ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fake N.O.A / โลกและสีสัน กับเรื่องราวจอมปลอมของโชคชะตา

    ลำดับตอนที่ #2 : Legend 0+0+0 : ปีศาจ/ครอบครัว/ตำนาน

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 60






    เขตแห่งอำนาจการเงิน - หอเช่าคอร์เซีย 



          แสงอาทิตย์อ่อน ๆ ส่องเข้ามาจากช่องว่างของผ้าม่าน


          หญิงสาวผมสีแดงที่นอนอยู่ริมหน้าต่าง รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของช่วงเวลา ทำให้เธอลืมตาตื่นขึ้น แล้วพลิกตัวขึ้นมาหาวพร้อมบิดขี้เกียจ


          "เช้าแล้วสินะ" เธอพึมพำกับตัวเอง อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตบแก้มตัวเองเบา ๆ เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นตัวขึ้นหน่อย


         เธอพยายามย่องอย่างเบาที่สุด เพื่อไม่ให้ไปโดน คนอื่น ๆ ที่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอ แล้วไปที่ห้องน้ำที่อยู่ริมสุดของห้อง


         เมื่อมาถึงห้องน้ำโดยไม่ไปปลุกใครเข้าได้สำเร็จ สิ่งแรกที่ทำคือส่องตัวเองในกระจก พร้อมคิดในใจว่า 'หน้าดุ ๆ แบบนี้จะไปมีผู้ชายที่ไหนมาชอบกันล่ะเนอะ' แล้วหัวเราะกับตัวเองในใจ


         ที่จริงเธอก็เป็นผู้หญิงที่สวยพอใช้ได้ แต่คงเพราะการกระทำของเธอมากกว่าที่ทำให้ไม่มีใครมาจีบ และนั่นก็เพราะเธอก็ยังไม่อยากจะมีแฟนเองด้วย


         หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน ทำธุระในห้องน้ำเสร็จสิ้น สิ่งสุดท้ายที่ทำก่อนที่จะออกไปคือการมัดผมสีแดงยุ่ง ๆ ของเธอ ให้เป็นทรงโพนี่เทล


         "เอาล่ะ!"


         เธอออกมาจากห้องน้ำแล้วย่องไปให้เบาที่สุดอย่างเคยไปที่ห้องครัว
         เพื่อที่จะเตรียมทำอาหารเช้าให้สำหรับ ครอบครัว 


         "อืม..วันนี้จะทำอะไรดีน้า~" เธอครุ่นคิด คิดเมนูได้มากมาย ตั้งแต่ข้าวไข่ดาวแบบง่าย ๆ ไปจนถึงสเต๊กสุดหรู สปาร์เก๊ตตีแสนอร่อย ไม่ก็ไข่ปลาคาเวียร์สุดแพง แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอาหารเก่งมากก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็พอมีฝีมืออยู่บ้างแหละนะ


         แต่ก่อนที่จะทำอะไรได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเปิดตู้เย็นดูก่อนว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้าง


         "จ้า มีแต่ไข่"


         เมนูสุดพิสดารทั้งหลายคงได้แต่เก็บกลับไปในความคิด แล้วหันมาดูโลกความจริงว่าคงทำได้แต่เมนูไข่แบบง่าย ๆ


         "พี่คะ ?"


         "?" หญิงสาวหันไปตามเสียงของเด็กผู้หญิงที่ฟังดูงัวเงีย "ฟุยุกะตื่นแล้วเหรอ ?"


         "ให้หนูช่วยไหมคะ ?" น้องสาวที่ยังไม่ตื่นเต็มสติ เสนอตัวเองเข้าช่วย


         "ไม่เป็นไร ๆ ฟุยุกะไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ทำเอง"


         "ค่ะ" น้องสาวรับคำสั่งแบบง่าย ๆ แล้วย้อนกลับไปห้องน้ำ


         หลังจากนั้นพี่สาวก็เริ่มทำอาหารเช้าให้ทุก ๆ คนในบ้าน


         ใช้เวลาไม่นานนักทุกอย่างก็เสร็จ เหลือเพียงแค่ไปเสิร์ฟบนโต๊ะ
         เธอไปหยิบโต๊ะไม้วงกลมที่สอดไว้ที่ซอกตู้ มาวางสี่-ห้าตัว แล้วก็ค่อยนำจานข้างมาวาง


         "เรียบร้อย เอาล่ะ ต่อไปก็.."


         หญิงสาวกลับมาห้องนอนที่คนอื่น ๆ หลับกันอยู่ แต่คราวนี้เธอไม่ต้องระวังที่จะเดินแบบย่อง ๆ แล้ว เพราะเธอตรงไปที่หน้าต่าง แล้วเปิดม่านออกเพื่อให้แสงส่องเข้ามาในบ้านแบบตั้งใจ


         "เอาล่ะ ๆ เช้าแล้ว ๆ ตื่นกันได้แล้วพวกขี้เซาทั้งหลาย"


         "งืม.." หลังจากที่เสียงอันก้องกังวานของพี่สาวจบ เหล่าน้อง ๆ ที่หลับเรียงกันอยู่ก็ค่อยตื่นมาทีละคนเพราะเสียงและแสง


         "เอาล่ะ ๆ ค่อย ๆ เข้าแถวกันไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วมาทานอาหารเช้าด้วยกันนะ"


         "คร้าบ/ค่า พี่ฮารุกิ" พวกน้องตอบกลับมาอย่างงัวเงีย


         ฟุยุกะที่ทำธุระในห้องน้ำของตัวเองเสร็จแล้ว ก็ออกมาช่วยดูแลน้องคนเล็กที่มีอายุเพิ่งได้ปีเดียว เพื่อให้ฮารุกิไปดูแลอีกคนหนึ่ง ที่นอนซมอยู่บนที่นอน


         เธอไปหยิบอาหารที่เตรียมไว้สำหรับคนนี้โดยเฉพาะ แล้วตักขึ้นมาครึ่งช้อนและยื่นหาอีกฝ่าย
         "แม่ ข้าวต้มค่ะ ทานนะคะ"


         "ขอบใจมากนะ ฮารุกิ" คุณแม่ของฮารุกิอ้าปากรับประทานข้าวต้มฝีมือลูกสาวอย่างอุ่นใจ


         ระหว่างที่กำลังตักป้อนอาหารให้อยู่นั้น ก็มีคำถามอย่าง
         'อาการเป็นไงบ้าง ไม่เจ็บตรงไหนนะ ร้อนไปรึเปล่า' อยู่ตลอด ฝ่ายแม่ก็ตอบไปว่า 'ไม่เป็นไร' เสียส่วนใหญ่


         หลังจากที่ทานจนพออิ่ม ฮารุกิก็จะไปทำหน้าที่ต่อไปต่อ แต่ก่อนที่จะไปนั้นแม่ก็พูดขึ้นมาเล่น ๆ ว่า


         "ฮารุกินี่จะต้องเป็นเจ้าสาวที่ดีแน่ ๆ เลยเนอะ"


         "โถ่ คุณแม่ล่ะก็.." ถึงจะไม่จี้จุดอะไรมาก แต่ก็ทำให้หญิงสาวหน้าแดงไม่ใช่น้อย
         ไม่รู้ว่าแม่รู้เรื่องที่เธอคิดเล่น ๆ เมื่อเช้านี้รึเปล่าถึงได้พูดแบบนั้น แต่ก็คงเป็นอารมณ์ขี้เล่นของท่านเสียมากกว่า


         หลังจากให้แม่ทานอาหารเช้าเสร็จ ต่อมาก็มาถึงรับประทานอาหารเช้าพร้อมน้อง ๆ


         เมื่อทุกคนทำธุระเสร็จสิ้น ก็มาพร้อมกันที่โต๊ะอาหารกันอย่างพร้อมเพรียง


         พี่สาวเริ่มเรียงรายชื่อแต่ละคน แต่ละคนก็ขานรับชื่อตัวเองเสียงใส
         "ฟุยุกะ" = "ค่ะ!"
         "อากิโกะ" = "ค่า!"
         "นัตสึ" = "ครับ!"
         "ทากาเนะ" = "ค่ะ!"
         "โทระ" = "ครับ!"
         "ทาบาตะ" = "คร้าบ!"
         "ฮิโนะ" = "ค่า ๆ!"
         "ชู" = "ครับ!"
         "โอซุ" = "แอ้!"


         "เอาล่ะ ถ้าทุกคนพร้อมแล้วละก็.."


         "ทานล่ะนะคะ/ครับ" เก้าเสียงผสาน (+เสียงอ้อแอ้หนึ่ง) แล้วทุกคนก็รับประทานอาหารพร้อมเพียงกัน


         หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฮารุกิก็มาล้างจานโดยมีอากิโกะมาช่วย โดยปล่อยให้คนอื่นเล่น ๆ กันไป ส่วนฟุยุกะคอยดูแลโอซุ


         ฮารุกิสังเกตมองนาฬิกา แล้วคิดได้ว่า อะ ใกล้ถึงเวลาแล้วนี่นะ


         เธอก็รีบล้างจานให้เสร็จ จากนั้นก็มากำชับน้องแต่ละคนให้ว่าอย่าซนนัก และช่วยกันดูแลบ้านกับแม่ด้วย ซึ่งทุกคนก็ตอบรับเสียงใส
         เมื่อพี่สาวเห็นว่าทุกคนร่าเริงกันดี เธอก็หายห่วงแล้วไปแต่งเครื่องแบบ


         เครื่องแบบที่ว่านี้ึเป็นเสื้อสีกรมท่า แขนยาว กางเกงขายาว มาพร้อมถุงมือสีขาวกับหมวก ที่ใคร ๆ เห็นแล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นชุดกรรมกร
         เมื่อเสร็จสิ้น เธอก็แบกกระเป๋าคู่ใจ แล้วจะออกไปทำงาน


         "ไปล่ะนะคะ"


         "ไปดีมาดีนะคร้าบ/ค่า!"


         เสียงของพวกน้อง ๆ ช่วยเสริมสร้างกำลังใจได้ดีเลยทีเดียว


         เป็นเวลาพักหนึ่งแล้วที่ฮารุกิกลับมาบ้าน เนื่องจากเสียงานเก่าไป
         ครอบครัวเธอมีฐานะที่ยากจน แต่มีคนอยู่ที่บ้านค่อนข้างเยอะ แม่เองก็ป่วย ส่วนพ่อก็ทิ้งหนีไปคนเดียวพร้อมทิ้งหนี้สินไว้อีก จึงทำให้ดำเนินชีวิตแต่ละวันได้อย่างยากลำบาก


         งานเก่าของฮารุกิมีกาารเงินที่ค่อนข้างใช้ได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจล้างหนี้ได้หมด แถมยังต้องแบ่งมาดูแลเรื่องในครอบครัวต่าง ๆ ทั้งยังเรื่องค่ารักษาพยาบาลแม่อีก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยชอบงานเก่าที่ว่านั้นมากเท่าไรก็เถอะ..


         แต่งานใหม่นี้ค่าจ้างเลี้ยงได้ว่าต่ำกว่าเป็นสิบเท่า หากอันเก่านี่ยังแทบอยู่กันลำบาก งานใหม่นี้ก็ไม่ต้องพูดถึง


         น้อง ๆ ของเธอก็ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ มีแต่ต้องเรียนที่บ้าน
         ซึ่งฮารุกิก็เป็นคนสอนแต่ละคน (เธอเป็นคนเดียวที่เคยได้ไปโรงเรียน แต่ก็จนถึงระดับชั้น ป.4 เท่านั้น)


         บางทีหากเธออยู่ในเขตอื่นที่ไม่ใช่เขตนี้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็อาจจะดีกว่านี้ก็เป็นได้


         เขตแห่งอำนาจการเงิน


         เขตแห่งนี้มีความหมายตามชื่ออย่างชัดเจน
         ทุกอย่างตัดสินด้วยทรัพย์สินเงินทอง คนรวยมีอำนาจ คนจนเป็นแค่เดนสังคม 
         ที่นี่เป็นที่ที่มีระยะห่างทางชนชั้นสูงมาก ต่อให้ทำงานไปทั้งชาติ คนจนก็แทบไม่มีทางเลื่อนชนชั้นไปอยู่ในระดับเดียวกับคนรวยได้เลย


         สวัสดิการของสองชนชั้นต่างกันราวกับฟ้ากับเหว
         ชีวิตความเป็นอยู่ อนาคต การงาน อาหาร ฯลฯ


         แต่ถึงนั้นคนรวบก็เหมือนจะยังไม่ปล่อยคนจนไปไหน เพราะพวกเขาต่างเป็น แรงงาน ที่จำเป็นต่อการใช้งาน


         คำว่า 'สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนเท่าเทียมกัน' ของเทพธิดากลายเป็นคำโกหกหลอกลวงไปในพริบตา หากได้มาเห็นสภาพของเขตนี้


         การย้ายเขตอาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่การย้ายเขตของที่นี่ต่างจากเขตอื่น ๆ ที่สามารถย้ายไปย้ายมาได้ตามใจ แต่สำหรับที่นี่ การจะออกไปจากเขตได้ ต้องใช้เงิน และไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ ด้วย เคยได้ยินว่าต้องทำงานกันห้าชั่วรุ่น ถึงจะมีเพียงพอที่จะย้ายเขตไปได้คนเดียว..


         ถ้าหากคนเดียวยังขนาดนั้น..บ้านของเธอที่มีอยุู่กันเป็นสิบนี่คง..


         แต่หากว่าเธอนหนีไปคนเดียวล่ะ ?
         ปลดเปลื้องตัวเองจากพันธนาการที่เรียกว่า ครอบครัว
         หนีไปจากเขตที่ไม่มีอนาคตนี้ ไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ไปหาแฟนที่จะมาช่วยดูแล แล้วสร้างครอบครัวใหม่ขึ้นมา..


         ความคิดนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้..แต่หากใครก็ตามที่ทำแบบนั้น..มันน่ะเลวเสียยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก..


         ทันทีที่คิดเช่นนั้นก็มักจะมีภาพของผู้ชายคนหนึ่ง ที่ตอนนี้เธอเองก็จำหน้าเขาไม่ได้แล้ว


         แต่เธอก็ไม่คิดที่จะจำ คนที่ไม่มีความรับผิดชอบคนนั้น แล้วเลือกที่จะอยู่กับครอบครัวต่อไป


         นิยามคำว่า ครอบครัว ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไปตามบริบทของความเป็นอยู่ของแต่ละคน
         สำหรับ ซากาเอะ ฮารุกิคนนี้ ครอบครัวก็คือทุกทุกอย่างของเธอ


         เพื่อครอบครัวแล้ว..เธอทำได้ทุกอย่าง..ใช่ ทำได้ทุก ๆ อย่าง..


         ระหว่างที่กำลังเข็นรถเข็นที่บรรจุก้อนอิฐจำนวนมากไปตามทาง เธอก็เหลือบไปมองตึกระฟ้าโออ่าที่อยู่ห่างจากที่เธออยู่
         ตรงนั้นคือเขตของพวกคนรวย ส่วนที่เธออยู่คือเขตของคนจน
         มันแบ่งจากกันชัดเจนจนเหมือนไม่ใช่เขตเดียวกัน


         ระหว่างที่กำลังกวาดสายตามองไปเรื่อย ๆ เธอก็ไปสังเกตเห็นตึกแห่งหนึ่งซึ่งมีป้ายชื่อขนาดใหญ่ติดอยู่


         DEUS


         ทุกครั้งที่เห็นชื่อนั้น ความรู้สึกในใจของฮารุกิก็รุ่มร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
         จนทำให้เธอเผลอใส่แรงลงไปในมือมากไป จนทำให้ที่จับรถเข็นถึงกับหัก


         "เห้ย ซากาเอะ นั่นไม่ใช่เครื่องออกกำลังกายนะเฮ้ย"


         "ว้า! ขอโทษ ๆ เดียวจะไปหยิบคันใหม่มาเดี๋ยวนี้ล่ะ" ฮารุกิที่สติกลับคืนมารีบขอโทษ แล้วไปหารถคันใหม่มาทันที


         หลังจากที่ไปหาคันใหม่มาเปลี่ยนแล้วกลับมาทำงานโดยไม่สนใจสิ่งรบกวนใจนั่นอีก งานก็ดำเนินไปได้ด้วยดีโดยไม่มีปัญหา


         พอตกเย็น ก็ถึงเวลาเลิกงานของแต่ละคน ฮารุกิทำล่วงเวลาอีกสักหน่อยด้วยการขนอิฐกองใหญ่ไปวางไว้ข้างใน


         เพื่อนร่วมงานของฮารุกิสองคนสุดท้ายกำลังที่จะกลับบ้านแล้วเข้ามาเห็นเธอกำลังขยันอยู่พอดี "โห ซากาเอะ ขยันเกินไปแล้ว ที่นี่ทำโอทีไปก็ไม่มีค่าจ้างเพิ่มหรอกนะ" 


         "เอาเถอะน่า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว พรุ่งนี้จะได้ไม่เหนื่อยไง"


         "อย่างเธอน่ะเหนื่อยเป็นด้วยเหรอ ?" เพื่อนอีกคนเล่นมุก


         "เออ นั่นสิเนอะ" ทางนี้ก็ยินดีรับมุก


         "เป็นผู้หญิงกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ ระวังตัวไว้หน่อยเน้อ"


          "เอาสิ ถ้าอยากชิมหมัดของฉันล่ะนะ"  


          "ว้า น่ากลัว" ทั้งสามหัวเราะ


         "งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ"


         "เจอกัน ๆ"












         "ซากาเอะเนี่ย ถ้าดูดี ๆ ก็หน้าตาดีใช้ได้เลยนะ"


         "โธ่ แค่ใช้ได้เองเรอะไง ฉันว่านี่ล่ะเพชรเม็ดงามของคนจน ๆ อย่างเราแล้วน้า~"


         หลังออกจากเขตก่อสร้างได้ระยะหนึ่ง เพื่อนร่วมงานทั้งสองของฮารุกิ ก็มาแอบคุยกันเรื่องเธอกันเล่น ๆ


         "ถ้าไม่นับเรื่องมีพลังช้างสารนั่นแล้ว ฉันว่าเธอคงเนื้อหอมใช้เล่นเลยล่ะ"


         "แล้วก็ดูแลตัวเองอีกหน่อยด้วยล่ะนะ"


         "ใช่ ๆ แต่เห็นแบบนั้นเธอเองก็แต่งนะ อย่างเล็บก็-!?"
         เพราะเพื่อนข้างหน้าหยุดเดินอย่างกระทันหัน ทำให้เพื่อนที่ตามมาชนเข้าอย่างไม่ทันระวัง


         "เห้ย จะหยุดก็บอกกันบ้างเดะ" ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่เพื่อนก็ไม่มีการตอบสนอง เขามองตาค้างไปด้านหน้าราวกับต้องมนตร์สะกด
         "นี่เป็นอะไรรึเปล่า ?"


         "โคตรสวยเลยอ่ะ"
     

         "หา ?"


         เพื่อนเงยหน้ามองไปตามที่อีกฝ่ายมอง แล้วทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างอย่างน่าทึ่ง
         เบื้องหน้าของชายทั้งสอง มีสตรีรูปงามกำลังเดินตรงมาทางพวกเขา


         ผมสีครามอ่อน แววตาอันแสนสงบนิ่ง ใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้า กับท่วงท่าการเดินสง่างามนั่น ทำเอาพวกเขาหลงสเน่ห์ตั้งแต่แรกเห็น 


         ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้ ยิ่งทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นดังตึกตัก


         (มาแล้ว ๆ ๆ!)


         แล้วก็ผ่านไปแล้ว..


         "เฮ้อ.." ชายทั้งสองไหล่ตก และถอนหายใจอย่างหมดกำลังใจ


         "อย่างพวกเรานี่มันหมดหวังจริง ๆ ล่ะเนอะ"


         "ฮะ ๆ ยังจะคิดว่ามีหวังไปกันได้อีกนะ"


         "ว่าแต่ผู้หญิงแบบนั้นมาทำอะไรที่นี่กัน ?"


         "นักท่องเที่ยวล่ะมั้ง"


         "นักท่องเที่ยวในเขตคนจนเนี่ยนะ ?"


         "อาจจะพวกทำวิจัยก็ได้"


         "จะแบบนั้นแน่เรอะ"


         ถึงจะมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่ชายทั้งสองก็ปล่อยให้เรื่องท่แล้วก็แล้วไป และก็ตรงกลับบ้าน..ไม่สิ..ไปหาอะไรทานเล่นก่่อนที่จะกลับบ้านก่อน







         ฮารุกิขนพวกกองอิฐเข้าไปข้างในจนเสร็จ ถึงจะไม่เหนื่อย แต่เพราะปริมาณที่มากพอควรทำให้ดวงอาทิตย์เริ่มที่ส่องแสงสีส้มเริ่มที่จะลับขอบฟ้าไปเต็มที


         หญิงสาวถอดถุงมือออกแล้วเก็บไว้ในเสื้อ
         พอชักมือออกมา เธอก็มองดูมือที่เปื้อนคราบสีดำ จนดูไม่งามเหมือนมือของผู้หญิงเสียเท่าไรอยู่ครู่หนึ่ง


         ถ้าจะบอกว่ามีอะไรเหมือนผู้หญิงบ้างไหม ก็คงมีแต่เล็บที่ทาด้วยเบบี้พิงค์สีชมพูเท่านั้น


         "ถึงจะไม่ค่อยเข้ากับเราเท่าไรก็เถอะนะ.."


         หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง พลางกางมือไปบนฟ้า แล้วมองดูอย่างทบทวน
         "..แต่เป็นสิ่งที่ได้มาจากงานแรกของเรานี่นะ.."


        ระหว่างที่กำลังอยู่กับตัวเองอยู่นั้น ฮารุกิก็เพิ่งรู้ตัวว่ามีคนเข้ามาพอดี ทำให้เธอรีบชักมือกลับแล้วทำตัวเป็นปกติทันที
         "อะ ขอโทษเหม่อไปหน่อย"


         ตอนแรกร้อนลนจนไม่ทันได้สังเกต แต่เมื่อได้มองดี ๆ แล้ว
         คนที่มาหานั้นเป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ผมสีครามยาวสลวยเหมือนจะได้รับการดูแลอย่างดี ใส่เครื่องแบบนักเรียนที่ดูแล้วน่าจะเป็นโรงเรียนที่มีฐานะดีพอสมควร ยิ่งรวมกับท่าทางและลักษณะแบบนั้นทำให้ยิ่งมั่นใจได้เลยว่า เธอไม่ใช่คนของส่วนคนจนนี้


         "มีธุระอะไรรึเปล่า ?" ฮารุกิลองถาม


         "ซากาเอะ ฮารุกิสินะ"


         "ใช่ แล้วจะทำไมเรอะ ?" หญิงสาวเริ่มรู้สึกกลิ่นไม่ดี


         "ถ้าอย่างงั้น.." ผู้หญิงคนนั้นหยิบบางอย่างออกมา
         ดาบเรเปียร์ที่หยิบออกมาจากอากาศธาตุที่ว่างเปล่า ปรากฏเป็นเส้นลำแสงพุ่งตรงใส่ฮารุกิ!!


         ความเร็วที่สายตามนุษย์ธรรมดาไม่อาจมองทัน ด้วยความเร็วขนาดนั้นมากพอที่จะขยี้ร่างของหญิงสาวให้แหลกได้สบาย ๆ


         แต่หลังจากที่ควันค่อย ๆ จางออก ดูเหมือนว่าจะไม่มีร่างของหญิงสาวอยู่
         เพราะเธอสามารถหลบมาด้านข้างได้ทันท่วงที..พร้อมกับสวมปลอกแขนสีดำที่ยาวจนถึงข้อศอก


         "แกเป็นใคร ? DEUS งั้นเรอะ ?" 


         ฮารุกิถามอย่างเดือดดาล แต่ไม่มีคำตอบอีกฝ่าย กลับตั้งมือข้างลำตัวแล้วโจมตีใส่อีกครั้ง


         เธอรีบก้มตัวหลบ จากนั้นดวงตาก็เปล่งแสงสีเขียวออกมา
         แล้วก็ใช้ลวดปาตรงเข้าใส่ผู้หญิงลึกลับคนนั้นทันที


         อีกฝ่ายใช้ดาบการรับเส้นลวดเหล่านั้นไว้
         ฮารุกิก็จึงปล่อยกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเส้นลวดใส่เข้าไป แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนักเพระอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย


         (ด้ามจับเป็นฉนวนหรอกเรอะ..)


         ศัตรูหมุนด้ามจับเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีลำแสงพุ่งจากดาบตรงใส่ฮารุกิอีกครั้ง ทำให้เธอต้องรีบปลดลวดออก แล้วเคลื่อนหลบ


         แต่หลังจากที่หลบพ้นก็มีการจู่โจมต่อเข้ามาในทีในรูปของเส้นแสงอีกหลายเส้น


         แรงระเบิดทำให้เกิดควันฟุ้งไปทั่ว แต่ไม่นานนักฮารุกิก็กระโดดออกมาจากกลุ่มควันด้วยพลังเหนือมนุษย์แล้วขึ้นไปอยู่บนโครงเหล็กของอาคารที่กำลังก่อสร้าง


         "ชิ..ถุ่ย" เธอบ้วนเลือดออกมา เพราะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อครู่นี้


         กริ๊ง!


         จู่ ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น ทำให้ฮารุกิต้องรับสายแม้ไม่ได้อยู่ในเวลาที่จะทำแบบนั้นก็ตาม


         "ฮัลโหล ฟุยุกะเรอะ มีอะไร ?"


         "พี่คะ! ช่วยด้วย มีใครไม่รู้ม--กรี๊ด!!" สิ้นเสียงกรี้ด สายก็ตัดไปอย่างกระทัน โดยที่มีเวลาคุยเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น


         "ฟุยุกะ เกิดอะไรขึ้น ฟุยุกะ!" ถึงสายจะตัดไปแล้วแต่ฮารุกิก็ตะโกนเรียกหาน้องสาวตัวเองปลายสายซ้ำอีกหลายครั้ง


         ทันใดนั้นหญิงสาวผมสีคราม ก็กระโดดขึ้นมาอยู่บนโครงเหล็กชั้นเดียวกับฮารุกิ ท่าทางเธอเองก็จะมีพลังเหนือนมนุษย์อยู่เหมือนกัน
         แต่ตอนนี้ฮารุกิไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้น


         "พวกแกตัองการฉันไม่ใช่เรอะ แล้วไปลากครอบครัวฉันมาเกี่ยวด้วยทำไม!?"


         "หากฉันกำจัดเธอไม่สำเร็จ ก็คิดจะใช้ครอบครัวของเธอเป็นแต้มต่อสร้างความได้เปรียบยังไงล่ะ"


         "แต่ถ้ากำจัดฉันได้ล่ะ พวกแกคิดจะทำยังไงกับพวกเขา!?"


         ไม่มีการตอบรับจากอีกฝ่าย มันเป็นคำตอบกลาย ๆ ว่า ก็ฆ่าทิ้งเหมือนกัน


         "บ้าที่สุด!"


         หญิงสาวผมสีครามชักดาบเล็งขึ้นมาที่เธอ


         (ไม่มีเวลามาอยู่ที่นี่แล้ว..) ฮารุกิมองลงไปที่โครงเหล็กข้างล่าง
         (ขอโทษนะ อุตส่าห์ช่วยกันทำได้ขนาดนี้แล้วแท้ ๆ..)


         ดวงตาของฮารุกิเปล่งแสงสีขาว แล้วทำในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ทันคิด
         เธอต่อยลงไปที่โคงเหล็กด้วยแรงมหาศาส ทำให้ทั้งอาคารพังถล่มลงมา!


         จากนั้นดวงตาของฮารุกิก็เปลี่ยนสีไปอีกครั้ง เป็นสีเหลือง
         ความคล่องตัวของเธอเหมือนจะสูงขึ้น ทำให้เคลื่อนไหวไปมาท่ามกลางโครงเหล็กที่พังทลายได้ แล้วรีบวิ่งกลับบ้านไปโดยด่วนที่สุด





          มีความลับสองอย่างที่ซากาเอะ ฮารุกิไม่เคยบอกกับใครในครอบครัว


         หนึ่งคือการที่เธอเป็น..ปีศาจ


         สายพันธุ์ที่ถูกเรียกโดยเหล่าผู้สถิตบนสรวงสวรรค์ว่า 'ผู้นำพามาซึ่งความชั่วร้ายทั้งมวล'


         เป็นตัวตนที่ชั่วร้าย และเป็นศัตรูของโลก
         สายพันธุ์นี้มีความพิเศษที่ไม่ได้เป็
    การสืบเชื้อสายผ่านสายเลือด หรือเผ่าพันธุ์แบบไหน แต่จะเหมือนเป็นการสุ่ม


         ผู้ที่บังเอิญกลายเป็นปีศาจ ซึ่งถูกสุ่มเกิดขึ้นมาในโลกที่ถูกรังสรรค์ใบนี้ทั้ง 72 คน
         และฮารุกิก็คือหนึ่งในนั้น




         อีกหนึ่งความลับคือ งานเก่าของเธอนั้นคืองานนักฆ่า


         DEUS บริษัทที่มีเครือใหญ่ที่สุดในโลก ได้ทำการจ้าง 'ปีศาจ' อย่างลับ ๆ ให้มาเป็นนักฆ่าทำภารกิจในเงามืด ซึ่งมีรางวัลตอบแทนที่คุ้มค่า


         ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบ แต่เพราะตัวเธอเองก็ไม่มีทางเลือก


         สุดท้ายเธอก็ต้องเดินเข้าไปในเส้นทางของสีดำ แล้วใช้มือข้างนี้สังหารคนไปไม่รู้กี่คน


         แต่เพราะแบบนั้น ถึงได้มีอาหารดี ๆ กลับมาเลี้ยงครอบครัว
         เพราะแบบนั้นเธอจึงสามารถซื้อเบบี้พิงก์ที่ตัวเองอย่างซื้อได้เป็นครั้งแรก
         เพราะแบบนั้นเธอถึงสามารถรักษารอยยิ้มขอครอบครัวไว้ได้


         แต่ว่าการรวยทางลัดแบบนั้นก็ดูเหมือนจะอยู่ได้ไม่นาน


         เมื่อ DEUS ได้หักหลังเธอ..ได้หักหลังปีศาจ
         ในระหว่างที่กำลังทำสงครามกับเหล่าผู้ขัดต่อการคงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า
         มนุษย์ที่เป็นฝ่ายเดียวกัน ได้หันปืนเข้าหาปีศาจ และไล่สังหารปีศาจละคนทีละคน


         ฮารุกิโชคดีที่หนีมาได้ แล้วกลับมาหลบอยู่ที่บ้านเกิด


         แต่เธอก็รู้สึกกังวลใจอยู่เสมอว่าพวกมันจะมาไล่ล่าเธอ..แล้วจะพลอยทำให้ครอบครัวเธอโดนลูกหลงไปด้วยหรือไม่




         พลังปีศาจนี้อาจจะดูเหมือนเป็นคำสาปที่ชั่วร้ายที่ทำให้ชีวิตของใครสักคนต้องผูกติดกับบางอย่างที่ผิดปกติ


         แต่สำหรับฮารุกิ การที่เธอได้เป็นปีศาจนั้นกลับเป็นเรื่องดี
         ด้วยพลังนี้ทำให้เธอสามารถทำงานต่าง ๆ ได้สำเร็จ ทั้งที่เป็นผู้หญิง ทั้งการจนของหนัก ๆ ทั้งการลอบสังหาร ถึงมันจะไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของครอบครัวเธอดีขึ้นมากมายเท่าไร


         เพราะเธอเองก็ยังเกรงกลัวในพลังลึกลับนี้ ยังคงกลัวในสายพันธุ์ที่ถูกเรียกว่าเป็นความชั่วร้ายนี้ และด้วยเพราะการที่เธอเป็นแบบนี้ครอบครัวของเธอเลยถูกเข้ามาเกี่ยวข้องกับโลกฝั่งนี้


         แต่เพราะแบบนั้น สิ่งที่เธอต้องการที่สุดตอนนี้ก็คือพลังนี้


         เพราะการที่จะช่วยครอบครัวของเธอได้จำเป็นที่จะต้องใช้พลังนี้เท่านั้น

    .
    .
    .
    .
    .




         ฮารุกิกลับมาบ้าน พบว่าที่นั่นเละเทะไปหมด พื้นห้องฉีกขาด พนังทะลุเป็นรู กระจกแตกและไม่มีอยู่ใครเลย


         แต่ศัตรูของเธอเหมือนจะต้องการให้เธอไปหาอย่างเจาะจง
         เพราะมีการทิ้งจดหมายเอาไว้ว่าให้ไปเจอที่โรงงานร้างที่อยู่ไม่ไกลจากหอของเธอมากนัก


         เธอเปลี่ยนจากชุดเครื่องแบบกรรมกร มาเป็นชุดสำหรับงานเก่า ซึ่งเป็นชุดที่ได้รับการออกแบบโดย DEUS โดยอาศัยความชอบของแต่ละคนในการออกแบบ
        สิ่งที่พิเศษของมันที่ทำให้ฮารุกิชอบ แม้จะเป็นของจาก DEUS ก็คือเนื้อผ้าของมันทำมาจากเส้นใยชนิดพิเศษที่สามารถกันกระสุนได้ หากเปรียบแล้วตอนที่โดนยิงพลังงานเข้าใส่เมื่อกี้นี้ อาจจะทำให้ความเสียหายที่ได้รับน้อยลงกว่านี้ก็ได้


         หลังจากที่ทำแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว จึงรีบมุ่งหน้าไปอย่างไม่รอช้า


         ที่นั่นเป็นโรงงานร้างเก่าซึ่งถูกปล่อยทิ้งมานานแล้ว
         จริง ๆ สถานที่แบบนี้หาได้ไม่ยากเท่าไรภายในเขตแห่งอำนาจการเงินส่วนของคนจน


         สาเหตุที่พวกมันพาครอบครัวของเธอมาที่นี่ก็คงเพราะพวกมันต้องการจะปฏิบัติการในที่ลับ แล้วไม่อยากให้คนนอกรู้คล้าย ๆ กับสมัยที่เธอเป็นนักฆ่า


         โลกนี้มีอยู่หลายมุมหลายด้าน
         แต่หากต้องการอธิบายให้ง่ายที่สุด ก็คงมีแค่สองด้าน


         เบื้องหน้า กับเบื้องหลัง


         สำหรับผู้ที่เคยก้าวชีวิตไปในโลกเบื้องหลังแล้ว จะไม่มีทางกลับออกมาได้
         ฮารุกิเพิ่งจะเข้าใจความหมายนั้นเป็นครั้งแรกก็ตอนนี้



         หลังจากที่สำรวจด้านนอกว่าไม่มีใครอยู่เลย เธอก็เดินเข้าไปข้างใน
         ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องจักรที่ไม่มีใครใช้งานแล้ว เต็มไปด้วยฝุ่น สนิม และยักไย้ หากที่นี่มีผีสิงก็จะไม่รู้สึกแปลกใจเลย


         แต่เธอไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอ ต้องกลายเป็นผีที่นี่..


         ฮารุกิเดินเข้ามาข้างในจนน่าจะถึงประมาณกลางโรงงาน ก็พบกับพวกน้อง ๆ ของเธอถูกจับมัดรวมอยู่พร้อมแม่ อยู่กลางห้องโดยมีไฟสลัวเปิดส่องลงมาที่พวกเขา


         "ทุกคน!?"


         "พี่ ช่วยด้วยครับ/ค่ะ!"


         "จะไปช่วยเดี๋ยวนี้ล่-!?"


         "ปีศาจลำดับที่ 3 ซากาเอะ ฮารุกิสินะ"
         หญิงสาวผมสีดำ สูงกว่าฮารุกิเล็กน้อย เดินออกมาจากเงามืดด้านข้างน้อง ๆ ของฮารุกิ ทำให้เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ดังจนถึงเมื่อครู่หยุดชะงักไป


         (เมื่อกี้ไม่รู้สึกถึงยายนั่นเลย..)


         "ข้อมูลรูปพรรณสัณฐานตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ แปลว่าใช่จริง ๆ" เธอกำลังเปิดดูข้อมูลของฮารุกิอยู่ในแท๊บเล็ต


         "ฉันขอเตือน ปล่อยครอบครัวของฉันเดี๋ยวนี้" ฮารุกิตั้งท่าเตรียมพร้อมสู้ และปล่อยจิตสังหารใส่อีกฝ่ายอย่างจริงจัง


         "คงต้องขอปฏิเสธ การมีพวกเขาอยู่จะทำให้คุณต่อสู้ได้ยากขึ้น และทำให้เปอร์เซ็นต์ชนะของพวกเราสูงขึ้น" เธอพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย


         "ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ให้พวกแกมีโอกาสนั้นเลย" ดวงตาของฮารุกิเรืองแสงสีเหลือง แล้วทันใดนั้นร่างของเธอก็หายไป
         ไม่สิ มันเป็นการเคลื่อนด้วยความเร็วสูงจนมองไม่แทบไม่ทันต่างหาก


         แต่ในห้วงความเร็วสูงที่ฮารุกิกำลังวิ่งอยู่นั้น ก็มีบางอย่างที่ผิดปกติพุ่งเข้ามาจากทางด้านข้าง ด้วยการที่เธอเคลื่อนไหวอยู่ จึงทำให้ไม่สามารถหลบการโจมตีดังกล่าวได้


         ตู้ม!


         ร่างของหญิงสาวกระเด็นไปชนกับคอนเทนเนอร์จนทะลุ


         ลูกถีบที่แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว
         ซึ่งเป็นฝีมือของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งไว้ผมเปียสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งฮารุกิเองก็ไม่รู้สึกถึงตัวตนของเธออีกเช่นกัน


         (ประมาทไปหน่อย แต่ว่า..!)


         ทันใดนั้นประตูตู้คอนเทนเนอร์ก็เปิดออก พร้อมด้วยแสงสีเหลืองที่พุ่งออกมาจนมองไม่ทัน
         ฮารุกิอาศัยจังหวะที่ศัตรูมองไม่เห็นตัว พุ่งออกมาด้วยความเร็วแล้วมาอยู่ข้างหลังของผู้หญิงผมสีม่วง


         ทว่าการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของอีกฝ่าย กลับเป็นการจ่อดาบเล็งมาที่ตำแหน่งที่เธอจะมาหยุดพอดี..


         เส้นแสงสีแดงถูกยิงออกมา แต่ไปกระทบระเบิดพื้นแทน


         ฮารุกิเคลื่อนหลบมาอีกด้านได้ทันก่อนที่จะรับเข้าไป แต่เป็นอีกครั้งเมื่อดาบที่ขยับเป็นภาพสโลว์โมชันนั่น กับเล็งตรงมาที่เธอได้อย่างพอดี


         เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฮารุกิเลยตัดสินใจลุยไปซึ่ง ๆ หน้าแม้จะต้องบาดเจ็บ


         แต่อีกฝ่ายไม่ยิงแสงออกมา กลับกลายเป็นว่าหลบฮารุกิจับล็อกไหล่ แล้วกระโดดถีบตัวฮารุกิตีลังกาขึ้นไปกลางอากาศแทน


         ในช่วงจังหวะที่กำลังเสียหลักอยู่นั้น ดาบอีกเล่มก็พุ่งแทงลงมาจากด้านบน


         รู้สึกถึงของแหลมที่แทงลงมาบนเสื้อผ้า แต่ดาบแทงไม่ทะลุด้วยการที่เสื้อของเธอช่วยเอาไว้


         ผู้หญิงผมเปียสีน้ำตาลโจมตีเหมือนจะกดแรงลงเข้าไปดาบ กะจะแทงให้ทะลุ
         พร้อมด้วยการพุ่งเข้ามาแทงจากข้างหลังของผู้หญิงอีกคน


         แต่ในสถานการณ์แบบนั้น ฮารุกิก็ยิ้มออก 
         เพราะมันก็อยู่ในการคาดการณ์ของเธออยู่นิดหน่อย


         ลวดถูกปล่อยออกมาจากถุงมือทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งไปรัดข้อเท้าของผู้หญิงที่อยู่กลางอากาศ อีกหนึ่งไปรัดแขนของอีกคน


         "ถ้าเรื่องแรงล่ะก็ ฉันไม่แพ้ใครหรอก!" ดวงตาของฮารุกิเปล่งแสงสีขาว พลังแรงช้างสารของเธอที่เดิมเยอะอยู่แล้วก็เพิ่มเป็นเท่าตัว
         ตีลังกากลางอากาศ ทุ่มหญิงสาวทั้งสองลงกระแทกกับพื้นด้วยสุดแรงทั้งหมดที่มี จนทำให้พื้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ


         ถึงอย่างนั้นสองคนนั้นเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการทุ่มเมื่อกี้เท่าไรนัก


         "ถ้างั้นก็.."


         "พี่คะ อันตราย!"


         ถึงฟุยุกะจะร้องเตือน แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของฮารุกิเร็วไม่พอ
         เส้นแสงแทงทะลุช่องท้องของเธอ แม้แต่เสื้อผ้ากันกระสุนของเธอก็กันไว้ไม่ได้


         "อัก..!" 
         ก่อนที่จะได้หันกลับไปรับมือกับศัตรูที่อยู่ข้างหลัง ก็มีการโจมตีเข้าใส่ซ้ำ ทำให้ล้มลงไปทั้งยืน


         จากนั้นก็ปรากฏดาบเรเปียร์สองเล่มแทงเข้าฝ่ามือทั้งสองของฮารุกิทะลุไปถึงพื้น ตรึงร่างของเธอเอาไว้


         "ถึงจะเป็นตัวปัญหากว่าที่คิด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร" หญิงสาวผมสีคราม เดินออกมาจากเงามืดอย่างเยือกเย็น
         เธอคือคนที่ฮารุกิสู้ด้วยเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าแอบซ่อนอยู่หรือเพิ่งตามมาทัน แต่เป็นอีกครั้งที่ฮารุกิไม่รู้สึกถึงตัวตนของศัตรู


         แต่ครั้งนี้มันทำให้เธอพลาดท่าเสียทีครั้งใหญ่


         ผู้หญิงผมสีครามตรงเข้าไปหาร่างของฮารุกิที่ติดอยู่กับพื้นอย่างช้า ๆ
         ขณะเดียวกันอีกสองคนที่ล้มไปเพราะท่าทุ่มของฮารุกิเมื่อครู่ ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว และกำลังเข้ามาทางเดียวกัน


         เสียงร้องของน้อง ๆ ดังเจี๊ยวจ๊าวก็จริง แต่ฮารุกิที่สติกำลังเลือนลาง ไม่รับรู้อะไรรอบข้างมากนัก


         จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแล้วทำให้ทุกการเคลื่อนไหวและทุกเสียงหยุดไป


         "ขอร้องล่ะ ได้โปรดอย่าทำอะไรลูกฉันเลย!"


         "คุณ..แม่.."


         "แกจะเอาชีวิตฉันไปก็ได้ แต่ได้โปรดปล่อยฮารุกิกับลูก ๆ ของฉันไปเถอะนะ ขอร้องล่ะ" เสียงของคุณแม่ถึงจะหนักแน่น แต่ก็กระค่อนกระแค่นเป็นเพราะอาการป่วย


          "..."


         (ไม่ได้นะ..คะ..ไม่ได้นะคะ คุณแม่..)


         "นั่นสินะ.."


         ผู้หญิงผมสีครามเล็งดาบไปที่แม่ของฮารุกิกับน้อง ๆ ของเธอ


         "..ตัวประกันไม่จำเป็นแล้วนี่นะ"


         "..หยุดน้า~!" ฮารุกิพยายามเค้นพลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา จนดวงตาเริ่มเปล่งแสงสีม่วง


         แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์..


         เส้นลำแสงถูกยิงออกไปจากปลายดาบเสียแล้ว


        ทว่าในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็มีแสงวูบวาบสีขาวส่องมาจากกระจก ทำให้สายตาของแต่ละคนพร่ามัวไปชั่วครู่
         จากนั้นก็ปรากฏเสียงของเครื่องยนต์ดังมาจากด้านนอกโรงงาน


         แล้วทันใดนั้น กระจกก็แตกออกพร้อมเสียงดังสนั่น


         บรืน!!


         มอเตอร์ไซค์พร้อมกับผู้ขับขี่คนหนึ่งทะยานเข้ามาจากด้านนอก
         ในจังหวะที่ลอยมาอยู่เหนือศีรษะของพวกพวกน้อง ๆ กับแม่ของฮารุกิ คนคนนั้นก็โยนบางอย่างลงมาบนพื้น ให้อยู่ระหว่างเส้นแสงกับพวกเขา


         แล้วอุปกรณ์ชิ้นนั้นก็ทำงาน มันเป็นเครื่องสร้างกำแพงพลังงาน หรือที่เรียกว่าบาเรีย ซึ่งสามารถป้องกันการโจมตีลำแสงสีม่วงนั้นไว้ได้


         จากนั้นเขาก็ถีบรถมอร์เตอร์ไซค์ลงใส่ผู้หญิงผมสีม่วงกับผู้หญิงผมสีชมพู ทำให้ต่างฝ่าย ต่างต้องแยกออกจากกัน
         และอาศัยจังหวะนั้นเคลื่อนลงมาหาผู้หญิงผมสีครามอย่างไม่ให้ตั้งตัว


         มีดสีเงินถูกชักออกมาฉับไว หญิงสาวผมสีดำถึงกับต้องรีบผละตัวถอยออกมา
         ถึงแม้เธอจะหลบได้ทันอย่างฉิวเฉียด แต่ทันใดนั้นร่างตรงหน้าก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว แล้วใช้ข้อมือฟาดไปที่หน้า ทำให้ล้มลงไป


         ผู้หญิงผมดำกำลังจะยิงเส้นแสงจากดาบช่วย แต่เธอก็ถูกมีดขนาดเล็กสามเล่มปาใส่จนหยุดชะงัก


         พอผู้หญิงผมเปียสีน้ำตาลเข้ามาด้วยมาด้วยความเร็วสูงแล้วแทงดาบเข้าใส่
         อีกฝ่ายก็หมุนตัวหลบมาด้านข้าง พร้อมใช้มีดฟันตวัดไปพร้อมกันในเวลานั้นด้วย ทำให้สีข้างของเธอถูกตัดจนถึงเนื้อใน


         "แกคือ.."


         "..อาซึมะ.." ฮารุกิพึมพำชื่อของผู้มาช่วย


         นัย
    น์ตาสีฟ้า ผมสั้นสีน้ำเงิน ความสามารถในการต่อสู้ที่เหนือล้ำจนไม่อาจต่อกรได้
         หญิงสาวที่จ้องมองคู่ต่อสู้ที่ล้มลงไปกองทั้งสามคนด้วยสายตาเย็นชาของนักฆ่าอย่างแท้จริง


         "ปีศาจลำดับที่ 1 อาซึมะ..โทคาคุ.."


         "ดูเหมือนกำลังแย่นะ ซากาเอะ"


         "เหอะ แล้วมาทำอะไรที่นี่น่ะ ?"


         โทคาคุเดินมาหาฮารุกิแล้วดึงหอกสีดำที่ตรึงร่างของเธอทั้งสองเล่มออกไป
         "มาช่วย เหตุผลแค่นั้นจะได้รึเปล่า"


         ฮารุกิลุกขึ้นยืน พร้อมฉีกยิ้ม
         "อา แค่นั้นก็ซาบซึ้งจนบอกไม่ถูกแล้วล่ะ"


         บาดแผลที่ถูกแทงจนเป็นรูบนมือของฮารุกิ ค่อย ๆ สมานคืนอย่างรวดเร็ว 
         เธอทุบกำปั้นกับฝ่ามือ พร้อมพูดขึ้นว่า "เอาล่ะ ได้เวลาเอาคืนแล้ว!"


         สิ้นเสียงพูด ทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง ฮารุกิกลับเข้าไปสู้กับศัตรูทั้งสามคน ส่วนโทคาคุวกกลับไปช่วยน้อง ๆ กับแม่ของฮารุกิ


         หลังจากตัดโซ่ที่รัดอยู่ โทคาคุก็บอกให้ทุกคนรีบหนีไปซะ
         ฟุยุกะกับอากิโกะช่วยกันพยุงแม่ออกไป โดยที่สายตาของเธอดูยังจะเป็นห่วงฮารุกิอยู่




         ขณะเดียวกัน
         ดวงตาของหญิงสาวผมสีแดงก็เปล่งแสงสีฟ้า จากนั้นร่างของเธอก็แยกเป็นสามร่าง แล้วเข้าไปหาศัตรูทั้งสามพร้อมกัน


         ผู้หญิงผมสีดำและผมสีเปียสีน้ำตาล โจมตีร่างแยกของฮารุกิกลับไป ทว่าทันทีที่สัมผัสกับร่างนั้น ก็กลายเป็นว่าร่างของเธอกลายร่างเป็นน้ำแล้วเข้ามารัดตัวเธอทั้งสอง


         "เจอกับความโกรธของฉันหน่อยเป็นไงล่ะ!" ฮารุกิปล่อยหมัดตรงไปที่ผู้หญิงผมสีคราม


         อีกฝ่ายยิงเส้นแสงใส่ฮารุกิที่กำลังวิ่งเข้ามา แต่แล้วร่างนั้นก็เป็นแค่ร่างแยกน้ำอีก


         ตอนนั้นเองที่รู้สึกแรงลมและการเคลื่อนไหวที่มาจากด้านหลัง
         ฮารุกิมาอยู่ข้างหลังผู้หญิงผมสีครามในช่วงจังหวะที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว แล้วกำลังง้างหมัดไปสุดลำตัว


         "นี่สำหรับที่ทำร้ายครอบครัวของฉัน!" ดวงตาของเธอเปล่งแสงสีม่วง ทันใดนั้นกำปั้นก็ปรากฏเหมือนออร่าสีเดียวกันขึ้นมา


         ผู้หญิงผมสีครามกัดฟันกรอด เธอรู้ว่าหลบไม่พ้นแล้ว จึงตั้งรับด้วยดาบตรง ๆ


         พอหมัดชกเข้าไป ดาบที่เข้าปะทะก็ตั้งรับแรงทั้งหมดไว้ได้
         ทว่าดาบกลับค่อย ๆ เหมือนถูกย่อยสลาย พร้อมกับกลายเป็นน้ำแข็ง


         "ของแค่นี้น่ะ!" ฮารุกิใส่แรงเข้าไปมากขึ้นจนทำลายดาบจนแหลกละเอียด แล้วชกเข้าไปกลางอกของหญิงสาว จนร่างปลิวกระเด็นไปชนกับผนัง


         ผู้หญิงผมเปียสีน้ำตาลกำลังจะเข้าไปช่วย แต่ทันใดนั้นก็มีเงาสีน้ำเงินเข้ามาในระยะกระชั้นชิด


         มีเสียง ปัง ดังขึ้นสามครั้ง จากนั้นตัวเธอก็ถูกถีบจนล้มไปนอนกองกับพื้น


         ผู้ที่เหลืออยู่ มีเพียงผู้หญิงผมสีดำเท่านั้น
         แสงบนดาบของเธอปลดปล่อยพลังออกมามากขึ้น แล้วยิงไปที่ตำแหน่งของปีศาจทั้งสอง


         แสงสีแดงทะลวงผ่านห้วงอากาศไปอย่างรวดเร็ว แต่การตอบสนองของทั้งคู่ก็เร็วพอ จนสามารถกระโดดถอยออกมา ก่อนที่เส้นแสงจะกระทบกับพื้นจนเกิดระเบิด


         "เอาไงต่อ ?" ฮารุกิถาม


         "ถล่มที่นี่"


          "ฮะ ?"


         "วิ่ง.."
          พูดเสร็จ โทคาคุก็หยิบร็อกเก็ตลันเชอร์ ออกมาจากกระเป๋าเล็ก ๆ ใบหนึ่ง ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะใส่เข้าไปได้
         แล้วไม่มีการพูดพล่ามทำเพลง เธอก็ยิงจรวดหัวรบเจาะเกราะรถถังใส่ผู้หญิงผมสีดำ


         บึ้ม!!!



         แรงระเบิดรุนแรงมาก จนทำมองไม่เห็นร่างของศัตรูที่รับแรงระเบิดเข้าไปเต็ม ๆ เลย
         แต่เพราะแบบนั้น ด้วยการที่มันรุนแรงมาก มากเสียจนทำให้ที่นี่ถึงกับสะเทือนไปทั้งอาคาร


         "เฮ่ ๆ อย่าบอกนะว่า.." สัญญาณอันตรายของฮารุกิร้องเตือน ท่าทางที่โทคาคุพูดสั้น ๆ เมื่อกี้จะไม่ได้พูดเล่น
         ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีเหลือง จากนั้นก็รีบวิ่งไปด้วยความเร็วสูงทันที


         กลับกัน คนที่พูดว่าให้วิ่ง กลับทำได้เพียงวิ่งไปแบบธรรมดาด้วยความเร็วที่สูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย


         ฮารุกิเห็นแบบนั้นจึงต้องวิ่งย้อนกลับมาหาโทคาคุ ท่ามกลางโรงงานร้างที่กำลังจะถล่ม
         "นี่อาซึมะ วิ่งให้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง เดี๋ยวก็โดนทับตายหรอก"


         "ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน รีบออกไปก่อนเลย"


         "แต่ว่า.."


         "บอกว่าให้ไป ก็ไปสิ!"


         "เธอเนี่ยน้า~" ฮารุกิไม่ฟังที่โทคาคุบอก แล้วอุ้มร่างของเธอขึ้นมา


         "เดี๋ยวสิจะทำอ-!?"


         "ไปล่ะนะ!" ฮารุกิใช้ความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของเธอ ทำให้วิ่งออกมาจากโรงงานที่กำลังพังทลายได้ทัน


         แล้วพอออกมา ทั้งคู่ก็เห็นภาพของโรงงานทั้งโรงงานที่กำลังถล่มลงไป..




         "..."


         "มีอะไรเหรอ ?"


         "วางฉันลงได้รึยัง ?"


         "อะ ขอโทษ ๆ" ฮารุกิวางโทคาคุลง
         "คิดว่าจะจัดการยายพวกนั้นได้รึยัง ?"


         "ถ้าง่ายนาดนั้นก็ดีสิ" คำตอบโทคาคุแปลได้นัย ๆ ว่า พวกนั้นยังต้องมีชีวิตอยู่แน่ ๆ


         "จะว่าไปแล้วน้อง ๆ ฉันล่ะ ?"


         "พี่!"


         เสียงร้องของเด็ก ๆ ที่ดังมาจากอีกด้านหนึ่ง น้อง ๆ ของฮารุกิต่างวิ่งกันมาหาพี่สาว แล้วเข้าโผกอดเธอ
         รอยยิ้มและน้ำตาแห่งความปลื้มปิติทั้งจากพี่และน้อง ๆ ทำให้ทราบได้ว่าสายสัมพันธ์ของพวกเขาแน่นแฟ้นแค่ไหน


         ดูเหมือนว่าวันนี้ ซากาเอะ ฮารุกิ จะสามารถปกป้องครอบครัวของเธอเอาไว้ได้..









         ช่วงเวลาเช้าตรู่ของวันใหม่ ที่ท่าเรือของเขตแห่งอำนาจการเงินส่วนของคนจน
         โทคาคุ, ฮารุกิและครอบครัวของฮารุกิ ต่างรอกันที่นั่น เพื่อคอยการมาถึงของใครคนหนึ่ง


         "มาแล้ว.." หญิงสาวผมสีน้ำเงินพูดขึ้นมา ทั้งที่ยังไม่เห็นมีอะไรมาจากสุดขอบฟ้านั้น


         แต่ฮารุกิก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างขนาดใหญ่กำลังลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเธอ


         แล้วทันใดนั้นความจริงก็ถูกเปิดเผย ภาพลวงตาได้หายไป
         เครื่องบินที่ปิดระบบอำพรางตัว ทำให้เผยสภาพที่แท้จริงออกมา กำลังค่อย ๆ ร่อนลงมาที่พวกเธอ


         พอเครื่องบินจอด ประตูท้ายเครื่องก็เปิดออก พร้อมการมาถึงของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะรู้จักกับทั้งสองคน


         "ฮานาบุสะ ?"


         "ภารกิจสำเร็จสินะคะคุณอาซึมะ ยินดีด้วยนะคะคุณซากาเอะที่ครอบครัวทุกคนแล้วก็ตัวคุณปลอดภัยดี"


         "หรือว่าเธอเป็นคนส่งให้อาซึมะมาหาฉันงั้นเรอะ ?"


         "ค่ะ/ไม่ใช่" ทั้งสองตอบพร้อมกัน แต่ไปคนละเรื่องเลย


         "คุณโทคาคุตอนนี้เขากำลังรวบรวมปีศาจที่หลงเหลืออยู่ให้มารวมกันอยู่น่ะค่ะ โดยที่ทางฉันเป็นผู้ให้ความช่วยเหลืออยู่"


         "แบบนี้นี่เอง มิน่าถึงได้หาฉันเจอ"


         "..." โทคาคุเงียบไม่พูดอะไร แค่ยืดกอดอกยักไหล่


         "ในเมื่อปลอดภัยแล้ว ฉันมีข้อเสนอให้คุณซากาเอะค่ะ"


         "หืม ฉันเหรอ ?"


         "ค่ะ คือว่า.."


         ข้อเสนอของฮานาบุสะคือการให้ครอบครัวของฮารุกิ ย้ายไปอยู่ภายใต้การดูแลของเธอ
         ซึ่งจะได้รับการดูแล และความปลอดภัยจากเครือตระกูลของเธอที่เธอเป็นเจ้าของ รวมถึงแม่เองก็จะได้รับการรักษาด้วย


         แลกกับการที่ฮารุกิจะได้ไปเป็นกำลังเสริมของโทคาคุในการออกตามหา ปีศาจ ที่เหลืออยู่



         สำหรับฮารุกิก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว เพราะหากปล่อยให้ครอบครัวอยู่ที่นี่กัน ก็จะเป็นอันตรายจากทั้งเรื่องการอยู่ดูแล และการอาจถูกลอบทำร้ายแบบครั้งนี้อีก


         รวมถึงฮานาบุสะ สุมิเรโกะ ก็เป็นลูกสาวของตระกูลฮานาบุสะ หนึ่งในห้าตระกูลสายพันธุ์มนุษย์ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกที่ถูกรังสรรค์ใบนี้ ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
         เพราะฉะนั้นเรื่องอำนาจเงินของเธอมีมากมายล้นฟ้า แล้วต้องสามารถดูแลครอบครัวได้อย่างแน่นอน


         
    แต่จะเชื่อใจได้แค่ไหนก็เท่านั้น..




         

         สุดท้ายฮารุกิก็ยอมตกลง เพราะครอบครัวจะเป็นอันตรายเกินไปหากปล่อยให้อยู่ที่นี่ แถมไม่มีเธออยู่แล้ว ก็ไม่มีใครดูแล
         หรือต่อให้เธออยู่ งานที่นี่ก็ได้ค่าจ้างน้อยเกินไปที่จะเลี้ยงดูพวกเขา
         ทางนี้จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


         เมื่อตกลงได้ตามนั้น สุมิเรโกะก็ให้ครอบครัวของฮารุกิขึ้นเครื่องบินส่วนตัวที่เตรียมมา เพื่อที่จะออกเดินทางในทันที
         โดยที่ก่อนที่จะจากกัน ฮารุกิ ก็อำลาครอบครัวของเธอเป็นครั้งสุดท้าย


         "พี่ฮารุกิไม่ไปด้วยเหรอครับ ?" ชูน้องชายคนเล็กถาม


         "อืม พี่มีงานที่ต้องไปทำน่ะ คงไม่กลับมาสักพัก ระหว่างนั้นก็ไปกับพี่สาวคนนั้นก่อนนะ อย่าทำตัวดื้อกับพี่เขาด้วยล่ะ"


         "ครับ"


         "ฟุยุกะ อากิโกะ นัตสึ" ฮารุกิมาบอกกับน้องสามคนโตสุดของบ้าน
         "ฝากดูแลน้อง ๆ และคุณแม่ด้วยนะ"


         "ค่ะ/ครับ"


         หลังจากที่อำลาพวกน้อง ๆ เสร็จ ทุกคนก็ขึ้นเครื่องไป แล้วพวกเขาก็ไปโบกมือล่ำลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ประตูท้ายเครื่องจะปิดไป แล้วเครื่องบินก็หายไปกับภาพท้องฟ้า..



         "ฉันว่าอย่าไปไว้ใจฮานาบุสะนักจะดีกว่านะ" โทคาคุบอก


         "น่าจะบอกก่อนที่ฉันจะตัดสินใจนะ" ฮารุกิหันมาหา แต่จากสีหน้าก็บอกว่าเธอเองก็คิดแบบเดียวกัน แต่ก็บอกเหตุผลว่า
         "ตอนนี้ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะ ถ้าหากฮานาบุสะทรยศขึ้นมาแล้วเอาครอบครัวฉันเป็นตัวประกัน ฉันก็มีแต่ต้องยอมยายนั่นเท่านั้นล่ะ อย่างน้อย ๆ ถ้าเป็นตัวประกันก็ยังแค่ทำตามที่ยายนั่นสั่งใช่ไหมล่ะ.."


         "แต่ว่า.." สายตาของฮารุกิเฉียบคมขึ้นมาแทบในทันที
         "..หากยายนั่นทำอะไรให้ครอบครัวของฉันล่ะก็ หลังจากที่ช่วยครอบครัวได้ ฉันก็จะฆ่ายายนั่นด้วยมือของฉันเองนี่ล่ะ"


         "..."


         "แล้วคนต่อไปที่เราจะไปหานี่ใครกันเรอะ ?"


         โทคาคุเปิดโทรศัพท์ขึ้น มันเป็นไฟล์ข้อมูลของปีศาจที่รู้สถานที่อยู่แล้ว


         พอฮารุกิเห็นหน้าคนที่อยู่ในภาพแล้วก็พูดขึ้นว่า "เอ๊ะ ฉันไม่เคยเห็นหน้าคนนี้มาก่อนเลยนะ" เพราะเธอน่าจะพอเคยเจอปีศาจหลาย ๆ คนมาก่อนตอนอยู่ที่ DEUS


         "แน่ล่ะ เพราะนี่เป็นปีศาจที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ DEUS ไงล่ะ" โทคาคุบอก พร้อมอธิบายต่อ "ที่พวกเราจะไปหาคือปีศาจที่ไม่ได้ลงทะเบียนกับ DEUS พวกนั้นปลอดภัยเพราะไม่มีใครรู้ตัวจริง ถึงแม้ว่ายายฮานาบุสะจะสืบมาแล้วก็เถอะ"


         "ร้ายจริง ๆ นะ ยายนั่นเนี่ย.." ฮารุกิชักวิตกแล้วว่าที่ตัวเองเลือกไปนั้นดีรึเปล่า


         "เอาเถอะ ปีศาจที่ไม่ได้ลงทะเบียนยังปลอดภัยอยู่ จึงน่าจะตามตัวได้ไม่ยาก ก็เลยคิดที่จะหาก่อนนี่ล่ะ"


         "แต่ถ้าคิดจะไปหาปีศาจที่ไม่ได้ลงทะเบียน แล้วทำไมถึงมาช่วยฉันก่อนล่ะ ?" ฮารุกิสงสัย เพราะเธอก็ลงทะเบียนแน่นอน แต่โทคาคุกลับมาหาเธอก่อนหน้าคนอื่น


         "ถือว่าใช้หนี้เมื่อตอนนั้น แล้วก็ฉันอยากได้เพื่อนที่ไว้ใจน่ะ.." โทคาคุพูดออกมาเบา ๆ แล้วก็เดินไป


         "เธอเองก็อายเป็นเหมือนกันนี่" ฮารุกิหยอกเล่นเข้าไป


         "เปล่าซะหน่อย"


         "ฮะ ๆ ๆ แล้วจะไปกันด้วยวิธีไหนล่ะ เขตนั้นมันก็ไกลใช่เล่นเลยนะ คงจะไม่ได้เดินไปหรอกนะ"


         "เรือจอดอยู่ตรงนั้นไง" โทคาคุพยักหน้าไปทางเรือลำหนึ่ง
         ที่แตกต่างไปจากเรือที่จอดอยู่ตามท่าเรือแถวนี้อย่างเห็นได้ชัด


         ด้วยรูปแบบการสร้างที่ดูล้ำสมัยกว่า ผิดกับเรือโกโรโกโสแถวนี้ลิบลับ


         ทั้งสองลงไปบนเรือ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
         "ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณโทคาคุ แล้วก็สวัสดีค่ะ คุณฮารุกิ"


         "เหว่อ อะไรน่ะ ?"


         "มิกุไง" โทคาคุพูดสั้น ๆ แล้วก็เดินไป


         "มิกุ ?"


         "ค่ะ AIO:VCL มิกุ ปีศาจลำดับที่ 17 เองค่ะ"
        บนจอโทรทัศน์ที่ติดอยู่บนเรือเปิดภาพร่างเสมือนของหญิงสาวผมทรงทวินเทลสีฟ้าอมเขียวขึ้นมา "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งนะคะคุณฮารุกิ"


         "อะ..อ่อ อา ทางนี้ก็เช่นกัน" 


         ฮารุกินึกออกแล้วว่า ตอนอยู่ที่ DEUS ก็เคยเจอกับเธอคนนี้อยู่ เธอเป็นปีศาจที่พัฒนาขึ้นมาจาก AIO (
    Artificial Intelligence Organism) ปัญญาประดิษฐ์มีชีวิต ที่มีตัวตนอยู่ในโลกไซเบอร์ แล้วคอยทำหน้าที่ควบคุมสิ่งต่าง ๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์
         ทำให้ฮารุกิรู้ซึ้งเลยว่าปีศาจนั้นมีมากมายหลายแบบจริง ๆ



         "กลับมาแล้วรึอาซึมะ เล่นเอาให้รอเสียเหนื่อยเลยนะ" มีผู้หญิงอีกคนออกมาห้องชั้นล่างของเรือ แล้วมาคุยกับโทคาคุระหว่างที่กำลังไปเอาน้ำมาดื่ม


         "แค่นี้เอง ทนหน่อยเถอะน่า"


         "ฉันถูกขังมานานแล้วนะ รอจนเบื่อแล้ว"


         "ก็รออีกแค่นิดหน่อยเองจะเป็นไรไป ?"


         "อาซึมะ นั่นใครน่ะ ?" ฮารุกิถาม เพราะเธอเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงที่คุยกับโทคาคุอย่างสนิทสนมคนนั้นเป็นครั้งแรก


         "อ๋อ นี่ืคือ.."


         แต่ไม่ต้องให้โทคาคุแนะนำตัวให้ เธอคนนั้นก็เข้าไปทักทายฮารุกิด้วยตัวเอง
         "โอ้ เธอคือปีศาจลำดับที่ 3 ซากาเอะ ฮารุกิสินะ ยินดีที่ได้พบ"


         เธอคนนั้นแสดงความเป็นมิตรด้วยการยื่นมือมาจับทำความรู้จักกัน


         "ฉันคือ ปีศาจลำดับที่ 0 คามิอิสึมิ เลออน ยินดีที่ได้รู้จัก"


         "ฮะ ?" ฮารุกินิ่งไปสักพักหลังจากได้ยินแบบนั้น แล้วมองผ่านไหล่ของเธอไปทางโทคาคุ


         "ฟังไม่ผิดหรอก" โทคาคุวางแก้วลง
         "เธอคนนั้นคือปีศาจลำดับที่ศูนย์ ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ปีศาจ.."


         ฮารุกิได้รับการย้ำอีกครั้งจากโทคาคุ เธอจึงลดสีหน้าลงมามองหญิงสาวผู้มีดวงตา
    สีที่ต่างกันตรงหน้า ข้างหนึ่งเป็นสีน้ำเงินของไพลิน อีกข้างเป็นสีม่วงของอเมทิสต์
         ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด..กำลังอยู่เบื้องหน้าเธอ..ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนข้างหน้านี้จะมีภาพลักษณ์ที่ดูไม่น่าใช่เลยก็ตาม


         "เอาล่ะ ออกเดินทางกันได้แล้ว"
         โทคาคุไม่คิดจะตอบความสงสัยของฮารุกิ แล้วทำการสตาร์ทเครื่องยนต์และออกเรือในทันที


         และแล้วจุดเริ่มของตำนานบทใหม่ เรื่องราวของเหล่าปีศาจก็ได้เริ่มต้นขึ้น..






















              ........... TO BE CONTINUE ..........         









      
































    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×