ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 มายุคไหนหนิ!?
บทที่ 1 มายุคไหนหนิ!?
---------------------------------------
ฟ่านซิงมองเหล่าศิษย์สกุลฟ่านที่พากันขนย้ายสิ่งของขึ้นเรือกันอย่างขมักเขม้น โดยมีท่านประมุขและฟูเหรินทั้งสามยืนคุมอยู่ไม่ห่าง
เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามที่ฟ่านซิงต้องเดินทางไปศึกษาต่อที่กูซู ซึ่งแน่นอนในคราแรกนั้นท่านประมุขฟ่านแทบจะย้ายเรือนส่วนตัวของเธอไปที่กูซูแล้วด้วยซ้ำ ดีที่มีเหล่าฟูเหรินคอยห้ามปรามความบ้าดีเดือดนั่นไว้
ขณะเรือค่อยแล่นออกจากสกุลฟ่านไป เหล่าศิษย์น้อยใหญ่ต่างพากันร้องไห้โฮ เสียงร้องไห้ดังก้องจนฟังคล้ายเสียงโอดควรญของจ้าวป่าเจ้าเขาเสียมากกว่า
"ศิษย์พี่หญิง โฮร!!"
"ท่านไม่อยู่แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันเจ้าคะ!!"
"หนึ่งปีเชียวหนา ยาวนานเกินไปแล้ว ฮือ!!"
"จะไม่เห็นแล้ว เรือแล่นไปโน้นแล้ว แงงง!!"
แม้จะสะเทือนแก้วหูมากเพียงใด ฟ่านซิงกลับรู้สึกอบอุ่มอยู่ภายในอกไม่น้อย
มันทำให้รู้สึกว่าเธอยังมีคนคอยให้ความรักและคนึงหา
ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกแล้ว
ฟ่านซิงนั่งชมวิวทิวทัศน์รอบตัวอย่างเพลิดเพลิน มือก็พับกระดาษสีแก้เบื่อไปด้วย น่านน้ำของที่นี่ใสกระจ่างแทบจะเห็นฝูงปลาแหวกว่าย
สองสามวันที่ผ่านมา ฟ่านซิงได้ลองทำกายบริหารเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายของตนเองซึ่งก็พอช่วยได้บ้าง
อดีตหญิงสาวนั้นเป็นถึงนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติ คว้าเหรียญทองมาได้ไม่รู้กี่สนาม
จนกระทั้งเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นระหว่างการเดินทางไปแข่งขัน เท้าของเธอไม่สามารถขยับได้ดั่งใจ จนต้องเลิกลากิจกรรมที่ตนรักไป
เมื่อไม่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูลได้ ก็เท่ากับว่าเธอเป็นเพียงหมาหัวเน่าไม่ได้รับความสนใจจากทางบ้านอีก
ซึ่งคิดว่าเธอสนใจเหรอ? ก็ไม่...
ครอบครัวที่หวังใช้เธอเป็นเครื่องมือแบบนั้น หลุดพ้นมาได้ก็ดีแล้ว
"คุณหนูขอรับ"
เสียงเรียกจากศิษย์ในตระกูลทำเธอหลุดจากภวังค์ รีบเก็บดอกไม้กระดาษเข้าแขนเสื้อ
กูซูมิได้มีท่าเรือที่โดยสารไปถึงยอดเขาอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ จึงต้องเปลี่ยนเป็นเดินเท้าขึ้นไปแทน
ระยะทางนั้นจัดได้ว่ามากพอสมควร หากเป็นคนปกติคงล้มลงหอบแฮ่กไปนานแล้ว แต่เมื่อเป็นถึงผู้ฝึกตน เพียงแค่นี้ยังอดทนมิได้จะไปทำอะไรกิน
ในยุธภพนั้นมีผู้ใคร่ฝึกฝนเป็นยอดเซียนอยู่มากมาย แน่นอนแต่ละสกุลทั้งน้อยใหญ่ต่างฝึกฝนบุตรรวมไปถึงเหล่าศิษย์ต่างๆ เพื่อให้สกุลตนนั้นแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าใครเพื่อที่จะสามารถเชิดหน้าชูตาให้กับสกุลได้
กูซูหลาน อวิ๋นเมิ่งเจียง หลันหลิงจิน ชิงเหอเนี่ยและฉีซานเวิน
ห้าตระกูลใหญ่ที่แข็งแกร่งไปด้วยกำลังพลและความสามารถ ไม่มีใครคิดเป็นปรปักษ์ด้วย กลับกันหลายสกุลต่างหาทางประจบประแจงหมายเป็นทองแผนเดียวกันเพื่อเสริมกำลังพลให้กับสกุลตนเอง
กูซูหลาน...งดงามดุจงานจิตรกรรมแต่ก็เคร่งครัดมากด้วยกฎเกณฑ์นับพันข้อ
อวิ๋นเมิ่งเจียง...ท่าสัตตบงกช น่านน้ำที่ประดับด้วยดอกบัวงามผู้คนล้วนตั้งมั่นในเป้าหมายจิตใจแน่วแน่มั่นคง
หลันหลิงจิน...เย่อหยิ่งทะนงตน หรูหราไฮโซ ที่จินหลิงไถนั้นสว่างไสวด้วยแสงสีทองอร่าม
ชิงเหอเนี่ย...ดุดันดั่งสัตว์ร้าย กลิ่นอายเย็นยะเยือกน่าเกรงขามนัก
ฉีซานเวิน...อำนาจบาทใหญ่สำนักเซียนไหนๆ เป็นต้องหวั่นเกรง รุ่งโรจน์ดุจดวงตะวัน คงกระพันดังอาทิตย์อัสดง
แม้ตระกูลฟ่านจะไม่ได้ยิ่งใหญ่เท่าห้าตระกูล ทว่าก็มีอิทธิพลไล่เลี่ยกันเพียงแค่ไม่ได้มีผลงานมากมายก็เท่านั้น
ฟ่านซิงถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อระหว่างทางการขึ้นมายังอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ นั้นมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ตัวเธออย่างปิดไม่มิด
จริงอยู่ที่ศิษย์สกุลหลานส่วนใหญ่จะเป็นบุรุษ นานครั้งถึงจะมีนางเซียนมาเล่าเรียนเพื่อเป็นผู้ฝึกตน ด้วยหน้าที่ส่วนใหญ่ของเหล่าสตรีนั้นคือการอยู่เรือนรอคอยการกลับมาของฟูจวิน คุณหนูทั้งหลายจึงเรียนเรื่องการเข้าครัวและเย็บปักถักร้อยเสียมากกว่า
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอกลายเป็นที่จับตามอง
ร่างระหงของฟ่านซิงย่างกายลัดเลาะไปตามเส้นทางสลับซับซ้อนของหุบเขาอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ รอบกายเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาพันธุ์บางชนิดนั้นช่างแปลกตาหาไม่ได้จากถิ่นกำเนิดของนาง
เส้นเกศาสีดำสนิทดุจนิลกาฬ ผิวพรรณผ่องใสอย่างคนสุขภาพดีและนัยตาสีโอรสชวนให้ลุ่มหลง
ฝ่ายถูกจ้องจนตัวพรุนรีบเร่งฝีเท้าเพื่อหลบสายตานับสิบที่มองมาอย่างจาบจ้วง
น้อยๆหน่อยเถอะ มองกันตาเป็นมันเชียว เกรงใจสักนิดก็ดี=*=
"ให้ตายสิ..."
ฟ่านซิงถอดถอนหายใจเฮือกเมื่อคาดว่าตนเดินหลีกมาไกลพอที่จะไม่ต้องไปยืนอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คนแล้ว ยังถือโอกาสมาสูดกลิ่นอายธรรมชาติของอวิ๋นเซินฯอีกด้วย
แม้ที่มู่อันบรรยากาศก็ดีไม่แพ้กัน แต่ที่อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่กับให้ความรู้สึกเย็นสบายมากกว่า
"กระต่ายน่ารัก~"ฟ่านซิงอุ้มเจ้าก้อนขนขึ้นมาแนบอก เอานิ้วเขี่ยๆไปตามจมูกของมันเบาๆอย่างเอ็นดู
บนเขาอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่นั้นเต็มไปด้วยกระต่ายขาวมากมาย สัตว์หูยาวที่ควรจะขวัญกระเจิงเมื่อได้พบกับคนแปลกหน้า กลับยืนนิ่งให้จับขึ้นมาฟัดเล่นซะงั้น
"น่าหมั่นเขี้ยวมั้ยล่ะเนี่ย"ผู้บุกรุกเอาหน้าไซๆไปตามท้องฟูๆของกระต่ายขาวอย่างเมามันส์
'คาวาอี้เดส~~'
คุณหนูสกุลฟ่านแทบตัวลอยเหนือพื้นเมื่อถูกสัตว์หูยาวขนปุกปุยพากันเข้ามาซุกไซรนัวเนีย บ้างก็อยู่ในอ้อมแขน บ้างก็มุดเข้ามาอยู่ในอกเสื้อ
"อ๊ะๆตรงนี้ไม่ได้นะต่ายน้อย"ฟ่านซิงร้องเตือนเมื่อเจ้าขนปุยแสนซนตัวหนึ่งทำท่าจะมุดเข้ามาในแขนเสื้อของเธอ
"ตรงนี้มัน'อันตราย'นะห้ามมุดเข้ามา"เธออุ้มมันขึ้นสบตาครู่หนึ่งก่อนจะวางมันลงที่หน้าตัก
การใช้ชีวิตอยู่ในเกมแบบนี้ก็ทำเธอรู้สึกดีเหมือนกัน ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เฝ้าฝันมานานโดยไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้ง
นี้ก็ใกล้เข้ายามเฉิน(07.00 น.-08.59 น.)แล้ว อีกไม่นานคงใกล้ถึงพิธีมอบตัวเป็นศิษย์แล้ว ฉะนั้น เธอรีบลงไปก่อนดีกว่า
คิดได้เช่นนั้นคุณหนูสกุลฟ่านก็ลุกขึ้นมาจากฝูงกระต่ายขาวจนเจ้าก่อนขนพากันวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง
คนเป็นต้นเหตุยิ้มขบขันก่อนพาตนเดินออกมาจากจุดที่มีกระต่ายชุกชุม
ฟ่านซิงเดินอย่างไม่รักษาภาพรัก โยกย้ายส่ายสะโพกไปมาอย่างเริงร่า หมุนตัวเดินกลับหลังบ้างครั้งคราวเพื่อมองทิวทัศน์รอบกายเติมเต็มอรรถรส
จนได้เรื่อง...
ตุบ!
"โอ๊ะ?/อุ๊ป!"
ร่างทั้งสองเซถอยไปคนละก้าว นับเป็นโชคดีที่ไม่มีใครล้มลงไปกองกับพื้น
"ขออภัยแม่นาง ข้ามิทันมองทางให้ดี"
"เป็นความผิดข้าเองคุณชาย ที่คิดอุตริเดินกลับหลัง..."เสียงใสเริ่มเงียบลงเมื่อได้ยลใบหน้าของคุณชายที่เธอไปชนเข้า
เบื้องหน้าเธอนั้นคือบุรุษร่างสูงโปร่ง วัยน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอนี่ล่ะ จริงๆอาจจะแก่มากกว่าสักสามสี่ปีได้ ใบหน้าเรียบง่ายแต่ยังมีเค้าความหล่อเหลาอยู่ไม่น้อย เส้นผมที่ถูกทักเป็นเปียไว้ครึ่งศีรษะเหมือนกับเธอ
"ข้า'เฟิงเหมียน' ตระกูลเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่งขอทราบชื่อแซ่ของแม่นาง"
เจ้าของถุงมือหนังเนื้อดีประสานมือไว้บริเวณอกก่อนโค้งคำนับ
"ฟ่านซิง ตระกูลฟ่าน แห่งมู่อัน นามซือเยว่"ฝ่ายคุณชายตระกูลเจียงเมื่อได้ทราบชื่อของแม่นางเบื้องหน้าก็ส่งรอยยิ้มมาให้อย่างพึงใจ ผิดกับคนเอ่ยราวกับฟ้ากับเหว
ฝ่ายฟ่านซิงแม้จะเอ่ยแนะนำตัวอย่างฉะฉาน แต่ตอนนี้วิญญาณเธอได้หลุดลอนออกจากร่างไปแล้วเรียบร้อย
เดี๋ยว-เกม!!!!
แกพาฉันมายุคไหน(วะ)ห๊ะ!?
ฟ่านซิงไม่ถูกใจสิ่งนี้!!
เจียงเฟิงเหมียนเอียงคอ เมื่อแม่นางตรงหน้านั้นไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรนอกจากยืนเบิกตาโพรง อ้าปากหวอจนเสียกิริยา
เพื่อไม่ให้บรรยากาศชวนอึดอัดไปมากกว่านี้ คุณชายเจียงจึงเร่งหยิบบางสิ่งมาจากอกเสื้อก่อนส่งให้กับแม่นางฟ่าน
"กระดาษพับของข้า?"
ไปอยู่กับอีกฝ่ายได้ยังไง?
"เจ้าทำตกเมื่อตอนเดินขึ้นมาบนอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ เพราะกฎห้ามส่งเสียงดังจึงมิอาจร้องเรียกแม่นางได้"ว่าพลางวางดอกไม้กระดาษลงบนมือของเธอ
"ขออภัยที่ต้องแอบตามมาเช่นนี้"
ฟ่านซิงมองดอกบัวกระดาษในมือ ระหว่างที่นั่งเรือมาที่นี่เลยหาอะไรทำแก้เบื่อ ดอกบัวกระดาษในมือเธอก็แค่งานฝีมือทั่วไป ไม่ใช่สิ่งของสำคัญอะไรขนาดนั้น
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ เธอจึงส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายพร้อมกล่าวขอบคุณ
"ขอบคุณคุณชายเจียง หากมีโอกาสข้าจะรีบตอบแทน"
เจ้าของชื่อยิ้มร่า"นี่ก็ใกล้ได้เวลามอบตัวเป็นศิษย์แล้ว รีบไปเถอะก่อนที่เราทั้งคู่จะเข้าสายตั้งแต่วันแรก"
ภายในห้องโถงขนาดใหญ่มีผู้ฝึกตนจากหลายๆ สำนักมาเข้าศึกษาที่อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่แห่งนี้ เหล่าบุรุษมากหน้าหลายตานั่งเรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ ทำเอาเธอแอบรู้สึกเกร็งมิได้
ซึ่งคงไม่ได้มีเพียงแม่นางฟ่านคนเดียวที่กำลังเนื้อกายเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่ลำพัง เพราะบุรุษต่างสกุลและศิษย์สกุลหลานคนอื่นๆก็กำลังเนื้อเต้นอยู่เช่นกัน
ดูรูปโฉมของแม่นางฟ่านนั้นช่างดึงดูดสายตา
ความงามของแม่นางฟ่านนั้นช่างโดดเด่นจนมิอาจละไปมองสิ่งอื่นได้ นอกจากความงามที่เผยออกมาตั้งแต่ยังเยาว์แล้วก็ยังมีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างเหลือร้าย อดทำให้ใจกระชุ่มกระชวยมิได้
มองเท่าไหร่ก็มิรู้สึกหน่ายเลยสักนิด
ฟ่านซิงอยากกรีดร้องออกมาเมื่อสำรวจคนรอบข้างเพื่อให้แน่ใจกับข้อสันนิษฐานของเธอ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
บุรุษหน้าห้องที่ไว้เครานั่นมองยังไงก็'หลานฉี่เหริน'ชัดๆ นี่เริ่มไว้เคราตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?
หรือบุรุษสวมเสื้อลายตะวันนั่นก็ดี มองจากปากทางเข้ากูซูก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีนามว่า'เวินรั่วหาน'
อ่าห๊ะ
เกมมันพาเธอย้อนมายันรุ่นพ่อ!
แล้วนี่กว่าจะได้เจอตัวละครหลักอย่างเว่ยอู๋เซี่ยนกับบหลานวั่งจี ไม่ใช่ว่าเธอจะกลายเป็นยายแก่ไปก่อนเหรอ!?
แต่คิดอีกที ผู้ฝึกตนจะไม่มีวันแก่นี้เนอะ งั้นก็ต้องฝึกฝนตนให้เก่งฉกาจเข้าไว้+++
เขากูซูมีผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาศึกษาเล่าเรียน คงจะเป็นเรื่องหน้ายินดีถ้าหากทุกคนสามารถเล่นสนุกหรือทำตามใจตัวเองได้มากกว่านี้หน่อย
ติดตรงที่เขากูซูนี้เติมไปด้วยกฎนับพันข้อซึ่งสลักไว้บนหน้าผาสูง
ห้ามนอนหลังยามไฮ่(21.00 น.-22.59 น.)แล้วตื่นยามเหม่า(05.00 น.-06.59 น.)ยังพอทน แต่ห้ามร่ำสุรานี่ฟ่านชิงขอค้านสุดใจขาดดิ้น!!
เป้าหมายอันดับต้นๆอีกอย่างของเธอคือการได้ลองลิ้มรสชาติสุราจีนโบราณเลยนะ!
แต่ถามว่าฟ่านซิงคนนี้กล้าขนาดนั้นเลยเหรอ?
ไม่อ่ะ รอเรียนจบก็ได้._.
พอดีไม่อยากโดนไม้พายหวดลงหลังอ่ะนะ...
การรำเรียนที่อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ในวันแรกช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย เพราะหลังผ่านพิธีมอบตัวเป็นศิษย์แล้วท่านอาจารย์หลานไม่ได้สอนอะไรมากเพียงนั่งอ่านกฎสกุลให้ฟังจนจบ3000ข้อ เท่านั้น
"โอ้ย~"
ฟ่านซิงนั่งพักอยู่บริเวณโขดหินใต้สะพานข้ามแม่น้ำ คนเดินผ่านน้อยนิดทำให้เธอสามารถปล่อยตัวปล่อยใจได้อย่างเต็มที่
แต่จู่ๆก็มีตลับยายืนมาตรงหน้าเธอ หันไปมองก็พบเข้ากับใบหน้ายิ้มแย้มของคุณชายเจียง และผู้ติดตามคนสนิท
ฟ่านซิงยิ้มค้างยกขาที่นั่งไขว่ลงแล้วรีบดึงกระโปรงที่ก่อนหน้านี้ถลกขึ้นจนเกือบถึงขาอ่อนอย่างขัดเขิน
เอาจริงๆคนน้อยก็ใช่ว่าปลอดภัย
รู้งี้ไปนั่งโอดครวญในเรือนทีเดียวเลยดีกว่า...
"ให้ท่านเห็นภาพน่าอายแล้ว คุณชายเจียง"
"น่าอายอันใด คนเราเจ็บปวดเมื่อยกายเป็นธรรมดา"
เจียงเฟิงเหมียนกล่าวปนเสียงหัวเราะก่อนยื่นตลับยามาให้กับเธอ
"ขอบพระคุณ คุณชายเจียงได้ท่านช่วยไว้อีกแล้ว"ติดบุญคุณคนอื่นมากก็เริ่มใจไม่ดีแล้วสิ
คุณชายจากเมืองท่าน้ำยิ้มรับ
"อย่าได้เกรงอกเกรงใจไปเลย มีอะไรช่วยเหลือกันได้ข้าก็ยินดี"
"ขอบคุณคุณชาย"
"อ่อ แล้วนี้ผู้ติดตามคนสนิทของข้า"ร่างสูงผายมือไปทางบุรุษด้านหลัง ฝ่ายถูกกล่าวถึงโค้งคำนับเธอก่อนเอ่ยแนะนะตัว
"เว่ยฉางเจ๋อ คารวะแม่นางฟ่าน"
เว่ยฉางเจ๋อ บุรุษรูปงามอีกคนหนึ่งเป็นผู้ติดตามคนสนิทของคุณชายเจียงเฟิงเหมียน หรือก็คือบิดาของเว่ยอู๋เซี่ยนในอนาคตนั่นเอง
ทั้งสามพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกกันกลับเรือนพักตน
"อ๊ะ ประเดี๋ยวก่อน"ฟ่านซิงเอ่ยรั้งทั้งสองคนไว้ก่อนก้าวขาตามไปยืนประจันหน้ากับคุณชายทั้งสอง
"น้ำใจเล็กน้อยจากข้า ตอบแทนสำหรับตลับยาที่คุณชายให้มา และถือเป็นของขวัญแทนมิตรภาพของพวกเรา"
ดอกบัวกระดาษถูกยื่นให้กับทั้งสอง แต่ผ่านไปสักพักก็ยังไร้ปฏิกิริยาจากทั้งสองจนฟ่านซิงแอบหน้าเสีย
หรือเราเข้าหาปุบปับเกินไป คนสมัยนี้คงไม่ชอบสินะ
"เอ่อ...ขออภัยคุณชายหากข้-"
"ขอบใจเจ้ามาก"
ดอกบัวกระดาษถูกคว้าไปพินิจพิเคราะห์อย่างใกล้ชิด นิ้วเรียวไร้สัมผัสไปตามกลีบบัวที่ได้รับมาจากแม่นางฟ่าน เจียงเฟิงเหมียนยิ้มกว้างด้วยความปิติยินดี
"จะรักษาไว้อย่างดี"
ไม่ทันที่จะเอ่ยขัด ร่างทั้งสองก็เดินห่างออกไปไกลเสียแล้ว จะรั้งไว้อีกก็คงเสียมารยาท ฟ่านซิงได้แต่ถอนหายใจเฮือก
จริงๆไม่ต้องเก็บรักษาอะไรมากมายก็ได้
ก็แค่ดอกไม้กระดาษนา...
---------------------------------------
#โดนเกมแกงแล้วมั้ยละ ต้องรออีกกี่ปีกว่าจะได้เจอวั่งเซี่ยน ตอนนี้ยังเป็นวุ้นอยู่เลยมั้ง555
#รุ่นพ่อเป็นอะไรที่น่าลองมาก ดูมีอะไรๆเยอะดี ดีไม่ดีพระเอกอาจอยู่ในรุ่นพ่อนี้แหละ
#อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังกันด้วยน่า~
8ความคิดเห็น