     

    “ผมขอตัวคนไข้ก่อน”

     

     

     

    เจ้าของเสียงก้าวเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราสองคน พร้อมกับดึงข้อมือของฉันให้เดินตามออกไป แต่เพราะรู้ว่าโรอุนจะออกมาด้วย ใบหน้าดุจึงหันกลับไปมองคนในลิฟท์อีกหน

     

     

     

     

    “คุณไม่ต้องตามมา”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ..อึก!…

     

     

     

     

     

                หลังจากที่เดินพ้นจากรัศมีของลิฟท์มาได้ไม่เท่าไหร่ ฉันก็ต้องกระตุกแขนเรียกอีกฝ่ายเพราะก้อนอาหารเช้าที่ตีขึ้นคอ คนตรงหน้าที่เห็นท่าทางยกมือปิดปากของฉัน ก็รีบดันหลังฉันเข้าไปในห้องน้ำคนพิการที่อยู่ด้านข้างทันที

     

     

     

     

     

    “ไหวไหมนั่น”

     

     

     

     

                คำถามถูกส่งมาเมื่อเห็นว่าฉันแทบจะนั่งลงไปคุยกับโถส้วม ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ถึงได้ปลดปล่อยความอึดอัดออกไปจนหมด ร่างที่ซวนเซก็ค่อย ๆ หยัดตัวขึ้นยืน ก่อนจะหันกลับมามองคนหวังดีที่ตามเข้ามาเฝ้ากันถึงในห้องน้ำ แต่ก็ทำเอาถึงกับอึ้ง เพราะร่างสูงในชุดกาวน์ที่กำลังยืนกอดอกพิงอ่างล้างหน้ามองกันอยู่

     

     

     

     

    คือนาย คิม ดง ยอง!

     

     

     

     

     

    โคตรอายเลย

     

     

     

     

               

                ตาโหลของฉันสบกับตาคมของนายหมออย่างงก ๆ เงิ่น ๆ ทั้งสภาพก่อนอ้วก ตอนอ้วก และหลังอ้วก บอกเลย มันเกินกว่าคำว่า ดูไม่ได้ ไปมาก ถ้าเป็นคนอื่นที่ยืนอยู่ตรงนี้ ฉันก็คงแค่อาย แต่เป็นหมอนี่แล้วกูแทรกแผ่นดินหนีเลยได้มั้ย!!!!

     

     

     

     

                ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ก่อนที่นายดงยองจะปลีกตัวออกไปจากห้องน้ำโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนฉันรีบพุ่งเข้าไปบ้วนปาก ล้างหน้าล้างตาแก้อาการประหม่า

     

     

     

     

    ให้ตาย อยากจะหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!!!

     

     

     

     

     

    พอจัดการตัวเองเสร็จ ฉันก็ค่อย ๆ เปิดประตูห้องน้ำ แล้วย่องออกมา แต่ก็ต้องชะงักไป เพราะหันไปเจอคนที่พยายามจะหลบเลี่ยงกำลังยืนพิงกำแพงเล่นโทรศัพท์รออยู่ข้างประตู

     

     

     

     

    “ทำไมไม่มาตามนัด”

     

     

     

                ทั้ง ๆ ที่เป็นสิทธิ์ของตัวเอง แต่พอโดนหมอนี่ถาม มันกลับรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่เหนือกว่าความรู้สึกเกรง คือแปลกใจที่จำได้ด้วยว่านัดฉันวันนี้

     

     

     

     

    “เปลี่ยนหมอแล้วค่ะ” กลั้นใจตอบออกไปแบบเด็ดเดี่ยว ผลที่ได้คือโดนหรี่ตามอง ราวกับฉันกำลังสร้างความผิดมหันต์

     

     

     

     

    “ทำไม”

     

     

    ..แล้วทำไมจะเปลี่ยนไม่ได้ล่ะคะ”

     

     

    “เลิกพูดสุภาพสักที ขนลุก”

     

     

     

                เป็นอีกครั้งที่ฉันชะงัก รอยยิ้มที่พยายามปั้นไว้กลายเป็นยิ้มแหย พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!! นี่หมอนี่…!?

     

     

     

     

    “จำได้หรอ”

     

     

    “ใครจะลืมคนที่ชอบลอกข้อสอบได้”

     

     

    “จำได้ตั้งแต่แรกเลยหรอ!

     

     

    “แล้วทำไมเธอต้องแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ด้วย”

     

     

    ก็นายไม่ทักฉันนี่”

     

     

    “เธอก็ไม่ทักเหมือนกัน”

     

     

     

     

    แล้วนี่มันความผิดฉันรึไง!

     

     

     

     

     

     

    “รักษากับหมอคนไหนล่ะ”

     

     

    ….” วกกลับมาประเด็นเดิมจนได้

     

     

    “เขาวินิจฉัยอาการเธอว่ายังไง” นายดงยองกอดอกมองฉันอย่างรอฟัง และถ้ามองไม่ผิด ในแววตาของอีตานี่มันมีความท้าทายอยู่ด้วย

     

     

     

     

    ไม่ต้องคิดว่าตัวเองจะดีกว่าหรอก สำหรับฉันไม่ผ่านทั้งคู่!

     

     

     

     

    “อย่าเรียกว่าวินิจฉัยเลย แล้วฉันก็หมดศรัทธากับการมาหาหมอแล้ว”

     

     

    ….

     

     

    “ฉันไปได้ยัง” พูดแล้วก็หันหลังเตรียมเดินหนีอย่างไม่ต้องการคำอนุญาต

     

     

     

     

     

    อาการของเธอเป็น Phobia ต้องกินยารักษาคู่กับการบำบัด

     

     

     

    ….” แต่สิ่งที่นายหมอโพล่งขึ้น ก็ทำให้ฉันต้องหยุดฟัง

     

     

     

    “ความกลัวของเธอมันหายเองไม่ได้ เธอต้องเข้ารับการรักษา”

     

     

     

    ..ขนาดนั้นเลยหรอ”

     

     

     

     

     

    ทำไมมันดูกลายเป็นโรคที่ร้ายแรง

     

     

     

     

     

    “จากที่ฉันเห็น ความกลัวของเธอมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว”

     

     

    ….

     

     

    “แต่ฝังรากลึกเข้าไปในจิตใจแล้ว”

     

     

    “แล้วฉันต้องทำยังไง” ฉันหันกลับมาถามอย่างปลงตก

     

     

    “มารักษากับฉันสิ”

     

     


    --------------------------------------

     

    TBC

     

    คุณหมอขายตรงขนาดนี้แล้ว ก็รักษากับเขาไปเถอะมินรี!

     

    สำหรับโรคของนางเอกและแนวทางการรักษา ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของไรท์นะคะ พล็อตฟิคขอเกริ่นไว้ก่อนว่าเป็นเกี่ยวกับปมรักคุดของพระนาง คนป่วยใจสองคนมาเจอกัน ช่วยเหลือกันไปค่ะ แต่ๆ จะมาอัพเมื่อไหร่นี่ก็ยังไม่แน่ใจเลยค่ะ เพราะตั้งใจจะแต่งอีกเรื่องให้จบก่อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ด้วย ยังไงถ้าอ่านอยู่หรือสนใจฟิคเรื่องนี้ ก็เม้นๆกันหน่อยน้า


    EDIT: แก้คำบรรยาย (08/04/21)

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×