คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พี่เด๋อน้องดุ’s 노잼 the series [ ep.1 ]
พี่เด๋อน้องดุ’s
노잼 the series
ws x sw
ep. 1
ถ้าหากให้เปรียบความทรงจำเมื่อครั้งสมัยมัธยมปลายของคุณกับผลไม้บางอย่าง
คุณเลือกที่จะเปรียบมันกับอะไร ?
สำหรับเขาแล้ว
มันก็คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าทุเรียน
ไม่ใช่เพราะมันรสเลิศ
แต่เป็นเพราะมันทั้งเหม็น และไม่อร่อยสำหรับเขาเอาเสียเลย!
“ชินวอน
เย็นนี้ไปห้องชมรมดนตรีเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
ชายหนุ่มในชุดนักเรียนถูกระเบียบ
ผมสีน้ำตาลถูกหวีจนเรียบ ดวงตาคู่สวยบดบังด้วยกรอบแว่นหนาสีดำขลับ –เจ้าเนิร์ด ฉายาที่เพื่อนทั้งรุ่นพร้อมใจกันเรียก
หันไปหาคู่สนทนาที่เพิ่งอ้อนวอนให้เขาไปช่วยงานอีกครั้งในรอบสามวันนี้
ถ้าพูดกันตามตรง
เขาไม่อยากไปไอ่ชมรมการดนตรีอะไรนี้ซักนิด
ไม่ใช่เพราะไม่ถูกกับคนในห้องหรือสมาชิกของชมรม(ถึงบางคนในชมรมจะชอบแกล้งเขาก็เถอะ)หรอก
แต่เพราะงานในส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบมันยังคืบหน้าไปไม่ถึงไหน
ขืนถ้าหากบากหน้าไปช่วยเจ้าหมอนี่ การทำงานของเขาก็ต้องถูกเลื่อนไปอีกแน่นอน แล้วเขาก็ไม่อยากโดนด่าในทุก
ๆ ครั้งที่มีกำหนดส่งต้นฉบับหรอกนะ
“ไม่..”
“จะไม่ไปหรอชินวอน?”
น้ำเสียงที่ทำให้เขาต้องกลัวจนหัวหดเอ่ยออกมาเรียบ
ๆ ‘ยางฮงซอก’ ประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนคือเจ้าของน้ำเสียงนั่น
รองลงมาจากการบ้านคณิตศาสตร์
ความคิดของฮงซอกคือสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดแล้วสำหรับเจ้าเนิร์ดอย่างเขา
ก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าเด็กที่ผลการเรียนดี มักจะคิดและประมวลผลต่างจากเด็กรองโหล่(อ่า..การเรียนไม่ใช่สิ่งที่น่าภิรมย์สำหรับเขาซักเท่าไหร่)
แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจซักครั้งว่าทำไมเขาถึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ
ในชมรมมากมายถึงขนาดนี้
ยกตัวอย่างในกรณีกำหนดส่งต้นฉบับของเดือนที่แล้ว
เจ้าซอนแจ เด็กเกเรที่ได้เข้าชมรมมาเพราะการบังคับของอาจารย์ โยนงานทั้งเดือนของหมอนั่น
ที่-ไม่-มี-อะ-ไร-ใช้-การ-ได้-เลย มาวางบนโต๊ะเล็ก
ๆ ของเขาพร้อมกับคำขู่ที่ว่าถ้าหากไม่แก้ไขมัน ชีวิตของโกชินวอนคนนี้จะไม่มีทางสงบสุขอีกตลอดเจ็ดเดือนที่เหลืออยู่ในโรงเรียน
เมื่อหันหน้าไปมองประธานชมรมที่นั่งอยู่เพียงเพราะจะขอความช่วยเหลือ
กลับได้รับเพียงใบหน้านิ่ง ๆ และคำสั่งแสนสั้น
ที่ทำให้เขาไม่ได้นอนไปอีกห้าวันก่อนถึงวันส่งงานจริง
‘ เพื่อนขอแค่นี้ ก็ทำให้เขาซะสิชินวอน ‘
มันก็เลยกลายเป็นว่าเมื่อมีใครมาไหว้วานให้เขาทำอะไร
ต้องได้รับคำสั่งเน้นย้ำอีกทีจากประธานชมรม(ที่เขาเคยคิดว่าเป็นมิตรร่วมห้องที่ดี)ให้ทำตามคำขอนั่นไปซะหมด
และถ้าเกิดดึงดันจะไม่ทำ ความฝันที่เขาคิดว่าจะได้เอาผลงานตัวเองลงพอร์ตฟอลิโอเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่หวังจะต้องพังลง
เพราะยางฮงซอกจะไม่รับรองการเข้าเป็นสมาชิกชมรมให้กับเขา
ก็เลยกลายเป็นว่านอกจากชื่อ
เจ้าเนิร์ดแล้ว ยังมีนามสกุล –หน้าโง่
ต่อท้ายอีกด้วย
“แค่ไปถือที่อัดเสียงให้เอง
ฉันไม่ได้จะให้นายทำคอลัมน์นั่นหมดซักหน่อย ขืนให้นายทำก็พังแย่สิ”
ถ้าไม่ติดว่าการเปิดชมรมต้องใช้คนในชมรมห้าคนขึ้นไป
เขาเองจะไปเปิดชมรมแล้วอยู่มันคนเดียวให้รู้แล้วรู้รอด
“ถือแค่นั้นแน่นะ?”
“แหง่ละ
ฉันเคยโกหกนายหรอ”
ก็ทุกครั้งนั่นแหละ!
อยากจะตอบกลับไปใจจะขาด
แต่เพราะสายตาที่ได้รับจากประธานชมรมทำให้เขาไม่กล้าเลยซักนิด ตอนนี้แค่เขาหายใจเข้าออกก็คงดูผิดมากมายในสายตายางฮงซอกแล้วล่ะนะ
“อ่า
.. กี่โมงละ”
my-ae(3:40
pm) :
> โทษทีนะเจ้าเนิร์ด
> พอดีแฟนฉันจะพาไปฉลองวันครบรอบ
> นายช่วยไปสัมฯพวกวงดนตรีแทนฉันละกัน
> บ่ายสามห้าสิบ ฉันนัดไว้แล้ว อย่าไปเลท เด็ดขาด!
> ส่วนสคริปต์ คิดเองไปก่อนนะ แค่นี้แหละ
หลังจากทำความสะอาดห้องของชมรมตามภาระหน้าที่ประจำวันแล้ว
เขาก็เพิ่งมีโอกาสได้จับโทรศัพท์จริง ๆ จัง ๆ ก็คราวนี้
แถมข้อความที่ได้รับยังทำให้รู้สึกปลงตกอย่างช่วยไม่ได้ อันที่จริงมันเป็นเรื่องราวแบบนี้อยู่ตลอด
ทุกคนที่ชมรมเวลาที่ไม่อยากทำอะไรก็จะเริ่มจากชวนให้เขาทำ ซักพักก็จะหาข้ออ้างว่าไม่ว่าง
สุดท้ายก็กลายเป็นโยนงานทั้งหมดให้เขาทำ ครั้นจะให้ไปร้องเรียนกับประธานชมรมก็ –ช่างมันเถอะ
ถอนหายใจกับโชคชะตา
เจ้าเนิร์ดก็เพิ่งเลื่อนสายตาไปเห็นว่าตัวเลขที่บ่งบอกเวลาน่ะ มันเลยสี่โมงเย็นไปเรียบร้อย
ซวย!!
ความคิดแรกที่แวบมาในหัวทำให้เขาต้องรีบคว้าของทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าแล้ววิ่งออกจากชมรมอย่างไม่คิดชีวิต
เพราะชมรมดนตรีเป็นชมรมที่ต้องการเสียงและสวนทางกับความเงียบที่ชมรมเราต้องการ ทำให้ระยะห่างของเราคือการตั้งอยู่คนละตึกแต่ถูกสร้างให้หันหน้าเข้าหากัน
ที่จะทำให้เหนื่อยที่สุดก็คือการวิ่งลงจากชั้นสี่ของตึกเอ
เพื่อขึ้นไปยังชั้นสี่ของตึกบีที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน
วิ่งจนหอบแฮกก็มาถึงหน้าห้องชมรมในเวลาสี่โมงสิบห้าเป๊ะ
ไม่ขาดไม่เกิน เสียงกระหึ่มหนักของการตีอุปกรณ์ดังขึ้นจากภายในห้องทำให้เขารู้สึกขึ้นหน่อยว่าอย่างน้อยคนในชมรมนี่ก็ไม่หนีไปแล้ว
อันที่จริง ชมรมวงดนตรีเป็นชมรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรงเรียนแล้วล่ะ
เพราะนอกจากจะเข้าได้ยากที่สุดแล้ว
ยังเป็นชมรมเดียวที่ได้รับการผ่อนผันให้มีสมาชิกเพียงสี่คนได้ ก็คงพอจะรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมว่าแฟนคลับก็ไม่ใช่น้อย
ๆ เหมือนกัน
เคาะประตูไปตามมารยาทแต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบรับอะไรกลับมา
เขาลองเคาะด้วยท่าทีแบบเดิมแต่เพิ่มน้ำหนักให้เสียงดังขึ้น
ผลที่ได้รับก็ยังคงเป็นการตีกลองอย่างเอาเป็นเอาตาย
และเสียงดีดเบสที่ทำให้รู้สึกปวดหูอยู่ไม่น้อย
“ผมชินวอนจากชมรมหนังสือพิมพ์นะครับ
ขออนุญาตเข้าไปได้ไหม?”
ลองเปลี่ยนจากการเคาะประตูเป็นเอ่ยทักทายคนข้างในแทน
แต่ผลที่ได้กลับมาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
และดูเหมือนว่าจะมีการเพิ่มเสียงและทำนองการตีกลองให้รัวเร็วกว่าเดิมอีกเสียด้วย
เมื่อเคาะประตูแล้วไม่ได้ผล
ลองส่งเสียงเรียกอีกก็ยังเป็นเหมือนเดิม
เขาเลยตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูที่พบว่าไม่ได้ล็อคเอาไว้ซะเลย
แกร๊ก..
ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเสียหมดเมื่อเขาพบว่าหลังจากการปิดประตูกลับไปที่เดิม
เสียงตีกลองและการดีดเบสก็หยุดพร้อมกันไปด้วย
เมื่อหันหน้ามาเผชิญกับบรรยากาศในห้อง โกชินวอนถึงได้เข้าใจว่าบางทีเจ้าเนิร์ดหน้าโง่อาจจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด
“ออกไป”
เสียงกระชากที่มีแต่ความไม่พอใจดังขึ้นในขณะที่เขากำลังจะโค้ง
คงไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเจ้าของคำพูดนี้ก็คือคนที่อยู่หลังกลองชุดนั่น
ใบหน้าคมคายแสดงออกถึงความไม่พอใจ โดยเฉพาะดวงตาที่มีแต่ความขุ่นมัว
“พี่มาจากชมรมหนังสือพิมพ์นะ
คือจะมาสัมภาษณ์น้อง ๆ –“
“นายสายไปครึ่งชั่วโมง
ฉันคิดว่าคงไม่ต้องให้สัมภาษณ์อะไรอีก”
ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าวง
–ฮโยจง มอปลายปีสามห้องบีหรือเปล่านะ?
ที่ตัดบทสนทนาระหว่างเราอย่างไร้เยื่อใย ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว
อยากจะบอกให้รู้กันไปเลยว่านี่ไม่ใช่ความผิดเขาซักหน่อย
จะมาโทษอะไรเขาคนเดียวก็ไม่ได้ไหมเล่า
“แต่-“
“พรุ่งนี้เลิกดึกนะเว้ย
เตรียมตัวมาให้พร้อม กูไปละ”
จู่
ๆ เจ้าเนิร์ดที่เคยคิดมาตลอดว่าเป็นคนก็ถูกลดระดับไปอยู่ในสถานะธาตุอากาศซะอย่างนั้น
เมื่อหัวหน้าวงที่เพิ่งจะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์เขาไปหมาด ๆ เดินผ่านหน้าเขาไปราวกับมองไม่เห็นกัน
มิหนำซ้ำยังปิดประตูชิ่งหนีไปแล้วเรียบร้อยด้วย
ไม่ได้สิ!!
ถ้าเกิดเขาไม่ได้สัมภาษณ์วงดนตรีในวันนี้
ก็เท่ากับว่าเขาจะมีภาระงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้น(จากที่มันก็เยอะจนทำให้ไม่ได้นอนอยู่แล้ว!)
แล้วเดาได้เลยว่าถ้าเกิดมยองเอรู้เข้าว่าเขาไม่ได้สัมภาษณ์พวกนี้ตามที่ได้รับมอบหมาย(แบบยัดเยียดสุดๆ)
เรื่องนี้ยางฮงซอกก็ต้องได้รับรู้แน่นอน และ.. มันจะไม่ดีกับเขาเอามาก ๆ เลยน่ะสิ
หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตนับ
3
สิ่งในห้องที่กำลังเคลื่อนไหวราวกับไม่เคยได้ยินคำพูดของเขา
เมื่อมองน้องคนตัวขาวที่มีส่วนสูงใกล้เคียงกันแล้วก็ต้องพบกับสีหน้าไม่สู้ดีและรอยยิ้มแหยเกเต็มแก่
“น้องช่วยพี่ไม่ได้จริง
ๆ หรอครับ?”
ทำสายตาละห้อยและปากที่เริ่มเบะคว่ำลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมกับโค้งขอโทษกลาย
ๆ
“ไม่ได้จริง
ๆ ครับ พอดีวันนี้ญาติผมมา ผมต้องรีบกลับบ้าน”
“พี่ถามแค่สองประโยคเองนะ..
สองนาทีก็ไม่ได้หรอ”
ในขณะที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ
น้องนักร้องที่เป็นคู่สนทนาของเขาก็ถูกคนหน้าโหดที่เป็นมือเบสของวงลากคอออกจากห้องไปแล้วเรียบร้อย
และแน่นอนว่าในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตนอกจากโกชินวอนจอมทึ่มแล้วก็เหลือเพียง
มือกลอง
…..
ไม่ใช่สิ
นี่ไม่ใช่มือกลอง เพราะในสายตาของเขาแล้ว
......
นี่คือโกลเด้นรีทีฟเวอร์ตัวใหญ่ขนฟูหนานุ่ม
“น้อง..”
“ใครให้เรียก”
ใช่
และโกชินวอนเองก็คือมนุษย์หน้าโง่ที่ไม่ถูกกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด
โดยเฉพาะหมาโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชื่อว่า
‘จองอูซอก’
ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องพูดว่า เจ้าหมานั่นต่างหาก
ที่ไม่อยากญาติดีกับเขาเลยสักนิด
“ไม่! แม่! ผมจะไม่ไปโรงเรียนแล้ว!”
“...”
“ผมจะเรียนโฮมสคูล!
ผมจะอ่านหนังสือเอง!”
“...”
“ผมจะเข้ามหาลัยโซลด้วยตัวเองให้ได้!”
“...”
“แม่เงียบแบบนี้
แสดงว่าแม่เห็นด้ว----“
โป๊ก!
ความเจ็บปวดแล่นริ้วจากกลางกระหม่อมลงมาถึงในอก
สองมือขาวที่ถือช้อนส้อมในมือต้องรีบละมาจับหัวของตัวเองทันทีเมื่อได้รับพลังงานความรักจากแม่ตั้งแต่เช้า
แม่ก็เป็นแบบนี้ตลอดเวลาเขากำลังพูดถึงความฝันของตัวเอง
ดูเหมือนพจนานุกรมของครอบครัวเขาจะไม่รู้จักคำว่าสนับสนุนกันซักเท่าไหร่ หันไปมองพี่สาวที่แอบขำพร้อมยิ้มเย้ยเขาอยู่ในตัว
“แม่ตีทำไมอ่า! น้องเจ็บนะ!”
เมื่อโดนขัดใจจากการแสดงออกถึงความรักของแม่ที่ไม่เท่าเทียม
สรรพนามที่เคยใช้แทนตัวว่าผมก็เปลี่ยนมาเป็นน้องแทนเพื่อความเห็นใจ
“ก็ตีให้ตื่นไงละ! ไม่เรียนบ้าไม่เรียนบออะไร ฉันจ่ายค่าเทอมแกไปหมดแล้วย่ะ!! เฮอะ.. แล้วจะมาทำเป็นอ่านหนังสือด้วยตัวเอง
เคยสำเหนียกบ้างไหมว่าทั้งห้องแกเคยมีหนังสือเรียนซักเล่มหรอ!? ฉันเห็นแต่โคนัน เลิกเพ้อแล้วไปเปลี่ยนชุด!”
“ก็น้องไม่อยากไปอะ
แม่ไม่บังคับน้องสิ!”
เปลี่ยนมากอดอกเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเอง
ถึงโลกข้างนอกโกชินวอนจะคือจอมเนิร์ดหน้าโง่ที่ขัดใจใครไม่ได้
แต่ถ้าอยู่ในบ้านแล้วล่ะก็ ใครก็ขัดใจเขาไม่ได้นะรู้เปล่า ต่อให้แม่ร้องไห้ตรงหน้าเขาก็ไม่ยอมใจอ่อนไปโรงเรียนหรอกนะ!
“โก
ชิน วอน”
ไม่ไปหรอกโรงเรียน..
ไม่ไปก็กลายเป็นศพในบ้านน่ะสิ!!
เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็กกับพี่สาวคนโต
นิสัยเอาแต่ใจแต่สุดท้ายก็ไม่เคยชนะแม่จึงกลายเป็นลักษณะพิเศษสำหรับเขา
ไม่ว่าจะลองทำตัวแข็งกร้าวเหมือนพระเอกในหนังซักกี่ครั้งก็แพ้การเรียกชื่อจากปากคุณนายโกอยู่ตลอด
เสียใจอะ
.. แต่ทำอะไรได้ มีฐานันดรศักดิ์เป็นแค่ลูกนอกคอกนี่นะ
เดินคอตกออกจากบ้านด้วยความปลงกับชะตาชีวิต
เรื่องราวดวงซวยที่เขาไม่สามารถสัมภาษณ์วงดนตรีนั่นยังไม่ถึงหูของทั้งประธานชมรมและคนมอบหมายงานให้เขา
แน่นอนว่านอกจากตัวเขาและสมาชิกในชมรมดนตรี ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำงานไม่สำเร็จ
แต่เวลาแห่งความสุขมักสั้นเสมอ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพนันได้เลยว่ายางฮงซอกต้องเดินเข้ามาของานแน่ๆ..
ไม่มีให้โว้ย!
อยากจะเอาหัวโขกกำแพงบ้านให้มันเป็นข่าวสุดสลดไปซะ
เกิดมาจะสิบแปดปีต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าชาติที่แล้วไปสะสมแต้มบาปไว้มากมายขนาดไหน
เสียงปิดประตูของบ้านข้างกันทำให้เด็กชายแว่นที่แสนเศร้าต้องหันไปมอง
เขายิ้มกว้างเมื่อพบกับใบหน้าที่คุ้นตา –ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่เนอะ
“อรุณสวัสดิ์น้อง~
วันนี้หม่าหมี๊ทำกับข้าวให้ด้วยแหละ”
สภาพอีกคนที่กำลังเดินสะลึมสะลือออกจากบ้านอดทำให้เขาฉุกคิดไม่ได้
อันที่จริง ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนี้ตลอดทั้งเวลาที่อยู่ที่บ้านและเวลาที่อยู่โรงเรียน
โกชินวอนก็จะเป็นมนุษย์ที่ไม่ถูกสังคมรังเกียจอยู่หรอก เพราะจะมีน้องคอยตามใจ แต่เพราะความเป็นจริง-
เอาล่ะ
เขาจะคิดว่าเพราะน้องอายและคิดว่าโคนันไม่เท่หรอกนะ ต่างกับที่เขารักและมองเจ้าโคนันว่าเท่
เพราะเราคิดต่างกัน น้องก็เลยไม่อยากคบกับเขาซักเท่าไหร่
“หม่าหมี๊ทำข้าวผัดกิมจิของโปรดน้องมาด้วยนะ”
แกะถุงผ้าออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นของที่อยู่ข้างในอันล้ำค่าของเขา(ถึงมันจะเป็นฝีมือของแม่เขาก็เถอะ)
เพราะว่าสนิทกันมาก การฝากท้องในตอนกลางวันของน้องจึงเป็นเรื่องปกติที่คนใจดี(กับทุกคนยกเว้นเขา)อย่างแม่ของโกชินวอนจะทำมาเผื่อด้วย
พี่ชายที่ดีที่สุดในโลกก็เลยอาสาเป็นคนเอากับข้าวมาให้น้องทุกวันเอง
“เนี่ย
ร้อน ๆ อยู่เลยน้า น่ากินมากกก~”
“ระ-!”
“เหวออออ”
เพราะใจจดใจจ่ออยู่กับห่อข้าว
พร้อมทั้งพยายามจะเปิดให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าที่ถืออยู่น่ะคือข้าวผัดกิมจิฝีมือคุณแม่ของเขาจริง
ๆ แต่ก็ลืมมองไปว่าพื้นที่กำลังเดินมันปลอดภัยแค่ไหน เพราะไม่ทันจะได้เดินพ้นเขตรั้วของตัวเองถึงหนึ่งวินาที
รู้ตัวอีกทีขาข้างซ้ายทั้งข้างก็ลงไปอยู่ในท่อที่ไม่มีฝาปิดไปแล้วเรียบร้อย!
เพราะตกใจและไม่ทันตั้งตัว
มือทั้งสองที่ทำหน้าที่ป้องกันภัยได้ดีเยี่ยมก็โยนข้าวของทั้งหมดที่ถืออยู่ลอยขึ้นไปบนฟ้า
ตั้งแต่เล็กจนโตก็เพิ่งจะรู้ซึ้งถึงประสบการณ์เฉียดตายก็คราวนี้
เงยหน้ามองฟ้าที่มีแต่ข้าวกล่องฝีมือคุณแม่ที่รักหัวใจที่เต้นรัวแรงก็ช้าลงช้าลง
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเขาหมุนช้าลงเรื่อย
ๆ ราวกับเป็นหนึ่งในฉากภาพยนตร์ที่ถูกสโลว์เอาไว้ และก็ถึงเวลาของความจริง
สาม
สอง หนึ่ง-
-แปะ!
ข้าวผัดกิมจิแสนอร่อยที่เต็มไปด้วยเนื้อหมูชั้นดี
กิมจิอร่อยเลิศ ไส้กรอกชื่อดัง และเม็ดข้าวเต็ม ๆ คำ
ทุกอย่างล้วนลอยเคว้งอยู่ในอากาศก่อนจะพร้อมใจกันร่วงลงบนหัวของเขาอย่างพอดิบพอดี
....................
..........
.....
....
...
“กำลังจะบอกให้ระวังท่อ”
“...”
“แต่ไม่เป็นไร
แบบนี้แหละดีแล้ว”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง
เสียงหัวเราะที่เขาคิดว่าจะไม่ได้ยินอีกเลยตั้งแต่โตมาก็ดังเข้าโสตประสาทชนิดที่ว่าจะฝังลึกไปอีกจนตาย
และใช่ เหตุการณ์ในวันนี้มันจะฝังรากลึกไปถึงโคน
มันจะตามหลอกหลอนเขาทุกครั้งแน่แน่
และมันจะต้องเป็นคำล้อเลียนที่น้องใช้ล้อเขาไปอีกนาน!
ก็แล้วทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ละจองอูซอก!!!!
นี่คือเรื่องเล่าของพี่เด๋อ
และน้องดุ
ความสัมพันธ์ของพี่-น้องข้างบ้าน
ที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรกันซักเท่าไหร่
แต่เชื่อเถอะว่า .. ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแบบไม่มีทิศทางในทุกทุกวัน
จะมาทำให้รู้ตัวอีกทีก็ผูกพันกันซะแล้วสิ
♡
#timetagon
นี่คือซี่รี่ย์ที่ทำร้ายโกชินวอนที่สุดในโลก
555555555555555555555555555555555555555
กลับมาแล้วค่าทุกคน หายไปนานเลยคราวนี้ เลยเอาเรื่องราวน่ารัก ๆ มาฝากกัน
เรื่องนี้จะเป็นซี่รี่ย์ที่พยายามให้จบในตอนนะคะ..
ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ขอบคุณสำหรับใครที่ยังรออ่านอยู่ด้วยนะคะ
หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ใครหลาย ๆ คนยิ้มไปกับคนเด๋อ ๆ และคน ดุ ๆ นะคะ
สำหรับในวันนี้นุ้งแพรแฟนยูโตะต้องขอตัวลา สวัสดีค่า <3
ปล.งานโชว์เคสหนุ่มๆสนุกมากเลยค่ะ ไหน มีใครมีประสบการณ์อะไรมาฝากกันมั้ยคะ ><
@drangeax105
ความคิดเห็น