ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ภายในส่วนลึก
กลิ่นของความเศร้าสร้อย ลอยมาผ่านจมูกของฉัน รอบกายของฉันมีแต่คนใส่ชุดสีดำ พิธีศพเพิ่งผ่านพ้นไป ตั้งแต่ตอนที่ยายของทาคุโระตาย ฉันจำได้ว่าฉันยังไม่เคยเห็นทาคุโระร้องไห้เลย หรือว่าเขาไม่อยากให้ฉันได้เห็นน้ำที่ร่วงไหลมาจากตาของเขานะ แต่ฉันก็พอจะเดาออกจากดวงตาของเขาว่า เขาไม่มีความสุขอย่างแน่นอน ดวงตาที่เศร้าๆ ดูแห้งๆและแดงบวม หนังตาของเขาบวมตี่จนแทบจะไม่เห็นนัยตาอันหม่นหมองของเขาได้ ต่างกับแม่ของเขาที่โอดครวญอยู่ตลอดงาน
ตัวของเธอสั่นระรัวระริกหน้าของเธออาบไปด้วยน้ำแห่งความเศร้า ไม่น่าดูเสียเท่าไหร่
พวกเพื่อนๆของทาคุโระเกาะกลุ่มกันสนทนาอยู่ เหมือนเขาดูจะเศร้าได้สักพัก แต่วกเขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ที่จะให้เขาต้องมาทำหน้าเศร้าตามไปด้วย มันเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากพวกเขาก็ไม่เคยได้รู้จักกับยายของทาคุโระเป้นการส่วนตัวแต่การที่จะให้ทำตัวเฮฮาตามปกตินั้นก็เป็นเรื่องที่ผิดกาละ เรื่องที่พวกเขาคุยก็ได้จำกัดให้เป้นเรื่องที่ไม่ขำขันเพื่อควมปลอดภัยที่จะไม่หัวเราะกันระหว่างงาน
ริกะ กับ นามิเอะมากับฉัน เนื่องจากเธอทั้งคู่เคยเรียนร่วมห้องเดียวกันกับทาคุโระ นั่นก็เป็นอดีตที่ฉัน ทาคุโระ และเธอทั้งสอง เคยเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันแต่นั่นมันก็นานมาแล้ว ฉันยังจำเหตุการณ์ที่ผ่ามาได้อยู่บ้างบางส่วน ถึงมันออกจะเลือนลางอยู่บ้างฉันจึงได้ว่าฉันเคยมีเรื่องทะเลาะกับริกะ มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระเสียจริงๆ มันเป็นความอิจฉาอยู่ข้างในลึกๆของฉัน และฉันก็เป็นฝ่ายงี่เง่าเอง ฉันทำให้เธอร้องไห้จนเธอไม่ยอมคุยกับฉันเลย นามิเอะกลับเข้าใจฉัน และทำให้เรากลับมาคืนสภาพตามปกติ ตอนนี้เราก็ไม่ได้มีอะไรให้บาดหมาง จิตใจกันอีกแล้ว ฉันก็ไม่ใช่นางร้ายที่สมบูรณ์แบบขนาดที่จะมาทำให้นางเอกเสียใจอยู๋ตลอดเวลาได้ ฉันเลือกที่จะทำตัวงี่เง่าแบบนั้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ถ้าฉันทำได้คงจะไม่มีวันทำอะไรทำนองนั้นอีกเด็ดขาด ริกะพูดกับฉันและนามิเอะ
"ท่าทางทาคุโระจะมีความผูกพันกับยายของเขามากเลยนะ"
"ใช่"ฉันตอบสั้นๆได้ใจความว่าเป็นอย่างที่เธอสังเกต
"มันแย่นะที่จะต้องมาเสียคนที่รักไป"นามิเอะพูด เราเงียบกันไปสักพัก
"สาเหตุการจากไปของคุณยายนั้น มันง่ายมากมาก"ริกะสานบทสนทนาต่อ
"ใช่ ง่ายมากมาก ฉันก็แทบไม่เชื่อเหมือนกันว่ามันจะง่ายอะไรขนาดนี้"ฉันเสริม
พวกเราพูดกันในเรื่องของคุณยายแล้วก็ทำให้เราต้องหันไปมองภาพพอตเทรตขาวดำของคุณยายที่อยู่หน้าโรงศพ ใบหน้าของคุณยายเรียบนิ่งดูสงบเหลือเกิน ถ้าให้คนขวัญอ่อนมาดู คงจะมองภาพนี่เป็นความหน้ากลัว ใช่ถ้าให้มองเผินๆฉันก็ว่ามันดูน่ากลัวเสียจริงๆ ในเวลาแบบนี้
ได้เวลาอำลา ฉัน มิกะ และนามิเอะ เข้าไปลาทาคุโระและแม่ของทาคุโระ ทาคุโระบอกกับฉันและเธอทั้งสองว่า "ขอบคุณพวกเธอมาก"ส่วนแม่ของทาคุโระ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากอายสภาพของเธอตอนนี้ ซึ่งพวกเราก็เข้าใจ หลังจากนั้นเราก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน
ที่บ้านของฉัน พ่อแม่ของฉันอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อของฉันดูสบายๆในเสื้อยืด ส่วนแม่ของฉันก็เตีรยมตัวที่จะเข้านอน พี่สาวของฉันนั้นยังไม่กลับ คงไปเที่ยวกันไหนๆกับแฟนของเธอ โดยที่บิดเบือนความจริงให้พ่อแม่ฟังว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
เธอได้รับคำอนุญาตให้กลับบ้านภายในเวลาที่เธอกำหนดไว้
ใช่ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวของฉันและแฟนมันคงไม่ใช่แค่จูงมือกันเข้าโรงหนัง และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแค่เธอจะมีอะไรๆกับคนที่เธอคิดว่าสมควร และเธอก็โตพอแล้ว ที่จะคิดได้ ฉันจึงไม่อยากดูถูกวิจารณญาณของเธอโดยการเตือนเธอว่าควรป้องกันในขณะที่มีอะไรกันกับคนที่เธอคิดว่าเป็นผู้ที่สมควร ฉันคิดว่าเธอคงจะรู้
ฉันจัดกระเป๋าเพื่ออนาคตที่จะถึง พรุ่งนี้มีวิชาวิทยาศาสตร์ที่ฉันหลงไหล เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ฉันรับ
"สวัสดีค่ะ"
"ดีวากาเมะ นี่เราเองนะ"
"ดี"ฉันพยายามนึกชื่อผู้ายเจ้าของเสียง"ใช่อิโต้หรือเปล่า"
"ใช่"เขามีน้ำเสียงเปล่งประกายความดีใจ
"โทรมาทำไม"เสียงฉันดูรำคาญ อิโต้ก็คือรุ่นน้องผู้ชายที่โรงเรียน เขาเข้ามาจีบฉัน ซึ่งฉันก็เล่นตัวอยู่นาน จนยอมตกลงเป้นแฟน
แต่เพียงไม่กี่เดือนนายอิโต้ก็ทิ้งฉันไปหาหญิงรุ่นเดียวกัน มันเจ็บเหมือนกัน แต่เจ็บนิดหน่อย ฉันตัดใจได้เพราะเขาก็ไม่ได้ควรค่ากับความรักที่ฉันมีฉันคงไม่มอบความรักให้กับอิโต้ได้เลย อีกไม่นานฉันก็คงบอกเลิก เพียงแค่อิโต้บอกเลิกกับฉันก่อน มันจึงน่าเจ็บใจก็เท่านั้นเอง
"ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ฉันอยากจะบอกว่า ฉันอยากจะเรียกวันเก่าๆให้ย้อนคืนมา"เขายังอยู่ในสาย
"เหรอ ฉันไม่เข้าใจ"ฉันพอจะเข้าใจแต่ไม่กระจ่าง
"คือว่าฉันอยากจะคบกับเธอเป็นแฟนเหมือนก่อน"
"..."ฉันเงียบ
"อืม ฉันเลิกกับมิชิกะไปแล้วแหละ เพียงเพราะฉันคิดถึงเธอ อยากจะกลับไปเป็นแฟนกับเธอมาตลอดเลยตั้ง
แต่วันนั้นที่เราเลือกกัน"
"นี่อิโต้ ฉันก็อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้นนะ ถึงนายจะหน้าด้านก็ตาม แต่ฉันก็ถือว่านายกล้ามาก ฉันว่า แค่นี้ก่อนดีกว่า"
ฉันวางโทรศัพท์ไป มีเสียงเรียกดังขึ้นมาอีกฉันจึงดึงสายโทรศัพท์ออก ทั้งที่ไม่อยากทำ เพราะยังนึกห่วงพี่สาวเผื่อเธอจะมีเหตุการณ์
ให้ต้องโทรกลับมาบ้าน แต่ฉันก็ถอดมันออกมาจนได้
ฉันเดินไปนอนบนเตียง เริ่มที่จะร้องไห้ ไม่รูทำไมจึงต้องร้องไห้ ทั้งที่อิโต้ไม่ใช่คนที่ฉันควรจะเสียน้ำตาให้ แต่ฉันก็ร้องไห้ ฉันไม่อาจต่านทานความรูสึกเสียดายที่มีอยู่ข้างในลึกๆ อิโต้เป็นคนที่มีสเน่ห์คนนึง และนั่นเป้นสิ่งเดียวที่อิโต้มี แล้วก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันนึกเสียดาย ตลอดชีวิตฉัน ฉันนับเขาเป็นแฟนคนเดียว แล้วก็ไม่อยากจะจำว่าเขาเคยเป็นแฟนกับฉัน ไม่น่าเลย ฉันเพิ่งตัดสัมพันธ์ ฉันเสียดายฉันมาฟูมฟายด้วยความเสียดาย ที่จริงฉันน่าจะใจอ่อน แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดฉันจึงได้ตัดสัมพันธ์ไปแบบนั้น เพราะใครกัน ฉันนึกไม่ออก เขาคนนั้นอยู่ลึกๆ ลึกมากมาก ลึกยิ่งกว่าก้นบึ้ง ทำไมฉันนึกไม่ออกนะ
ว่าใครทำให้ฉันตัดโอกาสตัวเอง
จะว่าไปแล้วก็เป้นเรื่องที่เป็นไปได้ ว่าฉันได้มีใจให้กับทาคุโระอยู่ ทำไมช่วงเวลาไม่กี่วัน ฉันก็มีใจให้กับเขามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ เขาไม่ได้มีสเน่ห์อะไรเลย ต่างกับอิโต้โดยสิ้นเชิง หรือเป็นเพราะฉันเกิดสงสสารเขาขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันกำลังชอบทาคุโระ
ทาคุโระไม่ใช่เด็กผู้ชายที่เหมือนๆกับคนอื่นทั่วๆไป เขาไม่ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน แต่เขาอยู่ชมรมดุริยางค์ของโรงเรียน เขาเป็นคนบรรเลงเชลโล่ประจำวง แต่เขาก็เล่นได้ไม่ดีนัก ฉันกลับชื่นชมในความพยายามของเขาเสียมากกว่าเพราะฉันมักจะเห็นเขาแบกเชลโล่ที่อยู่ภายในกล่องสีดำไปซ้อม เพื่อนของเขามีอยู่เท่าที่ฉันเห็นก็ 4-5คน พวกนั้นต่างกับเขาเหมือนกันเพราะว่าทาคุโระเป็นคนเดียวที่ไม่เล่นเบสบอล ทำให้เขาดูห่างเหินกับเพื่อนๆสักหน่อย แต่ถ้าเป็นเวลาสอบ พวกนั้นกลับรายล้อม
ทาคุโระเพื่อขอลอก
พี่สาวของฉันกลับมา ใบหน้าดูอิดโรย ฉันหยุดคิดถึงทาคุโระไป แล้วมองหน้าเธอ เธอมองหน้าฉันแล้วหยุดเคลื่อนไหว
"มองหาอะไรไม่ทราบ"เธอมีน้ำเสียงที่ดูแข็งกระด้าง
"..."ฉันเงียบ ภายใจใจอยากซักถึงสาเหตุของใบหน้าที่เป็นเช่นนี้ แต่ประโยคของเธอมันต้านเอาไว้
"..."เธอเหมือนจะรู้สึกผิดที่พูดแรงๆไปอย่างนั้น แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอเดินจาก
ไปจากบริเวณของฉัน ฉันก็ทำเป็นลืมเช่นกัน ฉันได้ยินเสียงตู้เย็นเปิด พ่อคงไม่ได้สังงเกตุความอิดโรยของใบหน้าเธอ
ตัวของเธอสั่นระรัวระริกหน้าของเธออาบไปด้วยน้ำแห่งความเศร้า ไม่น่าดูเสียเท่าไหร่
พวกเพื่อนๆของทาคุโระเกาะกลุ่มกันสนทนาอยู่ เหมือนเขาดูจะเศร้าได้สักพัก แต่วกเขาก็หลอกตัวเองไม่ได้ที่จะให้เขาต้องมาทำหน้าเศร้าตามไปด้วย มันเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากพวกเขาก็ไม่เคยได้รู้จักกับยายของทาคุโระเป้นการส่วนตัวแต่การที่จะให้ทำตัวเฮฮาตามปกตินั้นก็เป็นเรื่องที่ผิดกาละ เรื่องที่พวกเขาคุยก็ได้จำกัดให้เป้นเรื่องที่ไม่ขำขันเพื่อควมปลอดภัยที่จะไม่หัวเราะกันระหว่างงาน
ริกะ กับ นามิเอะมากับฉัน เนื่องจากเธอทั้งคู่เคยเรียนร่วมห้องเดียวกันกับทาคุโระ นั่นก็เป็นอดีตที่ฉัน ทาคุโระ และเธอทั้งสอง เคยเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันแต่นั่นมันก็นานมาแล้ว ฉันยังจำเหตุการณ์ที่ผ่ามาได้อยู่บ้างบางส่วน ถึงมันออกจะเลือนลางอยู่บ้างฉันจึงได้ว่าฉันเคยมีเรื่องทะเลาะกับริกะ มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระเสียจริงๆ มันเป็นความอิจฉาอยู่ข้างในลึกๆของฉัน และฉันก็เป็นฝ่ายงี่เง่าเอง ฉันทำให้เธอร้องไห้จนเธอไม่ยอมคุยกับฉันเลย นามิเอะกลับเข้าใจฉัน และทำให้เรากลับมาคืนสภาพตามปกติ ตอนนี้เราก็ไม่ได้มีอะไรให้บาดหมาง จิตใจกันอีกแล้ว ฉันก็ไม่ใช่นางร้ายที่สมบูรณ์แบบขนาดที่จะมาทำให้นางเอกเสียใจอยู๋ตลอดเวลาได้ ฉันเลือกที่จะทำตัวงี่เง่าแบบนั้นเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต ถ้าฉันทำได้คงจะไม่มีวันทำอะไรทำนองนั้นอีกเด็ดขาด ริกะพูดกับฉันและนามิเอะ
"ท่าทางทาคุโระจะมีความผูกพันกับยายของเขามากเลยนะ"
"ใช่"ฉันตอบสั้นๆได้ใจความว่าเป็นอย่างที่เธอสังเกต
"มันแย่นะที่จะต้องมาเสียคนที่รักไป"นามิเอะพูด เราเงียบกันไปสักพัก
"สาเหตุการจากไปของคุณยายนั้น มันง่ายมากมาก"ริกะสานบทสนทนาต่อ
"ใช่ ง่ายมากมาก ฉันก็แทบไม่เชื่อเหมือนกันว่ามันจะง่ายอะไรขนาดนี้"ฉันเสริม
พวกเราพูดกันในเรื่องของคุณยายแล้วก็ทำให้เราต้องหันไปมองภาพพอตเทรตขาวดำของคุณยายที่อยู่หน้าโรงศพ ใบหน้าของคุณยายเรียบนิ่งดูสงบเหลือเกิน ถ้าให้คนขวัญอ่อนมาดู คงจะมองภาพนี่เป็นความหน้ากลัว ใช่ถ้าให้มองเผินๆฉันก็ว่ามันดูน่ากลัวเสียจริงๆ ในเวลาแบบนี้
ได้เวลาอำลา ฉัน มิกะ และนามิเอะ เข้าไปลาทาคุโระและแม่ของทาคุโระ ทาคุโระบอกกับฉันและเธอทั้งสองว่า "ขอบคุณพวกเธอมาก"ส่วนแม่ของทาคุโระ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากอายสภาพของเธอตอนนี้ ซึ่งพวกเราก็เข้าใจ หลังจากนั้นเราก็ได้แยกย้ายกันกลับบ้าน
ที่บ้านของฉัน พ่อแม่ของฉันอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อของฉันดูสบายๆในเสื้อยืด ส่วนแม่ของฉันก็เตีรยมตัวที่จะเข้านอน พี่สาวของฉันนั้นยังไม่กลับ คงไปเที่ยวกันไหนๆกับแฟนของเธอ โดยที่บิดเบือนความจริงให้พ่อแม่ฟังว่าจะไปเยี่ยมเพื่อนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
เธอได้รับคำอนุญาตให้กลับบ้านภายในเวลาที่เธอกำหนดไว้
ใช่ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวของฉันและแฟนมันคงไม่ใช่แค่จูงมือกันเข้าโรงหนัง และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแค่เธอจะมีอะไรๆกับคนที่เธอคิดว่าสมควร และเธอก็โตพอแล้ว ที่จะคิดได้ ฉันจึงไม่อยากดูถูกวิจารณญาณของเธอโดยการเตือนเธอว่าควรป้องกันในขณะที่มีอะไรกันกับคนที่เธอคิดว่าเป็นผู้ที่สมควร ฉันคิดว่าเธอคงจะรู้
ฉันจัดกระเป๋าเพื่ออนาคตที่จะถึง พรุ่งนี้มีวิชาวิทยาศาสตร์ที่ฉันหลงไหล เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ฉันรับ
"สวัสดีค่ะ"
"ดีวากาเมะ นี่เราเองนะ"
"ดี"ฉันพยายามนึกชื่อผู้ายเจ้าของเสียง"ใช่อิโต้หรือเปล่า"
"ใช่"เขามีน้ำเสียงเปล่งประกายความดีใจ
"โทรมาทำไม"เสียงฉันดูรำคาญ อิโต้ก็คือรุ่นน้องผู้ชายที่โรงเรียน เขาเข้ามาจีบฉัน ซึ่งฉันก็เล่นตัวอยู่นาน จนยอมตกลงเป้นแฟน
แต่เพียงไม่กี่เดือนนายอิโต้ก็ทิ้งฉันไปหาหญิงรุ่นเดียวกัน มันเจ็บเหมือนกัน แต่เจ็บนิดหน่อย ฉันตัดใจได้เพราะเขาก็ไม่ได้ควรค่ากับความรักที่ฉันมีฉันคงไม่มอบความรักให้กับอิโต้ได้เลย อีกไม่นานฉันก็คงบอกเลิก เพียงแค่อิโต้บอกเลิกกับฉันก่อน มันจึงน่าเจ็บใจก็เท่านั้นเอง
"ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ฉันอยากจะบอกว่า ฉันอยากจะเรียกวันเก่าๆให้ย้อนคืนมา"เขายังอยู่ในสาย
"เหรอ ฉันไม่เข้าใจ"ฉันพอจะเข้าใจแต่ไม่กระจ่าง
"คือว่าฉันอยากจะคบกับเธอเป็นแฟนเหมือนก่อน"
"..."ฉันเงียบ
"อืม ฉันเลิกกับมิชิกะไปแล้วแหละ เพียงเพราะฉันคิดถึงเธอ อยากจะกลับไปเป็นแฟนกับเธอมาตลอดเลยตั้ง
แต่วันนั้นที่เราเลือกกัน"
"นี่อิโต้ ฉันก็อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้นนะ ถึงนายจะหน้าด้านก็ตาม แต่ฉันก็ถือว่านายกล้ามาก ฉันว่า แค่นี้ก่อนดีกว่า"
ฉันวางโทรศัพท์ไป มีเสียงเรียกดังขึ้นมาอีกฉันจึงดึงสายโทรศัพท์ออก ทั้งที่ไม่อยากทำ เพราะยังนึกห่วงพี่สาวเผื่อเธอจะมีเหตุการณ์
ให้ต้องโทรกลับมาบ้าน แต่ฉันก็ถอดมันออกมาจนได้
ฉันเดินไปนอนบนเตียง เริ่มที่จะร้องไห้ ไม่รูทำไมจึงต้องร้องไห้ ทั้งที่อิโต้ไม่ใช่คนที่ฉันควรจะเสียน้ำตาให้ แต่ฉันก็ร้องไห้ ฉันไม่อาจต่านทานความรูสึกเสียดายที่มีอยู่ข้างในลึกๆ อิโต้เป็นคนที่มีสเน่ห์คนนึง และนั่นเป้นสิ่งเดียวที่อิโต้มี แล้วก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันนึกเสียดาย ตลอดชีวิตฉัน ฉันนับเขาเป็นแฟนคนเดียว แล้วก็ไม่อยากจะจำว่าเขาเคยเป็นแฟนกับฉัน ไม่น่าเลย ฉันเพิ่งตัดสัมพันธ์ ฉันเสียดายฉันมาฟูมฟายด้วยความเสียดาย ที่จริงฉันน่าจะใจอ่อน แต่ฉันไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดฉันจึงได้ตัดสัมพันธ์ไปแบบนั้น เพราะใครกัน ฉันนึกไม่ออก เขาคนนั้นอยู่ลึกๆ ลึกมากมาก ลึกยิ่งกว่าก้นบึ้ง ทำไมฉันนึกไม่ออกนะ
ว่าใครทำให้ฉันตัดโอกาสตัวเอง
จะว่าไปแล้วก็เป้นเรื่องที่เป็นไปได้ ว่าฉันได้มีใจให้กับทาคุโระอยู่ ทำไมช่วงเวลาไม่กี่วัน ฉันก็มีใจให้กับเขามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ เขาไม่ได้มีสเน่ห์อะไรเลย ต่างกับอิโต้โดยสิ้นเชิง หรือเป็นเพราะฉันเกิดสงสสารเขาขึ้นมา แต่มันก็ไม่ใช่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันกำลังชอบทาคุโระ
ทาคุโระไม่ใช่เด็กผู้ชายที่เหมือนๆกับคนอื่นทั่วๆไป เขาไม่ได้เป็นนักกีฬาของโรงเรียน แต่เขาอยู่ชมรมดุริยางค์ของโรงเรียน เขาเป็นคนบรรเลงเชลโล่ประจำวง แต่เขาก็เล่นได้ไม่ดีนัก ฉันกลับชื่นชมในความพยายามของเขาเสียมากกว่าเพราะฉันมักจะเห็นเขาแบกเชลโล่ที่อยู่ภายในกล่องสีดำไปซ้อม เพื่อนของเขามีอยู่เท่าที่ฉันเห็นก็ 4-5คน พวกนั้นต่างกับเขาเหมือนกันเพราะว่าทาคุโระเป็นคนเดียวที่ไม่เล่นเบสบอล ทำให้เขาดูห่างเหินกับเพื่อนๆสักหน่อย แต่ถ้าเป็นเวลาสอบ พวกนั้นกลับรายล้อม
ทาคุโระเพื่อขอลอก
พี่สาวของฉันกลับมา ใบหน้าดูอิดโรย ฉันหยุดคิดถึงทาคุโระไป แล้วมองหน้าเธอ เธอมองหน้าฉันแล้วหยุดเคลื่อนไหว
"มองหาอะไรไม่ทราบ"เธอมีน้ำเสียงที่ดูแข็งกระด้าง
"..."ฉันเงียบ ภายใจใจอยากซักถึงสาเหตุของใบหน้าที่เป็นเช่นนี้ แต่ประโยคของเธอมันต้านเอาไว้
"..."เธอเหมือนจะรู้สึกผิดที่พูดแรงๆไปอย่างนั้น แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอเดินจาก
ไปจากบริเวณของฉัน ฉันก็ทำเป็นลืมเช่นกัน ฉันได้ยินเสียงตู้เย็นเปิด พ่อคงไม่ได้สังงเกตุความอิดโรยของใบหน้าเธอ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น