คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 เทพจุติจากสวรรค์
ณ น่านน้ำของฐานทัพอซูร์เลนใหม่ได้เกิดการสู้รบขึ้น เจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช่เรือรบได้ทำการอพยพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าสาวเรือรบฝ่ายอซูร์เลนก็กำลังทำการต่อสู้อย่างกล้าหาญกับเหล่าสาวเรือรบของจักรวรรดิซากุระ ไซเรน และโมบิลสูท ยี่สิบเครื่องที่ถูกส่งมารบด้วย ซึ่งประกอบด้วย เซอร์เพนท์ คัสตอม 5 เครื่อง ใช้บีมลันเชอร์ แซกวอริเออร์ 15 เครื่อง แบ่งเป็น กันเนอร์แซกวอริเออร์ 5 เครื่อง สแลชแซกวอริเออร์ 7 เครื่องและเบลซแซกวอริเออร์ 3 เครื่อง
“บ้าจริง ทั้งๆ ที่พวกมันมีกันแค่ 20 เครื่องแท้ๆ แต่กลับกดดันพวกเราได้ถึงขนาดนี้”
สาวน้อยผมบลอนด์ยาวสวมผ้าคลุมครึ่งตัว เธอคือเรือลาดตระเวนเบา คลีฟแลนด์บ่นออกมาขณะระดมยิงใส่สแลชแซกวอริเออร์เครื่องหนึ่งอยู่ ทั้งยังต้องหลบเครื่องบินรบของจักรวรรดิซากุระของเรือบรรทุกเครื่องของหญิงสาวผู้มีเรือนผมสีดำ ผมของเธอยาวไปจนถึงสะโพกและมีหูและหางจิ้งจอก เธอมีหางถึง 9 หาง เธอสวมใส่ชุดกิโมโนสีแดงและสวมเสื้อคลุมสีดำ แม้ว่าเธอจะมีใบหน้าที่งดงามแต่บรรยากาศที่เธอปล่อยออกมากลับทำให้รู้สึกหวาดกลัว เธอคือเรือบรรทุกเครื่องบิน อาคากิ ซึ่งสร้างความลำบากแก่เธอมาก รวมถึงคนอื่นๆ ที่ต้องต่อสู้กับพวกแซกวอริเออร์ เซอร์เพนท์ คัสตอมด้วย
ตูมๆๆ!!!
กรื๊ดดดด!!!!
เกิดระเบิดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเหล่าสาวน้อยที่ถูกแรงระเบิดซัดกระเด็นกลิ้งไปนอนบนผิวน้ำทะเล
“ปัดโธ่!! หลีกไปซะ!!”
คลีฟแลนด์ตะโกนออกมาพร้อมกับระดมยิงใส่สแลชแซกวอริเออร์จนสามารถจัดการมันลงได้แล้วรีบมุ่งหน้าไปช่วยคนอื่นๆ ระหว่างก็มีเครื่องบินพุ่งเข้าโจมตีเครื่องบินสีแดงของอาคากิ
“เครื่องบินสกัดกั้น!?”
คลีฟแลนด์หันไปมองด้านหลัง เธอก็เห็นเด็กสาวซึ่งกอดตุ๊กตาที่ดูเหมือนม้ายูนิคอร์นผสมม้าเปกาซัสไว้ในอ้อมแขน เธอคือเรือบรรทุกเครื่องบินเบา ยูนิคอร์น
“อย่ามาแกล้งเพื่อนๆ ของฉันนะ”
ตอนนั้นเอง ตุ๊กตาของเธอก็เปล่งแสงสีเขียวออกมาและพาเธอบินขึ้นไปกลางอากาศ เธอส่งเครื่องบินรบออกไปสกัดการโจมตีของเครื่องบินสีน้ำเงินของหญิงสาวผู้มีผมสีขาวสั้นปะไหล่และมีหูและหางจิ้งจอกเช่นเดียวกับอาคากิแต่เป็นสีขาว เธอคือ เรือบรรทุกเครื่องบิน คากะ เธอสวมใส่ชุดกิโมโนสีขาวขลิบน้ำเงิน
“เด็กคนนั้น เรือบรรทุกเครื่องบินอย่างนั้นเหรอ? ตัวเล็กแบบนั้น ไม่เหมาะกับการเป็นอาหารหรอก”
เธอจ้องมองไปที่ยูนิคอร์นด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
“แต่เหยื่อ ก็คือเหยื่อ...”
เธอพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มน่ากลัวและถือหน้ากากจิ้งจอกขึ้นมา จากนั้นหน้ากากก็ลุกไหม้ด้วยไฟสีฟ้า
“กันเนอร์แซกวอริเออร์ คงรู้นะว่าต้องทำไง”
เธอพูดกับกันเนอร์แซกวอริเออร์ที่อยู่ใกล้ๆ เธอ เขาพยักหน้าพร้อมกับเล็ง Orthros ปืนใหญ่พลังงานแรงสูงระยะไกลไปที่ยูนิคอร์น ในจังหวะเดียวกับที่เรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งเปล่งแสงสีน้ำเงินและกลายสภาพเป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหางขนาดยักษ์
โฮกกกก!!!
มันส่งเสียงคำรามออกมาดังกึกก้องไปทั่ว
“เอ๋!!!!”
คลีฟแลนด์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“จงเขมือบมันซะ”
คากะออกคำสั่งแก่ข้ารับใช้ของเธอ มันหอนตอบรับคำสั่งและเริ่มโจมตี
แต่ตอนนั้นเองเธอสังเกตเห็นกันเนอร์แซกวอริเออร์กำลังเล็งปืนใหญ่ไปที่ยูนิคอร์น
“ยูนิคอร์น!! หลบเร็ว!!!?”
เธอตะโกนเสียงดัง ทำให้ยูนิคอร์นหันมาและและร้องออกมาอย่างงุนงง
“เอ๋?”
ตอนนั้นเอง ลำแสงก็ถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืน ลำแสงพุ่งตรงมาที่ยูนิคอร์น
“กรี๊ดดด!!!!”
แต่โชคดีที่สัตว์เลี้ยงซึ่งน่าจะเป็นตุ๊กตาของเธอบินหลบการโจมตีนั้นได้อย่างฉิวเฉียด
ระหว่างนั้นเด็กสาวกลุ่มหนึ่งก็ต้องต่อสู้กับเรือพิฆาตรุ่นปรับปรุงชั้นฟูบุกิแห่งจักรวรรดิซากุระ อายานามิ แต่พวกเธอก็ลังเลที่จะต่อสู้กับเธอ เพราะคิดว่าเธอคือเพื่อนของพวกเธอ
“ทำไมกันล่ะ...”
“ก็เพราะว่าเป็นศัตรูกันยังไงล่ะ”
จากนั้นเธอก็ใช้ดาบโจมตีใส่เด็กสาวผู้ใช้หอกต่อทันที
ยูนิคอร์นถูกการโจมตีของจิ้งจอกยักษ์กระหน่ำไม่มีหยุด แม้เด็กสาวคนนั้นจะขอร้องให้อายานามิไปช่วยยูนิคอร์นก็ตาม ซึ่งเธอก็มีสีหน้าเจ็บปวดอยู่เช่นกัน
ในที่สุดยูนิคอร์นก็ร่วงลงทะเล เธอนอนลอยอยู่บนผิวน้ำและสัตว์เลี้ยงของเธอก็เกาะตัวเธอเอาไว้ เจ้าจิ้งจอกยักษ์ก็เดินเข้าไปหายูนิคอร์น มันก้มหน้าลงพร้อมกับแยกเขี้ยวเพื่อที่จะขย้ำเด็กสาวคนนั้น
เธอหลับตาลงอย่างหวาดกลัว มันอ้าปากพร้อมที่จะขย้ำเด็กสาว
“อย่านะ!”
คลีฟแลนด์ร้องตะโกนออกมาสุดเสียง
เปรี้ยง!!
แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีลำแสงสีชมพูพุ่งเข้ามาตัดหัวของมัน
“หา?”
เมื่อหัวของจิ้งจอกตกกระทบกับผืนน้ำมันก็สลายหายไป เหตุการณ์นี้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่อยู่ในสนามรบและในจังหวะเดียวกันก็มีเครื่องบินรบหลายลำ บินเข้าโจมตีใส่กองเรือไซเรน
ตามด้วยเสียงของวัตถุที่บินลงมาจากท้องฟ้า เมื่อเข้ามาใกล้ในจังหวะเดียวกันกับที่ยูนิคอร์นลืมตาขึ้นมา
เธอมองไปที่แผ่นหลังของตัวตนนั้นซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
ทุกคนมองไปที่ตัวตนนั้นทันที ร่างของตัวตนนั้นเป็นเหล็กและยังมีหลากสีอีกด้วย แต่สีหลักคงจะเป็นสีขาวกับสีน้ำเงินและมีบางส่วนที่เป็นสีแดงและสีเหลือง ที่ศีรษะมีสิ่งที่มีเหมือนเขา 2 คู่ประดับอยู่ และมีใบหน้าซึ่งแตกต่างจากแซกเป็นอย่างมาก ใบหน้าเป็นสีขาว คางมีสีแดง มีตาสองดวง ดวงตาทั้งสองมีสีฟ้า ที่หลังก็มีอาวุธสองชิ้นติดตั้งเอาไว้ ตัวตนนั้นก็คือโมบิลสูทอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าโมบิลสูทเครื่องนี้กลับแตกต่างจากแซกวอริเออร์และเซอร์เพนท์ คัสตอมเป็นอย่างมาก และในเวลาเดียวกันก็มีเครื่องบินโจมตีกองเรือไซเรนจากทางด้านหลัง
ที่ด้านหลังของกองเรือไซเรนห่างออกไปหลายกิโลเมตร มีเรือลำหนึ่งอยู่ที่หนึ่งและบนดาดฟ้าเรือ มีสาวน้อยผู้มีเรือนผมสีเงินยาวสลวย ผมของเธอยาวไปจนถึงสะโพก เธอสวมเครื่องแบบสีดำขาว สวมหมวกสีขาวดำซึ่งมีตรานกอินทรีอยู่ที่หมวก และสวมเสื้อโค้ทสีดำเปิดไหล่
“เรือลำนั้นมัน...”
คลีฟแลนด์รู้จักเธอคนนั้นได้เป็นอย่างดี เธอคือเรือบรรทุกเครื่องบินที่แข็งแกร่งที่สุด
“เรือบรรทุกเครื่องบินของยูเนี่ยน... คงจะเป็นยัยนั่นสินะ เซอร์เพนท์ คัสตอม แล้วเจ้าหุ่นสีขาวนั่นมันใครกัน...”
แต่เมื่อเธอซึ่งนั่งอยู่ที่เสากระโดงเรือก้มลงไปมอง เธอก็ต้องประหลาดใจเพราะเหล่าเซอร์เพนท์ คัสตอมกำลังตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวต่อโมบิลสูทเครื่องนั้น เช่นเดียวกับทางคากะ เธอก็เห็นกันเนอร์แซกวอริเออร์ก็กำลังตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเครื่องอื่นก็เป็นเหมือนกัน ก่อนจะมีเครื่องหนึ่งตะโกนดังลั่นออกมา
“ไม่จริง!! นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง!!”
แซกวอริเออร์เครื่องหนึ่งตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว ทางฝ่ายอซูร์เลนเองก็ดูจะตกตะลึงต่อท่าทีของศัตรูด้วยเหมือนกัน
“เจ้านั่นเป็นอะไรของมัน?”
คลีฟแลนด์ขมวดคิ้วสงสัยพร้อมกับจ้องมองไปที่โมบิลสูทเครื่องนั้น ก่อนจะหันกลับไปมองเรือลำนั้น
“ไม่ผิดแน่ เรือบรรทุกเครื่องบินที่แข็งแกร่งที่สุดของยูเนี่ยนเรา”
“ผีเทา(เกรย์โกสต์)... E ผู้ยิ่งใหญ่”
อาคากิกัดเล็บตัวเองด้วยท่าทีเจ็บใจ
“งั้นเหรอ แกเองสินะ!”
คากะก็พูดขึ้นมาเพื่อระบุตัวตนของสาวน้อยคนนั้น
“เอ็นเทอร์ไฟรซ์ เข้าปะทะ”
เอ็นเทอร์ไฟซ์สะบัดมือออกไปทางด้านหน้าแล้วเรือของเธอก็เปล่งแสงออกมาและติดตั้งบนร่างของเธอและกลายเป็นธนู
“ไปล่ะนะ”
เธอพุ่งตัวลงไปและเคลื่อนที่ไปบนผิวน้ำพร้อมเครื่องบินรบของเธอที่บินตามหลังเธอมา จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินลำหนึ่งแล้วบินฝ่ากองเรือไซเรนเข้า และในเวลาไล่เลี่ยกันแซกวอริเออร์เครื่องนั้นก็ตะโกนออกมา
“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!! กันดั้ม!!!”
แซกวอริเออร์ได้เปิดเผยตัวตนของโมบิลสูทที่จัดการจิ้งจอกยักษ์ข้ารับใช้ของคากะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้ทั้งสองฝ่ายตกตะลึงและจ้องมองมาที่กันดั้มเป็นตาเดียวกัน
“กันดั้มเหรอ?”
คลีฟแลนด์พูดพึมพำออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ตอนนั้นเองแซกวอริเออร์และเซอร์เพนท์ คัสตอมก็เริ่มกระชับขวานศึก ปืนใหญ่บีมกำลังสูงและอาวุธทุกอย่างที่ติดตั้งอยู่ทั้งหมด ก่อนจะมีแซกวอริเออร์เครื่องหนึ่งตะโกนสั่งการทันที
“ทุกเครื่องเล็งอาวุธทั้งหมดไปที่กันดั้ม ต้องทำลายกันดั้มให้จงได้ ไม่อย่างงั้นมันจะนำความพ่ายแพ้มาสู่จักรวรรดิซากุระแน่!!!”
“!?”
“!?”
อาคากิและคากะตกตะลึงต่อคำพูดของแซกวอริเออร์เครื่องนั้น กันดั้มจะนำความพ่ายแพ้มาสู่จักรวรรดิซากุระของพวกเธองั้นเหรอ พูดบ้าอะไรของเจ้าพวกนั้น แค่กันดั้มเครื่องเดียวจะสามารถทำให้จักรวรรดิซากุระต้องพบกับความพ่ายแพ้ได้ยังไง
อาคากิและคากะคิดในใจ ขณะที่สายตาจ้องมองไปที่กันดั้ม
“ทุกเครื่องยิง!!”
ซู่มม!!!
เปรี้ยงงง!!!
วิ้ง
เกิดแสงสว่างวาบที่ดวงตาของกันดั้ม กันดั้มเร่งบูสเตอร์ทำให้อนุภาคแสงถูกปล่อยออกมามากขึ้น เขาบินหลบการระดมยิงของหุ่นฝ่ายศัตรูและพุ่งเข้าไปหาพวกมัน
“ยิงเข้าไปอย่าหยุด!!!”
กันดั้มบินฝ่าบีม ห่ากระสุนและมิสไซล์ที่กระหน่ำยิงมาที่ตนอย่างห้าวหาญ ในจังหวะนั้นเองกันดั้มก็ยก GN บีม ไรเฟิลขึ้นมาเหนี่ยวไกยิงทันที บีมทรงพลังพุ่งเข้าใส่แซกวอริเออร์สองเครื่อง จนเกิดการระเบิดขึ้นทำให้พวกเขาสูญเสียแซกไปสองเครื่องรวมเครื่องที่คลีฟแลนด์ทำลายได้ก็สามเครื่อง เครื่องที่เหลือก็กระจายตัวหลบแรงระเบิด แต่ด้วยความเร็วของกันดั้มก็ได้เข้ามาประชิดแซกวอริเออร์ที่กระจายตัวกันออกมา
สแลชแซกวอริเออร์เหวี่ยงขวานศึกขนาดใหญ่เข้าใส่กันดั้มแต่กันดั้มก็หลบได้และเหนี่ยวไกยิงในระยะประชิด กันเนอร์วอริเออร์ยิงบีมกำลังสูงเข้าใส่ในจังหวะที่กันดั้มโจมตีและคิดว่าคงหลบไม่พ้นแน่ แต่ว่ากันเนอร์แซกวอริเออรก็ต้องพบกับความผิดหวัง กันดั้มกางบีมชิลด์ขึ้นมาป้องกันการโจมตีของแซกเครื่องนั้นเอาไว้ได้
“ป้องกันการโจมตีนั้นได้งั้นเหรอ!?”
คลีฟแลนด์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก การโจมตีนั่นทรงพลังมากขนาดที่พวกเธอทำได้แค่หลบเพียงอย่างเดียว แต่กันดั้มสามารถป้องกันลำแสงนั่นได้อย่างง่ายดาย
เอ็นเทอร์ไพรซ์เริ่มทำการโจมตีใส่กองเรือของจักรวรรดิซากุระในจังหวะเดียวกับที่กันดั้มเริ่มทำการโจมตี เอ็นเทอร์ไฟรซ์ซึ่งอยู่บนเครื่องบินก็เล็งธนูยิงไปที่คากะ ลูกธนูพุ่งเข้าใส่คากะ เธอก็ไหวตัวทันและหลบการโจมตีนั้นได้
เอ็นเทอร์ไฟรซ์ง้างสายธนูยิงศรพลังงานเข้าใส่คากะไม่ยั้ง
“ฮึ่ม!”
คากะกัดฟันกรอดอย่างอารมณ์เสียพลางหลบการโจมตีของเอ็นเทอร์ไฟรซ์พร้อมกับพยายามสวนกลับไป
“ย้ากกก”
สแลชแซกวอริเออร์และเบลซแซกวอริเออร์เหวี่ยงขวานโจมตีอย่างพร้อมเพรียงเข้าใส่กันดั้มจากทุกทิศทาง
แต่จังหวะนั้นเอง...
ซู่มมม!!
ก็มีปีกแห่งแสงกางออกจากสกายไดรฟ์ยูนิตซึ่งติดตั้งไว้ที่ GN ไดรฟ์ ทำให้แซกวอริเออร์ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่ปีกแห่งแสงกางออกมาซัดกระเด็นออกไปพร้อมกันกับที่ GN บีมไรเฟิลของกันดั้มสลายหายไปแล้วชัก GN บีมเซเบอร์ออกมาฟาดฟันใส่แซกวอริเออร์ทั้งหมดเป็นชิ้นๆ แล้วร่วงลงไปในทะเล วินาทีถัดมาก็เกิดการระเบิดขึ้น
“แข็งแกร่ง”
คลีฟแลนด์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของกันดั้มเป็นของจริง เขาสามารถต่อกรกับแซกวอริเออร์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แซกอีกสองเครื่องที่เหลือซึ่งถูกปีกแห่งแสงของกันดั้มซัดกระเด็นก็พุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง แต่คราวนี้อาวุธที่ติดตั้งไว้ที่เกราะไหล่ทางด้านซ้ายก็ขยับและกางออก มันก็คือไรเฟิลยาวแบบพับได้ กันดั้มเอาปากกระบอกไปแทงใส่แซกที่อยู่ใกล้กว่าและเหวี่ยงแซกไปกระแทกกับอีกเครื่องแล้วเหนี่ยวไกยิงทันที
ลำแสงทะลุร่างของแซกวอริเออร์ทั้งสองเครื่องจนระเบิด และยิ่งไปกว่านั้นลำแสงนั้นยังพุ่งตรงไปที่เรือไซเรนลำหนึ่งซึ่งอยู่ในวิถียิงเข้าอย่างจังและเกิดการระเบิดขึ้นก่อนที่มันจะจมลงสู่ก้นทะเล
อาคากิและคากะมองเรือไซเรนที่จมลงอย่างง่ายดายด้วยความหวาดหวั่น
“นี่หน่ะเหรอ พลังของกันดั้มน่ะ”
ปังงง!!! ปังงง!!!
เปรี้ยงงง!!!
“ว๊ากกก!! อะ อา ไอ้ปีศาจ!!”
เซอร์เพนท์ คัสตอมทั้งห้าเครื่องและกันเนอร์แซกวอริเออร์ที่ยังเหลือรอดอยู่ต่างพากันหวาดกลัวและระดมยิงใส่กันดั้มอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่การโจมตีนั้นก็ยิงไม่ถูกกันดั้มเลยสักนัดเดียว กันดั้มเล็งลองไรเฟิลไปที่พวกมันแล้วเหนี่ยวไกยิงทันที ลำแสงความร้อนสีแดงพร้อมประกายสายฟ้าพุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่พวกมันรวมตัวกันอยู่ ทำให้กันเนอร์แซกวอริเออร์และเซอร์เพนท์ คัสตอมสองเครื่องถูกทำลาย
ในเวลาเดียวกัน เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็ทำการต่อสู้กับคากะ คากะส่งเครื่องบินรบออกไปโจมตีเอ็นเทอร์ไฟรซ์ เธอยิงลูกธนูออกไป ลูกธนูกระจายตัวออกไปโจมตีเครื่องบินรบ มีหลายลำที่หลบการโจมตีของเธอได้ เธอกระโดดออกไปโจมตีใส่เครื่องบินรบเหล่านั้นและกลับมายังเครื่องบินของเธอ
“สุดยอด”
เหล่าสาวเรือรบต่างพากันตกตะลึงในความแข็งแกร่งของเธอ เช่นเดียวกับกันดั้มที่สามารถต่อกรกับโมบิลสูททั้ง 20 เครื่องของจักรวรรดิซากุระได้
ในตอนนั้นเองก็มีเครื่องบินรบสีดำของไซเรนพุ่งเข้าโจมตีใส่เธอ แต่ว่า...
เปรี้ยง!!
มีลำแสงสีชมพูพุ่งเข้ามาทำลายมัน เธอก้มลงไปมองก็เห็นกันดั้มกำลังอยู่ในท่ายิงค้างอยู่
“เมื่อกี้เจ้านั่นช่วยเราเอาไว้งั้นเหรอ”
เธอรีบสะบัดความคิดนั้นแล้วเพ่งสมาธิไปที่การต่อสู้
“หนอยแน่”
คากะพยายามโจมตีเข้าใส่ แต่เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็สามารถหลบการโจมตีของเธอได้และกระโดดออกจากเครื่องบินรบของเธอแล้วพุ่งเข้ามาประชิดตัวคากะในที่สุด
“แก”
“เสร็จล่ะ”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็ยิงธนูในระยะประชิดเข้าใส่คากะ จนร่างของเธอมีไฟลุกออกมาจากทั่วร่างไม่เว้นแม้แต่ตาและปากของเธอที่มีไฟสีฟ้าลุกท่วมออกมา เอ็นเทอร์ไฟรซ์โดดลงไปคุกเข่าที่ผิวน้ำ
“อ๊ากกก!!!”
“คากะ!”
อาคากิร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
คากะซึ่งตัวงอไปข้างหลังเล็กน้อยก่อนที่จะขยับตัวกลับมาแล้วก้มหน้าลงพร้อมกับระเบิดความโกรธออกมา
“กล้าดียังไงมาทำให้ร่างนี้บาดเจ็บ...”
เธอเอามือไปปิดบาดแผลที่มีไฟสีฟ้าลุกอยู่และพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ร่างนี้น่ะ มีไว้เพื่อท่านพี่เท่านั้น! อึก!?”
เธอตะโกนออกมาก่อนจะกลับหลังหันพร้อมกับทำให้และหางทั้งเก้าของเธอลุกไหม้ด้วยไฟสีฟ้า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร กันดั้มก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอและเอา GN บีมไรเฟิลมาจ่อที่หน้าเธอ
ด้านล่างเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็มีท่าทีตกตะลึงต่อความเร็วของกันดั้มเมื่อเธอมองไปที่ตำแหน่งที่กันดั้มเคยต่อสู้อยู่ก็พบว่าแซกวอริเออร์และเซอร์เพนท์ คัสตอมเหลือรอดเพียงสี่เครื่องเท่านั้นในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสพร้อมกันนั้นไซเรนหลายลำก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักมีหลายลำที่ถูกทำลายและจมลงก้นทะเล
“ไม่อยากเชื่อ เวลาสั้นๆ แค่นั้นสามารถทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
คากะกัดฟันกรอดและพยายามสะกดข่มความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ หากเธอขยับแม้เพียงนิดเดียว กันดั้มจะเหนี่ยวไกสังหารเธอในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหวาดกลัวถึงขนาดนี้
“พอแค่นั้นแหละคากะ ทางคุณเองก็เหมือนกัน กันดั้ม”
อาคากิบินมาห้ามคากะกับกันดั้มเพื่อให้ทั้งสองหยุดสู้กัน
“ท่านพี่! คากะยังสามารถสู้ได้อยู่ค่ะ!”
“รู้อยู่แล้วล่ะ แต่ว่าใกล้จะหมดเวลาแล้ว และที่สำคัญเธอคิดว่าเธอจะสามารถเอาชนะกันดั้มกับเอ็นเทอร์ไฟรซ์ได้งั้นเหรอ”
“อึก! เรื่องนั้น...”
เธอหันไปมองกันดั้มและเอ็นเทอร์ไฟรซ์ที่ยังอยู่ในท่าเตรียมยิง ถูกอย่างที่อาคากิพูดเธอไม่มีทางเอาชนะกันดั้มได้ ความพ่ายแพ้ของแซกวอริเออร์และเซอร์เพนท์ คัสตอมคือหลักฐานอย่างดีในการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกันดั้ม
วินาทีต่อมากระสุนปืนใหญ่หลายนัดและเครื่องบินรบหลายลำก็ทำการโจมตีเรือรบไซเรนอย่างต่อเนื่อง เมื่ออาคากิกับคากะหันไปมองก็พบกับหญิงสาวผมสั้นบลอนด์ทองสวมชุดสีแดงกระโปรงสีดำในมือถือดาบเอาไว้เล่มหนึ่ง เธอ คือ เรือประจัญบาน ปรินซ์ออฟเวลส์และหญิงสาวอีกคนที่อยู่ด้านข้างเธอผูกผมเป็นทรงทวินเทลไว้ที่ผมหน้าทั้งสองข้างหางม้าทรงต่ำยาวไปถึงต้นขา เธอสวมชุดเดรสและหมวกใบใหญ่สีขาวบริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีหน้าอกหน้าที่ใหญ่มากและที่คอของเธอก็มีแซฟไฟร์สีฟ้าสวมอยู่ เธอ คือ เรือบรรทุกเครื่องบินอิลลัสเทรียส
ยูนิคอร์นที่เห็นเธอก็ยิ้มดีใจออกมาขณะกอดม้ายูนิคอร์นผสมม้าเปกาซัสสัตว์เลี้ยงของเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
“พี่สาว!”
“ช้ากันจังเลยให้ตายสิ การต่อสู้ใกล้จะจบแล้วด้วย”
คลีฟแลนด์บ่นออกมา เนื่องจากทั้งสองคนมาช้ามาก แถมศัตรูยังโดนกันดั้มจัดการไปเป็นจำนวนมากด้วย
“เราบรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าภารกิจนี้สำเร็จแล้วล่ะนะ”
อาคากิพูดพร้อมกับยกคิวบ์ที่ลอยอยู่บนมือของเธอขึ้นมา แต่ว่าคิวบ์อันนั้นมีสีดำ
“ค่ะ ถ้าท่านพี่ว่าแบบนั้นล่ะก็ แต่ว่า...”
“รู้แล้ว อีกฝ่ายคงไม่ยอมง่ายๆ แน่”
เธอมองมาที่กันดั้มซึ่งยังคงตั้งท่าเตรียมยิง ด้านล่างเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็ง้างคันธนู ศรแสงเตรียมที่จะยิงออกไป ปากกระบอกปืนไรเฟิลของกันดั้มเองก็ส่งเสียงพร้อมกับมีแสงสีชมพูเปล่งแสงออกมาจากปากกระบอก
“คิดว่าจะปล่อยให้ไปงั้นเหรอ?”
“แหมๆ น่ากลัวจังเลยนะ ทั้งสองคน ฉันแทบจะสูญเสียความเยือกเย็นไปหมดแล้วเนี่ย”
ปากกระบอกของ GN บีมไรเฟิลเริ่มส่งเสียงและเปล่งแสงแรงกล้าขึ้น ท่าทางกันดั้มจะไม่รับมุขของอาคากิ
“นี่ๆ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยรับมุขหน่อยสิ”
อาคากิลนลานขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริงแบบสุดๆ
ตอนนั้นเองก็มีกระดาษรูปเครื่องบินสีส้มพุ่งเข้ามาที่มือของทั้งสอง ทำให้วิถียิงถูกเบี่ยงออกไปด้านข้าง
กระดาษแผ่นหนึ่งเผาไหม้หลังจากที่กระทบกับแขนข้างที่ถือ GN บีมไรเฟิลของกันดั้ม อีกแผ่นก็เผาไหม้ตกกระทบกับผิวน้ำ เอ็นเทอร์ไฟรซ์ก้มมองดู ก่อนที่เธอกับกันดั้มจะหันไปยังทิศทางกระดาษทั้งสองแผ่นพุ่งมา
ตรงหน้าของพวกเธอมีเรือลำนั้นอยู่และบนดาดฟ้าเรือก็มีหญิงสาวผมผมสีน้ำตาลยืนอยู่ในท่าเอาสองนิ้วชี้ไปด้านข้างของตัวเธอ เธอคงจะปากระดาษ ทั้งสองแผ่นนั่นมาแน่ๆ ก่อนเธอจะเอามือลง เธอมีผูกผมเป็นทรงหางม้าทรงสูงซึ่งยาวไปถึงขาของเธอ เธอมีดวงตาน้ำตาลอ่อน เธอสวมชุดสีแดงและกระโปรงสีแดง ที่เสื้อคลุมมีสีขาวลายดอกไม้สีทอง มีสายสีและพู่สีทองประดับอยู่ที่ชุด เธอคือเรือบรรทุกเครื่องบิน ซุยคาคุ
“รุ่นพี่คะ ได้เวลาไปกันแล้วค่ะ”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์จ้องมองไปที่เรือลำนั้น ส่วนกันดั้มก็เอาปืนลงและเอานิ้วออกจากไกปืนแล้วจ้องมองไปที่ซุยคาคุ
“อา งั้นก็ขอตัวนะ”
“เดี๋ยวสิ!”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์ไม่ยอมให้พวกเธอไปแต่โดยดี แต่กันดั้มก็บินลงมาห้ามเธอไว้
อายานามิที่เห็นว่าการต่อสู้ได้จบลงแล้ว เธอจึงผละตัวออกมาแล้วตามทั้งสองคนไป เด็กสาวผมสั้นสีม่วง ผู้ใช้หอกจ้องมองแผ่นหลังของเธอก่อนจะหายลับไป เธอคือเรือพิฆาต จาเวลิน แม้เธออยากจะพูดหรือห้ามอะไรอายานามิ แต่เธอก็พูดไม่ออก ทำให้เธอรู้สึกเศร้าใจ
ระหว่างที่อายานามิกำลังถอยกลับ เธอก็พบกับเด็กสาวที่ผูกผมทรงทวินเทล เธอสวมชุดหลุดลุ่ย หน้าตาสะลึมสะลือ เธอคือเรือพิฆาต ลาฟฟี อายานามิหันหน้ามามองก่อนจะจากไป
อีกด้านหนึ่งอาคากิกับคากะก็กลับมาที่เรือของเธอแล้ว อาคากิก็พูดประกาศให้ทุกคนได้ฟัง
“นี่ถือเป็นการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการนะ อซูร์เลน และก็คุณด้วย กันดั้ม”
“ต่อจากนี้พวกเราจักรวรรดิซากุระ พร้อมทั้งเหล่าเลือดเหล็กจะบดขยี้ภาพมายาของพวกแกเอง”
ในระหว่างที่พวกเธอพูดกลีบดอกซากุระก็โปรยปรายและพัดบดบังทัศนวิสัยของเหล่าอซูร์เลนและกันดั้ม
“ความเกรียงไกรนี้จะเป็นสิ่งกำหนดอนาคต สวรรค์จะเข้าข้างเรา ผู้ครองครองผืนทะเลที่แท้จริง พวกเราเหล่ามิตรสหายแห่งเลือดสีแดง... ฝ่ายเรด แอ็กซิส(อักษะแดง)”
จากนั้นกองเรือของฝ่ายอักษะแดงก็หายไปท่ามกลางกลีบดอกซากุระ
ปรินซ์ออฟเวลส์และอิลลัสเทรียสจ้องมองกองเรือจนหายลับไป
“หนีไปแล้วสินะ แต่ยังไงก็ตาม ได้เธอกับเขาคนนั้นช่วยพวกเราไว้จริงๆ”
พวกเธอจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเอ็นเทอร์ไฟรซ์และกันดั้ม
“นักรบที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยูเนี่ยน เอ็นเทอร์ไฟรซ์... และนักรบที่เหล่าโมบิลสูทพากันหวั่นเกรง กันดั้ม... แต่ว่าทำไมเธอถึงดูเจ็บปวดเพียงนี้นะ...”
อิลลัสเทรียสมองดูเอ็นเทอร์ไฟรซ์ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
เอ็นเทอร์ไฟรซ์แหงนหน้ามองขึ้นไปมองฟ้า นกอินทรีซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอก็บินอยู่เหนือหัวเธอและส่งเสียงร้องออกมา เธอมีสีหน้าเจ็บปวด
“หลังจากการต่อสู้จบลง ก็ยังมีการต่อสู้ครั้งใหม่อีก...”
“เป็นอะไรรึเปล่า?”
กันดั้มได้พูดออกมาเป็นครั้งแรกทำให้เธอตกใจ กันดั้มพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกเป็นห่วง เพราะเขาเห็นเห็นว่าเธอมีสีหน้าเจ็บปวด
“นี่พูดได้ด้วยเหรอ จะว่าไปเสียงนั้นมัน เสียงของผู้ชาย!?”
“ใช่ ฉันเป็นผู้ชาย”
กันดั้มก็เปิดส่วนหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่ม
ดูจากใบหน้าของเขาแล้วน่าจะอายุพอๆ กับเธอ จากนั้นหน้ากากก็ขยับมาปิดใบหน้าของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะแนะนำตัว
“ฉันชื่อ ทาจิบานะ อากิระ หรืออีกชื่อกันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย ฉันมาเพื่อเข้าร่วมกับพวกเธอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายยื่นมือออกมาเพื่อทักทายเอ็นเทอร์ไฟรซ์
“ทาจิบานะ อากิระ...”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์พูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
นั่นมันชื่อของชาวจักรวรรดิซากุระ แต่ว่าทำไมคนของจักรวรรดิถึงมาอยู่ที่นี่แล้วยังมาบอกว่าจะมาเข้าร่วมกับพวกเธอ นั่นทำให้เธอนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา
“อย่าขยับ!! เจ้าสายลับ!?”
เอ็นเท็อร์ไฟรซ์ถอยออกห่างและตั้งธนูขึ้นมาเตรียมยิง ทำเอากันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายตกใจและรีบห้ามเธอทันที
“เฮ้ย!? เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ใช่ศัตรูของพวกเธอนะ แล้วฉันก็ไม่ใช่สายลับของจักรวรรดิซากุระด้วย!”
เขารีบโบกมือไปมาเพื่อปรามไม่ให้เธอโจมตีเขา
“อย่ามาโกหก!! แกคิดจะใช้สถานการณ์นี้เพื่อสร้างความเชื่อใจให้กับพวกเรา จากนั้นก็ทำหน้าที่เป็นสายลับคอยส่งข้อมูลของทางนี้ให้กับฝ่ายเรด แอ็กซิสใช่มั้ยล่ะ”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์ไม่ยอมเชื่อคำพูดของอากิระ เธอจึงเอาธนูจ่อไปที่เขา
“ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ได้เห็นท่าทางที่หวาดกลัวของพวกโมบิลสูทเลยรึไง ถ้าฉันเป็นพวกเดียวกับเจ้าพวกนั้น พวกนั้นจะหวาดกลัวฉันไปทำไม”
อากิระพยายามอธิบายเหตุผลให้เอ็นเทอร์ไฟรซ์ฟัง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมรับฟัง
“นั่นก็แค่ละครตบตาเท่านั้นแหละ ถ้านายเป็นนายทหารระดับสูงของหน่วยลับที่ต้องปฏิบัติภารกิจลับล่ะก็ พวกทหารระดับล่างไม่มีทางรู้หรอก”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่ศัตรูแล้วก็ไม่ใช่สายลับด้วย!!”
อากิระพยายามโต้แย้งเอ็นเทอร์ไฟรซ์สุดชีวิต แต่เธอก็ไม่ฟังแล้วยิงธนูออกมา
กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายหลบการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิด และมองออกว่านั่นเป็นการโจมตีแบบเอาถึงตาย
“นี่กะจะฆ่ากันเลยเหรอ!?”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันจะไม่ยอมให้มีสายลับแฝงตัวเข้ามาในฐานทัพอซูร์เลนอย่างเด็ดขาด!!”
จากนั้นเอ็นเทอร์ไฟรซ์ก็กระหน่ำยิงธนูใส่แต่กันดั้มหลบได้ทั้งหมด เธอจึงพุ่งเข้าประชิดตัวกันดั้มแล้วเหวี่ยงคันธนูเข้าใส่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกาย
แปะ แปะ
“พอได้แล้ว เอ็นเทอร์ไฟรซ์ เขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา”
“แต่ว่า...”
“เธอเองก็ได้เขาช่วยเอาไว้ด้วยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เอ็นเทอร์ไฟรซ์”
ปรินซ์ออฟเวลส์และอิลลัสเทรียสได้เข้ามาห้าม ทั้งสองคนเอาไว้ในตอนที่กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายใช้ฝ่ามือประกบดาบรับการโจมตีจากเอ็นเทอร์ไฟรซ์เอาไว้อย่างสุดกำลังขณะที่เธอพยายามดันคันธนูเพื่อฟาดใส่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“อึก เรื่องนั้น...”
เอ็นเทอร์ไฟรซ์เถียงไม่ออก เป็นความจริงเธอได้กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายช่วยเอาไว้จากเครื่องบินรบของไซเรน ก่อนจะยอมลามือทำให้กันดั้มดับเบิ้ลโอ สกายได้พักหายใจ
“ชื่อทาจิบานะ อากิระ สินะ ฉันปริซน์ออฟเวลส์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันชื่ออิลลัสเทรียส ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ทั้งสองยื่นมืออกมาจับมือทักทายกับอากิระ
“ทางนี้ก็เช่นกันครับ”
เขาจับมือทักทายพวกเธอทั้งสองคน แต่ไม่รู้ทำไมเอ็นเทอร์ไฟรซ์ถึงส่งสายตาคุกคามมาที่เขา
หลังจากที่ทักทายกันเสร็จอิลลัสเทรียสก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณ เรื่องที่คุณช่วยน้องสาวของฉันเอาไว้เลยนี่นา”
“น้องสาว?”
อากิระขมวดคิ้วสงสัย
“ยูนิคอร์น เด็กสาวที่ชอบกอดสัตว์เลี้ยงหน้าตาเหมือนม้ายูนิคอร์นผสมม้าเปกาซัสน่ะ เธอคือน้องสาวของฉันเองค่ะ”
“อ๋อ เด็กคนนั้นเองเหรอ ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรทำก็เท่านั้นเอง”
อิลลัสเทรียสได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะคิกคักออกมา
“แหม ถ่อมตนจังเลยนะ เธอน่ะ”
“ฮะฮะ ก็คงงั้นครับ”
อากิระก็หัวเราะเจื่อนๆ ออกมาพลางเอามือลูบหลังศีรษะ จากนั้นปรินซ์ออฟเวลส์ก็พูดขึ้น
“ตอนนี้ต้องรีบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนล่ะนะ”
“เข้าใจแล้ว”
จากนั้นทั้งสี่ก็กลับขึ้นฝั่งและเริ่มการช่วยเหลือทันที
ความคิดเห็น