ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงชะตามีเกณฑ์จะได้รัก

    ลำดับตอนที่ #2 : จ้าวเวยหลง

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 64


      สีหน้าเย็นชาของผู้ที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถนั้นทำให้เพื่อนร่วมทางอีกสองคนนั้นหนาวเข้าไปถึงกระดูก แม้ว่านี่จะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแต่เหงื่อเม็ดโตๆนั้นกลับผุดผรายขึ้นเต็มตีนผมของคนทั้งสอง ทั้งคู่ต่างรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าหากผู้เป็นนายของพวกเขามีสีหน้าเช่นนี้แล้ว การทำงานในวันนี้ย่อมยากลำบากกว่าปกติแน่นอน

     ถึงแม้ว่าจ้าวเวยหลงนั้นไม่ใช่เจ้านายที่ใจดีเป็นทุนเดิม เขาออกจะเย็นชาและหยิ่งยโสอย่างคุณชายที่มาจากตระกูลร่ำรวยสวนใหญ่เป็น ยิ่งตอนหลังชายหนุ่มที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลจ้าวความหยิ่งยโสของเขาก็พุ่งสูงทะลุเพดาน จนใครๆก็ต่างพากันขยาด หากไม่มีเรื่องจำเป็นพวกเขาก็จะพยายามหลีกเหลี่ยงจ้าวเวยหลง เว้นแต่พวกที่พยายามจะเข้าหาเขาเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขากลัวอิทธิพลของตระกูลจ้าว จึงยังพยายามยามรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขากับตระกูลจ้าวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่นับวันก็ยิ่งยากเย็นขึ้นไปทุกทีเพราะผู้นำตระกูลจ้าวในวันนี้มีนิสัยแตกต่างจากผู้เป็นปู่มากโข จ้าวเวยหลงค่อนข้างเป็นพวกรักสันโดษ และเข้าถึงยากบวกกับที่ชายหนุ่มนั้นไม่ชอบออกงานสังคม...ความสนิทสนมกับตระกูลจ้าวที่ใครหลายคนนึกว่าตนเคยมี ก็ค่อยๆจายหายไปตามเวลา

    ส่วนคนที่เคยมีเรื่องมีราวหรือไม่ลงรอยกับตระกูลจ้าวหรือกับตัวของจ้าวเวยหลงเอง ก็จะเอาตัวหลีกห่างจากจ้าวเวยหลงเพราะความหวาดกลัว ด้วยรู้ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางงัดข้อกับตระกูลจ้าวได้ไม่ว่าจะใช้วิธีการใด ตระกูลนี้เป็นตระกูลเก่าแก่ มีเส้นสายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทางทีดีคืออย่างไปขัดขาพวกเขาโดยเฉพาะกับจ้าวเวยหลง เพราะหากชายหนุ่มคิดจะเก็บกวาดใครล่ะก็ ต่อให้เก่งหรือมีคนใหญ่คนโตหนุนหลัง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหลีกหนีเขี้ยวเล็บของจ้าวเวยหลงไปได้ 

    คำเตือนนี้ถูกส่งต่อกันมาหลายต่อหลายทอด แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าคำพูดเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องที่เกินจริง กลับกันเสียอีกทุกคนที่เคยข้องแวะกับตระกูลจ้าว ต่างพากันพยักหน้าและสำทับคำกล่าวนั้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงหนักแน่น บอกถึงความจริงจังยามพูดถึงความโหดร้ายของจ้าวเวยหลง ผู้นำตระกูลจ้าวคนใหม่

    ‘หนีให้เร็ว อย่าให้เขาตามตัวเจอ...แล้วก็อย่ากลับมาเซี่ยงไฮ้อีกเป็นอันขาด หากไม่อยากตาย’ นี่เป็นคำพูดของอดีตคนที่เคยทำงานกับจ้าวเวยหลง และแน่นอนว่าคำพูดของเขาถูกถ่ายทอดไปถึงใครอีกหลายคนเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูของจ้าวเวลหลง ทุกคนล้วนจดจำคำเตือนนี้ได้ขึ้นใจ

    แม้ว่าหลายต่อหลายครั้งเรื่องที่ทุกคนพูดถึงจ้าวเวยหลงนั้นจะที่มีอคติส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง แต่ก็มีหลายเรื่องที่เป็นความจริงอันไม่อาจมองข้ามไปได้ โชคดีที่จ้าวเวยหลงไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะมาสนใจเรื่องซุบซิบไม่เป็นเรื่องพวกนี้ อย่างไรตอนที่เขาออกงานสังคมเพราะไม่มีทางหลีกเลี่ยง ผู้คนรอบตัวเขาก็ต่างปั้นหน้ายิ้มและพูดประจบเอาใจเขากันอย่างพร้อมเพรียงอยู่แล้ว แล้วทำไมเขาต้องเสียเวลาไปวิ่งไล่ตามคำพูดที่ลอยมาและหายไปกับสายลมพวกนี้ด้วย สำหรับเขานั้นไม่ว่าลับหลังผู้คนจะจะนินทาว่าร้ายเขาอย่างไรจ้าวเวยหลงไม่สนใจ ขอเพียงพวกนั้นไม่โง่พูดให้เขาได้ยินเป็นพอ

    “ท่านประธานจะไปเจอคุณลี่หยางก่อนไหมครับ?” คำถามนั้นทำให้สายตาคมกริบของจ้าวเวยหลงเคลื่อนกลับมาจากด้านนอกของรถ สบตากับผู้ช่วยของตนผ่านกระจกมองหลัง คิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นเล็กน้อยเมื่อพิจารณาคำถามเมื่อครู่อย่างถี่ถวน แล้วจ้าวเวยหลงจึงตอบกลับด้วยคำถาม

     “ทำไมฉันต้องไปเจอเขา”

    “คุณลี่หยางจะไปสิงคโปร์พรุ่งนี้ครับ คนของเราเพิ่งรายงานว่ามีการเตรียมเอาเครื่องบินออกพรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมงครับ” มือขวาของจ้าวเวยหลงเอ่ยรายงานขณะก้มหน้าอ่านข้อความบนแทปเล็ต หยุดครู่หนึ่งเพื่อตรวจทานข้อความจึงพูดต่อ “ตอนนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าจะคุณลี่มีแผนไปพบบ้านอู่ด้วยหรือเปล่า”

    "ไปสิงคโปร์ ไปกี่วัน?”​ จ้าวเวยหลงไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจ้าวลี่หยาง ปู่ของเขานั้นไม่มีทางไปไหนช่วงนี้แน่ๆ แต่จู่ๆเลขาของเขากลับพูดเรื่องการเดินทางไปสิงคโปร์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น “แล้วร่างทรงคนนั้นล่ะ เปลี่ยนแผนการเดินทางด้วยหรือเปล่า”

    “ยังไม่มีรายงานครับ คนของเราจับตาดูอยู่ตลอด...ตั๋วของผู้หญิงคนนั้นยังเป็นตั๋วมาเซี่ยงไฮ้ครับท่านประธาน”

    “จับตาดูเอาไว้ อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น”​ จ้าวเวยหลงว่าพลางยกมือขึ้นเสยผมแรงๆอย่างหงุดหงิดใจ คิดว่าตั้งแต่ร่างทรงคนนี้เข้ามาในชีวิตของจ้าวลี่หยางปู่ของเขา หล่อนก็สร้างเรื่องปวดหัวให้เขาไม่เว้นแต่ละวัน ขนาดหมอดูที่ปู่ของเขาเคยศรัทธาหนักหนา ยังไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อมั่นที่จ้าวลี่หยางมีต่อร่างทรงคนนี้ได้

    แถมอายุหล่อนน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีและยังหน้าตาดีมากๆ แต่กลับอ้างตัวว่าเห็นอนาคตและสามารถช่วยเหลือสกุลจ้าวของเขาให้รุ่งเรืองกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ แน่นอนว่าปู่ของจ้าวลี่หยางนั้นเชื่อเจ้าหล่อนหัวปักหัวปำ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้แสดงอภินิหารอะไรไว้ ใครเอ่ยเตือนท่านหน่อยปู่ของเขาก็ถึงกับขู่ว่าจะตัดขาดจากตระกูลเลยทีเดียว 

    ตอนนี้มีเพียงจ้าวเวยหลงคนที่พอจะมีปากมีเสียง ใช้เหตุผลหักล้างกับความงมงายของจ้าวลี่หยางได้บ้าง...เป็นบางครั้ง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจ้าวเวยหลงรู้สึกเกลียดผู้หญิงคนนั้นทั้งที่ยังไม่เห็นหน้า

    ในสายตาเขาผู้หญิงอายุน้อยแถมหน้าตาดี แต่กลับอ้างตัวว่าเป็นร่างทรงที่เห็นอนาคตได้ เพียงเพื่อที่จะหลอกเอาเงินจากชายที่แก่กว่าพ่อของเธอ ผู้หญิงแบบนี้จะให้จ้าวเวยหลงมองอย่างไร เขาก็ไม่สามารถมองเธอเป็นคนดีได้ อย่างมากก็เป็นได้แค่นักตุ้มตุ๋นมืออาชีพเท่านั่น

    เธอคงไม่รู้หรอกว่าการที่เธอหลอกปู่ของเขาให้เชื่อได้สำเร็จนั้น ได้สร้างความเสียหายต่อเขาและตระกูลของเขาอย่างไรบ้าง!

    “ครับท่านประธาน”

    เสียงนั้นดึงจ้าวเวยหลงกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ชายหนุ่มระบายลมหายใจอกมายาวเหยียด ใช้เวลาอึดใจหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเอง

    “เรื่องที่ปู่ฉันจะไปสิงคโปร์ ให้คนตามดูอยู่ห่างๆก็พอ มีอะไรให้รายงานฉัน อย่าทำอะไรโดยพละการ” จ้าวเวยหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงออกคำสั่ง “อย่ารบกวนคนตระกูลอู่เด็ดขาด โดยเฉพาะป้าใหญ่...ท่านไม่ชอบโดนจับตามอง”

    ป้าใหญ่ที่จ้าวเวยหลงนั้นเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว ที่ตอนนี้ท่านย้ายไปตั้งรกรากอยู่ที่สิงคโปร์กับสามีตั้งแต่แต่งงานกันได้เพียงไม่กี่ปี ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างมากในความรู้สึกของจ้าวเวยหลง แม้ว่าสามีสกุลอู่ของท่านคนนี้จะไม่ได้มาจากตระกูลเก่าแก่หรือเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย อย่างที่ปู่ของเขาอยากได้มาเป็นลูกเขย แต่ตอนนี้ป้าใหญ่ก็มีความสุขมากเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีความสุขได้

    และคงเป็นเพราะว่าสามีคนนี้ของป้าใหญ่ทำให้ท่านมีความสุขมากนี้เอง ปู่ของเขาจึงต้องทำใจปล่อยให้ลูกสาวเพียงคนเดียวไปอยู่ห่างไกลหูตา และหากเขาจำไม่ผิด ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ป้าใหญ่แต่งงานออกไปที่ท่านจะได้เจอกับปู่ของเขา ไม่แปลกที่การพบกันของทั้งคู่จะสร้างความตระหนกให้คนในตระกูลจ้าว

    ถึงแม้ว่าการเลือกสามีของป้าใหญ่ในครั้งนั้นไม่ได้เป็นที่ถูกใจของจ้าวลี่หยางปู่ของเขานัก ทว่าโชคดีที่เรื่องเกิดขึ้นก่อนที่ย่าของเขาจะเสีย ย่าของเขาที่รักลูกสาวยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ ว่าป้าใหญ่จะเลือกแต่งงานกับชายที่มาจากครอบครัวยากจน ท่านก็สนับสนุนป้าใหญ่ขอเพียงให้คนรักของป้าใหญ่ รับปากว่าจะรักป้าใหญ่เพียงคนเดียว ไม่มีหญิงอื่นและจะดูแลป้าใหญ่ให้ดีเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้เป็นแม่

    นั่นทำให้ปู่ของเขาที่ยำเกรงภรรยามาก แม้ขัดใจแต่ก็ต้องปล่อยให้ลูกสาวคนเดียวแต่งงานออกไป พร้อมกับสินเดิมมูลค่ามหาศาล สมฐานะลูกสาวคนเดียวของตระกูลจ้าวในขณะนั้น 

    ซึ่งการแต่งงานของป้าใหญ่ในครั้งนั้นได้สร้างรอยบาดหมางเล็กๆขึ้นในตระกูลจ้าว ยิ่งหลังที่ย่าของจ้าวเวยหลงเสียชีวิตไป ความสัมพันธ์ระหว่างปู่ของเขาและป้าใหญ่ก็ยิ่งห่างเหิน แทบจะเรียกได้ว่าตัดขาดกันไปโดยปริยาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปู่ของเขาเรียกหมอดูมาทำนายดวงชะตาลูกคนแรกของป้าใหญ่ รอยร้าวที่เคยมีก่อนหน้าก็ได้กลับกลายแป็นความบาดหมางใจครั้งใหญ่ และทุกอย่างก็เลวร้ายกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

    “วันนี้ไม่มีประชุมอะไรสำคัญใช่ไหม?” น้ำเสียงของจ้าวเวยหลงมีแววความเหน็ดเหนื่อยและรำคาญ ยิ่งคิดถึงว่าเขาจะต้องไปนั่งฟังเรื่องของร่างทรงคนนี้ตอนเจอปู่ของเขา ความหงุดหงิดของจ้าวเวยหลงก็ยิ่งทวีคูณ

    “ไม่มีครับท่านประธาน” 

    “อย่างนั้นก็จองร้านโปรดของปู่ฉันไว้สัก...สองทุ่มแล้วกัน” ท่านประธานคนหล่อสั่ง ถอนหายใจแรงขณะหยิบมือถือส่วนตัวขึ้นมาส่งข้อความหาผู้เป็นปู่ ว่าเขาชวนท่านไปทานอาหารร้านโปรดก่อนออกเดินทางได้หรือไม่ ไม่นานมือถือของจ้าวเวยหลงก็มีสายโทรเข้า เป็นใครไม่ได้นอกเสียจากปู่สุดที่รัก จ้าวลี่หยาง อดีตผู้นำของตระกูลจ้าวนั่นเอง

    “ครับปู่”

    “ถ้าจะหลอกฉันไปทานข้าวแล้วห้ามไม่ให้ฉันไปสิงคโปร์ เหมือนที่พ่อแกเพิ่งทำไปก็ไม่ต้อง ยังไงฉันก็ไม่เปลี่ยนใจ” เสียงปลายสายนั้นบอกชัดว่าเจ้าตัวกำลังหงุดหงิดกับบรรดาลูกหลานที่ขี้ขลาดตาขาว สติแตกเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แค่เขาจะไปเจอลูกสาวของเขาหลังจากไม่เจอกันหลายปี พวกมันทำราวกับว่าเขาจะขายหุ้นของบริษัททิ้งแล้วหนีไปใช้ชีวิตบั้นปลายกลางป่าเขาอย่างไรอย่างนั้น

    “ผมจะห้ามปู่ทำไมล่ะครับ” จ้าวเวยหลงว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ไม่เหลือเค้าคนหน้าบึ้งเมื่อนาทีที่ผ่านมาให้เห็น การเปลี่ยนอารมณ์ปุบบปับของผู้เป็นนายทำให้ลูกน้องทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถนั้นขนลุกเกรียว รู้ว่าจ้าวเวยหลงเก่งเรื่องเสแสร้ง ซ่อนความรู้สึกแต่พวกเขาก็ยังทำใจให้ชินไม่ได้จริงๆ

    “ผมไม่ใช่พ่อเสียหน่อย ที่ชวนปู่มาทานข้าวนี่ เลี้ยงก่อนที่ปู่จะเดินทางไงครับ อีกหลายวันกว่าปู่จะกลับมาไม่ใช่เหรอ”

    “คนของแกนี่ทำงานเร็วกันจริงๆ”  จ้าวลี่หยางกระแหนะกระแหนหลานชาย แม้ว่าจ้าวเวยหลงจะเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลจ้าวแทนเขาได้ไม่นาน แต่บารมีของเจ้าเวยหลงกลับไม่ด้อยไปกว่าเขาที่ทำหน้าที่ผู้นำมาหลายสิบปีเลย เรียกได้ว่าหลานชายคนนี้ถูกใจเขาทุกอย่าง ทั้งเก่งและเด็ดขาดต่างจากพ่อของมัน 

    “ไม่มีใครบอกผมก็เดาได้ครับ” จ้าวเวยหลงยิ้มมุมปาก โดยที่รอยยิ้มนั้นไม่ได้เลยไปถึงดวงตา แววตาของเขายังเย็นชาและคมกริบประหนึ่งว่ามันจะสามารถตัดคนเป็นสองท่อนเพียงการตวัดมองเพียงครั้งเดียว “แค่ปู่พูดว่าพ่อถึงกับรีบไปขอร้องให้ปู่เปลี่ยนใจ ผมก็พอจะรู้แล้วว่าทริปนี้ของปู่ของอยู่ยาวนานหลายวัน ใช่ไหมครับ?”

    “ไม่ใช่กงการอะไรที่แกต้องรู้” จ้าวลี่หยางว่าเสียงขึ้นจมูก รู้ทันหลานชายมากเล่ห์ของตนดีกว่าใคร “ทำงานของแกไปเถอะ ตำแหน่งประธานบริษัทมันว่างงานนักหรือยังไง...ตอนฉันเป็นประธาน ฉันแทบไม่มีเวลาขยับตัวไปไหน”

    “ผมมีเวลาว่าให้ครอบครัวเสมอครับ” จ้าวเวยหลงเอ่ยประจบทั้งใบหน้าเย็นชา “โดยเฉพาะกับปู่ สรุปว่าไปทานมื้อเย็นกันนะครับ”

    “มีคนอื่นไปด้วยไหม?” จ้าวลี่หยางเริ่มลังเล การที่เขาเคืองบุตรชายไม่ได้หมายความว่าเขาจะเอาความโกรธทุกอย่างพานไปลงกับจ้าวเวยหลง อายุจนปูนนี้แล้วเขาย่อมแยกแยะได้ว่าใครควรโดนด่าและใครที่เขาควรปล่อยให้มาประจบประแจง

    “ถ้าปู่ไม่อยากให้ใครรบกวนก็จะมีแค่เราครับ” จ้าวเวยหลงบอก คำพูดของชายหนุ่มนั้นสร้างความพอใจให้จ้าวลี่หยางไม่น้อย นับว่าไม่เสียแรงที่เป็นหลานคนโปรดของเขา เพียงพูดไม่กี่คำจ้าวเวยหลงก็รู้ว่าเขาต้องการอะไร ช่างต่างกับพ่อของมันจริงๆ

    “ดี” 

    นั่นหมายความว่าจ้าวลี่หยางตอบรับนัดทานข้าวเย็นนี้ของหลานชายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนมันทำให้จ้าวเวยหลงถึงกับผ่อนมหายใจออกมาด้วยความโล่งออก

    เขารักและเคารพปู่ของเขามาก แต่บางครั้งท่านก็เป็นคนหัวแข็งและดื้อรั้นจนทำให้เขาเกือบประสาทเสียอยู่หลายรอบ ต้องยกความดีความชอบในการทำให้ปู่ของเขากลายเป็นคนไม่ฟังใคร ให้ยายร่างทรงที่ชื่อมาสฟ้าอะไรนั่นเลย เพราะตั้งแต่ที่ปู่เขาเจอกับผู้หญิงคนนั้นความหัวรั้นของท่านก็พุ่งสูงขึ้นชนิดที่ว่าใครพูดก็ไม่ฟัง ขนาดเขายังต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีหว่านล้อมร้อยแปดแทน

    แต่ยายผู้หญิงบ้าคนนั้นคงไม่หรอกว่าตัวเองสร้างหายนะให้เขาและครอบครัวของเขาขนาดไหน แต่ก็จะเป็นแบบนั้นอีกไม่นานหรอก...เมื่อหล่อนมาถึงที่นี่...มาถึงเซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่ เขาจะแจกแจงให้เธอรู้เองว่าเธอทำอะไรเอาไว้กับเขาบ้าง!

    กรี๊ด!!! อีเวยมันเป็นผู้ชายแบ๊ดๆหรอกหรือนี่ แล้วน้องฝันตัวน้อยๆของอิฉันจะทำยังไง แม่คุณแม่ขนุนหนังของบ่าว หนีไปค่ะ!!! หนีปายยยยย!!! อีเวยมันอันตราย อีเวยมันร้าย มันไม่ใช่เหยื่อของเราค่ะนู๋ฝัน มันไม่ใช่เหยื่อ!!!!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×