คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 ออดิชั่นเพื่อมุ่งสู่โอกาสที่ดีกว่า (แจน)
“จะมีการออดิชั่นเพื่อคัดเลือกเมมเมอร์สี่คนของBNK48 ไปเป็นตัวแทนเพื่อทำรายการเพื่อนร่วมทางที่จะถ่ายทำที่ญี่ปุ่นครับ”
เสียงของจ๊อบซังที่ยืนประกาศรายการอะไรบางอย่างอยู่บนเวทีในงานJapan Expo Thailand 2017ที่พวกเราพึ่งแสดงเสร็จไปทำเอาฉันมึนและเสียงยังคงก้องวนอยู่ในหัว มันแบบโห่ว...ปุบปับขนาดนี้เชียว?
“แล้วออดิชั่นวันไหนคะ?” เสียงของกัปตันวงที่มีความหล่อและสวยในเวลาเดียวกันพูดขึ้น
“พรุ่งนี้และไลฟ์สดผ่าน BNK48 Digital Studio หรือตู้ปลาครับ”
“หา!!!!!!!!!!!!?” ทุกคนต่างร้องอุทานกันอย่างไม่ได้นัดหมายรวมถึงฉันด้วย
“คือว่-”
“ฮึ่ม!”
ก่อนที่จะมีใครพูดต่อมาร์คซังที่อยู่ล่างเวทีถลึงตาอันแสนโหดและดุดันมาทางพวกเราจนไม่มีใครกล้าพูดอะไร...
“รายละเอียดต่างๆ ทั้งกติกาหรือหัวข้อหลักที่ต้องมาแสดงเพื่อออดิชั่นจะประกาศผ่านแฟนเพจหลักของBNK48นะครับ”
หลังจากนั้นพวกเราก็ไปฟังละเอียดถึงหัวข้อออดิชั่นที่ด้านหลังเวที
ซึ่งได้แก่
หนึ่งออดิชั่นโดยใช้เพลงเพื่อนร่วมทางและร้องแค่ท่อนฮุคท่อนสำคัญในเพลงเท่านั้น
สองรายการเพื่อนร่วมทางจะเดินผ่านไปหลายจังหวัดในญี่ปุ่นและไปกันเป็นคู่
ฉะนั้นจับคู่ของตัวเองและซ้อมการฝึกพูดเอาไว้ด้วย
จบ
ฟังดูเหมือนง่ายเนอะ...ที่จริงมันก็ง่ายแหละถ้ามันไม่ได้ออดิชั่นพรุ่งนี้โว้ย!
หลังจากจับฉลากเลือกคู่ฉันก็ได้คู่กับน้องเคทและพอตกลงอะไรกันเสร็จแล้วก็รีบแยกย้ายเดินทางกลับบ้านทันที
ทันทีที่ถึงที่พักตัวของฉันก็แทบจะล้มลงไปนอนทันทีที่เห็นโซฟานุ่มๆ
ที่กองอยู่ตรงหน้าตัวเอง
“เฮ้อ...ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย...”
ฉันเอาหน้าซุกหมอนและพยายามกดหัวตัวเองให้สลบจะได้ลืมๆ วันพรุ่งนี้ไปซะ
“ไม่ได้! ต้องสู้ดิ! คนอย่างเชเช่ต้องสู้! สู้โว้ยเช่!” ฉันตะโกนทั้งๆ ที่หัวยังซุกอยู่ในหมอนนั่นแหละ
ฉันสูดหายใจเข้าแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว รีบค้นหาเนื้อเพลงเพื่อนร่วมทาง
หาคีย์ร้อง เปิดเพลงฟังและวนทำอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะชิน
“ใกล้จับจังหวะได้แล้ว...ถ้าวนแบบนี้อีกนิดล่ะก็…” ฉันตั้งใจฟังเพลงนี้อยู่สองสามชั่วโมงแล้วก็ใกล้จะจำคีย์และทำนองได้แล้วอีกนิดเดียว!
“อืม...แล้วพรุ่งนี้เราคงจะรู้กัน~ ว่าความฝันจะพาเราไปไ-ฮัดชิ้ว!”
ตอนแรกก็แค่คิดว่าแค่จามเฉยๆ
แต่พอการจามเปลี่ยนเป็นการไอและหัวเริ่มมึนจนจำเนื้อไม่ได้ มันก็ชัดเจนแล้วว่า…
“หวัดกิน...กินได้ถูกเวลาจริงๆ
เล-ค่อก!” ฉันแทบคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อทุกอย่างมันลงตัวแปลกๆ
อย่างกับในละครไทยผิดแค่นางร้ายในเรื่องนี้ก็คือหวัดนี่แหละ!
ฉันรีบแชทหาน้องเคททันทีที่รู้ว่าตัวเองเป็นหวัดและขอโทษทันทีที่เป็นตัวถ่วงของน้องไปแบบไม่ได้ตั้งใจ…น้องเคทไม่ได้ดุหรือว่าอะไรฉันเลยแถมยังบอกว่าอย่าฝืนอีกด้วย...สมกับเป็นCEOจริงๆ รู้วิธีปลอบประโลมพนักงานถือว่าเยี่ยม!
“ใจเย็นๆ ฟู่
เคทก็บอกว่าอย่าฝืนงั้น...ลองไปสวดมนต์ซะหน่อยน่าจะดี อืม...สวดมนต์ๆ!” ฉันรีบขึ้นห้องนอนไปสวดมนต์และกะว่าจะซ้อมในห้องนอนต่อเลย
“ฮัดชิ้ว!
โอ้ย! ไม่สวดล้าว!”
ฉันเก็บบทสวดมนต์ไว้ทันทีที่ไอคำสวดคำและกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยอารมณ์ที่ยังคงร้อนในหัวไม่หาย
จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนแชทก็ดังขึ้นมา
น่าจะเป็นน้องเคทหรือเปล่า? แต่ปรากฏว่าเป็นน้องโมบายล์ที่ทักมาซะอย่างนั้น
นิมนต์เซนต์แจนตอบไลน์หนูหน่อยค่ะ
วันนี้คือเชเช่
เซนต์แจนได้ตายไปตั้งแต่หวัดกินแล้ว
อ้าวพี่แจนเป็นหวัดเหรอ =.=”
เป็นไงบ้างคะ?
กินยารึยัง?
ไปหาหมอไหมคะ?
ตัวร้อนกี่องศาคะ?
โมบายล์รัวคำถามมาเป็นชุดจนฉันต้องเบรกไว้ก่อนที่จะมึนไปมากกว่านี้
เดี๋ยววววว
ใจเย็นนนนนนนน =0=!
ขอโทษค่ะ...
ไม่เป็นไรๆ แต่ก็นะพี่ไม่เป็นอะไรมากหรอกกก
เวลาออดิชั่นจะไหวเหรอคะ?
ก็มันไม่ได้หนักถึงขนาดที่เซอะไรแบบนั้น
แต่ว่าพอเวลาพี่เป็นหวัดพี่จะมึนแล้วจะจำอะไรไม่ค่อยได้ยิ่งเนื้อร้องเพลงที่ไม่เคยฟังลืมไปได้เล้ย!
หว่าแบบนี้ก็แย่สิคะ...
ใช่ม่ะ...แย่แบบไม่ต้องการคำอธิบาย
แย่แบบไม่ต้องหวังอะไร~
เพลงไรคะเมื่อกี้?
เอ่อ...เวลาเป็นหวัดพี่จะเบลอๆ น่ะ ช่างมันเต๊อะ
แล้วพี่จะทำยังไงเรื่องเนื้อเหรอคะ?
มีเนื้อก็ต้องเอามาทอดกินดิ
หมายถึงเนื้อเพลงค่ะ! -*-
ก็ต้องซื้อร้านถูกๆ ดิ
นั่นเนื้อแพงค่ะ หนูหมายถึงเนื้อเพลง!
ตึงโป๊ะ!
เป็นหวัดแล้วนี่มีแต่ร่างเชเช่เลยนะคะเนี่ย
มันก็จะมึนๆ โหน่ยยยย
หนูงอนได้ไหม
อย่าพึ่งเซ่! อ่ะๆ พี่บอกล่ะ พี่ว่าจะร้องแบบโชว์เนื้อเพลงสดๆ
ไปเลยอ่ะ
จะดีเหรอคะ...
ไม่มีทางเลือกล้าว!
ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะเสียเวลาจำกับสิ่งที่ทำยังไงก็ทำไม่ได้
พี่ขอไปตั้งใจทำกับเรื่องที่ยังทำได้อย่างการฝึกพูดดีกว่า
พี่แจนพูดมีเหตุผลนะคะ
มันก็แน่นอนอยู่ล้าววว พี่มีเหตุผลตลอดเด้อ
หนูเริ่มอยากกลับคำพูดแล้วค่ะ
โถ่ว อย่าพูดแบบนั้น~
555555 หนูล้อเล่นค่ะ แบบนี้พี่แจนก็น่ารักดีค่ะ
เขินจัง =///=
แล้วโมบายล์คู่กับใครเหรอ? พี่คู่กับเคท
หนูคู่กับพี่แคนแคนเดอะลาสเจดีย์ค่ะ
เจได!!
มันคือมุกค่ะ! 5555555555
งั้นสู้ๆ
นะพยายามทำให้เต็มที่ถึงจะมีเวลาแค่วันเดียวแต่เราก็ต้องทำให้เต็มที่เนอะ
แน่นอนค่ะ! พี่ก็อย่าหักโหมนะคะ
นอนให้ครบอย่างน้อยหกชั่วโมงด้วยนะคะ
หนูโมระบิลก็เหมือนกันนะ ฝันดีล่วงหน้าจ้า
รักพี่นะคะ <3
อุ้ย เขินรอบสอง รักน้องเหมือนกันน้า =//3//=
“ฮึ! เด็กน้อยเอ๋ย~” ฉันปิดโทรศัพท์ทันทีที่คุยแชทกับโมบายเสร็จ
ไม่รู้ทำไมแต่พอได้คุยกับโมบายล์แล้วก็รู้สึกหัวโล่งอย่างบอกไม่ถูก
ถึงจะไม่ได้หายหวัดแต่ว่าอารมณ์ก็กลับมาสดชื่นอีกครั้ง
“ลองดูอีกซักตั้งหน่อยโว้ย!”
ฉันใช้เวลาแทบทั้งคืนไปกับการคิดบทพูดและเตรียมจังหวัดในญี่ปุ่นพร้อมกับเคทว่าเราจะบรรยายถึงจังหวัดอะไร
เราตัดสินใจใช้ฮอกไกโดเป็นตัวบรรยายและพยายามนัดแนะผ่านแชทว่าเราจะพูดอะไรกันดี
เสียงโทรศัทพ์ดังขึ้นในตอนที่ฉันสวดมนต์เสร็จและกำลังจะนอน
พอดูที่หน้าจอก็เห็นว่าโมบายล์คอลมา
“ดึกดื่นขนาดนี้ทำไมไม่นอนนะ” ฉันขมวดคิ้วและกดรับไป
“ว่าไงเจ้าหนูโมบิล”
“พี่ยังไม่นอนเหรอคะ?” เสียงใสๆ ของโมบายล์ทำให้ฉันรู้สึกว่าไม่มีทางจะเบื่อเด็กคนนี้ได้จริงๆ
เลยน้า
“เดี๋ยวว
ฉันสิต้องถามเธอแม่หนูตู้เพลง ดึกขนาดนี้ทำไมไม่นอน?”
“หนูนอนไม่หลับแล้วหนูก็จำเนื้อเพลงไม่ได้ด้วย...” โมบายล์เสียงนอยลงเล็กน้อยเหมือนว่าเธอกำลังเครียดเรื่องนี้อยู่
“ไหนเล่าหน่อยทำไมจำไม่ได้?”
“มันเร็วเกินไปอ่ะพี่
มันแบบให้เวลามาแค่นี้แล้วใครจะไปจำได้อ่ะ
แล้วไหนจะต้องเตรียมคุยกับคู่ของตัวเองอีก ยากอ่ะ…”
“เลิกคิดแบบนั้นดิ อย่าไปคิดว่าไอ้ที่เขาให้โจทย์เรามามันยากขนาดไหน
แต่ให้เราคิดว่าจะทำยังไงให้ดีที่สุดเท่าเวลาที่เขากำหนดมาดิ
ถ้าทำแบบนี้เราจะลดความกังวลไปได้นะ
ถ้าจำไม่ได้ก็หาทางอื่นหรือมุ่งเน้นไปในสิ่งที่เราทำได้ลองแบบนี้ดูนะ”
“...” โมบายล์เงียบและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ฮัลโหลลล
ฟังพี่อยู่ป่ะเนี่ย”
“ฟังแล้วก็เข้าใจดีเลยค่า~”
“ดีมาก! ลองหาทางในแบบของตัวเองดูนะสู้ๆ พี่เป็นกำลังใจให้” ฉันเดินไปปิดไฟและห่มผ้าเตรียมที่จะนอน
“หนูก็เป็นกำลังใจให้พี่แจนเหมือนกันค่ะ”
“ฮ่า จ้าหนูโมบิล”
“พี่รู้ไหมว่าพี่เป็นพี่ดีนะ
ให้กำลังใจหนูอยู่ตลอดๆ แล้วก็วิธีคิดของพี่มันมีความเซนต์แจนสมฉายาพี่จริงๆ นะ”
“นี่ชมช่ะม่ะ?” ฉันเผลอฉีกยิ้มออกมาโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว ทั้งๆ
ที่เมื่อกี้เหนื่อยจนแทบจะหลับแท้ๆ
“แน่นอนว่าชมสิคะ! โถ่ว! ฝันดีจริงๆ ล่ะนะพี่
พรุ่งนี้สู้ไปด้วยกันนะถึงจะไม่ได้คู่กันก็เต๊อะ”
“เช่นกันจ้า รักนะค้า~!”
เสียงเหมือนมีอะไรหนักๆ
ตกลงบนพื้นจากทางฝั่งของโมบายล์
“หือเสียงไรอ่ะ!?”
“หนูตกเตียงค่ะ...พี่แจนช่วย
ย-อย่าพูดแบบนี้ตอนหนูกำลังเบลอสิคะ!”
“เอ้านี่ความผิดพี่เรอะ!”
“ไม่คุยแล้วค่ะฝันดี!” โมบายล์ตัดสายทิ้งทันทีที่พูดจบ
ฉันเกาหัวและทำหน้างง นี่ฉันผิดอะไรเรอะ?
เสียงแจ้งเตือนแชทดังขึ้นมาก่อนที่ฉันจะเอาโทรศัพท์ไปชาร์ตที่หัวเตียง
เป็นข้อความสั้นของโมบายล์ที่พิมพ์ว่า
Me too :)
“โถ่...แม่เด็กแก่แดด” ฉันยิ้ม
รุ่งเช้าแห่งความกดดันดำเนินมาถึงอย่างรวดเร็วมันเหมือนกับว่าฉันเอาหัวลงหมอนไปแค่สองวิแล้วมันก็เช้าเลย
พวกเราทั้ง 27 คนไปนั่งอยู่กับคู่ของตัวเอง
ด้วยความที่จำนวนมันเป็นเลขคี่และมีบางคนที่ไม่ว่างมาออดิชั่นเลยทำให้มีทีมหนึ่งต้องมีสามคน
น้องเคทที่นั่งข้างๆ
ฉันดูกดดันซะจนฉันสังเกตได้
“ใจเย็นๆ
อย่ากดดันตัวเองนะ หายใจเข้าลึกๆ”
วันนี้เคทมาในชุดสีขาวและกระโปรงสีเทา
เคทไม่ได้มัดผมแต่ปล่อยผมยาว ถือเป็นลุคที่ดูเป็นสาวเรียบร้อยโดยไม่ต้องพยายามมาก
ด้วยความที่เคทเป็นคนเงียบๆ เลยอาจทำให้หลายๆ
คนมองข้ามเธอไปแต่ว่าฉันอย่างให้ทุกคนดูตอนที่เคทยิ้มนะ
เวลาที่เคทยิ้มรอยยิ้มของเธอดูเป็นธรรมชาติและสวยมากๆ ฉันเชื่อเลยนะว่าถ้าเคทได้ฝึกฝนประสบการณ์ไปเรื่อยๆ
ยังไงเคทก็ต้องไปได้อีกไกลแน่นอน
“ค่ะ...หนูพยายามอยู่” ซึ่งเคทก็พยายามจริงๆ
ตอนนี้เธอหลับตาลงและพยายามหายใจเข้า-ออกให้เป็นปกติ
“อย่าซีเรียส
ยังไงเราก็ไม่โดนเรียกคนแรกอยู่แล้วเชื่อดิ!”
“คู่แรกคู่เคทกับแจนค่ะ!” เสียงกรรมการหญิงพูดขึ้น
“ไหนว่าไม่ใช่คู่แรกไงคะ?” เคทดูช็อคและดูไม่ได้เตรียมใจเอาไว้เลย
“ก็สงสัยเราจะไม่มีดวงมั้ง...”
“สู้ๆ น้าพี่แจน หนูเคท” “ใจเย็นๆ น้า” “เต็มที่ๆ” ทุกๆ คนในวงให้กำลังใจฉันแล้วก็เคทตั้งแต่ตอนที่กรรมการเรียกชื่อพวกเราเป็นคู่แรก
“สู้ๆ นะคะพี่แจนแล้วก็เคทด้วย” โมบายล์โบกมือและหันไปยิ้มให้เคทกับฉัน
วันนี้โมบายล์มาในชุดธีมชมพูอ่อนปนขาวดูสดใสแบบเด็กๆ
ต่างจากฮาราจูกุที่ดูแสบตาเหมือนครั้งก่อนๆ พอบวกกับที่เธอมัดปอยผมเป็นทรงใหม่แล้ว
มันให้โมบายล์ดูแปลกตาและดูลุคใหม่ที่สวยมากๆ
ก็ไม่รู้ทำไมนะ แต่ตอนนี้รู้สึกเริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาแล้ว! เต็มที่!
“งั้นหนูไปก่อนนะ” เคทสูดหายใจเข้าพยายามทำตัวให้ไม่ตื่นเต้น
“สู้ๆ!”
ฉันยกนิ้วโป้งและดันเคทให้ออกไปเพราะกรรมการเรียกอีกรอบแล้ว
บรรยายกาศที่หน้าตู้ปลาเต็มไปด้วยแฟนคลับที่ชูป้ายไฟมาให้พวกเรามากมาย
ที่ข้างหน้าตู้ปลามีกรรมการหญิง จ๊อบซังและมาร์คซังพร้อมล่ามหนึ่งคนคอยแปลภาษาของมาร์คซัง
ข้างในตู้ปลามีไมค์ชั้นเยี่ยมอยู่อันหนึ่งพอดูดีๆ
แล้วเหมือนวันเข้าห้องอัดครั้งแรกไม่มีผิดต่างกันก็แค่คนเยอะกว่า
เคททออกไปร้องเพลงเพื่อนร่วมทางอย่างตั้งใจ
ถึงจะมีสะดุดเพราะตื่นเต้นบ้างแต่พอตอนที่เคทประคองเสียงตัวเองได้แล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น
เคทพยายามสงบความตื่นเต้นและร้องไปจนจบท่อนที่กรรมการกำหนดไว้
“โอเค...เคทหนูตื่นเต้นใช่ไหม?”
กรรมการหญิงพูด
เคทพยักหน้า น้ำตาเธอเริ่มไหลไม่หยุด
“ครูขอชมแล้วกันนะว่าหนูทำได้ดี...ถึงแม้หนูจะเสียงเพี้ยน
สะดุดหรือแผ่วไปก็ตาม
แต่ว่าในเรื่องการพยายามกลบความตื่นเต้นของตัวเองและประคองเสียงจนจบเพลงได้ ครูถือว่าหนูทำดีแล้วลูก” กรรมการหญิงกล่าว
แฟนคลับหลายๆ คนปรบมือให้เคทแล้วส่งเสียงเชียร์
“ต่อไปแจนค่ะ”
ฉันเข้ามาพร้อมถือกระดาษที่เขียนเนื้อเพลงเอาไว้
“คือว่าขอโทษที่ต้องถือเนื้-ค่อก! เนื้อเพลงด้วยค่ะ...เริ่มเลยค่ะ”
ทำนองเพลงเริ่มบรรเลงมา
ฉันเริ่มพยายามปรับให้หูโฟกัสที่ทำนองและตาโฟกัสที่เนื้อเพลงที่ถืออยู่ ฉันคิดในใจไว้ตลอดเวลาว่า
เราทำได้ เราทำได้! พอใกล้ถึงท่อนฉันก็เริ่มร้องเพลงออกมาท่อนแรกมันก็ตรงคีย์ดี
แต่ว่าหลังจากท่อนที่สองร่างกายของฉันก็เริ่มที่จะอยากไอ
ฉันคิดแต่เพียงว่าต้องกลั้นมันเอาไว้จนทำให้เสียงที่เปล่งออกมามันเพี้ยนและเละเทะไปหมด
ฉันพยายามประคองตัวเองให้ร้องต่อไปจนจบแต่ว่ามันก็เพี้ยนและเละเทะไปยิ่งกว่าเดิมซะอีก
“ขอโทษค่ะ” ฉันก้มหัวลงและเอามือที่กำหมัดไว้แน่นไขว้หลังเอาไว้
ดวงตาของฉันเริ่มชื้นและซึมไปด้วยน้ำตา
“แจน..คือว่าครูจะพูดแบบมาตรฐานของแจนก่อนนะ...การถือเนื้อทำให้หนูต้องโฟกัสถึงสองอย่างทั้งหูที่ต้องฟังทำนองและดวงตาที่ต้องจ้องเนื้อเพลงจนทำให้เรามีสมาธิน้อยลงนะ...”
“ค่ะ…ค่อก!”
ฉันปิดปากเอาไว้และไอไม่หยุด
“ครูเข้าใจนะว่าหนูป่วย
มันทำให้ประสิทธิภาพของหนูลดลงมาก การที่หนูพยายามประคองตัวเองให้ร้องจนจบเพลงได้ก็ทำให้ครูทึ้งนะก็เลยถือว่าโอเคเลยสำหรับคนที่ป่วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ...” ฉันพยักหน้า
“อืม...เคทเข้ามาเลยจ้ะ”
หลังจากที่เคทเข้ามาพวกเราก็เริ่มทำตามที่ซ้อมกันไว้ในแชท
เราพูดถึงฮอกไกโดพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยว ของประจำเมืองฮอกไกโดและอะไรต่างๆ นาๆ
ที่เป็นของที่อยู่ในเฉพาะฮอกไกโด และท้ายสุดพวกเรากล่าวขอบคุณทุกๆ คนและเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวที่นี่
พอจบแล้วมาร์คซังก็พูดเป็นภาษาอังกฤษให้ล่ามที่อยู่ข้างๆ
เอาไปแปลต่อ
“คือมาร์คซังพูดว่า
โปรเจคนี้เป็นโปรเจคที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มาเลยของBNK
มาร์คซังก็เลยอยากรู้ว่าพวกหนูมีความมั่นใจหรือเตรียมใจไว้แค่ไหนกับโปรเจคนี้ครับ”
“หนูมั่นใ-”
เสียงของเคทหายไปแล้ว...ไม่ใช่สิไม่ได้หายไปหรอกแต่ตอนนี้ฉันกำลังเบลอจนฟังอะไรไม่รู้เรื่องต่างหาก
ทุกๆ อย่างมันดูแย่ไปซะหมดเลย วันนี้ฉันทำแย่มาก
แย่เกินไปแล้ว...ถึงจะป่วยแต่แค่ร้องเพลงมันต้องทำให้ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้เรื่องเลย
ไม่ได้เรื่อง...
“แจน แจน! หนูเป็นไรรึเปล่า?” เสียงของกรรมการหญิงตะแบงเสียงผ่านไมค์ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์
“คะ? เอ่อ คือหนูมึนนิดหน่อยค่ะขอโทษค่ะ” ฉันก้มหัวข้อโทษอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าสภาพฉันดูแย่มากขนาดไหนแต่มันทำให้แฟนคลับที่อยู่หน้าตู้ปลาพิมพ์ข้อความใส่กระดาษหรือใส่โทรศัพท์ว่า
แจนสู้ๆ นะ,อย่ากดดันตัวเอง,ใจเย็นแจนๆ
ถึงมันจะเป็นแค่ข้อความแต่สีหน้าของแฟนคลับทุกคนดูเป็นห่วงฉันจริงๆ
ฉันได้แต่คิดว่าตัวเองจะทำให้แฟนคลับผิดหวังหรือเป็นห่วงไปมากกว่านี้ไม่ได้...
“แล้วสรุปว่าหนูมั่นใจหรือเตรียมใจมากขนาดไหนคะ?” กรรมการหญิงถามอีกครั้ง
“หนูมั่นใจเต็มร้อยค่ะ
วันนี้หนูอาจจะ ท-ทำได้ไม่ดีในวันนี้ แต่ว่าถ้าหนูหายป่วยหนูมั่นใจเต็มร้อยเลยว่า
ไม่ว่าจะร้องเพลงหรือเรื่องเป็นพิธีกรชวนคุยแนะนำสถานที่ หนูทำได้ดีแน่นอนค่ะ...”
แฟนคลับปรบมือและส่งเสียงเชียร์ให้หนูเหมือนกับเคทเมื่อกี้นี้
กรรมการหญิง
จ๊อบซังและมาร์คซัง พยักหน้าเหมือนว่าให้ฉันกับเคทออกไปได้
รอบถัดไปก็เป็นของ
ไข่มุก-ซัทจังและของแคนแคน-โมบายล์
“แคนแคนออกไปได้ค่ะ
โมบายล์ต่อเลยลูก”
หลังจากแคนแคนออกไปแล้วโมบายล์ก็เข้ามาต่อทันที
“วันนี้จะมาร้องเพลงเพื่อนร่วมทางค่ะ...” โมบายล์พยักหน้าส่งสัญญาณว่าเริ่มได้เลย
น้ำเสียงของโมบายล์ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเธอได้อย่างหมดจด
ท่อนแต่ล่ะท่อนที่เธอร้องมันกังวานใสมาก ถึงจะมีบางครั้งที่คุมเสียงตัวเองไม่อยู่จนเสียงสั่นแต่โมบายล์ก็ยังไม่วอกแวกและร้องต่อไป
ติดอย่างเดียวเวลาร้องเพลงเธอชอบก้มหน้ามองต่ำ
เอ๋...เดี๋ยวนะนี่ดูเนื้อร้องกันโต้งๆ งี้เลยเหรอ?
ฉันพยายามปิดปากตัวเองและกลั้นขำเอาไว้
ก็รู้อยู่หรอกว่าคนที่ถือเนื้อเพลงมาร้องอย่างฉันยังจะไปขำโมบายล์ได้อีกเหรอ? แต่มันขำจริงๆ
นะไม่ได้มีความเนียนเลยให้ตายสิ แต่ตอนลุกลี้ลุกลนโมบายล์ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ
“พวกเราก็พร้อมจะเดินไป~” พอโมบายล์ร้องจบกรรมการหญิงก็อมยิ้มเล็กน้อย
“มีเนื้อเพลงเขียนอยู่ข้างล่างใช่ไหมคะ?” กรรมการหญิงยิ้มอย่างเอ็นดู
โมบายล์ไม่ตอบแต่รอยยิ้มสำนึกผิดก็เป็นคำตอบที่ดีได้เหมือนกัน
“รู้ไหมทำไมครูรู้? เพราะหนูเอาแต่ก้มตามองพื้นข้างล่างจนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนดูเลยค่ะ
เสน่ห์ของนักร้องไม่ได้มีแค่เสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองนะ
แต่มันคือการต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนดูด้วยมีการเล่นหูเล่นตาพยายามดึงเอาเสน่ห์เราเอาออกมา
ถ้าโมบายล์เอาแต่มองพื้นคนดูก็จะมัวสนใจแค่ว่า ไอ้นักร้องคนนั้นมันมองพื้นทำไมวะ? อะไรแนวนี้เลยนะ”
“ค่ะ...เข้าใจแล้วค่ะ” โมบายล์พยักหน้า
“แคนแคนเข้ามาเลยค่ะ”
พอโมบายล์กับแคนแคนจบการนำเสนอแล้ว
จากนั้นคู่ต่อไปก็ทยอยมาเรื่อยๆ จนหมด ทุกคนโดนติกันเรื่องสองเรื่องตลอด
ยกเว้นปัญที่ไม่โดนติเรื่องการแสดงเป็นพิธีกรเลยเพราะว่าเธอทำได้เป็นธรรมชาติและเป็นตัวของตัวเอง
หลังจากที่พวกเราออดิชั่นกันเสร็จหมดแล้วจ๊อบซัง
มาร์คซังและกรรมการหญิงก็ใช้เวลากันตัดสินใจสักพักถึงจะเรียกพวกเราทั้งหมดเข้าไปในตู้ปลา
จ๊อบซังยืนจ่อไมค์เตรียมที่จะประกาศกันเรียบร้อยแล้ว
“หลังจากที่พวกเราได้คุยกับกรรมการทุกคนแล้ว
เราได้ตัดสินใจแล้วว่า...”
“แทม ทา ดา แดม แทม แท่ม แทม แทม แท้ม!”
ซาวเสียงที่มาจากปากของสมาชิกในวงBNK48เพื่อแก้อาการตื่นเต้น ตอนนี้ทุกคนดูตื่นเต้นและเตรียมใจยอมรับความเสียใจเอาไว้แล้ว
เพราะรายการนี้รับแค่ 4คนเท่านั้น
จะได้ไปหรือไม่ก็ต้องกล้ำกลืนและเก็บไปเป็นบทเรียนในภายภาคหน้า
“เราจะยังไม่เลือกใครครับ”
“อ้าว!!!”
ทุกคนไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในวง แฟนคลับหรือตัวฉันก็ได้อุทานอย่างตกใจแบบไม่ได้นัดกันมา
“เหตุผลที่เรายังไม่เลือกใครเลยก็เพราะวันนี้ทุกคนทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานตัวเองมากแล้วรายการทีวีนี้เราต้องไปโชว์ความสามารถให้คนญี่ปุ่นดูเราไม่อยากให้รายการมันดรอปลงไป
แต่คือเราเชื่อว่าน้องๆ ทำได้ดีเยอะกว่านี้มากๆ เลยเพราะฉะนั้นเราก็เลยจะให้เวลาทุกคนเพิ่ม”
“...” ทุกคนเงียบรอฟัง
“เราจะให้เวลาสองสัปดาห์ในการเตรียมตัวมาออดิชั่น
ตัดช่วงพิธีกรออกไม่มีการจับคู่ ที่เหลือก็เหมือนเดิมไปเตรียมตัวมานะครับ...”
จากนั้นมาร์คซังก็ออกมาพูดประมาณว่า
โปรเจคนี้ไม่ได้ง่ายๆ เขาจริงจังกับโปรเจคนี้มาก มาร์คซังก็เลยอยากให้พวกเรามีคุณภาพมากกว่านี้เพราะฉะนั้นมาร์คซังเลยให้พวกเราเตรียมตัวมาให้ดีกว่านี้
พอทุกอย่างจบลงทุกคนแยกย้ายกันกลับ
แต่ก็เหลือฉันที่ยังนั่งอยู่ที่ไหนสักที่ในห้างความจริงก็คือตอนนี้ฉันปวดหัวและรู้สึกแย่มากพอย้อนกลับไปดูวิดิโอที่ตัวเองออดิชั่น
สภาพโทรมๆ หน้าโทรมๆ ไอแทบจะตลอดเวลา...
“ควรทำได้ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ...”
ในขณะที่ฉันกำลังโกรธตัวเองก็มีมือหนึ่งเอื้อมมาปิดตาฉันจากทางด้านหลัง
“ทายซินี่ใคร~” เสียงใสๆ ที่คุ้นเคยแบบนี้มีไม่กี่คน
“โมบายล์ป่ะจ้ะ”
“ถูก!” โมบายล์เลิกปิดตาฉันและเดินมานั่งข้างๆ
“พี่รู้ไหมตอนที่หนูแตะตัวพี่เมื่อกี้ตัวพี่ร้อนมากกก”
“ก็นะ...หวัดกินนิ” ฉันยักไหล่
“พี่เป็นอะไรรึเปล่า? ตั้งแต่ที่พี่ออดิชั่นไปพี่ก็ดูเพลียๆ มากเลยนะ”
โมบายล์จ้องหน้าฉันแววตาและสีหน้าแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างออกนอกหน้า
“ก็ป่วยไงจะเป็นไรล่ะโถ่...” ฉันยิ้ม
“ไม่ใช่ซะหน่อย...มีอย่างอื่นด้วยใช่ไหม?” โมบายล์เอื้อมมือมาจับมือฉันไว้
สีหน้าของเธอดูจริงจังไม่เหมือนเด็กที่ดูร่าเริงเหมือนแต่ก่อน
“…”
“มีอะไรพี่คุยกับหนูได้นะรู้ไหม…” โมบายล์บีบมือฉันแน่นขึ้น
ฉันสูดหายใจเข้าออกให้เป็นปกติเพื่อที่จะเตรียมระบายความในใจให้โมบายล์ฟัง
“คือ...พี่มันไม่สมควรถูกเรียกว่ารุ่นพี่ด้วยซ้ำนะรู้ไหม...ทำไมพี่ถึงทำไม่ได้
ท-ทำไมถ-” ฉันพยายามกล้ำกลืนเสียงสะอื้นเอาไว้แต่น้ำตาฉันมันก็ไหลออกมาแทน
“พี่ไม่เอา...อย่าร้องดิ” โมบายล์กุมมือฉันแน่นขึ้นและขยับเอาตัวมาใกล้ฉันจนตัวติดกัน
“พี่จำเนื้อไม่ได้จนต้องเอากระดาษเขียนเนื้อเพลงขึ้นมาอ่าน
ล-แล้วคือพอพี่ไปย้อนดูไม่มีใครทำแบบพี่เลยเว้ย! ตอนร้องก็มัวแต่ไอจนเสียงเพี้ยน
เสียงไม่ตรงคีย์ ว-วันนี้มันแย่มากนี่คือผลงานที่มาจากตัวคนที่ถูกเรียกว่ารุ่นพี่เหรอ?
ฮึก! มันไม่ใช่อ่ะพี่ต้องทำได้ดีกว่านี้ดิ...” ตอนที่พูดมันออกมาฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเอนตัวไปซบไหล่โมบายล์
“ก็พี่ป่วยไง...แถมเรายังมีเวลาแค่วันเดียวเองนะพี่
ยังไงมันก็ต้องออกมารูปแบบนี้ไม่ต่ำกว่าครึ่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ป่วยเอย เวลาแค่วันเดียวเอย
มันไม่ใช่ข้ออ้างที่จะมากลบว่าเราทำไม่ดีนะเว้ย!”
โมบายล์เอามือทั้งสองข้างของตัวเองมาจับหน้าฉันและบังคับให้หันมามองหน้าเธอ
“แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วนะพี่แจน! จะไปจมกับความผิดพลาดในอดีตทำไมอ่ะ
เรายังมีโอกาสอีกนะรอบหน้าก็ต้องทำให้ดีกว่านี้ดิ ทำให้คนอื่นๆ
เห็นว่าวันนี้เราแค่เตรียมตัวมาไม่ดี ออดิชั่นรอบถัดไปก็ทำให้กรรมการอึ้งไปเลย!”
“...”
“เข้า ใจ ไหมม” โมบายล์บีบแก้มฉันและพูดไปด้วย
“เข้าใจ...” ฉันพยักหน้า
“ดีมากค่ะ!” โมบายล์ยิ้มและยังคงบีบแก้มฉันเล่นต่อ
“แล้วเมื่อไหร่จะเอามือออกมาจากหน้าพี่อ่ะ”
“แปปนึง โอ้! ทำแบบนี้แล้วเหมือนหมูเลยอ่ะ! ฮ่า!” โมบายล์หัวเราะ
“โอ้ยย! พอล้าว! ปล่อยเลยๆ”
ฉันเลิกซบไหล่โมบายล์และกลับมานั่งตัวตรง
“หน้าพี่แจนเมื่อกี้เป็นงี้อ่ะ” โมบายล์บีบหน้าตัวเอง
“ฮ-ฮ่า! ฮ่า! แบบนี้จริงดิ?
น่าเกลียดอ่ะ มันแบบ” ฉันลองบีบหน้าตัวเองดูบ้าง
“เออๆ แบบนี้เลยพี่
ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” โมบายล์เอามือกุมท้องและขำไม่หยุด
ฉันกับโมบายล์อยู่คุยกันอีกแปปนึงแล้วค่อยแยกย้ายกันกลับบ้าน
ก่อนจะกลับโมบายล์ยังบอกอีกว่า มีอะไรก็ช่วยๆ กันไม่ใช่แค่หนูแต่ทุกๆ
คนในวงก็ช่วยเหลือกันได้เสมอ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าโมบายล์จะดูโตขึ้นขนาดนี้แต่ก่อนเธอยังเป็นเด็กที่ไม่คิดอะไรเอาแต่เล่นอยู่เลย
แต่พอดูตอนนี้ยังกับคนล่ะคนเลย ไม่สิ...ต้องพูดว่าโตขึ้นแล้วต่างหาก
“เวลาสองอาทิตย์ต้องตัดแบ่งเวลาซ้อมไม่ให้ชนกับงานอื่น...แล้วก็จะได้แบบนี้!” ฉันกำลังนั่งทำตารางว่าจะฝึกช่วงไหนอะไรยังไงให้มันเป็นระเบียบ
แต่จะทำตามรึเปล่าก็อีกเรื่องนะ...
ทุกวันที่มีเวลาว่างฉันจะซ้อมอยู่ตลอดทั้งเรื่องร้องเพลงและเรื่องเตรียมบทพูดเอาไว้ว่าจะเริ่มยังไง
กล่าวอะไรบ้างถ้าทำแบบนี้ยังไงก็ต้องไหวอยู่แล้ว!
“ถ้าเราไปร้องอย่างเดียวมันจะดูจืดๆ
ไปรึเปล่าหว่า?”
ฉันขมวดคิ้วพยายามคิดว่าจะเพิ่มโชว์พิเศษหรือว่าจะเต้นอะไรดีรึเปล่า
“เดี๋ยวนะ...” ฉันพยายามนึกเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งให้ออก มันติดอยู่ในหัวว่ามันสำคัญมากๆ
คืออะไรหว่า...
“เราเล่นกีตาร์เป็นนี่!” ฉันปรบมือเสียงดังลั่นไปทั่วบ้าน
ฉันเพิ่มการฝึกจากแค่ฝึกร้องกลายเป็นฝึกใช้กีตาร์เล่นทำนองอะคูสติกเพลงเพื่อนร่วมทางด้วย
ถึงจะดูเยอะขึ้นแต่ว่าถ้าเราทำได้มันจะกลายเป็นโชว์ที่ดีแน่ๆ!
ตลอดเวลาสองสัปดาห์
ถ้ามีเวลาว่างฉันก็จะซ้อมและก็ซ้อม ซ้อมไปเรื่อยๆ ทั้งร้องเพลง พูดหน้ากระจกให้ลื่นไหล
ดีดกีตาร์ให้เข้ากับทำนองเพลง
ทุกอย่างที่สำคัญเนื้อหาหลักๆ ทั้งหมดฉันตั้งใจฝึกมาตลอด
บางทีก็ฝึกจนไม่ได้นอนแน่นอนว่ามันต้องมีท้อบ้างแต่พอได้คุยกับเพื่อนคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็น
แก้ว อร ตาหวาน น้ำหนึ่ง เนยหรือโมบายล์...มันก็ช่วยบรรเทาความเหนื่อยไปได้บ้างเหมือนกัน
เวลาแห่งการซ้อมล่วงเลยผ่านไปจนถึงคืนวันสุดท้าย
ฉันว่าคืนนี้ไม่ต้องซ้อมน่าจะดีเพราะจะได้เก็บออมเสียงเอาไว้ปล่อยจัดเต็มพรุ่งนี้เลย
ฉันก็เลยสวดมนต์แล้วเตรียมเข้านอนทันที
เสียงคอลของโทรศัพท์ดังขึ้น
ฉันเอื้อมมือไปหยิบพอดูที่หน้าจอก็เห็นว่าคนที่โทรมาเป็นโมบายล์คนเดิม
“ว่างายยยหนูโมบิล?”
“พี่แจน
พรุ่งนี้ก็ออดิชั่นแล้ว! ตื่นเต้นไหม?”
“ตื่นเต้นดิ! แต่พรุ่งนี้เราจะเป็นคนคูลๆ”
“หึ้ยย
แสดงว่าพี่แจนเตรียมโชว์ฝีมือเต็มที่เลยดิ”
“แน่นอนแต่โชว์อะไรพี่ไม่บอกนะ”
“ให้หนูเดานะ~ เล่นกีตาร์แล้วก็ร้องไปด้วยใช่ไหม?”
“เอ้า รู้ได้ไงอ่ะ”
“ก็พี่แจนเล่นกีตาร์เป็น
ถ้าพี่จัดเต็มยังไงมันก็ต้องมีกีตาร์อยู่ในโชว์แน่นอนดิ”
“รู้เรื่องพี่ดีกว่าตัวพี่อีกนะเนี่ย”
“หนูก็รู้แค่บางเรื่องเท่านั้นแหละ”
“อืม~แล้วที่โทรมานี่มีอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอ่ะพี่แค่อยากโทรมาป่วนพี่เฉยๆ”
“เปลืองตังตายเลยลูกแบบนี้”
“พรุ่งนี้มาพยายามกันนะพี่แจน”
“อื้ม! ยังไงก็ต้องพยายามให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ไฟซ์โตะ!” เวลาคุยกับโมบายล์มันทำให้หัวโล่งยังไงก็ไม่รู้
ก็จริงที่บางทีก็ปวดหัวกับโมบายล์ที่ซนไปหน่อย แต่พอเป็นเวลาที่โมบายล์จริงจังมันคนล่ะเรื่องกันเลย
ด้วยเสียงใสๆ ของเธอทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ดีใจนะที่เวลาโมบายล์มีปัญหาหรือเรื่องท้ออะไรก็มาเล่าให้พี่ฟัง”
“น-หนูก็เหมือนกันค่ะ
หนูก็ดีใจเหมือนกันที่บ้างครั้งก็ได้เป็นฝ่ายปลอบพี่บ้าง”
“ไม่จำเรื่องนั้นได้ไหมอ่ะ
พี่อาย ฮ่า ฮ่า”
“เรื่องนี้ขอกี่ทีหนูก็ไม่ยอมทำให้ค่ะ
ฮ่า!”
“โป้งแล้ว!...
ฝันดีนะ พรุ่งนี้ทำให้เต็มที่พี่ก็จะทำให้เต็มที่เหมือนกัน!”
“แน่นอนค่ะ! ฝันดีค่ะ!”
พอวางสายแล้วฉันก็แทบจะหลับไปทันที พรุ่งคงนี้คงต้องแสดงและทำให้เต็มที่
สู้!
ออดิชั่นครั้งที่สอง
วันนี้เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว
เนื้อจำได้! กีตาร์พร้อม! เสียงพูดที่สดใสพร้อม!
ออดิชั่นรอบที่สองก็ยังคงไลฟ์สดแหมือนเดิมแต่ว่าก็เปลี่ยนสถานที่ไปเป็นที่อื่นแทน
เป็นห้องไม้กว้างๆ ที่เก็บเสียงและจุคนได้เยอะ มีโซฟาให้กรรมการนั่งคอมเม้นกัน
ข้างหน้ายังคงมีไมค์และลำโพงที่จูนเสียงเตรียมไว้เป็นอย่างดีหนึ่งชุด
ตอนนี้ยังไม่เริ่มออดิชั่นฉันก็เลยนั่งคุยกับแก้วที่เป็นเพื่อนสนิทเพื่อฆ่าเวลา
แก้วเป็นเพื่อนสนิทและยังมีอายุเท่ากับฉันอีกด้วย
แก้วเป็นผู้หญิงที่ถ้าดูแค่หน้าอย่างเดียวก็คงคิดว่าเป็นคนหยิ่งๆ
เพราะเธอมีดวงตาที่เหมือนกับจิกคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าจริงๆ แก้วเป็นผู้หญิงที่ใจดีและร่าเริงคนหนึ่ง
แต่ว่าถ้ามองอีกมุมหนึ่งหน้าแก้วก็เหมือนสุนัขพันธ์คอร์กี้นะ มุ้งมิ้งและน่ารัก!
วันนี้แก้วมาในเสื้อแขนยาวสีดำคอกลมและกางเกงยีนขายาว พอบวกกับหมวกฟีโดร่าสีดำที่เธอใส่ด้วยแล้วทำให้เป็นลุคที่เท่และดูสมอายุ
“แจนเป็นไงมั่ง
แกหายหวัดแล้วใช่มั้ย?” แก้วถาม
“ใช่! วันนี้พลังงานเต็มร้อย!
เสียงระดับโอเปร่าแน่นอนวันนี้”
“เชื่อและว่าหายป่วย” แก้วพยักหน้า
“หุๆ
แล้ววันนี้แกเตรียมอะไรมาโชว์ เปียโนป้ะ?”
“ใช่...ร้องไปด้วยแล้วก็เล่นไปด้วย” แก้วดูตื่นตระหนกเล็กน้อย
“เดี๋ยวนะนี่เป็นครั้งแรกเลยป้ะที่แกเล่นเปียโนแล้วก็ร้องให้คนอื่นฟังไปด้วย?” ฉันถาม
“ก็ซ้อมมาหลายครั้งแล้วแหละ
แต่ถ้าจะให้ร้องและเล่นเปียโนต่อหน้าคนเยอะๆ นี่ครั้งแรกเลย”
“ใจเย็นนะอย่าตื่นเต้นๆ
งั้นเอางี้เวลาร้องก็มองมาที่ฉันก็ได้นะจะไม่ได้ตื่นเต้นมาก!” ฉันยิ้มให้กำลังใจแก้วที่ดูเหมือนจะยังตื่นเต้นอยู่
“หู้ว...จะยิ่งเสียสมาธิน่ะสิแบบนี้”
“อ้าว งั้นลอ-”
“พอแล้วๆ
ยิ่งพูดฉันยิ่งตื่นเต้นนะเนี่ย”
ครูแก้วยกมือขึ้นมาห้ามฉันพูดต่อ
ฉันทำหน้าบึ้ง “ก็ด่ะ...”
ในขณะที่ฉันกำลังนอยแก้วอยู่
ฉันก็เลยหันมาเจอกับปัญที่กำลังนั่งกล่องสี่เหลี่ยมสีชมพูเอาไว้
มันดูแปลกตาและฉันก็อยากรู้มากจนต้องเดินไปหาปัญเพื่อถามเธอ
ปัญเป็นผู้หญิงที่เท่และคูลมากๆ คนหนึ่ง
ด้วยใบหน้าที่ไม่ว่าทำหน้านิ่งหรือว่ายิ้มก็ดูน่ารักไปซะทุกอย่างทำให้ปัญสามารถแต่งตัวได้หลายลุคจนน่าอิจฉาเลยล่ะ
วันนี้ปัญมาในลุคของตัวเองเป็นลุคที่มีความเท่บวกคูลๆ นั่นก็คือสวมกางเกงยีนขาดตรงหัวเข่าและใส่เสื้อสีดำแขนยาวมีลายรูปสัตว์เป็นสัญลักษณ์ตรงกลางเสื้อ
“หืม? มีอะไรรึเปล่าพี่?”
ปัญที่กำลังเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน
“เอ่อ
ไอ้ที่ปัญกำลังนั่งอยู่มันคือไรอ่ะ?”
ใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยความกอยากรู้และสงสัย
“อ้อ~ มันเรียกว่าคาฮองพี่”
“มันเล่นไงอ่ะ?”
ถ้าฉันสามารถเห็นหน้าตัวเองได้ตอนนี้ก็คงเหมือนกับเด็กขี้สงสัยล่ะมั้ง
“ก็แบบนี้อ่ะพี่
ใช้มือตบตรงข้างหน้าให้มันเป็นจังหวะ มันอารมณ์คล้ายๆ
เราตบโต๊ะแต่ว่าเสียงของคาฮองมันจะเพราะ กลวงและดูหนักแน่นกว่าอ่ะพี่”
ตอนที่พูดปัญก็เล่นโชว์จังหวะง่ายๆ ให้ฉันฟังด้วย
“หู้ววว
เห้ยมันดูเข้ากับปัญมากเลยอ่ะ เออๆ เจ๋งๆ นี่เล่นมานานยังอ่ะ?”
“ยังไม่นานเลยพี่พึ่งจะมาหัดตอนช่วงออดิชั่นเอาอ่ะ
แต่ว่าหนูตั้งใจซ้อมมากนะก็เลยพอเล่นได้บ้างแล้ว”
“เห้ยจริงดิ
คูลกว่าเดิมอีกนะเนี่ย! เจ๋งดีๆ พี่ชอบๆ”
“พี่อย่าชมเยอะดิหนูเขิน ฮ่า ฮ่า”
“โทษทีพอดีพี่อวยเก่ง
ฮ่า! เดี๋ยวพี่ซ้อมเล่นกีตาร์ล่ะออดิชั่นรอบนี้ทำให้เต็มที่นะ พี่ไปล่ะๆ”
“พี่แจนก็ด้วยนะ
หนูก็จะซ้อมต่อเหมือนกัน”
หลังจากที่ฉันคุยกับปัญเสร็จแล้วฉันก็กลับไปนั่งกับแก้วต่อ
ดูเหมือนว่าแก้วจะพยายามหาทางทำให้ตัวเองไม่ตื่นเต้นอยู่ฉันก็เลยไม่อยากไปกวนเท่าไหร่
“นั่งจำเนื้อเพลงต่อดีกว่า”
ฉันเปิดโทรศัพท์และพยายามมีสมาธิกับเพลงที่ฉันเตรียมไว้
“พี่แจน!” โมบายล์ที่พึ่งมาถึงรีบวิ่งมานั่งๆ ข้างฉัน โมบายล์วันนี้สวมการเกงยีนสีน้ำเงินสดและเสื้อสีขาวแต่มีลายสัญลักษณ์หลายอย่างที่มีสีสันแสบตาปักอยู่บนเสื้อเต็มไปหมด
“ทำไมสายจังเลยเราอ่ะ?”
“รถมันติดอ่ะ
หนูไม่ผิดนะ” โมบายล์ส่ายหน้าและพูดไปด้วย
ฉันกับโมบายล์คุยเรื่องไร้สาระฆ่าเวลารอให้ทุกอย่างในห้องออดิชั่นลงตัว
และก็คอมเม้นเสียงร้องของกันและกัน เราทำแบบนี้จนกระทั่งจ๊อบซังมาบอกว่าพร้อมแล้ว
“สวัสดีครับทุกคนที่ดูไลฟ์อยู่นะครับ
วันนี้เป็นวันที่เราเรียกว่ารีออดิชั่นนะครับ วันนี้น้องๆ
ต้องมาร้องเพลงตามโจทย์ที่กำหนดให้และแสดงความสามารถพิเศษของตัวเอง เราจะใช้วิธีสุ่มจับคนมาออดิชั่นเหมือนเดิม โดยจะมีครูแมนมาเป็นกรรมการคอยติว่าส่วนไหนดีส่วนไหนไม่ดีนะครับ”
ครูแมนที่นั่งอยู่โซฟาโบกมือทักทายผ่านกล้องที่ถ่ายตัวเอง
“งั้นเชิญครูแมนสุ่มคนแรกได้เลยครับ”
คนแรกเป็นน้ำใสที่ได้ออกมาโชว์ก่อน
การที่น้ำใสร้องท่อนภาษาไทยแล้วต่อด้วยภาษาญี่ปุ่นป็นอะไรที่ฉันรู้สึกทึ้งเหมือนกันเพราะไม่คิดว่าจะมีคนร้องแบบภาษาญี่ปุ่นด้วย
หลังจากน้ำใสโชว์เสร็จแล้วถัดมาก็คือ-
“โอ้! แจนครับ” จ๊อบซังหันมาจับจ้องฉันที่กำลังจำเนื้อเพลงอยู่
ฉันก็ได้แต่คิดในใจว่านี่ฉันออกมาเป็นคนที่สองตลอดเลยเรอะ?
“เอ่อ
หนูต้องแนะนำตัวก่อนใช่ป่ะคะ?...ฮึบ!
สวัสดีค่ะแจนBNK48ค่ะ เย้~” ฉันหันไปยิ้มให้ทุกคนในห้อง
“คือว่าขอเวลานอกนะคะ
หนูอยากจะพูดอะไรนิดหน่อยค่ะ...คือว่าวันนั้นที่ออดิชั่นรอบแรก
หนูทุ่มเทและตั้งใจซ้อมจนเกิดความเครียดแล้วก็กดดันจนทำให้วันนั้นหนูทำได้ออกมาไม่ดี
หนูรู้สึกแย่มากๆ ค่ะ...แล้วพอย้อนกลับไปดูหนูรู้สึกว่าตัวเองแย่มาก
ไม่ได้แย่ที่ร้องไม่ดีหรือว่าป่วยแต่ว่าหนูไม่มีสติที่จะรับฟังคอมเม้นของทุกคนและเสียใจที่ไม่สามารถส่งอารมณ์ไปหาคนดูได้ค่ะ
หนูเลยอยากจะบอกทุกๆ คนว่าหนูขอโทษที่มันเกิดเรื่องแบบที่เล่ามา
แต่หนูสัญญาว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกค่ะ...”
“วันนี้เรามาเริ่มกันใหม่เนาะ!
งั้นเรามาเริ่มกันเลยกับเพลงที่มีชื่อว่าเพื่อนร่วมทางค่ะ” ทำนองเพลงเริ่มบรรเลงมาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือทำตามที่ซ้อมมา
ฉีกยิ้มกว้างๆ!
เวลาร้องส่งสายตาให้คนดู! ขยับไปตามจังหวะเพลง! และอย่างสุดท้ายจงมีความสุขที่ได้ร้องเพลง!
ฉันอ้าปากและบรรเลงทำนองที่ตั้งใจออกมาจากปากของฉัน
“เดินทางมาแสนไกล~ ตามเสียงของหัวใจ -เรียกร้องอะไร~
เรียกร้องอะไรบางอย่าง
จะทำได้หรือไม่
เป็นไปได้หรือ-เป็นคำถามที่ยังติดค้าง~
จุดหมายนั้นอยู่ตรงที่ใด~
จะเดินต่อไปไม่หยุด-จะต้องเดินอีกไกลแค่ไหน~~!
แล้วพรุ่งนี้เราคงจะรู้กัน~! ฝันนั้นจะพาไปไกลซักเท่าไร~
หากวันนี้เรายังคงได้ยินเสียง~ดังก้องอยู่ในหัวใจ
ก็พร้อมจะเดินต่อ~~
แล้วพรุ่งนี้เราคงจะรู้กัน~
ว่าความฝันจะพาเราไปได้ไกลแค่ไหน~
หากวันนี้ยังมีดนตรี ให้ ร้องบรรเลง~ พวกเราก็พร้อมจะเดินไป~! วู้ว~!”
“ขอบคุณค่ะ!”
ฉันโน้มตัวลงรับเสียงปรบมือหลังจบการแสดง
“มีอะไรอีกรึเปล่าครับ?” ครูแมนพูดขึ้นหลังจากที่ฉันร้องจบ
“มีค่ะก็คือเตรียมเล่นกีตาร์เพลงเพื่อนร่วมทางแบบเวอร์ชั่นอะคูสติกมาให้ทุกคนฟังด้วยค่ะ...ขอเวลาแปปนึงนะคะ”
จากนั้นทีมงานก็เริ่มจัดแจงอะไรต่างๆ
ให้เข้าที่และลองซาวเช็คดู ฉันไม่อยากให้ผิดพลาดก็เลยต้องเซฟๆ หน่อย
“ขอกำลังใจหน่อยได้ไหมคะ!!?”
“วู้วววววว!” เสียงตอบรับตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“หู้ว น่ารักจังหลังไมค์เดี๋ยวให้คนล่ะยี่สิบ” ก็ว่าไปนั่น~
ฉันเริ่มบรรเลงเพลงทันทีที่พูดจบ
การเล่นกีตาร์ไปด้วยและร้องไปด้วยความยากของมันก็คือเราต้องโฟกัสสองอย่างพร้อมกันแต่ว่าความง่ายก็คือเราเป็นคนกำหนดทำนองของตัวเองทำให้มันง่ายและยากขึ้นพอๆ
กัน
ครูแมนเริ่มพูดทันทีที่ฉันเล่นจบ
“เพราะนะครูชอบ
เวอร์ชั่นอะคูสติกมันดูเหมาะสมกลมกลืนกับเพลงและตัวแจนดี
แต่ว่าตอนที่แจนร้องอันแรกแจนได้ยินเสียยงดนตรีไหม?”
“คือว่าหนูตื่นเต้นค่ะ
แหะๆ” ฉันหัวเราะแห้งๆ แก้เขินไป
“อ่าตื่นเต้น...
ตอนที่แจนขึ้นพลงตอนจบเลยกลายเป็นคนล่ะคีย์เลย
แต่คือแจนเป็นคนที่มีพรสวรรค์อยูล่ะไม่ต้องห่วงยังไงก็เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว สรุปก็ครูชอบนะ”
“แค่นี้เหรอคะ?”
“แค่นี้แหละ”
“เออแจน มาร์คซังฝากถามว่าแจนมีความมั่นใจขนาดไหนเหรอกับสิ่งที่กำลังทำอยู่?” จ๊อบซังที่พึ่งอ่านข้อความเสร็จก็รีบมาถามคำถามฉัน
“ก็อยากจะบอกทุกคนว่าครั้งนี้มั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอนค่ะ
เพราะว่าตั้งแต่ที่หนูได้โจทย์ออดิชั่นมา หนูตั้งใจฝึกซ้อมทุกวันแล้วทำให้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันค่ะ
และที่หนูเล่นไปมันอาจจะไม่ใช่การร้องการเล่นที่ดีที่สุดแต่ว่ามันเป็นการร้องการเล่นที่หนูตั้งใจที่สุดค่ะ
และอีกอย่างหนูจะทำให้ดีกว่านี้ถ้าหนูได้ไปญี่ปุ่นค่ะ”
จ๊อบซังและครูแมนยิ้มแล้วก็พยักหน้าพร้อมกัน
“โอเค ขอบคุณมากครับ”
หลังจากฉันแสดงโชว์เสร็จแล้วทุกอย่างมันก็โล่งไปหมด
มันเหมือนกับว่าทุกๆ อย่างที่ตั้งใจมาทั้งสองอาทิตย์มันสำเร็จไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะยังไม่ประกาศผลก็ตามที
ต่อจากนั้นก็เหมือนกับว่าทุกอย่างถูกเร่งสปีดให้เร็วขึ้น เริ่มจาก อร น้ำหนึ่ง
ไข่มุก ซัทจัง น้ำหอม เคท ตาหวาน แคนแคน แก้ว โมบายล์ ปัญ นิ้ง เจนนิษฐ์
อรและน้ำใส(รอบที่สอง)
พอจบการออดิชั่นของทุกคนโดยสมบรูณ์แล้วกรรมการทุกคนก็เริ่มประชุมกันว่าจะเลือกใคร
ตอนนี้จ๊อบซังถือไมค์และครูแมนก็กำลังถือกีตาร์หน้ากล้องรอไลฟ์เปิด
พอครูแมนเริ่มบรรเลงกีตาร์ทุกคนก็ทำหน้างงนิดหน่อยแต่พอจ๊อบซังเริ่มร้องเพลงทุกคนก็เริ่มหัวเราะ
เหมือนว่าจ๊อบซังคงไม่อยากให้พวกเรากดดันกันเกินไปมั้ง
“ก่อนประกาศคือพี่อยากจะถามว่ามีใครที่ยังไม่พร้อมจะไปบ้างไหม? เพราะว่าเราต้องเดินทางไปวันที่ 4-16ตุลา นี้นะ”
ทุกคนรวมถึงฉันไม่มีใครพูดอะไรเพราะว่ามันไม่ได้มีโอกาสแบบนี้มาบ่อยๆ
ก็เลยไม่มีใครบอกว่าไม่พร้อมเลย
“โอเคงั้นก็ ทริปแรกเราจะไปที่ฮอกไกโดไปประมาณสิบกว่าวันนะครับแล้วก็ไปต่อที่เกียวโต
ซึ่งคนที่ไปทริปแรกมีสองคน...”
ทุกคนไม่มีใครพูดอะไรได้แต่ยืนลุ้นอย่างเงียบๆ ฟังเสียงบรรเลงกีตาร์ของครูแมนไปพลางๆ
“คนนั้นคือ...แจนครับ!”
ตอนที่จ๊อบซังเรียกชื่อฉันมันดูเหมือนอย่างกับว่าฉันฝันอยู่อย่างนั้นแหละ...เสียงกริ๊ดและยินดีดังออกมาจากรอบๆ
ตัวฉัน ทุกๆ คนต่างยินดีที่ฉันถูกเลือก
ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ถูกนอกจากปิดหน้าตัวเองและพยายามไม่ดีใจจนออกนอกหน้า
“แล้วเพื่อนที่จะได้ร่วมทางไปพร้อมกับแจนก็คือ...ปัญครับ!”
ทันทีที่ปัญได้ยินชื่อตัวเองเธอก็ดีใจและยิ้มไม่หยุด
ปัญเข้าไปกอดตาหวานที่อยู่ใกล้ๆ และวิ่งมากอดฉันต่อ
“มันเป็นภารกิจที่หนักนะเราต้องซ้อมและทำออกมาให้มันดีมากที่สุด
แต่ยังไงก็ยินดีกับทั้งสองคนด้วยครับ” หลังสิ้นเสียงพูดของจ๊อบซังทุกคนก็ร่วมปรบมือยินดีกับเราทั้งสองคน
“ต่อไปเราจะพูดถึงอีกทริปที่ไปเกียวโต
ไปช่วงเดือนมกราเป็นช่วงหน้าหนาวนะครับ...”
“ซึ่งคนที่ได้ไปคนแรกช่วงเดือนมกราก็คือ
ตาหวานครับ!”
ตาหวานเป็นหนึ่งในคนที่ไม่โดนติในออดิชั่นรอบนี้เลยทำให้ไร้ข้อกังขาไปเลยว่าทำไมตาหวานถึงได้ไป
“และคนที่จะได้ไปกับตาหวานก็คือ...แก้วครับ!”
แก้วดูตกใจจนยืนอึ้งไปสามวิแต่เธอก็ตั้งสติและเดินไปรวมกลุ่มกับฉันได้
ฉันยิ้มแสดงความยินดีให้แก้ว เธอก็ยิ้มกลับและพยักหน้าให้ฉัน แต่ด้วยความที่ฉันและแก้วก็คงหยุดความดีใจนี้เอาไว้ไม่ไหวก็เลยโผเข้าไปกอดกันแน่น
ถึงจะไม่ได้ไปทริปเดียวแต่ก็ยังได้ไปรายการเดียวกัน!
“สุดท้ายนี้ขอร่วมยินดีกับทั้งสี่คนด้วยครับ
ส่วนน้องๆ คนอื่นที่ไม่ได้ถูกเลือกไม่ต้องเสียใจนะ น้องเก่งกันทุกคนเลยแต่ว่าแค่คาแรคเตอร์ของน้องยังไม่เข้ากับรายการนี้เท่านั้นเอง
แต่ไม่เป็นไรนะเราจะมีรายการมาให้น้องๆ เรื่อยๆ ถ้าน้องๆ
ยังคงพยายามอยู่อย่างนี้ต่อไป ยังไงซักวันหนึ่งวันของน้องๆ ต้องมาถึงแน่นอนครับ” จ๊อบซังพูดและก็มองหน้าคนที่ไมได้ถูกคัดเลือกในวันนี้ไปด้วย
ทุกอย่างได้จบลงแล้ว...การออดิชั่นมหาโหดได้จบไปแล้ว
มีทั้งคนที่สมหวังและคนที่ผิดหวังแต่ว่าไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวังก็มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนได้จากการออดิชั่นครั้งนี้นั่นก็คือ...ประสบการณ์ที่เพิ่มมากขึ้น
รู้ว่าตัวเองด้อยตรงไหน รู้ว่าตัวเองมีส่วนดีตรงไหนจากนี้ไปฉันและทุกคนในBNK48ก็จะเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ
พัฒนาฝีมือขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกคนจะเก่งขึ้นไปกว่านี้อย่างแน่นอนฉันมั่นใจ...
*รายการเพื่อนร่วมทาง เป็นรายการที่ฉายทางช่องMCOT HD(ช่อง30)
ทุกวันเสาร์เวลา 10.30-11.00 am และฉายรีรันสัปดาห์ถัดไปทุกวันอาทิตย์เวลา
10.30-11.00 am (ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ดำเนินมาถึงep8แล้ว)
**สามารถดูย้อนหลังตอนเก่าๆ ได้ที่ Youtube Channel ของBNK48
(https://www.youtube.com/channel/UClIsaGq7vBEW00ASqwQyzPw)
ความคิดเห็น