ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คอร์สเรียนวิทยายุทธในยุทธภพ

    ลำดับตอนที่ #2 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 18 มิ.ย. 63


              ปักษาออกหากิน พระอาทิตย์ฉายแสงในยามรุ่งสางเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ เสียงเหล่าไม้ไผ่ลู่โอนเอนตามลม กลิ่นสมุนไพรลอยมาจากเรือนไม้ไผ่โดดเดี่ยวหลังหนึ่งบนยอดเขาสูง ปรากฏให้เห็นหนึ่งเซียนหนึ่งศิษย์กำลังปรุงยาเหมือนทุกวัน

            "ซือจุนรากบัวหมดข้าจะลงเขาไปเก็บสักหน่อย ท่านจะเอาอะไรหรือไม่" เสียงผู้เป็นศิษย์ถามอาจารย์

            "ข้าไม่ต้องการอันใด เจ้าไปเถอะระวังตัวด้วยอาหนิง"

            "ข้าจะรีบกลับมา" เขาหันไปยิ้มให้อาจารย์ผู้เปรียบเป็นดั่งพ่อของเขาก่อนจะใช้วิชาลงมาจากบนยอดเขา

              พอใกล้ถึงตีนเขาก็เลิกใช้วิชาแล้วเดินแบบปกติพลางใช้สายตาตรวจหาสมุนไพร แต่สายตานั้นพลันปรากฏให้เห็นเต่าสีดำมีงูพันอยู่รอบตัวหันมองมาทางเขา

             "ท่านเสวี่ยนอู่นั่นท่านจะไปไหน เหตุใดตัวท่านเหลือแค่นั้น" เขาสงสัยจึงพลันเอ่ยปากถามไป ท่านเสวี่ยนอู่คือเต่าดำสัตว์เทพแห่งทิศเหนือที่ขนาดตัวเท่ากับเกาะเล็กๆ เกาะนึงโดยปกติไม่ค่อยจะออกจากถ้ำสักเท่าไร เขาก็เคยเจอท่านเสวี่ยนอู่อยู่เมื่อตอนสิบสองหนาว ตอนนั้นซือจุนของเขาพามาพบแล้วเล่นกับท่าน

            "เจ้าเป็นใคร" เต่าดำตอบกลับ

            "..."

            "ฮ่าห่ะ ดูหน้าเจ้าตอนนี้สิหนิงเฟิ่ง ข้าเพียงแค่ล้อเจ้าเล่นอย่าตกใจไปเลย"

            "โธ่ ข้าตกใจหมดแล้วมาทำอะไรท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลย"

            "ข้าเพียงรู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกอยู่แถวแม่น้ำจ้านหลิว แล้วข้าก็แค่ย่อขนาดตัวเอง เจ้าจะให้ข้าเดินออกมาแบบสบายใจในร่างที่ตัวเท่าเกาะหรือ" สัตว์เทพกล่าว

             "เป็นเช่นนั้นเอง แล้วหนักถึงขั้นท่านต้องลงมาเองเลย ไม่กลัวผู้คนเห็นหรือ"

             "ข้าแค่ไม่เคยพบมาก่อนเลยลงมาดูด้วยตัวเอง ส่วนเรื่องผู้คนก็เจ้าไงที่เห็นข้า" หนิงเฟิ่งทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ "เหตุใดทำหน้าเช่นนั้นใส่ข้า"

             "เหอ ไม่มีอะไรหรอกข้าเพียงแค่จะไปกับท่านด้วย"

             "เป็นห่วงข้าหรือ"

             "หึ ข้าจะไปเก็บรากบัว" หนิงเฟิ่งตอบแล้วเดินนำออกไปทันที

             "จริงๆ เลยเจ้าเด็กนี่" เสวี่ยนอู่พูดแล้วเดินหนิงเฟิ่งไป

             หนิงเฟิ่งและเสวี่ยนอู่เดินเล่นพูดคุยถึงเรื่องราว18ปีที่ผ่านมาว่าพวกเขาเจออะไรกันมาบ้าง

             "ที่จริงถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ประหลาดนี่ขึ้นมาข้าก็คงจำศีลเหมือนเดิมไม่มาเดินคุยกับเจ้าเช่นนี้หรอก" เสวี่ยนอู่บอก

             "ข้าต้องขอบคุณเหตุการณ์ประหลาดนั่นหรือ" หนิ่งเฟิ่งพูด "ท่านน่ะไม่รู้อะไร พอท่านจำศีลไปข้าเหงามากจะพูดเล่นกับชงหยวนซือจุนก็ไม่ได้อีก ข้าน่ะเบื่อมากเลย"

             "เดี๋ยวเถอะข้าจะฟ้องชงหยวน"

             "โธ่ ก็ข้าเบื่อนี่"

             "เจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นคนที่เข้าถึงง่ายไม่ใช่ซะที่ไหน กว่าเจ้าจะคุยกับข้าก็หลายวันเจ้านั่นแหละที่ไม่ค่อยเปิดใจให้ผู้อื่น"

            "แล้วท่านจะให้คุยกับคนแปลกหน้าได้แบบสบายๆ งั้นหรือ ข้าทำไม่ได้" หนิงเฟิ่งส่ายหน้า

            "เจ้าแค่ขี้อาย"

             "ไม่จริง ข้าแค่ไม่กล้า" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็เดินดิ่งไปที่แม่น้ำจ้านหลิวทันที

             "มันต่างกันตรงไหน" เสวี่ยนอู่นิ่วหน้า

              หนิงเฟิ่งเดินลงไปที่กอสัตตบงกชเพื่อจะไปเก็บรากของมันมาทำยาแล้วปรุงอาหาร เมื่อเก็บได้พอสมควรก็ได้ยินเสียงเรียกของท่านเสวี่ยนอู่ จึงเดินไปหาเสวี่ยนอู่พลันพยักหน้าให้มองไปทางที่มีสัตว์อสูรตัวเล็กยืนดมอะไรกันอยู่ หลัวหนิงเฟิ่งสงสัยเลยเดินไปดูอย่างระมัดระวัง

            เมื่อเหล่าอสูรตัวน้อยเห็นเขาก็หลีกตัวให้เขาเข้าไปดูโดยมีเสวี่ยนอู่เดินตามมา หนิงเฟิ่งตัวชาวาบใบหน้านิ่งเรียบปรากฏขึ้น ดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ถึงจะผ่านไปแล้วหลายปีที่พี่ของตายไปเขาไม่เคยลืมใบหน้าของอีกคนแต่เหตุใดคนตรงหน้าเขากลับมีใบหน้าเหมือนพี่เขาทุกส่วนแม้แต่จุดไฝเล็กๆ ใต้ขอบตาซ้าย

             แต่เขาไม่น่าใช่คนของแดนนี้เหตุใดจึงใส่ชุดประหลาดนัก เมื่อเก็บอารมณ์ได้เขาก็นึกได้ว่าอีกฝ่ายนอนอยู่ในน้ำจึงลากเขาขึ้นมาพิงต้นไม้พลางสำรวจร่างกายว่ามีบาดแผลหรือไม่

            "ท่านว่าเขาเป็นคนจากแดนใดกัน" หลัวหนิงเฟิ่งหันไปถามเสวี่ยนอู่

             "เรื่องนี้ข้าว่าเจ้าไปถามซือจุนของเจ้าดีกว่านะ เขาน่าจะรู้ดีกว่าข้า" เสวี่ยนอู่ตอบ

             "ท่านแก่กว่าเขาไม่ใช่หรือ"

             "เอ้ะ เจ้าหลอกด่าข้าหรือ"

              "หามิได้" หนิงเฟิ่งยิ้มใส่

              "ถึงข้าจะแก่แต่ก็ใช่ว่าข้าจะรู้เรื่องเกี่ยวมนุษย์เยอะนี่วันๆ ข้าก็จำศีลอย่างเดียว"

              "งั้นหรือ" เขาพยักหน้าเข้าใจ

              "อือ" เสียงที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคนตรงหน้าเขาเริ่มรู้สึกตัวแล้ว หนิงเฟิ่งยืนขึ้นแล้วโดยถอยหากจากอีกคนพลันบอกให้เสวี่ยนอู่เดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้

     

     

     

     

              หลี่เฟิ่งที่พิงต้นไม้อยู่ดีๆ ก็ไหลมานอนกองอยู่ที่พื้นดิน เขาลืมตาขึ้นแล้วนึกถึงเรื่องที่เขาโดนไล่จนตกน้ำ นึกแล้วก็ขำที่ตัวเองรอดมาได้ทั้งที่คิดว่าจะตายแล้วแท้ๆ

              "ห่ะ รอดมาได้ด้วย" เขามองรอบที่ๆ มีแต่ภูเขาล้อมรอบเสียงธรรมชาติโอบล้อมในแบบที่หาไม่ได้ในที่ๆ เคยอยู่ และเขาก็เจอกับคนหนึ่งใส่ชุดจีนโบราณสีม่วงอ่อนบางเหมือนที่เขาเคยดูซีรีส์เซียนแต่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อน ยืนจ้องหน้าเขาอยู่นานแล้ว

               "เอ่อ..." นี่เขาคงไม่ได้ทะลุมาในร่างคนอื่นเหมือนในซีรีส์หรอกใช่ไหม พอนึกขึ้นได้ก็ก้มหน้ามองชุดตัวเอง ก็ยังเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวบางสำหรับที่เขาใส่นอนกับกางเกงขาวยาวสีดำที่เขาใส่ก่อนออกมาข้างนอก ก็ปกติดีนี่วะ หลัวหลี่เฟิ่งคิดในใจ

              "ท่านมาจากที่ใดกันเหตุใดจึงใส่ชุดประหลาดเช่นนี้" คำถามนั้นมันเป็นทางนี้ไม่ใช่หรอที่ต้องถามน่ะ ว่าทำไมถึงใส่ชุดโบราณแล้วพูดคำโบราณแบบนั้น

               "..." หลี่เฟิ่งนั่งเงียบ

              "เหตุใดจึงไม่ตอบ"

               "นี่กูอยู่ไหนวะเนี่ย"

               "ท่านพูดอันใดกัน ข้าขอโทษก่อนแล้วกัน" เมื่อไม่สามารถพูดคุยกันให้รู้เรื่องได้ หลัว หนิงเฟิ่ง ก็เดินเข้าไปสกัดจุดหลี่เฟิ่งทันที "ไปพบซือจุนคงจะคุยรู้เรื่องมากกว่านี้" พูดพลางโอบหลี่เฟิ่งไว้ แล้วใช้วิชาตัวเบาดีดตัวขึ้นไปตามต้นไม้เพื่อมุ่งสู่ยอดหุบเขาสัตว์อสูร แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นไปเขานึกขึ้นได้ว่าลืมท่านเสวี่ยนอู่กับรากบัวไว้ เลยกลับมาเอา

             "รีบอะไรขนาดนั้นเหล่าหนิงเฟิ่ง เจ้าลืมข้าไว้กับรากบัวเนี่ยหรือ" เสวี่ยนอู่บ่น

             "ข้าแค่ร้อนใจแปลกๆ เกี่ยวกับคนผู้นี้" หนิงเฟิ่งคิ้วขมวด "ท่านจะกลับถ้ำเลยหรือไม่"

             "ข้าว่าจะไปหาชงหยวนสักหน่อย"

              "ดีเลย ข้าขอฝากรากบัวไปด้วยนะเขาหนักมากเลยจะให้แบกรากบัวไปอีก ข้ากลัวจะไม่ไว้" เขายิ้ม "ฝากด้วยนะไป๋" พลางหันไปบอกไป๋งูสีขาวที่พันอยู่รอบเสวี่ยนอู่ ไป๋รับตะกร้าที่เต็มไปด้วยรากบัวไว้อย่างเต็มใจ โดยไม่ถามเสวี่ยนอู่สักนิด พอฝากเสร็จหนิงเฟิ่งก็ไม่อยู่รอให้เสวี่ยนอู่บ่นเขาจึงดีดตัวตรงไปยังเรือนทันทีื

              "นี่เจ้าคิดว่าข้าเป็นลารับใช้เจ้าไง ข้าเป็นถึงสัตว์เทพผู้ดูแลทิศเหนือนะ!!! " พร้อมกับเสียงตะโกนของเสวี่ยนอู่ที่ไล่หลังมา "เจ้าก็เหมือนกันไป๋จะรับมาทำไม"

            "ก็เขาเป็นหลานข้าไยข้าจะช่วยเขาไม่ได้" ไป๋ตอบ

            "แล้วเหตุใดไม่ลงเดินเองบ้าง ข้าก็หนักนะรู้มั้ย"

            "ข้าเดินไม่ได้" ไป๋ตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ "ข้าเลื้อย" พูดเสร็จก็เลื้อยหนีเสวี่ยนอู่อีกคน (ตัว) โดยที่ใช้หางรัดตะกร้ารากบัวไว้

            "ไอ้พวกลูกเต่า!!!!! " เสียงตะโกนลั่นป่าจนแผ่นดินสะเทือนทำให้สัตว์ทั้งหลายพากันวิ่งหนีกระเจิง ได้แต่คิดว่าใครกันที่กล้าทำให้ท่านเทพเสวี่ยนอู่โกรธเกรี้ยวถึงปานนั้น

             หลัวหนิงเฟิ่งที่มาถึงก็พาอีกฝ่ายเข้าไปในเรือนไม้ไผ่ ก็รู้สึกได้แผ่นดินที่สั่นสะเทือนข้างล่างก็นึกขำท่านเสวี่ยนอู่ยังขี้โมโหเหมือนเดิม

              "อาหนิงเจ้าไปทำอันใดให้เสวี่ยนอู่โมโหอีกแล้วหรือ แล้วเขาออกจากจำศีลเมื่อใดกัน"

             "โอ๊ะซือจุนข้ากำลังจะไปตามท่านมาพอดีเลย"

             "เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามซือจุนอาหนิง" หวงชงหยวนพูดพลางมองหน้าลูกศิษย์ที่เอาแต่ยิ้มแห้งออกมา

             "ข้าแค่ฝากรากบัวไว้ที่ไป๋เพียงเท่านั้นข้ายังไม่ได้ทำอันใดเขาเลยนะ" หนิงเฟิ่งตอบ

             "เหตุใดจึงไม่เอามาเองเหล่า"

             "ก็ข้ากำลังจะพาท่านมาดูเหตุผลอยู่พอดี" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็เดินนำซือจุนเข้าไปในเรือน

             "นั่นใช่เขา...หลี่เฟิ่ง" หวงชงหยวนพูดเสียงเบา

             "ข้าก็คิดเหมือนท่านแต่เขาตายไปแล้ว" หนิงเฟิ่งก้มหน้าในใจของเขาเต็มไปด้วยความห่วงหาพี่ชายของตน

             "เอาเถอะ รอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนระหว่างนี้เจ้าก็ไปหายามาต้มให้เขาดื่ม"

             "ขอรับ"

             "หรือว่า..." ชงหยวนพูดน้ำเสียงเรียบหันไปมองพู่หยกสีม่วงประจำตระกูลหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปจากเรือน

    ยามตะวันใกล้ลับขอบฟ้าในเรือนไม้ไผ่มีร่างคนที่ยังนอนแน่นิ่งไม่ยอมตื่น

              "ข้าสกัดจุดเขาแรงไปหรอ เหตุใดจึงยังไม่รู้สึกตัวอีก" หนิงเฟิ่งถามขึ้น

             "แล้วไยเจ้าจึงต้องสกัดจุดเขาล่ะ" เสวี่ยนอู่พูด

             "นี่ท่านยังไม่กลับอีกหรือ" หนิงเฟิ่งหันไปมองนอกหน้าต่างที่มีหนึ่งเต่าดำหนึ่งงูโผล่มา

              "เจ้าเด็กนี่..."

               "มายาา*!! โอ๊ยคอ.." หลี่เฟิ่งที่พึ่งรู้สึกตัวเพราะเขาได้ยินเสียงคนคุยกัน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาเขาเห็นเต่าพูดได้กับงูก็ตกใจรีบลุกขึ้นมาตามด้วยอาการปวดคอมาติดๆ ชงหยวนที่เห็นว่าหลี่เฟิ่งลุกขึ้นมาแล้วก็จับเขาพิงกับหัวเตียง

              "..."

              "..."

               "พวกคุณเป็นใคร/เจ้าเป็นใคร" สุดท้ายก็เป็นหลี่เฟิ่งกับหนิงเฟิ่งพูดออกมา

              "เอาเถอะ พวกข้าควรแนะนำตัวก่อน" ชงหยวนซือจุนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเมื่อเห็นลูกศิษย์ของเขากับบุรุษปริศนานั่งจ้องหน้ากัน              "ข้าเหอ ชงหยวน เป็นซือจุนของเขา" พลางชี้ไปที่หนิงเฟิ่ง

              หลี่เฟิ่งทำหน้างงซือจุนนี่เหมือนเหล่าซือใช่มั้ย เขาคิดในใจ

              "ข้าหลัว หนิงเฟิ่ง"

               "ข้าเสวี่ยนอู่งูนั่นชื่อไป๋เป็นสัตว์เทพแห่งทิศเหนือ"

                "มายาา ทำไมถึงพูดได้" หลี่เฟิ่งที่ตอนแรกลืมเรื่องของเต่าดำไปแล้วก็ตกใจเมื่อเห็นเขาอีกครั้ง

                "เจ้าล่ะชื่ออะไร"

                "หลัว หลี่เฟิ่ง"

                "..." ทั้งเรือนเงียบกริบ

                "ข้าว่าข้ากับไป๋กลับก่อนดีกว่า" เสวี่ยนอู่พูดพร้อมย่อตัวแล้วเดินออกไปทันที

                "เอ่อ..." ตอนนี้หลี่เฟิ่งกำลังอึดอัดเมื่อสองคนตรงหน้าเขาเอาแต่นั่งนิ่งพร้อมขมวดคิ้วจนจะผูกกันอยู่แล้ว เมื่อชงหยวนเริ่มรู้สึกตัวก็เริ่มถามคำถามเขาอีก

                "เจ้ามาจากที่ใดกันหรือ"

                "กุ้ยหลิน*" สองคนทำหน้างง เขาก็พอจะเดาออกว่าคนตรงหน้าไม่รู้จักและเขาก็คิดว่าเขาไม่น่าจะได้อยู่บนโลกใบเก่าของเขาแล้ว เพราะดูจากอะไรๆ ที่เขาได้เจอมา "ที่นี่ที่ไหนหรอ"

                "หุบเขาสัตว์อสูรติดเขตแคว้นเสวี่ย ข้าพอจะเดาได้ว่าเจ้าไม่ใช่คนโลกนี้" หวงชงหยวนพูดพลางถอนหายใจเมื่อเห็นหน้างงของอีกฝ่าย

               "ท่านรู้จักประเทศอเมริกาหรือเปล่า ถ้าท่านไม่รู้จักข้าก็ไม่ใช่คนบนโลกนี้" หลี่เฟิ่งพูดพร้อมเปลี่ยนสรรพนาม

                "อ่า แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร" หนิงเฟิ่งที่นั่งนิ่งอยู่นานถามขึ้น

               "ข้าตกน้ำแล้วข้าก็โผล่มาที่นี่" เขาพยักหน้า

               "เจ้าอายุเท่าใด" หนิงเฟิ่งถามต่อ

               "28"

                "...เจ้ามีปานดอกจื่อเถิงหลัว*ตรงหลังใช่หรือไม่"

                 "ใช่ เอ๊ะคุณรู้ได้ไง" หนิงเฟิ่งหันไปมองชงหยวนซือจุน

                 "ข้าขอดูได้หรือไม่"

                "นี่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามข้าละ..." พูดยังไม่ทันเสร็จหลี่เฟิ่งถูกพลิกตัว ด้วยความที่เสื้อเขาบางอยู่แล้วนั่นทำให้เห็นปานได้ง่าย

               "นี่เจ้า"

               "..."

               หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนนั่งจับเขาคุยกันไปมาหลี่เฟิ่งก็สรุปได้ว่าเขาหน้าเหมือนพี่ชายของหนิงเฟิ่งเขามีปานรูปดอกจื่อเถิงหลัวมีจุดไฝใต้ตาเช่นเดียวกับพี่ชายของอีกฝ่ายแม้แต่ชื่อและสกุล ยกเว้นอายุที่ตอนนี้เขา28และหนิงเฟิ่ง30พี่ของหนิงเฟิ่งก็น่าจะประมาณ36

              ถึงจะเป็นแบบแต่หลี่เฟิ่งก็ยังคงคิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญถ้าผู้ที่เป็นอาจารย์ของหนิงเฟิ่งจับมือเขาแล้วใช้เข็มเจาะนิ้วแบบเร็วจนไม่รู้สึกตัวแล้วเอาเลือดเขาไปหยดกับปกหนังสือที่ชื่อว่า 'วิชาลับตระกูลหลัว' พลันปรากฏแสงวาบขึ้นมาแล้วหนังสือก็เปิดออก

             "ว้าว ระบบตรวจดีเอ็นเอ" หลี่เฟิ่งอดที่จะพูดไม่ได้

              "ตำรานี่ถ้าไม่ใช่เลือดลูกหลานตระกูลหลัวก็เปิดไม่ได้" หวงชงหยวนพูดพลางปิดตำราเล่มนั้นแล้วเจาะนิ้วตัวเองเอาเลือดหยดลงไปเช่นกัน แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

              "ว้าว" หลี่เฟิ่งยังคงอึ้งอยู่แบบนั้น

                "เจ้าหยุดพูดจาประหลาดสักทีได้หรือไม่" หนิงเฟิ่งหันไปดุอีกคน "ถ้าเจ้าออกไปข้างนอกผู้คนคงหาว่าเจ้าบ้ากันหมด"

               "ก็ข้าไม่คุ้นชินกับภาษาพวกเจ้าตอนนี้ ภาษาที่เจ้าพูดตอนนี้มันโบราณ" หลัวหลี่เฟิ่งตอบพร้อมทำตาใส

               "งั้นก็เรียนซะข้ากับซือจุนจะสอนเจ้าเอง เอาหรือไม่"

               "..." เขาควรทำตามอีกฝ่ายดีมั้ยคำที่พูดออกมานั่นเหมือนเป็นคำสั่งมากกว่าคำถาม

                "รวมทั้งวิทยายุทธแล้วทุกเรื่องบนโลกใบนี้"

                "ก็ได้"

                "แต่เจ้าทำพิธีฝากตัวเป็นศิษย์กับข้าด้วย" หนิงเฟิ่งพูด แต่ก็กลับคำเมื่อหันไปทางซือจุน "ข้าหลอกเจ้าเล่น"

                  หวงชงหยวนส่ายหน้าพร้อมยิ้มเมื่อเห็นลูกศิษย์ตัวดีทำกิริยาแบบนั้น ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเขาไม่ได้เห็นอาหนิงมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว นัยต์ตาที่เขาไม่เคยมองออกเลยว่าลูกศิษย์เขาคิดและรู้สึกอันใดอยู่แต่ตอนนี้ถึงภายนอกจะไม่แสดงออกชัดเจนว่ามีความสุขแต่นัยต์ตาของหนิงเฟิ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งแล้ว...

                  "ข้าว่าเจ้าพาหลี่เฟิ่งไปเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าจะไปทำสำรับมาให้"

                 "ขอบคุณขอรับซือจุน" พูดเสร็จหนิงเฟิ่งก็ลากพี่ชายไปที่ห้องของเขาทันที "ข้าว่าข้าตัดชุดให้เจ้าใหม่ดีกว่า"

    .

    .

    .

    มายาา* māya คำอุทานของคนจีนค่ะ แปลว่า แม่เจ้า ตอนแรกจะแปลไปเลยแต่คิดว่ามันแปลกๆ

    กุ้ยหลิน* ตั้งอยู่ในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง อยู่ทางตอนใต้ของจีน (ที่เอาเมืองนี้เพราะว่าสวยแค่นั้นเลยค่ะ555555)

    ดอกจื่อเถิงหลัว* คือดอกวิสทีเรียค่ะ แปะภาพ

    sds

     

     

    Talk: ตอนนี้งงมั้ยไรท์งงมากแต่ถ้างงถามได้เลยนะคะ55555 ได้กลับมาเจอกับหลี่เฟิ่งที่เป็นพี่ชายอีกอาหนิงก็จะดีใจหน่อยๆ ตัดภาพไปที่หลี่นั่งงง

    ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่านเจอกันตอนหน้าค่ะ

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×