คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 (20%)
เอาล่ะ ทีนี้ก็มาทำความรู้จักกับผมกัน ผมชื่อ นาวิน เรียกสั้นๆ ว่า ‘วิน’ ก็ได้
แต่ถึงชื่อผมจะดูห้าวหาญให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงล่ำสันสักปานไหน
ตัวตนจริงๆ ของผมก็เป็นแค่ ‘วิน’ ผู้ชายตัวเล็กๆ
ใส่แว่น
อายุยี่สิบสามปีและเพิ่งได้งานเป็นพนักงานบัญชีในบริษัทที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
ครอบครัวของผมประกอบด้วยพ่อ แม่และพี่สาวฝาแฝด ซึ่งทุกคนเป็นเบต้า นั่นการันตีได้ว่าคนในครอบครัวผมจะใช้ชีวิตอย่างสุขสงบไร้เภทภัยใดแพ้วพานตลอดชีพ
พวกเราเสพข่าวของเหล่าอัลฟ่าและโอเมก้าในมุมมองของคนนอก บางครั้งบันเทิง
บางครั้งหดหู่ใจ
อย่างเมื่อเร็วๆ
นี้ผมเพิ่งอ่านข่าวหัวหน้าแก๊งสองกลุ่มที่เป็นอัลฟ่าทั้งคู่
แต่ดันไปติดใจโอเมก้าหนุ่มนักเต้นระบำเลื่องชื่อพร้อมกันจนเกิดการต่อสู้ห้ำหั่น
กลายเป็นโศกนาฎกรรมที่มีคนตายมากมายรวมถึงอัลฟ่าทั้งสองคนด้วย
ส่วนหนุ่มโอเมก้าซึ่งรอดชีวิตมาได้ยังเก็บตัวเงียบอยู่ในคอนโดมิเนียมหรูหราของตัวเอง
ซึ่งล่าสุดผมได้ยินข่าวลือมาว่ามีอัลฟ่าหนุ่มมากอิทธิพลคนหนึ่งกำลังเสนอตัวดามหัวใจให้หมอนี่อยู่
ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก คนหน้าตาดีก็มักจะสนใจคนหน้าตาดีด้วยกันเองอยู่แล้ว
ต่อให้พวกเขาเป็นแค่เบต้าก็เถอะ
“นี่ๆ ข่าวล่าสุด เพชรน้ำเอก ดาราสาวชื่อดังจะแต่งงานกับการันต์
หม้ายหนุ่มใหญ่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาทิตย์หน้าล่ะ”
ผมหูผึ่งกับข่าวที่เพื่อนร่วมงานสาวๆ กำลังเมาท์มอยกัน
เพชรน้ำเอกกับการันต์ ถ้าจำไม่ผิดทั้งคู่เป็น...
“เอ๋ อัลฟ่าทั้งคู่เลยนี่นา แต่งงานกันแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ”
“จะเป็นอะไรได้ไง อัลฟ่าชายหญิงแต่งงานกันก็เหมือนกับเบต้าชายหญิงแต่งงานกันนั่นแหละ”
“เว้นแต่...” เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะตรงข้ามผมพูด
“ทั้งคู่จะถูกใจโอเมก้าคนเดียวกัน เมื่อนั้นแหละบรรลัยเกิดแน่”
ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับความคิดของเธอ
เพราะตั้งแต่ผมเกิดจนมาถึงตอนนี้ยังไม่เคยได้ยินข่าวที่โอเมก้าจะไม่ถูกแย่งชิงโดยอัลฟ่าด้วยกัน
ความเงียบเกิดขึ้นครู่หนึ่ง แล้วใครบางคนก็ถอนหายใจ
“ทำไมน้า เบต้าอย่างพวกเราถึงไม่มีสิทธิ์ถูกแย่งโดยพวกอัลฟ่าบ้าง”
“ส่องกระจกดูเงาตัวเองซะบ้างเถอะย่ะ” สาวคนหนึ่งหัวเราะ “หน้าตาจืดจาง
ออร่าอะไรก็ไม่มี แล้วยังเป็นพนักงานต๊อกต๋อยในห้องบัญชีอุดอู้อีก หาเบต้าหนุ่มๆ สักคนยังยากเลย”
เอ่อ... ผมนี่ไง เบต้าหนุ่มๆ
ผมอยากจะพูดออกไปนะ แต่เป็นแค่น้องใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงานมาไม่กี่วัน อีกอย่างสาวๆ
ในห้องบัญชีก็อายุอานามไม่ใช่น้อยแล้ว ขืนผมเสนอตัวแล้วพวกเจ้าหล่อนเกิดอยากสนอง
ผมว่าผมรับไม่ไหวแน่นอน
ขณะที่นั่งเงียบทำตัวเหมือนหินก้อนหนึ่ง ใครบางคนก็เปิดประตูห้องเข้ามา
เป็น ‘อาย’ นั่นเอง
สาวนักบัญชีที่อายุมากกว่าผมสองปี นัยน์ตากลมโตน่ารัก รูปหน้าจัดว่าใช้ได้
ที่จริงแล้วในสายตาผมเธอน่ารักทีเดียว
แต่วันนี้อายเบิกนัยน์ตาโตคู่นั้นจนโตเหมือนนกฮูก
ใบหน้าแดงก่ำด้วยความตื่นเต้นจัด “ข่าวใหญ่ๆ พนักงานพีอาร์คนใหม่มาถึงแล้ว
ได้ยินว่าเป็นโอเมก้าล่ะ!”
ทันใดนั้น สาวๆ ทุกคนในห้องก็พร้อมใจกันยืนขึ้น
“หา จริงอะ!”
“โอเมก้าจริงเหรอ แบบนี้จะมีการฆ่ากันในบริษัทไหม”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย หน้าตาเป็นไง”
อายซึ่งปากสั่นละล่ำละลักตอบ “ดูไม่ออก แต่สวยมาก สวยเป็นบ้าเลย!”
จากนั้นสาวๆ ก็กรูกันออกจากห้อง ทิ้งผมไว้ตามลำพัง
ผมเองก็อยากเห็นโอเมก้าตัวจริงเป็นๆ เหมือนกันแต่ก็ต้องเก็บอาการ
ถึงผมจะเป็นชนชั้นไม่สลักสำคัญแต่ก็เป็นผู้ชายและเป็นมนุษย์
ในฐานะที่เรามีเลือดมีเนื้อเหมือนกัน ไปจับกลุ่มล้อมวงดูโอเมก้าคนนั้นราวกับเขาหรือเธอเป็นสัตว์ในสวนสัตว์ก็ดูไม่งาม
ไม่หรอก ผมโกหกน่ะ
ใจจริงผมเองก็อยากไปอยู่ในวงเหล่าเบต้ามุงดูโอเมก้าคนนั้น แต่เผอิญว่าในบริษัทนี้มีอัลฟ่าสองคน
ผมเกรงว่าถ้าอัลฟ่าเกิดถูกใจโอเมก้าจนเปิดศึกห้ำหั่นแย่งชิงขึ้นมา ผมอาจจะกลายเป็นหนึ่งในศพเบต้าตัวประกอบที่น่าสงสารก็เป็นได้
แม้ความจริงผมจะไม่เคยเห็นความน่ากลัวของอัลฟ่าเวลาแย่งโอเมก้ากันเลยก็ตาม
ไม่ถึงห้านาที สาวๆ ห้องบัญชีก็ทยอยกลับมา พร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่ตามปิดท้ายขบวน
ผมก้มหน้าเมื่อเห็นว่าเป็นคุณเตือนจิต หัวหน้าห้องบัญชีนั่นเอง
เธอเป็นเบต้าที่มีลักษณะของอัลฟ่าอย่างเห็นได้ชัด
นั่นก็คือความน่าเกรงขามที่ทำให้ลูกน้องทุกคนกลัวหัวหด
“ไปมุงดู ‘เขา’ นี่
งานการเสร็จหมดแล้วหรือไง” คุณเตือนจิตพูดด้วยเสียงต่ำน่าสยอง
“งบของเดือนที่แล้วปิดได้หรือยัง
แล้วแจ้งยอดค้างชำระของลูกหนี้ให้ฝ่ายติดตามรับทราบแล้วใช่ไหม”
สรุปว่าโอเมก้าคนนั้นเป็นผู้ชาย
ผมเหมาเอาจากคำพูดของหัวหน้าในขณะที่สาวๆ ในห้องรับคำ
ทุกคนทยอยกลับโต๊ะและเริ่มงานของตัวเอง
พนักงานห้องบัญชีมีทั้งหมดหกคนรวมตัวผม
ซึ่งทุกคนนั่งกระจุกอยู่ในห้องแคบๆ ที่มีเอกสารกองอยู่เต็มไปหมด
โดยห้องบัญชีนี้มีประตูเชื่อมไปยังอีกห้องซึ่งกว้างขวางกว่าเพราะใช้เป็นที่เก็บเอกสารสำคัญ
โดยห้องเก็บเอกสารแบบนี้มีอีกห้องหนึ่งอยู่ติดกับห้องของกรรมการผู้จัดการใหญ่บนชั้นห้า
ราวสองหรือสามเดือน พนักงานบัญชีจะคัดแยกเอกสารบางส่วนขึ้นไปเก็บในห้องดังกล่าว
บริษัทที่ผมทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทผลิตและส่งออกอุปกรณ์ไอทีที่มีชื่อเสียงพอสมควร
ตั้งอยู่ในเมืองหลวงจุดที่การจราจรสะดวกทั้งทางบกและทางน้ำ อาณาบริเวณของบริษัทประกอบด้วยอาคารสูงห้าชั้นสำหรับใช้เป็นออฟฟิศกับโรงงานผลิต
โดยทั้งสองส่วนถูกคั่นกลางด้วยสวนหย่อมและลานจอดรถอันร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่
เจ้าของบริษัทแห่งนี้คือชายหนุ่มชาวต่างชาติชื่อว่ามาร์คัส
ได้ยินว่าเขาเทคโอเวอร์กิจการที่ใกล้ล้มไม่ล้มแหล่เมื่อห้าปีก่อนแล้วพัฒนามันจนทำกำไรได้อย่างมหาศาล
บ้างก็ว่าเขาเปิดบริษัทไอทีบังหน้าเพื่อปกปิดเรื่องที่เขาเป็นเจ้าพ่อวงการธุรกิจใต้ดิน
สันนิษฐานได้จากการที่คนในบริษัทเคยเห็นมาร์คัสปรากฏตัวน้อยมาก
อ้อ แน่นอนว่าเขายังเป็นอัลฟ่าอีกด้วย
แต่อัลฟ่าสองคนในบริษัทไม่ได้เหมารวมมาร์คัส เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด
ดนตร์ และหัวหน้าฝ่ายซ่อมบำรุง ภควัน ต่างหาก
ทั้งคู่เป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่สง่างาม กล้ามเนื้อเป็นมัดแบบที่เบต้าสาวๆ
เห็นแล้วต้องน้ำลายสอ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ประกาศว่าตัวเองคืออัลฟ่าเลยสักครั้ง
ซึ่งไม่จำเป็น อัลฟ่าคือเผ่าพันธุ์พิเศษที่เพียงแรกเห็นก็รู้เลยว่าคนนี้แหละใช่โดยที่คุณเป็นแค่เบต้าเท่านั้น
สาวๆ ทั่วทั้งบริษัทต่างหลงละเมอและพร่ำเพ้อถึงดนตร์และภควัน เท่าที่ผมสังเกต
พวกเขาก็ดูพออกพอใจที่เป็นอย่างนั้น แต่ด้วยความที่อยู่บริษัทเดียวกันและพวกเขาเป็นถึงระดับหัวหน้า
จึงไม่มีสาวแท้และสาวเทียมเผ่าเบต้าคนไหนโชคดีได้อัลฟ่าหนุ่มหล่อเป็นคู่ควง
กระนั้น ผมเคยเห็นดนตร์ออกเดตกับเบต้าสาวหน้าตาดีอยู่สามสี่รายเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามสาวเบต้าเปรียบเสมือนดอกไม้ริมทางที่หนุ่มอัลฟ่าใช้เป็นของคั่นเวลา
ถึงผมจะเคยอ่านข่าวชายอัลฟ่าแต่งงานกับสาวเบต้ามาบ้าง ทว่าทุกคู่มักจบลงด้วยการหย่าร้าง
อย่างว่าแหละนะ ภมรโดดเด่นอย่างอัลฟ่าย่อมต้องเสาะหาดอกไม้โดดเด่นอย่างโอเมก้า
ส่วนดอกไม้ริมทางแมลงธรรมดาอย่างเหล่าเบต้า
ก็ต้องอยู่อย่างธรรมดาต่อไปตราบนานเท่านาน
คิดอะไรเพลินๆ หัวหน้าก็เรียก “วิน เอากล่องสีฟ้าไปเก็บในห้องชั้นบนที”
กล่องสีฟ้าคือกล่องเก็บเอกสารที่ฝ่ายบัญชีคัดแยกไว้เบื้องต้นและต้องส่งต่อให้บอสใหญ่ของบริษัทตรวจสอบ
แต่เพราะมาร์คัสไม่อยู่ เอกสารจึงต้องเก็บในห้องเก็บชั่วคราวไปก่อน
ผมรับคำแล้วลุกขึ้น เดินไปยังห้องเก็บเอกสารที่อยู่ติดกัน
เห็นกล่องสีฟ้าจำนวนห้าใบวางซ้อนกันอยู่ใกล้ชั้นเก็บเอกสารจึงลากรถเข็นออกมาจากตู้เพื่อขนย้ายกล่องพวกนี้ไปยังชั้นห้า
ชั้นที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาเขตของมาร์คัส
แม้ชั้นห้าจะมีห้องทำงานและห้องเก็บเอกสาร แต่ก็ยังมีฟิตเนส
ห้องซ้อมยิงปืนและอีกห้องที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าใช้ทำอะไรเพราะมันถูกปิดอยู่ตลอดเวลา
ผมเคยได้ยินพวกช่างเมาท์บางคนบอกว่าเป็นรังรักส่วนตัวของเจ้านายใหญ่ แต่ในเมื่อมาร์คัสแทบไม่เคยมาบริษัท
ข้อสันนิษฐานนี้จึงตกไปในที่สุด
ผมเข็นรถขนกล่องสีฟ้าผ่านห้องต่างๆ ไปจนถึงห้องเก็บเอกสาร ถึงจะเป็นน้องใหม่ในแผนกแต่ก็เคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว
ดังนั้นผมจึงเข็นรถเข้าไปในห้องโดยไม่คิดอะไรมาก
ห้องเก็บเอกสารชั้นบนแตกต่างจากห้องที่ผมเพิ่งจากมาราวฟ้ากับเหว นั่นคือมันมีขนาดกว้างขวางกว่า
เอกสารก็ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยแยกเอกสารที่ตรวจแล้วต้องเก็บและตรวจแล้วทิ้งได้ไว้คนละฝั่ง
กลางห้องมีโต๊ะตัวยาวสำหรับทำงาน ใกล้กันมีชั้นสำหรับวางกล่องสีฟ้าซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า
บางทีมาร์คัสอาจเข้ามาทำงานตอนกลางคืนก็ได้
ผมคิดขณะยกกล่องสีฟ้าขึ้นไปวางไว้บนชั้น
ตอนนั้นเองที่ผมได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากด้านในห้องเก็บเอกสาร
“ใครน่ะ” ผมถาม ซึ่งไม่นานนักคนที่ทำเสียงกุกกักก็ปรากฏตัว
ผมเคยเห็นดนตร์ ภควัน รวมถึงอัลฟ่ารายอื่นๆ มาบ้างแล้วจึงคิดว่าตนมีภูมิคุ้มกันแรงดึงดูดเฉพาะตัวของอัลฟ่าในระดับหนึ่ง
แต่วินาทีที่เห็นชายคนนี้ ผมรู้เลยว่าภูมิคุ้มกันอัลฟ่าที่มีติดตัวอยู่นั้นไม่เพียงพอ
ชายคนนี้รูปร่างสูงใหญ่มากจนผมเผลอคิดไปแวบหนึ่งว่าเขาอาจเป็นยักษ์
นัยน์ตาเขามีส่วนผสมระหว่างสีฟ้า สีเขียวและสีเหลือง แต่ถึงจะหลากสีสัน
หากรูปทรงของมันกลับคมกริบราวใบมีด ยิ่งเมื่อรวมกับคิ้วเฉียงสีดำหนากับเรือนผมสีดำสนิทที่ปรกลงมาปิดนัยน์ตาเล็กน้อย
เขาจึงทำให้ผมถึงกับสะท้านเยือก
แต่แค่ดวงตาก็บ่งบอกแล้วว่าชายคนนี้เป็นชาวต่างชาติ ดังนั้นเขาคือ... “ขอโทษครับ
คุณมาร์คัส”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนหลุบมองกล่องสีฟ้าในมือผม จากนั้นก็กอดอก
ยืนมองผมนิ่งโดยไม่เอ่ยอะไร
ไม่จำเป็นต้องเอ่ย เพราะผมรู้ทันทีว่านั่นคือคำสั่งให้รีบทำงาน ผมจึงรีบยกกล่องวางไว้บนชั้นด้วยความเร็วเท่าที่แรงของผมจะอำนวย
เมื่อเสร็จแล้วก็ผงกศีรษะและรีบออกจากห้อง
มาร์คัสยังคงไม่พูดอะไร แต่ผมได้ยินเสียงแผ่นกระดาษแว่วมา
ความคิดเห็น