Saber : อาร์เธอเรีย เพนดราก้อน (Artoria Pendragon)
ราชาแห่งอัศวิน
อาร์เธอเรีย เพนดราก้อน หรือที่รู้จักกันในนามว่า กษัตริย์อาเธอร์แห่งบริเตรน ผู้ที่ดึงดาบคาลิเบิร์น (Caliburn) ออกจากหินได้ และเป็นผู้ที่ได้รับดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ (Excalibur) และปอกดาบ อวาลอน (Avalon) จากเทพธิดาแห่งทะเลสาบ
อาเธอร์เป็นผู้นำของเหล่าอัศวินโต๊ะกลมของอังกฤษเหนือ ตัวของเธอได้เกิดในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยสงครามและความวุ่นวายจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน ครั้งที่บริทาเนียได้แตกแยกออกจากกันด้วยฝีมือของเหล่าอนารยชนออกเป็นเมืองต่างๆ เธอเป็นลูกของกษัตริย์ ยูเธอร์ (Uther Pendragon) กับไอเกรน (Igrain)
อาเธอร์ถูกเลี้ยงดูโดยเมอร์ลิน (Merlin) พ่อมดที่กษัตริย์ยูเธอร์เคารพนับถือ เมอร์ลินได้ทำนายว่าสักวัน อาเธอร์จะได้เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงเลี้ยงดูอาเธอร์ให้ในฐานะที่ทำให้กษัตริย์ยูเธอร์ได้รักกับไอเกรนและเขายืนยันที่จะชี้แนะอาเธอร์ไปสู่ทางที่ดีและปกป้องเธอจากภัยต่างๆ เนื่องจากตัวของอาเธอร์เองก็ไม่ใช่ผู้ชาย ทำให้กษัตริย์ยูเทอร์ไม่คิดจะเลี้ยงดูอยู่แล้วเพราะเธอไม่อาจจะเป็นคนที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ จึงยกอาเธอร์ให้เมอร์ลินเลี้ยงดู จนเวลาได้ผ่านไป กษัตริย์ยูเธอร์ตกอยู่ในความสิ้นหวังเนื่องจากไม่มีผู้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ เมอร์ลินจึงประกาศว่า สักวัน อาเธอร์ผู้นี้จะเป็นคนที่จะได้เป็นกษัตริย์คนต่อไปอย่างแน่นอนโดยไม่สนใจเรื่องเพศอะไรทั้งนั้น
ต่อมา อาเธอร์ได้อยู่ในการดูแลของเซอร์เอคเทอร์ (Sir Ector) เขาได้ฝึกหนทางในการเป็นอัศวินให้แก่อาเธอร์ เธอได้ฝึกวันแล้ววันเล่าเพื่อให้ได้แข็งแกร่งกว่าใครๆ เธอได้สัญญาต่อดาบของเธอว่า มีเพียงกษัติรย์เท่านั้นที่จะนำพาประเทศที่ล่มจมให้กลับมาได้ เธอมีพี่ชายซึ่งเป็นลูกของ เซอร์เอคเทอร์นามว่าเซอร์เคย์ (Sir Kay) เธอก็ได้รับการฝึกจากเขาเหมือนกัน เธอมีฝีมือด้านการใช้ดาบดีกว่าเขามาก
จนถึงวันที่ได้ทำนายไว้ อัศวินและขุนนางจากหลายๆเมืองได้มาที่งานการคัดเลือกการเป็นกษัตริย์ ต่างคนต่างต้องการที่จะเป็นกษัตริย์ของบริทาเนีย โดยมีบททดสอบเอาไว้ให้นั่นคือ ดาบที่ปักอยู่กลางหินที่มีข้อความสลักไว้ว่า "ใครก็ตามที่ดึงดาบเล่มนี้ออกจากหินได้ ผู้นั้นสมควรได้รับการยกย่องเป็นกษัตริย์แห่งอังกฤษ" มีอัศวิน ขุนนาง กษัตริย์ต่างๆได้มาพยายามดึงออกแล้วกันหลายคน แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งอาเธอร์ได้เดินทางมาถึง เมอร์ลินได้ประกาศตัวและเตือนอาเธอร์ไว้ว่า "หากเธอดึงดาบเล่มนั้นออกมาแล้ว เธอจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป" แต่อาเธอร์ก็ไม่สน เธอยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นกษัตริย์ต่อไป เธอได้เข้าไปดึงดาบออกมาจากหินได้อย่างง่ายดาย แต่แล้วก็มีแสงประกายส่องจ้าไปทั่วออกมาจากหิน ในตอนนั้นเองเธอก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว ทำให้เธอหยุดการเจริญเติบโตตั้งแต่อายุ 15 ปีโดยไม่แก่ลงอีกเลย
อาเธอร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกษัตริย์อาเธอร์เรียแห่งบริเตน เธอได้นำพาบริเตนไปสู่แสงแห่งชัยชนะ มีอัศวินเป็นข้ารับใช้จำนวนมากซึ่งรวมไปถึงอัศวินโต๊ะกลม เนื่องจากเธอหยุดเติบโตแล้วตั้งแต่ดึงดาบ ทำให้อัศวินโต๊ะกลมต่างเชื่อว่าเป็นลางไม่ดี แต่คนส่วนมากนับถือเธอเป็นดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์ การต่อสู้ของเธอดูเหมือนราวกับพระเจ้า เธอมักจะเป็นแนวหน้าของกองทัพและไม่มีศัตรูใดๆมาหยุดเธอได้รวมไปถึงแม้แต่มังกร เธอได้คว้าชัยชนะมาตลอดสิบกว่าปีโดยผ่านการต่อสู้มาแล้ว 12 ครั้ง
เมอร์ลินได้ใช้เวทย์มนตร์ทำให้อาเธอร์เรียสามารถมีลูกได้ โดยมอร์แกน เลอ เฟย์ (Morgan Le Fay) ได้รับสเปิร์มของเธอเข้าไป ทำให้เธอมีลูกที่เป็นโฮมุนคลูสซึ่งเป็นร่างโคลนของอาเธอร์เรียและตั้งชื่อว่า มอร์เดร็ด (Mordred) เธอมีความสามารถที่เก่งเกินวัย ทำให้เธอได้เข้ากลุ่มอัศวินโต๊ะกลมอย่างรวดเร็ว เธอได้อุทิศตนปกป้องอาเธอร์เรียอย่างเต็มที่ในฐานะลูกของเธอ
จนกระทั่งเมื่อเธอไปบอกความจริงต่ออาเธอร์เรียว่า ตัวเธอนั้นเป็นลูกของอาเธอร์เรียตามคำบอกกล่าวของมอร์แกน แต่อาเธอร์เรียกลับไม่เชื่อ ทำให้ความรัก ความจงรักภักดีต่ออาเธอร์เรีย นั้นกลับกลายเป็นความเกลียดชัง
ต่อมาอาเธอร์เรียได้แต่งงานกับกวินเนอเวีย (Guinevere) แต่มันกลับเป็นภาระต่อกวินเนอเวียเพราะว่าเธอเป็นคู่รักกับแลนเซอร์ล็อต (Lancelot) มาก่อน ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของอาเธอร์เรีย ทำให้กวินเนอเวียต้องแบกรับปัญหาต่างๆไปทั้งชีวิต เธอรู้สึกผิดในการกระทำของเธอ แต่ก็โล่งใจที่ว่าแลนเซอร์ล็อตต่างหากเป็นคนตกหลุมรักเธอ ส่วนตัวแลนเซอร์ล็อตเองกลับพยายามจะแบ่งเบาภาระของกวินเนอเวียและอาเธอร์เรียให้ เขาจึงคอยช่วยเหลือพวกเธอทั้งสองต่อไป
อาเธอร์เรียจำเป็นต้องแสดงตัวเป็นลูกชายของกษัตริย์ยูเธอร์ เพื่อทำให้ผู้คนเชื่อถือว่าตัวกษัตริย์นั้นต้องเป็นผู้ชายต่อไป มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ตัวตนจริงของเธอ เธอได้ปกปิดร่างกายผู้หญิงของเธอโดยเกราะเหล็กตลอดชีวิต ไม่มีใครสงสัยถึงรูปร่างที่ตัวเล็กและหน้าตาที่คล้ายผู้หญิงของเธอ เธอยังคงถูกกล่าวขานในฐานะกษัตริย์ผู้ดูดี ระหว่างนั้นอาเธอร์เรียก็ได้ผ่านการสู้รบ ได้ฆ่าศัตรูและประชาชนตายไปหลายคน แต่สิ่งที่อาเธอร์เรียเลือกนั้นก็ยังถูกนับถือว่าถูกต้องอยู่ตลอด ไม่มีใครสงสัยในการกระทำของเธอเลยซักนิด
เธอได้ปฎิบัติต่อคำสัญญาของเธออย่างเคร่งครัดว่า กษัตริย์ไม่ใช่มนุษย์ เธอไม่สามารถปกป้องผู้คนด้วยความรู้สึกได้หรอก เธอไม่เคยได้หรี่ตาเลยแม้แต่น้อยตอนนั่งบัลลังก์ เธอได้ทำงานอย่างแข็งขัน บริหารจัดการบริเตนอย่างดีไร้ที่ติ อย่างไรก็ตาม การชนะสงครามต่างๆ การดูแลประชาชนและการลงโทษอาชญกรต่างๆของเธอที่ไร้ที่ตินั้นเป็นข้อสงสัยที่ทำให้หนึ่งในอัศวินของอาเธอร์เรียได้บ่นออกมาว่า กษัตริย์อาเธอร์ไม่เข้าใจความรู้สึกของมนุษย์
มันก็เป็นไปได้ที่ทุกคนจะรู้สึกแบบนั้น ยิ่งเธอเป็นกษัตริย์ที่สมบูรณ์แบบมากเท่าใด เธอต้องยิ่งตอบคำถามในฐานะผู้คุมกฎมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาต่างรู้สึกว่ามนุษย์ที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยไม่สามารถคุมกฎได้หรอก เธอไม่สนใจคำพูดของคนเหล่านั้น เธอคิดว่าเป็นเรื่องปรกติซะด้วยซ้ำที่กษัตริย์ต้องอยู่อย่างโดดเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะถูกทอดทิ้ง ตกอยู่ในความหวาดกลัวหรือถูกทรยศ เธอก็ไม่สนใจว่าจะมีคนมาว่ากล่าวเธอ
ศึกสุดท้ายของอาเทอร์เรียเพื่อบริทาเนียได้เริ่มขึ้นที่เนินเขาบาดอน (Badon Hill) ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบของเธอ บริทาเนียที่เธอฝันใฝ่กำลังจะกลับมา
เรื่องรักใคร่ของแลนเซอร์ล็อตกับกวินเนอเวียได้ถึงหูของกบฏคาเมล็อต (Camelot) พวกเขาได้เตรียมที่จะลุกต่อต้านอาเธอร์เรีย แต่เธอกลับไม่ได้เห็นถึงภัยร้ายเรื่องการกบฏใกล้ตัวเธอเลยแม้แต่น้อย แทนที่เธอจะเข้าใจเรื่องการเสียสละของกวินเนอเวียที่ปกปิดเรื่องเพศของอาเธอร์เรียเอาไว้ เธอกลับแสดงท่าทีในฐานะกษัตริย์ เมื่อมีใครที่รู้เรื่องตัวจริงของอาเธอร์เรียจะต้องถูกประหาร ทำให้กวินเนอเวียถูกประหารไป แลนเซอร์ล็อตไม่สามารถรับการตายของกวินเนอเวียได้แต่ด้วยความจงรักภักดีต่ออาเธอร์เรีย ทำให้เขาตกอยู่ในห้วงของโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูก
ฝักดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ถูกขโมยไปตอนที่เธอขับไล่กองกำลังตามชายแดน เมื่อเธอกลับมาที่เกาะบริเทน บริเทนได้ตกอยู่ในไฟของความไม่สงบ กบฏต่างๆได้เริ่มลุกขึ้นสู้ โดยมีมอร์เดร็ดเป็นหัวหน้าทัพกองนำ จึงเกิดสงครามแห่งแคมแลน (Camlann) เธอได้เอาชนะมอร์เดร็ดแต่ก็อยู่ในสภาพที่สาหัสจากการทำสงครามเพียงไม่กี่คน จนหลังจากนั้นเธอก็ได้สิ้นลมหายใจ ร่างของเธอถูกนำไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์โดย เซอร์ เบดีเวียร์ (Sir Bedivere) โดยคำสั่งเสียของอาเธอร์เรียคือขอให้เซอร์ เบดีเวียร์นำดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ไปทิ้งลงทะเลสาบ เธอได้เสียใจต่อการเป็นกษัตริย์ของเธอ ทำให้เธอต้องการจอกศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยบริทาเนียของเธอเอง
ความสามารถเฉพาะคลาส
ต่อต้านเวทย์มนต์ (Magic
Resistance) A
เนื่องจากในตัวของเธอนั้นมี
คุณสมบัติของมังกรแดง ที่เมอร์ลินใส่ลงไปในตัวเพื่อให้สมฐานะของ ตระกูล Pendragon
ทำให้เธอมีพลังเวทย์ และพลังต้านทานเวทย์มหาศาลเหมือนกับมังกร แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน
หากเจอกับ อาวุธ หรือ ผู้ที่มี คุณสมบัติ ผู้สังหารมังกร เช่น ซิกฟรีด หรือ
แลนเซอร์ลอต
ขับขี่ (Riding) B
สามารถขับขี่พาหนะได้อย่างดีเยี่ยม
แม้สิ่งนั้นจะไม่มีอยู่ในยุคของตนเอง
ความสามารถเฉพาะตัว
ความน่านับถือ (Charisma) B
ทำให้ขวัญกำลังใจของกองทัพที่เธอนำนั้นมีสูงมาก
ด้วยความสามารถระดับ B นี้ทำให้เธอมีคุณสมบัติของ
ผู้นำประเทศ
สัญชาติญาณ (Instinct) A
ทำให้เธอสามารถรับรู้ถึงได้ล่วงหน้า
รวมถึงแม้จะอยู่ในสถานะที่การมองเห็นหรือการได้ยินถูกรบกวน
ปลดปล่อยพลังเวทย์ (Mana
Burst) A
ความสามารถในการใช้พลังเวทย์โจมตี
ป้องกัน หรือ เสริมพลังกาย
โดยส่วนมากเธอจะใช้เสริมพลังกายเนื่องจากเธอมีพละกำลังปกติอยู่ที่แค่
เทียบเท่าเด็กหญิงอายุ 15 ปีที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ต้องใช้เวทย์เสริมพละกำลังเพื่อต่อสู้
และใช้ระเบิดพลังเพื่อเพิ่มความเร็วเหมือนไอพ่นเครื่องบิน
นอกจากนี้เธอยังได้รับพรจาก
จากภูตแห่งทะเลสาบ วิเวียน ว่า ขอให้น้ำไม่เป็นอันตรายต่อตัวเธอ และทำให้เธอวิ่งบนน้ำได้
สมบัติวีรชนที่ครองครอง
"เอาล่ะ... มาทำให้มันจบกันดีกว่า ลมหายใจของโลกที่หลอมรวมกัน ก่อกลายเป็นแสงแห่งชีวิตที่ส่องประกายขึ้น เอ็กซ์คาลิเบอร์!"
Excalibur เอ็กซ์คาลิเบอร์ : ดาบพันธะสัญญาแห่งชัยชนะ
ประเภท: ต่อต้านกองทัพ
ระดับ : A++ :
อาวุธเทพที่ถูกสร้างจากคำวิงวอนของผู้คนที่เรียกว่า
เกียรติยศ ในใจกลางทะเลแห่งดวงดาว
แสงของมันทำให้ผู้ที่มองนั้นนึกถึงเกียรติยศของตนเอง เหมือนกับที่
กิลกาเมซนึกถึงวันวานที่ใช้ร่วมกับ เอนคิดู หรือ ที่กิลส์ เดอ เรย์
นึกถึงช่วงเวลาที่กทำศึกเคียงข้าง ณาณ ดาร์ค เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้หยุดยั้งภัยพิบัติที่เป็นอันตรายต่อโลก
ความสามารถของ เอ็กซ์คาลิเบอร์ ที่แท้จริงนั้นคือการเสริมพลังในกรณีของ
อาเทอเรีย คือการกระตุ้น คุณสมบัติมังกรของเธอให้ถึงขีดสุด
ทำให้สามารถใช้พิธีกรรมของเทพ เพื่อสามารถท่าไม้ตายสุดยอดขึ้นมา
โดนการจะใช้เอ็กซ์การลิเบอร์นั้นจำเป็นต้องใช้มือทั้ง 2
ข้างจับด้ามดาบและเรียกชื่อ ผู้ที่ไม่สามารถใช้ทั้ง 2 มือได้จึงไม่อาจถือครองมัน เมื่อฟันออกไปจะเป็นการปลดปล่อยคลื่นพลังแสงออกจากปลายดาบ
พลังทำลายของมันนั้นทำให้สะสารระเหิดหายไปเลยที่เดียว
การใช้เอ็กซ์ลิเบอร์นั้นสิ้นเปลืองพลังเวทย์มาก
แม้แต่อาเทอร์เรียที่มีพลังเวทย์เทียบเท่ามังกร
ยังอ่อนแรงหลังจากใช้มันเพียงครั้งเดียว
การส่งมานาจากมาสเตอร์จึงสำคัญมากหากมานาไม่เพียงพอมันอาจทำให้เธอสลบไปได้
Invisible Air อินวิสซิเบิล แอร์ : เขตแดนของราชันย์แห่งสายลม
มันทำหน้าที่เป็นเหมือนกับฝักดาบของเอ็กซ์คาลิเบอร์
เมอร์ลินใช้มันแทนที่อาวาลอนที่สูญหายไป
มันเหมือนกับเวทย์เขตแดนที่สร้างสายลมให้หุ่นรอบตัวดาบให้หน้าจนไม่สามารถมองเห็นตัวดาบได้
เนื่องจากสายลมนั้นมุ่นด้วยความเร็วสูงรอบตัวดาบ มันจึงคล้ายกับใบมีดสายลมที่เพิ่มพลังการฟันให้เอ็กซ์คาลิเบอร์
สายลมนี้ยังสามารถยิงออกไปเป็นถ้าโจมตีที่ชื่อ Strike Air สไตรค์ แอร์ : ค้อนแห่งราชันย์สายลม
หรือใช้ยิงไปด้านหลังเพื่อเร่งความเร็วเข้าประชิดตัว เมื่อเรียกใช้เอ็กซ์คาลิเบอร์
อินวิสซิเบิล แอร์ จะถูกปลดออก
Avalon อาวาลอน : แดนสวรรค์ที่ไร้ทางเอื้อม
แค่เพียงถือครองมันไว้มันก็จะมอบความเยาว์วัยชั่วนิรันดร์ให้กับผู้ใช้รวมถึงรักษาบาดแผลอย่างรวดเร็ว
แม้แต่หัวใจถูกทำลายก็ยังรักษากลับมาเหมือนเดิมได้ในเวลาอันสั้น ยกเว้นสมองหากได้รับความเสียหายสาหัสเกินไป
อีกทั้งมันยังสามารถส่งต่อเข้าไปในร่างกายผู้อื่น
และคนๆนั้นจะได้รับความสามารถของมันทุกประการเพียงแต่ต้องอยู่ใกล้ผู้ถือครองของมันเพียงพอ
(ในที่นี้คือ อาเทอร์เรีย)
แต่ความสามารถที่แท้จริงของมันเหนือกว่านั้นมาก
เมื่อเรียกชื่อ มันจะสร้างเขตแดนที่จะถึงผู้ใช้เข้าไปในอาวาลอนดินแดนแห่งสวรรค์ที่ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตาย
การโจมตีทุกอย่างไม่สามารถเข้าถึงตัวผู้ใช้ได้
ไม่ว่าจะเป็นเวทย์มันที่ทรงอนุภาพแค่ไหนก็ตาม
-------------------------------------------------------------------------
มีเพจแล้วเน้อ : Kokowa ฉันแค่อยากแปล
-------------------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบไปแล้วนะครับ กับประวัติของวีรชนท่านนี้ อาเธอร์เรีย เพนดราก้อน กษัตริย์แห่งอัศวินของเรานั้นเอง ใครจะเป็นคนต่อไป ติดตามกันด้วยนะครับ
ความคิดเห็น