ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    pentagon ' s time - sf & os

    ลำดับตอนที่ #2 : พี่เด๋อน้องดุ’s 노잼 the series [ ep.1 ]

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 60







    พี่เด๋อน้องดุ’s 노잼 the series
    ws x sw
    ep. 1

     

     

     

              ถ้าหากให้เปรียบความทรงจำเมื่อครั้งสมัยมัธยมปลายของคุณกับผลไม้บางอย่าง คุณเลือกที่จะเปรียบมันกับอะไร ?

              สำหรับเขาแล้ว มันก็คงไม่ต่างอะไรกับเจ้าทุเรียน

    ไม่ใช่เพราะมันรสเลิศ แต่เป็นเพราะมันทั้งเหม็น และไม่อร่อยสำหรับเขาเอาเสียเลย!

     

     

    “ชินวอน เย็นนี้ไปห้องชมรมดนตรีเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

    ชายหนุ่มในชุดนักเรียนถูกระเบียบ ผมสีน้ำตาลถูกหวีจนเรียบ ดวงตาคู่สวยบดบังด้วยกรอบแว่นหนาสีดำขลับ เจ้าเนิร์ด ฉายาที่เพื่อนทั้งรุ่นพร้อมใจกันเรียก หันไปหาคู่สนทนาที่เพิ่งอ้อนวอนให้เขาไปช่วยงานอีกครั้งในรอบสามวันนี้

    ถ้าพูดกันตามตรง เขาไม่อยากไปไอ่ชมรมการดนตรีอะไรนี้ซักนิด ไม่ใช่เพราะไม่ถูกกับคนในห้องหรือสมาชิกของชมรม(ถึงบางคนในชมรมจะชอบแกล้งเขาก็เถอะ)หรอก แต่เพราะงานในส่วนที่เขาต้องรับผิดชอบมันยังคืบหน้าไปไม่ถึงไหน ขืนถ้าหากบากหน้าไปช่วยเจ้าหมอนี่ การทำงานของเขาก็ต้องถูกเลื่อนไปอีกแน่นอน แล้วเขาก็ไม่อยากโดนด่าในทุก ๆ ครั้งที่มีกำหนดส่งต้นฉบับหรอกนะ

    “ไม่..”

    “จะไม่ไปหรอชินวอน?”

              น้ำเสียงที่ทำให้เขาต้องกลัวจนหัวหดเอ่ยออกมาเรียบ ๆ ยางฮงซอก ประธานชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียนคือเจ้าของน้ำเสียงนั่น รองลงมาจากการบ้านคณิตศาสตร์ ความคิดของฮงซอกคือสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดแล้วสำหรับเจ้าเนิร์ดอย่างเขา ก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าเด็กที่ผลการเรียนดี มักจะคิดและประมวลผลต่างจากเด็กรองโหล่(อ่า..การเรียนไม่ใช่สิ่งที่น่าภิรมย์สำหรับเขาซักเท่าไหร่) แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจซักครั้งว่าทำไมเขาถึงได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ในชมรมมากมายถึงขนาดนี้

              ยกตัวอย่างในกรณีกำหนดส่งต้นฉบับของเดือนที่แล้ว เจ้าซอนแจ เด็กเกเรที่ได้เข้าชมรมมาเพราะการบังคับของอาจารย์ โยนงานทั้งเดือนของหมอนั่น ที่-ไม่-มี-อะ-ไร-ใช้-การ-ได้-เลย มาวางบนโต๊ะเล็ก ๆ ของเขาพร้อมกับคำขู่ที่ว่าถ้าหากไม่แก้ไขมัน ชีวิตของโกชินวอนคนนี้จะไม่มีทางสงบสุขอีกตลอดเจ็ดเดือนที่เหลืออยู่ในโรงเรียน

              เมื่อหันหน้าไปมองประธานชมรมที่นั่งอยู่เพียงเพราะจะขอความช่วยเหลือ กลับได้รับเพียงใบหน้านิ่ง ๆ และคำสั่งแสนสั้น ที่ทำให้เขาไม่ได้นอนไปอีกห้าวันก่อนถึงวันส่งงานจริง

                เพื่อนขอแค่นี้ ก็ทำให้เขาซะสิชินวอน

             

    มันก็เลยกลายเป็นว่าเมื่อมีใครมาไหว้วานให้เขาทำอะไร ต้องได้รับคำสั่งเน้นย้ำอีกทีจากประธานชมรม(ที่เขาเคยคิดว่าเป็นมิตรร่วมห้องที่ดี)ให้ทำตามคำขอนั่นไปซะหมด และถ้าเกิดดึงดันจะไม่ทำ ความฝันที่เขาคิดว่าจะได้เอาผลงานตัวเองลงพอร์ตฟอลิโอเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่หวังจะต้องพังลง เพราะยางฮงซอกจะไม่รับรองการเข้าเป็นสมาชิกชมรมให้กับเขา

              ก็เลยกลายเป็นว่านอกจากชื่อ เจ้าเนิร์ดแล้ว ยังมีนามสกุล หน้าโง่ ต่อท้ายอีกด้วย

              “แค่ไปถือที่อัดเสียงให้เอง ฉันไม่ได้จะให้นายทำคอลัมน์นั่นหมดซักหน่อย ขืนให้นายทำก็พังแย่สิ”

              ถ้าไม่ติดว่าการเปิดชมรมต้องใช้คนในชมรมห้าคนขึ้นไป เขาเองจะไปเปิดชมรมแล้วอยู่มันคนเดียวให้รู้แล้วรู้รอด

              “ถือแค่นั้นแน่นะ?”               

              “แหง่ละ ฉันเคยโกหกนายหรอ”

              ก็ทุกครั้งนั่นแหละ!

              อยากจะตอบกลับไปใจจะขาด แต่เพราะสายตาที่ได้รับจากประธานชมรมทำให้เขาไม่กล้าเลยซักนิด ตอนนี้แค่เขาหายใจเข้าออกก็คงดูผิดมากมายในสายตายางฮงซอกแล้วล่ะนะ

              “อ่า .. กี่โมงละ”

     

     

     

     

              my-ae(3:40 pm) :
    > โทษทีนะเจ้าเนิร์ด
    > พอดีแฟนฉันจะพาไปฉลองวันครบรอบ
    > นายช่วยไปสัมฯพวกวงดนตรีแทนฉันละกัน
    > บ่ายสามห้าสิบ ฉันนัดไว้แล้ว อย่าไปเลท เด็ดขาด!
    > ส่วนสคริปต์ คิดเองไปก่อนนะ แค่นี้แหละ

             

              หลังจากทำความสะอาดห้องของชมรมตามภาระหน้าที่ประจำวันแล้ว เขาก็เพิ่งมีโอกาสได้จับโทรศัพท์จริง ๆ จัง ๆ ก็คราวนี้ แถมข้อความที่ได้รับยังทำให้รู้สึกปลงตกอย่างช่วยไม่ได้ อันที่จริงมันเป็นเรื่องราวแบบนี้อยู่ตลอด ทุกคนที่ชมรมเวลาที่ไม่อยากทำอะไรก็จะเริ่มจากชวนให้เขาทำ ซักพักก็จะหาข้ออ้างว่าไม่ว่าง สุดท้ายก็กลายเป็นโยนงานทั้งหมดให้เขาทำ ครั้นจะให้ไปร้องเรียนกับประธานชมรมก็ ช่างมันเถอะ

              ถอนหายใจกับโชคชะตา เจ้าเนิร์ดก็เพิ่งเลื่อนสายตาไปเห็นว่าตัวเลขที่บ่งบอกเวลาน่ะ มันเลยสี่โมงเย็นไปเรียบร้อย

              ซวย!!

              ความคิดแรกที่แวบมาในหัวทำให้เขาต้องรีบคว้าของทั้งหมดที่อยู่ในกระเป๋าแล้ววิ่งออกจากชมรมอย่างไม่คิดชีวิต เพราะชมรมดนตรีเป็นชมรมที่ต้องการเสียงและสวนทางกับความเงียบที่ชมรมเราต้องการ ทำให้ระยะห่างของเราคือการตั้งอยู่คนละตึกแต่ถูกสร้างให้หันหน้าเข้าหากัน ที่จะทำให้เหนื่อยที่สุดก็คือการวิ่งลงจากชั้นสี่ของตึกเอ เพื่อขึ้นไปยังชั้นสี่ของตึกบีที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน

             

              วิ่งจนหอบแฮกก็มาถึงหน้าห้องชมรมในเวลาสี่โมงสิบห้าเป๊ะ ไม่ขาดไม่เกิน เสียงกระหึ่มหนักของการตีอุปกรณ์ดังขึ้นจากภายในห้องทำให้เขารู้สึกขึ้นหน่อยว่าอย่างน้อยคนในชมรมนี่ก็ไม่หนีไปแล้ว อันที่จริง ชมรมวงดนตรีเป็นชมรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของโรงเรียนแล้วล่ะ เพราะนอกจากจะเข้าได้ยากที่สุดแล้ว ยังเป็นชมรมเดียวที่ได้รับการผ่อนผันให้มีสมาชิกเพียงสี่คนได้ ก็คงพอจะรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมว่าแฟนคลับก็ไม่ใช่น้อย ๆ เหมือนกัน

              เคาะประตูไปตามมารยาทแต่กลับไม่ได้รับเสียงตอบรับอะไรกลับมา เขาลองเคาะด้วยท่าทีแบบเดิมแต่เพิ่มน้ำหนักให้เสียงดังขึ้น ผลที่ได้รับก็ยังคงเป็นการตีกลองอย่างเอาเป็นเอาตาย และเสียงดีดเบสที่ทำให้รู้สึกปวดหูอยู่ไม่น้อย

              “ผมชินวอนจากชมรมหนังสือพิมพ์นะครับ ขออนุญาตเข้าไปได้ไหม?”

              ลองเปลี่ยนจากการเคาะประตูเป็นเอ่ยทักทายคนข้างในแทน แต่ผลที่ได้กลับมาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม และดูเหมือนว่าจะมีการเพิ่มเสียงและทำนองการตีกลองให้รัวเร็วกว่าเดิมอีกเสียด้วย

              เมื่อเคาะประตูแล้วไม่ได้ผล ลองส่งเสียงเรียกอีกก็ยังเป็นเหมือนเดิม เขาเลยตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูที่พบว่าไม่ได้ล็อคเอาไว้ซะเลย

             

              แกร๊ก..

              ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปเสียหมดเมื่อเขาพบว่าหลังจากการปิดประตูกลับไปที่เดิม เสียงตีกลองและการดีดเบสก็หยุดพร้อมกันไปด้วย เมื่อหันหน้ามาเผชิญกับบรรยากาศในห้อง โกชินวอนถึงได้เข้าใจว่าบางทีเจ้าเนิร์ดหน้าโง่อาจจะเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเขาที่สุด

              “ออกไป”

              เสียงกระชากที่มีแต่ความไม่พอใจดังขึ้นในขณะที่เขากำลังจะโค้ง คงไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าเจ้าของคำพูดนี้ก็คือคนที่อยู่หลังกลองชุดนั่น ใบหน้าคมคายแสดงออกถึงความไม่พอใจ โดยเฉพาะดวงตาที่มีแต่ความขุ่นมัว

              “พี่มาจากชมรมหนังสือพิมพ์นะ คือจะมาสัมภาษณ์น้อง ๆ

              “นายสายไปครึ่งชั่วโมง ฉันคิดว่าคงไม่ต้องให้สัมภาษณ์อะไรอีก”

              ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าวง ฮโยจง มอปลายปีสามห้องบีหรือเปล่านะ? ที่ตัดบทสนทนาระหว่างเราอย่างไร้เยื่อใย ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว อยากจะบอกให้รู้กันไปเลยว่านี่ไม่ใช่ความผิดเขาซักหน่อย จะมาโทษอะไรเขาคนเดียวก็ไม่ได้ไหมเล่า

              “แต่-

              “พรุ่งนี้เลิกดึกนะเว้ย เตรียมตัวมาให้พร้อม กูไปละ”

              จู่ ๆ เจ้าเนิร์ดที่เคยคิดมาตลอดว่าเป็นคนก็ถูกลดระดับไปอยู่ในสถานะธาตุอากาศซะอย่างนั้น เมื่อหัวหน้าวงที่เพิ่งจะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์เขาไปหมาด ๆ เดินผ่านหน้าเขาไปราวกับมองไม่เห็นกัน มิหนำซ้ำยังปิดประตูชิ่งหนีไปแล้วเรียบร้อยด้วย

              ไม่ได้สิ!!

              ถ้าเกิดเขาไม่ได้สัมภาษณ์วงดนตรีในวันนี้ ก็เท่ากับว่าเขาจะมีภาระงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชิ้น(จากที่มันก็เยอะจนทำให้ไม่ได้นอนอยู่แล้ว!) แล้วเดาได้เลยว่าถ้าเกิดมยองเอรู้เข้าว่าเขาไม่ได้สัมภาษณ์พวกนี้ตามที่ได้รับมอบหมาย(แบบยัดเยียดสุดๆ) เรื่องนี้ยางฮงซอกก็ต้องได้รับรู้แน่นอน และ.. มันจะไม่ดีกับเขาเอามาก ๆ เลยน่ะสิ

              หันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากสิ่งมีชีวิตนับ 3 สิ่งในห้องที่กำลังเคลื่อนไหวราวกับไม่เคยได้ยินคำพูดของเขา เมื่อมองน้องคนตัวขาวที่มีส่วนสูงใกล้เคียงกันแล้วก็ต้องพบกับสีหน้าไม่สู้ดีและรอยยิ้มแหยเกเต็มแก่

              “น้องช่วยพี่ไม่ได้จริง ๆ หรอครับ?”

              ทำสายตาละห้อยและปากที่เริ่มเบะคว่ำลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าพร้อมกับโค้งขอโทษกลาย ๆ

              “ไม่ได้จริง ๆ ครับ พอดีวันนี้ญาติผมมา ผมต้องรีบกลับบ้าน”

              “พี่ถามแค่สองประโยคเองนะ.. สองนาทีก็ไม่ได้หรอ”

              ในขณะที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนขอความเห็นใจ น้องนักร้องที่เป็นคู่สนทนาของเขาก็ถูกคนหน้าโหดที่เป็นมือเบสของวงลากคอออกจากห้องไปแล้วเรียบร้อย และแน่นอนว่าในตอนนี้ สิ่งมีชีวิตนอกจากโกชินวอนจอมทึ่มแล้วก็เหลือเพียง

             

    มือกลอง

              …..

              ไม่ใช่สิ นี่ไม่ใช่มือกลอง เพราะในสายตาของเขาแล้ว

              ......

              นี่คือโกลเด้นรีทีฟเวอร์ตัวใหญ่ขนฟูหนานุ่ม

     

              “น้อง..”

              “ใครให้เรียก”

              ใช่ และโกชินวอนเองก็คือมนุษย์หน้าโง่ที่ไม่ถูกกับสัตว์เลี้ยงทุกชนิด

              โดยเฉพาะหมาโกลเด้นตัวใหญ่ที่ชื่อว่า จองอูซอก

              ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องพูดว่า เจ้าหมานั่นต่างหาก ที่ไม่อยากญาติดีกับเขาเลยสักนิด

             

     

     

              “ไม่! แม่! ผมจะไม่ไปโรงเรียนแล้ว!

              “...”

              “ผมจะเรียนโฮมสคูล! ผมจะอ่านหนังสือเอง!

              “...”

              “ผมจะเข้ามหาลัยโซลด้วยตัวเองให้ได้!

              “...”

              “แม่เงียบแบบนี้ แสดงว่าแม่เห็นด้ว----

              โป๊ก!

              ความเจ็บปวดแล่นริ้วจากกลางกระหม่อมลงมาถึงในอก สองมือขาวที่ถือช้อนส้อมในมือต้องรีบละมาจับหัวของตัวเองทันทีเมื่อได้รับพลังงานความรักจากแม่ตั้งแต่เช้า แม่ก็เป็นแบบนี้ตลอดเวลาเขากำลังพูดถึงความฝันของตัวเอง ดูเหมือนพจนานุกรมของครอบครัวเขาจะไม่รู้จักคำว่าสนับสนุนกันซักเท่าไหร่ หันไปมองพี่สาวที่แอบขำพร้อมยิ้มเย้ยเขาอยู่ในตัว

              “แม่ตีทำไมอ่า! น้องเจ็บนะ!

              เมื่อโดนขัดใจจากการแสดงออกถึงความรักของแม่ที่ไม่เท่าเทียม สรรพนามที่เคยใช้แทนตัวว่าผมก็เปลี่ยนมาเป็นน้องแทนเพื่อความเห็นใจ

              “ก็ตีให้ตื่นไงละ! ไม่เรียนบ้าไม่เรียนบออะไร ฉันจ่ายค่าเทอมแกไปหมดแล้วย่ะ!! เฮอะ.. แล้วจะมาทำเป็นอ่านหนังสือด้วยตัวเอง เคยสำเหนียกบ้างไหมว่าทั้งห้องแกเคยมีหนังสือเรียนซักเล่มหรอ!? ฉันเห็นแต่โคนัน เลิกเพ้อแล้วไปเปลี่ยนชุด!

              “ก็น้องไม่อยากไปอะ แม่ไม่บังคับน้องสิ!

              เปลี่ยนมากอดอกเพื่อแสดงจุดยืนของตัวเอง ถึงโลกข้างนอกโกชินวอนจะคือจอมเนิร์ดหน้าโง่ที่ขัดใจใครไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในบ้านแล้วล่ะก็ ใครก็ขัดใจเขาไม่ได้นะรู้เปล่า ต่อให้แม่ร้องไห้ตรงหน้าเขาก็ไม่ยอมใจอ่อนไปโรงเรียนหรอกนะ!

     

              “โก ชิน วอน”

             

             

     

    ไม่ไปหรอกโรงเรียน..

              ไม่ไปก็กลายเป็นศพในบ้านน่ะสิ!!

              เพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็กกับพี่สาวคนโต นิสัยเอาแต่ใจแต่สุดท้ายก็ไม่เคยชนะแม่จึงกลายเป็นลักษณะพิเศษสำหรับเขา ไม่ว่าจะลองทำตัวแข็งกร้าวเหมือนพระเอกในหนังซักกี่ครั้งก็แพ้การเรียกชื่อจากปากคุณนายโกอยู่ตลอด

              เสียใจอะ .. แต่ทำอะไรได้ มีฐานันดรศักดิ์เป็นแค่ลูกนอกคอกนี่นะ

              เดินคอตกออกจากบ้านด้วยความปลงกับชะตาชีวิต เรื่องราวดวงซวยที่เขาไม่สามารถสัมภาษณ์วงดนตรีนั่นยังไม่ถึงหูของทั้งประธานชมรมและคนมอบหมายงานให้เขา แน่นอนว่านอกจากตัวเขาและสมาชิกในชมรมดนตรี ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำงานไม่สำเร็จ แต่เวลาแห่งความสุขมักสั้นเสมอ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าพนันได้เลยว่ายางฮงซอกต้องเดินเข้ามาของานแน่ๆ..

              ไม่มีให้โว้ย!

              อยากจะเอาหัวโขกกำแพงบ้านให้มันเป็นข่าวสุดสลดไปซะ เกิดมาจะสิบแปดปีต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าชาติที่แล้วไปสะสมแต้มบาปไว้มากมายขนาดไหน

              เสียงปิดประตูของบ้านข้างกันทำให้เด็กชายแว่นที่แสนเศร้าต้องหันไปมอง เขายิ้มกว้างเมื่อพบกับใบหน้าที่คุ้นตา ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนี่เนอะ

                “อรุณสวัสดิ์น้อง~ วันนี้หม่าหมี๊ทำกับข้าวให้ด้วยแหละ”

              สภาพอีกคนที่กำลังเดินสะลึมสะลือออกจากบ้านอดทำให้เขาฉุกคิดไม่ได้ อันที่จริง ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนี้ตลอดทั้งเวลาที่อยู่ที่บ้านและเวลาที่อยู่โรงเรียน โกชินวอนก็จะเป็นมนุษย์ที่ไม่ถูกสังคมรังเกียจอยู่หรอก เพราะจะมีน้องคอยตามใจ แต่เพราะความเป็นจริง-

              เอาล่ะ เขาจะคิดว่าเพราะน้องอายและคิดว่าโคนันไม่เท่หรอกนะ ต่างกับที่เขารักและมองเจ้าโคนันว่าเท่ เพราะเราคิดต่างกัน น้องก็เลยไม่อยากคบกับเขาซักเท่าไหร่

              “หม่าหมี๊ทำข้าวผัดกิมจิของโปรดน้องมาด้วยนะ”

              แกะถุงผ้าออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้เห็นของที่อยู่ข้างในอันล้ำค่าของเขา(ถึงมันจะเป็นฝีมือของแม่เขาก็เถอะ) เพราะว่าสนิทกันมาก การฝากท้องในตอนกลางวันของน้องจึงเป็นเรื่องปกติที่คนใจดี(กับทุกคนยกเว้นเขา)อย่างแม่ของโกชินวอนจะทำมาเผื่อด้วย พี่ชายที่ดีที่สุดในโลกก็เลยอาสาเป็นคนเอากับข้าวมาให้น้องทุกวันเอง

              “เนี่ย ร้อน ๆ อยู่เลยน้า น่ากินมากกก~

              “ระ-!

              “เหวออออ”

              เพราะใจจดใจจ่ออยู่กับห่อข้าว พร้อมทั้งพยายามจะเปิดให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าที่ถืออยู่น่ะคือข้าวผัดกิมจิฝีมือคุณแม่ของเขาจริง ๆ แต่ก็ลืมมองไปว่าพื้นที่กำลังเดินมันปลอดภัยแค่ไหน เพราะไม่ทันจะได้เดินพ้นเขตรั้วของตัวเองถึงหนึ่งวินาที รู้ตัวอีกทีขาข้างซ้ายทั้งข้างก็ลงไปอยู่ในท่อที่ไม่มีฝาปิดไปแล้วเรียบร้อย!

     

              เพราะตกใจและไม่ทันตั้งตัว มือทั้งสองที่ทำหน้าที่ป้องกันภัยได้ดีเยี่ยมก็โยนข้าวของทั้งหมดที่ถืออยู่ลอยขึ้นไปบนฟ้า ตั้งแต่เล็กจนโตก็เพิ่งจะรู้ซึ้งถึงประสบการณ์เฉียดตายก็คราวนี้ เงยหน้ามองฟ้าที่มีแต่ข้าวกล่องฝีมือคุณแม่ที่รักหัวใจที่เต้นรัวแรงก็ช้าลงช้าลง

              ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของเขาหมุนช้าลงเรื่อย ๆ ราวกับเป็นหนึ่งในฉากภาพยนตร์ที่ถูกสโลว์เอาไว้ และก็ถึงเวลาของความจริง

              สาม สอง หนึ่ง-

              -แปะ!

              ข้าวผัดกิมจิแสนอร่อยที่เต็มไปด้วยเนื้อหมูชั้นดี กิมจิอร่อยเลิศ ไส้กรอกชื่อดัง และเม็ดข้าวเต็ม ๆ คำ ทุกอย่างล้วนลอยเคว้งอยู่ในอากาศก่อนจะพร้อมใจกันร่วงลงบนหัวของเขาอย่างพอดิบพอดี

              ....................

              ..........

              .....

              ....

              ...

              “กำลังจะบอกให้ระวังท่อ”

              “...”

              “แต่ไม่เป็นไร แบบนี้แหละดีแล้ว”

              ไม่พูดพร่ำทำเพลง เสียงหัวเราะที่เขาคิดว่าจะไม่ได้ยินอีกเลยตั้งแต่โตมาก็ดังเข้าโสตประสาทชนิดที่ว่าจะฝังลึกไปอีกจนตาย และใช่ เหตุการณ์ในวันนี้มันจะฝังรากลึกไปถึงโคน มันจะตามหลอกหลอนเขาทุกครั้งแน่แน่ และมันจะต้องเป็นคำล้อเลียนที่น้องใช้ล้อเขาไปอีกนาน!

     

              ก็แล้วทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ละจองอูซอก!!!!




     

    นี่คือเรื่องเล่าของพี่เด๋อ และน้องดุ
    ความสัมพันธ์ของพี่
    -น้องข้างบ้าน ที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรกันซักเท่าไหร่
    แต่เชื่อเถอะว่า .. ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแบบไม่มีทิศทางในทุกทุกวัน

    จะมาทำให้รู้ตัวอีกทีก็ผูกพันกันซะแล้วสิ

    #timetagon





    นี่คือซี่รี่ย์ที่ทำร้ายโกชินวอนที่สุดในโลก
    555555555555555555555555555555555555555
    กลับมาแล้วค่าทุกคน หายไปนานเลยคราวนี้ เลยเอาเรื่องราวน่ารัก ๆ มาฝากกัน
    เรื่องนี้จะเป็นซี่รี่ย์ที่พยายามให้จบในตอนนะคะ..
    ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ ขอบคุณสำหรับใครที่ยังรออ่านอยู่ด้วยนะคะ
    หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้ใครหลาย ๆ คนยิ้มไปกับคนเด๋อ ๆ และคน ดุ ๆ นะคะ

    สำหรับในวันนี้นุ้งแพรแฟนยูโตะต้องขอตัวลา สวัสดีค่า <3
    ปล.งานโชว์เคสหนุ่มๆสนุกมากเลยค่ะ ไหน มีใครมีประสบการณ์อะไรมาฝากกันมั้ยคะ ><

    @drangeax105


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×