ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF GOT7] ALL YUGYEOM

    ลำดับตอนที่ #2 : SF MARKYUG - YOUR NAME CHAPTER2 END

    • อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 60


    CR.SQW

    YOUR NAME



     

    “แม่ครับ มาร์คไปนอนก่อนนะครับ”

    “รีบนอนแต่หัวค่ำเชียว”

    “เอ่อ...ก็ผมง่วง ไปนะครับ”

    หลังจากกลับบ้านมาเขาก็ถูกต้อนรับด้วยการเลี้ยงฉลองมื้อเย็นชุดพิเศษที่แม่เขาตั้งใจทำไว้รอ ทุกคนในครอบครัวมีความสุขมาก แม้แต่พ่อที่ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่กลับยิ้มให้เขาตลอดมื้อเย็น ดีใจที่ไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง...

     

    อยากรู้ว่าถ้าฉันบอกนายในฝันแล้วนายจะทำหน้ายังไง ไอ้หมูอ้วน...

     

    มาร์ครีบซอยเท้าวิ่งขึ้นบันไดไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วล้มหัวลงหมอนทันที ไม่สนว่าตอนนี้จะกี่โมงกี่ยาม พลิกไปพลิกมาไม่นานร่างโปร่งก็จมเข้าสู่ความฝันที่แสนคุ้นเคยอีกครั้ง

     

     

    “ยูคยอม!! นายอยู่ไหน”

    เขาตะโกนหาคนบางคนที่ปกติจะมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่คืนนี้ไม่มี....

     

    “เสียงดังอะไรเนี่ย ฉันอยู่นี่”

    ร่างโปร่งหันกลับมาก็เจอกับเด็กน้อยคนเดิมที่ตอนนี้ตัวไม่น้อยเหมือนวันแรกแล้ว ยูคยอมโตขึ้นมาก เราโตขึ้นพร้อมๆกัน แต่ดูเหมือนยูคยอมจะสูงกว่าเขาไปสักเล็กน้อยล่ะมั้ง

     

    ใบหน้ากลมตุ้ยนุ้ยหายไป ทำให้จมูกโด่งรั้นกับริมฝีปากชมพูเด่นขึ้น

    ดวงตากลมโตขึ้นจากเดิมที่มีเท่าไม้ขีดไฟ

     

    บอกไม่ถูก...ยูคยอมก็แค่น่ามองขึ้น รู้สึกว่าน่ารักขึ้น

     

    ต่างจากมาร์คที่ยิ่งโต ใบหน้าก็ยิ่งคมเข้ม ผิวเริ่มสีน้ำผึ้งเล็กน้อยตามฉบับผู้ชายเล่นกีฬา

     

    “หาไม่เจอรึไง ฉันตัวเล็กเหรอ” ยูคยอมพูดพลางหัวเราะน้อยๆ

    “จำได้ว่าเมื่อก่อนฉันยังก้มมองนายอยู่เลย โตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “ก็นายโตช้าเองมาร์ค”

    ยูคยอมพูดพลางยกมือขึ้นวัดความสูงทั้งๆที่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ เป็นความจริงที่เมื่อก่อนมาร์คสูงกว่ายูคยอมมาก แต่พอถึงช่วงย่างเข้าวัยรุ่น 14 – 15 ปี ยูคยอมสูงขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะแซงเขาไปไกลแล้ว

    ให้ใบหน้าหล่อๆมาทำไมไม่ให้ส่วนสูงที่พอดีกับหน้าตามาด้วยล่ะครับคุณพ่อคุณแม่

     

    “ฉันมีอะไรจะบอกนาย”

    “มีอะไรเหรอมาร์ค” ยูคยอมหันไปมองอีกคนที่เอาแต่ยิ้มให้เขาอยู่นั่น

    “วันนี้ประกาศผลสอบมหาลัย ฉันติดคณะที่ฉันอยากเรียนด้วย”

     

    ยูคยอมเอาแต่ยิ้มแล้วเด็ดดอกไม้สีขาวกลิ่นหอมอ่อนๆยื่นให้ มาร์คที่ยังงงอยู่ว่าอีกฝ่ายยื่นดอกไม้ให้ทำไมก็เลยเก้ๆกังๆไม่ยอมรับดอกไม้ไปสักทีจนมือเรียวจับมือหนาแบออกแล้ววางดอกไม้ลงไป

     

    “ดอกไม้แสดงความยินดีไง รับไปสิ”

    “เอ่อ...อยู่ๆก็เอาให้ แบบว่ามันก็....”

    “ไม่ชอบดอกไม้เหรอ“”

    “เปล่า...ก็ชอบ ชอบทุกอย่างที่นายให้”

    “งั้นเหรอ...แต่พอนายตื่น นายก็จำฉันไม่ได้อยู่ดีมาร์ค”

    ดวงตาสวยมองใบหน้าคมด้วยแววตาเศร้าจนมาร์ครู้สึกถึงความรู้สึกยูคยอมได้ นั่นเป็นเรื่องที่มาร์คควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะหลับตาฝันแล้วนึกถึงชื่อคนๆนี้สักกี่ครั้ง แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา...ชื่อๆนี้ก็หายไปจากความทรงจำทุกที

     

    “มันต้องมีสักทางสิ ฉันจะต้องจำชื่อนายให้ได้ยูคยอม”

    “ฉันดีใจนะที่นายพยายามขนาดนี้ มันทำให้ฉัน...ใจเต้นแรงแปลกๆ” ยูคยอมก้มมองพื้นก่อนจะเขี่ยเท้าเล่นไปมาราวกับกำลังพยายามหลบสายตาที่มองเขาอยู่

    “แปลกๆ...ยังไง“” มาร์คที่มองการกระทำของยูคยอมอยู่ถึงกับหลุดยิ้มออกมา ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันในความฝันแบบนี้....ยูคยอมเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เพราะยูคยอมน่ารัก เพราะยูคยอมเป็นคนเดียวที่เขาใจเขาทุกอย่างรวมไปทั้งฟังเรื่องราวแย่ๆที่เขาเจอมาในชีวิตประจำวันแต่ก็ไม่เคยบ่นสักครั้งว่าเบื่อหรือน่ารำคาญ รวมไปถึงคำพูดที่ให้กำลังใจ นั่นทำให้มาร์ครู้สึก...รักยูคยอมคนนี้

     

     บางทีก็เผลอคิดไกลเกินกว่าเพื่อน...แต่เพราะไม่รู้ว่ายูคยอมรู้สึกยังไงเลยไม่ได้ถามออกไป

     

    แต่วันนี้ยูคยอมกลับทำให้มาร์คคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่ผ่านมายูคยอมก็ชอบเขาเหมือนกัน

     

    ถ้าเราจะรู้สึกเหมือนกัน...

     

    “พักนี้ฉันมองหน้านายไม่ค่อยได้เลยมาร์ค มันรู้สึกหายใจติดขัด...เหมือนกับว่ากำลังวิ่งอยู่ หัวใจของฉันมันเต้นแรงมากจริงๆ”

    “ลองมาจับหัวใจฉันดูมั๊ยยูคยอม...บางทีอาจจะเป็นเหมือนนาย”

    “อ้ะ มาร์ค...”

     

    ยูคยอมเบิกตากว้าง อยู่ๆมาร์คก็คว้ามือเขาหมับไปวางไว้ตรงตำแหน่งหัวใจ ใบหน้าน่ารักแดงก่ำเมื่อรับรู้ได้ว่าจังหวะการเต้นของหัวใจมาร์คก็เต้นแรงไม่แพ้กับตัวเองเลย

     

    “รู้มั๊ยว่าฉันภาวนาให้นายมีตัวตนจริงๆในโลกของฉันทุกวัน ยิ่งเราเจอกันบ่อยๆทุกครั้งฉันก็ยิ่งสนิทกับนาย แล้วพอฉันสนิทกับนายมากๆเข้า ฉันก็เริ่มชอบนาย”

     

    “ชอบ...ฉันงั้นเหรอ”

    “อืม...ฉันคิดว่าฉันรู้สึกแบบนั้น แล้วนายล่ะยูคยอม”

    “ฉันก็รอที่จะเจอนายบ่อยๆเหมือนกัน คิดว่าคงจะไม่ต่างจากนายหรอกมาร์ค”

    “ถ้าอย่างนั้นเราก็มาคบกันสิ”

    “ก็...อืม”

    เสียงตอบรับของยูคยอมแผ่วเบาราวกับสายลมแต่มาร์คก็ได้ยินมันชัดเจน ไม่มีอะไรที่ยูคยอมเขินไปกว่าการสารภาพความรู้สึกสายฟ้าแลบอีกแล้วล่ะ

     

    ตั้งแต่ที่เราสองคนเจอกันครั้งแรก...ยาวนานมาจนถึงตอนนี้มีอะไรที่เราสองคนผ่านมาด้วยกันมากมาย ความฝันเดิมๆ สถานที่เดิมๆกับคนเดิมๆที่มาร์คไม่เคยรู้สึกเบื่อ

    ความฝันที่กินเวลานานหลายปี...ทำให้มาร์คและยูคยอมรู้สึกดีต่อกันโดยไม่รู้ตัว

    มาร์ครู้สึกผูกพันกับยูคยอมมากถึงแม้ว่าจริงๆแล้วยูคยอมอาจจะเป็นแค่จินตนาการที่เขาสร้างขึ้น เป็นวิญญาณ เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรก็แล้วแต่ แต่มาร์ครู้สึกกับยูคยอมแบบที่ผู้ชายคนนึงจะชอบคนๆนึงด้วยความจริงใจ มาร์คชอบยูคยอมมาก

     

    มากจนอยากให้ยูคยอมเดินออกมาจากความฝันแล้วมากุมมือเขาในโลกความเป็นจริง

     

     

    “นี่ เป็นแฟนกันแล้วก็ขอกอดหน่อยสิ...”

    “อืม...”

    ไม่ว่ามาร์คจะพูดอะไรยูคยอมก็ดูจะให้ความร่วมมือ ร่างของยูคยอมปลิวเข้าสู่อ้อมแขนของมาร์คตามด้วยวงแขนที่มีกล้ามอ่อนๆรัดเอวบางแน่นไม่ปล่อยให้หนีไปไหน ถึงแม้ยูคยอมจะสูงกว่ามาร์คก็เถอะ แต่เรื่องแค่นี้มาร์คไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวตอนตื่นนอนจะพยายามกินนมและเล่นบาสเยอะๆ คิดว่าคงสูงตามได้แน่

    มหาลัยก็ติด แฟนก็ได้ คิดว่ามาร์คมีความสุขแค่ไหนล่ะตอนนี้

     

    “กอดแล้วไงต่อ....”

    “อืม...เป็นแฟนกันก็ต้องมีจูบสิ”

    “จูบเหรอ ด...เดี๋ยวมาร์ค...”

    ไม่ทิ้งช่วงให้ยูคยอมประมวลผลนานริมฝีปากหนาก็พุ่งเข้าไปประกบริมฝีปากนุ่มทันที มาร์คไล่ต้อนจูบจนยูคยอมยอมอ่อนข้อให้แล้วเผยอริมฝีปากให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้าไปชิมความหวาน มือหนาล็อคท้ายทอยอีกฝ่ายให้โน้มลงมาประกบแนบชิดมากขึ้นแล้วเป็นฝ่ายไล่ต้อนลิ้นร้อนที่ไม่ประสีประสา เสียงอื้ออึงในลำคอของยูคยอมสั่นเครือน้อยๆเมื่อรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเอง ยอมตามเกมที่อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มโดยไม่มีข้อแม้

     

    “มาร์ค..พอ...อื้อ...”

    มือเรียวหยิกเอวคนเอาแต่จูบจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว ทั้งสองคนผละออกจากกันก่อนจะยืนนิ่งหลบสายตาด้วยความเขิน

    จูบเก่งเป็นบ้าเลยมาร์คเนี่ย...

     

    ตอนนี้หัวใจของมาร์คแทบจะเต้นแรงขึ้นกว่าตอนสารภาพรักอีกสองเท่า

     

    ในขณะที่มาร์คกำลังมีความสุข...แต่ความรู้สึกของยูคยอมกำลังดิ่งลงเรื่อยๆ

     

    มันก็ดีใจ...แต่ก็รู้สึกกังวลแปลกๆ

     

    รู้สึกเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วงั้นแหละ

     

    “มาร์ค...คราวนี้เราลองมาเขียนชื่อใส่ฝ่ามือดีมั้ย เผื่อตื่นขึ้นมาจะจำได้ไง” ยูคยอมพูดเสนอขึ้นก่อนจะหยิบปากกาเมจิกออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    ไปเอามาจากไหน....

     

    ช่างเถอะ นี่มันความฝัน จะเอาอะไรออกมาตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ

     

    “นั่นสิ ฉันไม่เคยลองเลย อาจจะจำได้ก็ได้”

    “งั้นฉันเขียนให้นายก่อนนะ แบมือมาสิ” ยูคยอมพูดจบมาร์คก็แบมือยื่นมาตรงหน้าคนน่ารัก ยูคยอมค่อยๆบรรจงเขียนชื่อตัวเองลงบนฝ่ามือหนาจนเสร็จ เป่าสองสามทีให้หมึกแห้งแล้วยื่นปากกาเมจิกให้อีกฝ่าย

     

    “อย่าลืมชื่อของฉันนะมาร์ค...”

    “ไม่ลืมหรอกน่า อย่าพูดอะไรเศร้าๆแบบนี้สิยูคยอม เอาล่ะแบบมือมา หาว....”

    อยู่ๆมาร์คก็รู้สึกง่วงขึ้นมา สะบัดหัวสองสามทีก็ยังไม่หายง่วงสักที ยูคยอมมองอีกคนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่มาร์คเอาไว้ แต่อีกคนก็ส่ายหน้ายิ้มๆบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร

     

    “แค่ง่วงน่ะ...สงสัยใกล้ตื่นแบบทุกทีนั่นแหละ”

    “แต่ว่า....”

    “แบมือมาสิยูคยอม”

     

    มาร์คจับมือยูคยอมเอาไว้แล้วจิ้มปากกาเมจิกลงไปที่ฝ่ามือ โลกของมาร์ครู้สึกโคลงเคลงขึ้นเรื่อยๆแทบยืนไม่ไหว หนังตาหนักขึ้นเรื่อยๆ คำว่ามาร์คยังเขียนที่ฝ่ามือยูคยอมไม่เสร็จ ภาพในหัวของมาร์คก็ตัดไปดื้อๆ

     

    ไม่ได้นะ...จะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ

     

    ขอแค่เขียนชื่อของเขาให้เสร็จก่อน..

     

    “มาร์ค!!!

     

    เสียงหวานๆของยูคยอมที่เรียกชื่อเขาดังอยู่ไกลๆก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นสีดำมืด

     

     

     

     

    3 ปีผ่านไป....

     

     

    “แล้วมึงก็ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกเลยเนี่ยนะ”

    “เออ....”

    “เห้ยเหลือเชื่อว่ะ”

    เจบีที่เข้ามาร่วมฟังบทสนทนาอดไม่ได้ที่จะพูดว่าเหลือเชื่อ เป็นรูมเมทกันมาสามปีตั้งแต่เข้ามหาลัยมา ไม่เคยเลยที่มาร์คจะพูดเรื่องนี้ แจ็คสันรูมเมทอีกคนก็นั่งฟังอย่างอึ้งๆแล้วหยิบขนมเข้าปากไปด้วย เหมือนกับมันกำลังนั่งฟังนิยายแฟนตาซีอยู่อย่างนั้นแหละ

     

    แจ็คสันนั่งฟังอยู่ที่โซฟาพลางแกะขนมกินเรื่อยๆ

    เจบีนั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้วหันมามองมาร์ค

    ส่วนมาร์คก็นั่งอยู่บนเตียงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝัน

     

    “แล้วตอนตื่นมามึงทำไงต่อ” แจ็คสันถามอย่างสนใจ

    “กูก็รีบไปวาดรูปในความฝันกูเหมือนทุกวันแล้วเก็บไว้ในห้องนอนกูที่บ้าน”

    “สรุปมึงจำชื่อเขาได้มั้ยวะ” เจบียิงคำถามต่อเนื่องให้มาร์คที่เป็นเจ้าของเรื่องขมวดคิ้วเครียดอยู่กลางเตียง

    “ตอนนั้นกูจำได้ กูดีใจมากแล้วก็รีบวาดมือของกูที่มีชื่อของเขาเขียนติดไว้ เขียนไปพูดชื่อเขาไป แต่พอกูไปโรงเรียนกลับมา ภาพที่กูวาดเช้านั้นหายไปหมดเลย...ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน อีกวัน...กูก็จำชื่อเขาไม่ได้เหมือนเดิม”

    “เรื่องคร่าวๆคือมึงชอบคนในความฝัน แล้วพอจูบกันเสร็จมึงก็ตื่น หลังจากนั้นมึงก็ไม่ฝันถึงเขาอีกเลยแถมจำชื่อเขาไม่ได้อีก” เจบีสรุปเรื่องย่อๆให้

     

    “เออ...ก็อย่างนั้นแหละ” มาร์คพูดเสียงเศร้าๆแล้วล้มตัวนอนลืมตามองเพดาน

    “อยู่ๆมาเล่าให้พวกกูฟังทำไม“” แจ็คสันแกะขนมอีกซองก่อนจะหันมาถามมาร์คที่นอนนิ่งไปแล้ว

    “เมื่อคืนกูฝันถึงที่ๆกูเจอเขา...แต่ไม่มีเขาอยู่ แป้บๆกูก็ตื่น แล้วกูก็คิดมาก...เลยมาระบายให้พวกมึงฟัง มึงว่ากูบ้าป่ะ” มาร์คที่นอนอยู่บนเตียงพูดก่อนจะหันไปมองเพื่อนสองคน

    “มึงไม่ได้บ้าหรอก หนึ่งคือมึงจินตนาการไปเอง พอโตขึ้นมึงก็เลิกจินตนาการ เขาเลยหายไปไง สองคือ...มึงต้องทำอะไรสักอย่างผิดพลาดจนมึงไม่สามารถฝันถึงเขาต่อได้”

    “ทำห่าอะไร กูจะไปรู้เหรอ...เห้อ” มาร์คถอนหายใจยาวเมื่อฟังเจบีพูด

     

    “อย่าคิดมากดิ ถ้าเขามีตัวตนจริงๆ สักวันอาจจะได้เจอเขาก็ได้ แบบใช้กระแสจิตคุยกันผ่านที่ไกลๆมาตั้งแต่เด็กงี้ กูเคยดูในหนัง มันมีนะเว้ยไอ้มาร์ค” แจ็คสันพูดเสริมปลอบ พยายามให้เพื่อนหายจากอาการดิ่งบ้าบอนี่สักที

    “อืม...อยากให้เป็นงั้นเหมือนกันว่ะแจ็คสัน”

     

    “กูจะออกไปเซเว่นหน่อย พวกมึงเอาอะไรมั้ย“” มาร์คพูดพลางสวมเสื้อยืดเดินไปหยิบกุญแจรถมอไซค์ที่ตัวเองใช้ขี่ไปมาใกล้ๆแล้วหันมาถามเพื่อนอีกสองคน

    “เอาขนม” แจ็คสันสั่งขนมหลายอย่างจนมาร์คต้องเมมเอาไว้ในโน้ตมือถือ

    “กูเอาแซนวิชกับเอ็มร้อยขวดนึง” เจบีพูดพลางยื่นเงินให้มาร์ค

    “เดี๋ยวกูมาละกัน”

    มาร์คพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินลงหอไป สตาร์ทมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ไปจอดที่เซเว่นใกล้หอ เดินเรื่อยเปื่อยไปหยิบขนมตามรายการที่แจ็คสันและเจบีสั่ง ส่วนตัวเองก็หยิบข้าวกล่องเซเว่นมาหนึ่งอันแล้วเดินไปจ่ายตังค์

    “เวฟเลยมั้ยคะ“”

    “ครับ”

    มาร์คยืนรอพนักงานเวฟข้าวกล่อง หางตาดันเห็นใครบางคนเดินผ่านเขาไป มาร์คเบิกตากว้างหันตามอย่างตกใจ

     

    ไม่ให้ตกใจได้ไง...เมื่อกี๊เหมือนเขาเห็น...

    เห็นยูคยอม

     

    ได้แต่ถามตัวเองในความคิดซ้ำไปซ้ำมาว่าใช่เขาจริงๆเหรอ...

     

    แต่มาร์คมั่นใจว่าเมื่อกี๊ตาไม่ได้ฝาด

     

    ยูคยอมคนนั้นแหละ คนในฝันของเขา...

     

    เดี๋ยวนี้เห็นอะไรก็มองเป็นยูคยอมไปหมด เพ้อหนักจริงๆเรา

     

    คนๆนั้นยืนอยู่หลังเสา แถมหันหลังทำให้มาร์คมองไม่เห็นใบหน้า หัวใจมาร์คเต้นแรงแถมตื่นเต้นจนมือเย็นเฉียบ เตรียมก้าวขาไปหาคนๆนั้น

    ความบังเอิญมีจริงงั้นเหรอ...“

     

    ถ้าใช่ยูคยอมจริงๆจะทำยังไงต่อ...

     

    “ข้าวกล่องได้แล้วค่ะ”

    เสียงพนักงานเรียกมาร์คทำให้ร่างโปร่งชะงักก่อนจะหันมารับข้าวกล่องที่เวฟจนได้กลิ่นหอมๆ หันไปมองคนๆนั้นกลับไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว กวาดสายตาหาทั่วเซเว่นก็ไม่เจอ แถมแจ็คสันไลน์เร่งให้เขากลับหอรัวๆเลยตัดใจรีบกลับหอทั้งๆที่ยังคาใจ

     

    ไม่ใช่หรอกน่า...

     

    จะเป็นยูคยอมได้ยังไง ก็ยูคยอมน่ะ มีจริงอยู่ในความฝันของเขานี่

     

    ถ้านายจะหายไปก็อย่ามีเหตุการณ์อะไรทำให้ใจเต้นแบบนี้สิ

     

    “อ่ะ กูซื้อมาให้แล้ว” มาร์คโยนขนมให้แจ็คสันที่นอนอยู่บนเตียงแล้วยื่นของที่เจบีสั่งให้ที่โต๊ะอ่านหนังสือ ก่อนจะเดินไปล้มตัวลงนอนเตียงของตัวเองบ้าง

    “เห้ยอย่ามัวแต่นอนอืดดิ มีเรียนตอนบ่ายโมงครึ่งนะเว้ยไอ้มาร์ค มึงก็ด้วยแจ็คสัน หยุดกินได้แล้ว”

    เจบีพูดขึ้นก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดนักศึกษา มาร์คยันตัวเองลุกขึ้นแล้วไปเปลี่ยนชุดเตรียมตัวไปเรียน ส่วนแจ็คสันกำลังวิ่งไปอาบน้ำ รีบกินข้าวแล้วพากันออกจากห้องไป ทั้งสามคนเรียนคณะเดียวกัน แถมปีแก่ๆเซคเรียนก็เริ่มน้อยลงทำให้เรียนห้องเดียวกันแทบทุกคาบ เวลาไปไหนทีก็ต้องไปด้วยกันสามคนเป็นส่วนใหญ่

     

    เดินลงหอทีนึกว่าบอยแบนด์ สามหนุ่มสามมุมประมาณนั้น

     

    “วันนี้เอารถกูไปละกัน” เจบีพูดพลางกดรีโมตปลดล็อครถยนต์ที่จอดไว้ใต้หอ

    “ดีเลย รถกูน้ำมันใกล้จะหมดพอดี” แจ็คสันเปิดประตูข้างหลังแล้วกระโดดเข้าไปนอนเหยียดขา มาร์คเลยต้องมานั่งข้างคนขับอย่างเจบีแทน

     

    รถยนต์เคลื่อนที่ออกไปเรื่อยๆ วันนี้มาร์คไม่มีสมาธิเอาแต่คิดถึงเรื่องความฝันอยู่ตลอด ใบหน้าคมหันไปมองกระจกฝั่งซ้ายปล่อยให้ความคิดลอยไปไกล

     

    จะมีตัวตนอยู่จริงรึเปล่า...

     

    อยากเจอ...

     

    เสี้ยววินาทีที่รถของเจบีกำลังขับผ่านผู้คนบนฟุตบาทในรั้วมหาลัย สายตาคมเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนฟุตบาท ใครคนนั้นที่ทำให้มาร์คหายใจแทบสะดุด

     

    “เห้ย!!! ไอ้เจบีหยุดรถ”

    “มีไรวะไอ้มาร์ค”

    เจบีตบพวงมาลัยรถเข้าข้างทางแทบไม่ทันเมื่อเห็นมาร์คตาลีตาเหลือกบอกให้เขาหยุดรถ แจ็คสันถึงกับลุกขึ้นมานั่งอย่างตกใจเมื่อมาร์คกุลีกุจอปลดที่คาดเข็มขัดแล้วเปิดประตูกระโจนลงรถอย่างไว

     

    ร่างโปร่งวิ่งบนฟุตบาทสวนกับผู้คนเพื่อที่จะไปหาใครคนนั้น ถ้าเขาตาไม่ฝาด...เขาเห็นคนในฝันของเขาเดินอยู่ ผู้ชายคนนั้น!

     

    ใช่จริงๆ...ส่วนสูงชะลูดนั่นทำให้มองเห็นได้ง่าย

     

    สามปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่ฝันเห็นเลยสักครั้ง แต่มาร์คก็จำใบหน้าน่ารักนั่นได้ดี

     

    น่ารักเหมือนในรูปที่เขาวาดไม่มีผิดเพี้ยน

     

    “คุณครับ”

    “อ...เอ่อ ครับ“”

    มาร์ควิ่งไปคว้าข้อมือเล็กจนอีกคนสะดุ้งตัวโยน ร่างสูงมองคนที่วิ่งมาคว้าแขนเขาอย่างตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

    “คุณ...คุณน่ะ แฮ่กๆ...”

     

    ร่างสูงคิดหาเหตุผลว่าผู้ชายคนนี้มาทักเขาไว้ทำไม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เขาลืมห้อยป้ายมาเรียนซึ่งผิดระเบียบของนักศึกษาปีหนึ่ง รุ่นพี่คงจะมาเตือนเขาล่ะมั้ง

     

    “เอ่อ...ผมขอโทษครับรุ่นพี่ วันนี้ผมตื่นสายเลยลืมห้อยป้ายชื่อมาเรียน วันหลังผมจะไม่ลืมแล้วครับ”

    “นาย...เอ่อ น้องจำพี่ไม่ได้เหรอ...”

    มาร์คถามคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกดิ่งอย่างรุนแรง ความหวังที่ว่าถ้าเจอกันแล้วเราจะรักกัน คิดว่านายจะจำฉันได้...มาร์คคงจะหวังมากไป

     

    จำไม่ได้จริงๆเหรอ...มาร์คของนายไง

     

    การที่คนๆนั้นมีตัวตนจริงๆก็เกินความหวังของมาร์คมาเยอะแล้ว

     

    คนที่เขาเจอในฝัน...กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ

     

    ใบหน้านี้แหละที่เขาหลงรักมาตลอดและไม่เคยเปลี่ยนใจ ถึงแม้ตอนนั้นจะคิดว่าเขาเป็นแค่คนในฝันก็ตาม

     

    โลกนี้คงมีอะไรที่เราคาดไม่ถึงอีกเยอะแยะ

     

    การที่เราได้มาเจอกันก็เช่นกัน...

     

    “เอ่อ...คือ เราเคยเจอกันงั้นเหรอครับ“” อีกฝ่ายพูดพลางเกาแก้มอย่างงงๆ

    “...น...น้อง วันหลังอย่าลืมห้อยป้ายชื่อนะครับ”

    เมื่อมาร์คคิดว่าอีกฝ่ายคงจำเขาไม่ได้จริงๆเลยเปลี่ยนเรื่องคุยแทน  เด็กตัวสูงพยักหน้าหงึกๆเชิงเข้าใจก่อนจะก้มหน้านิ่งเพราะกลัวเขาดุ

    “ผมมีเรียน...ผมขอตัวก่อนนะครับ”

    เมื่อมาร์คไม่ได้พูดอะไรต่อ อีกคนเลยพูดขึ้นแล้วก้มเคารพก่อนจะเดินสวนกับมาร์คไป ใบหน้าคมหันตามไปมองแผ่นหลังของอีกฝ่ายกำลังห่างออกไปเรื่อยๆ

     

    นายกำลังจะหายไปอีกแล้วเหรอ...

     

    เราจะห่างกันอีกแล้วเหรอ โลกพาเรามาเจอกันทั้งที

     

    เจอกันอีกครั้งในโลกของความเป็นจริง

     

    มือหนาเอื้อมออกไปคล้ายกับกำลังจะคว้าอีกคนเอาไว้ ริมฝีปากหนาพยายามจะเปล่งชื่ออีกคนออกมา แต่แล้วปัญหาก็คือว่า...เขานึกชื่ออีกคนไม่ออก

     

    นึกสิ...นึกให้ได้

     

    อย่าปล่อยให้เขาหายไปอีกแบบนี้ รั้งเขาเอาไว้ให้ได้

     

    มาร์คหลับตาลงนึกถึงความฝันครั้งนั้น วันที่อีกฝ่ายเขียนชื่อของตัวเองเอาไว้ในฝ่ามือของเขา

     

    นึกให้ออกไอ้มาร์ค อ่านให้ออก ตัวหนังสือที่อยู่บนมือนั่นน่ะ

     

    “โถ่เว้ย...นึกให้ออกสิ แม่งเอ้ย”

     

    ร่างหนาสบถออกมาอย่างเจ็บใจ เพราะอะไรถึงจำไม่ได้สักที ดักดานมาตั้งแต่เด็กยันตอนนี้

     

    “ยูคยอม...”

    “ฉันชื่อยูคยอม”

     

    “เมื่อไหร่จะจำชื่อของฉันได้สักที ไอ้คนซื่อบื้อ”

     

    “ต้องให้ย้ำอีกกี่ทีว่าฉันชื่อยูคยอม”

     

    ชั่ววูบของความคิด เสียงนุ่มๆของอีกฝ่ายลอยเข้ามา ชื่อที่เขาเรียกในความฝันตั้งแต่เด็กๆจนมัธยมปลาย ความทรงจำที่เขาเผลอลืมมันไปก็ย้อนมาทั้งหมด มาร์คจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายชื่ออะไร

     

     

    “ยูคยอม!!!!!!!!!

    ตะโกนจนสุดเสียงเมื่อนึกชื่ออีกคนออก ใครอีกคนที่เดินจากไปไกลแล้วหันกลับมามองก่อนจะเอียงคอขมวดคิ้วเชิงถามว่ามีอะไร แต่มาร์คไม่ได้พูดได้แต่ยิ้มกว้างๆส่งให้เท่านั้น

     

    “ฉันจำชื่อนายได้แล้วยูคยอม...”

     

    ฉันจะจำชื่อนายเอาไว้

     

     

    “แล้วเราจะได้เจอกันอีกแน่นอน น้องยูคยอมปีหนึ่ง”

     

    ถึงแม้นายจะจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

    นายอาจจะไม่เคยฝันถึงกันเลยก็ไม่เป็นไร

    ในชีวิตจริงนายอาจจะเป็นรุ่นน้องของฉันก็ไม่เป็นไร

     

    แต่ฉันจะไม่มีทางปล่อยนายไปอีกแล้วยูคยอม

     

    ถึงแม้จะต้องเริ่มจีบนายใหม่อีกกี่รอบ ฉันก็จะทำ

     

    นายต้องเป็นแฟนของฉัน และฉันจะเป็นแฟนของนายให้ได้

     

    เตรียมใจไว้เลยครับน้องปีหนึ่ง :)

    END.
    **************************************************************************************************************************

    จบไปอีกเรื่อง *ถอนหายใจแรง* 
    ตอนคิดพล็อตยังไม่ได้ดูการ์ตูน YOUR NAME แต่พอดูแล้วก็เอามาปรับนิดหน่อย
    ขอบคุณที่ติดตามนะคะ พิมพ์ผิดตรงไหน งงตรงไหนท้วงได้ค่ะ คนแต่งไม่ค่อยมีสติ ฮือออออ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×