ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Unintentional Love วุ่นนัก..รักไม่ตั้งใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ค. 63


    Chapter 2

     

     

    ข้าวต้มร้อนๆที่ถูกตักเข้าปากช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้จากฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่ตกค้างให้มิลินได้เป็นอย่างดี

     

    "หิวมากเหรอมิ้นท์" กานต์มองเพื่อนสาวที่จ้วงอาหารทานอย่างรีบเร่ง

     

    "อืม รีบกินรีบกลับเหอะ รู้สึกไม่ค่อยดีเลย" ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังคงหลอกหลอนเธอไม่หาย ใจอยากรีบหนีให้พ้นๆไปจากสถานที่นี้ ไม่อยากต้องเจอหน้าผู้ชายคนนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง!

     

    "อ่ะ สงสัยเมื่อคืนเมาไปหน่อยเลยหยิบผิดมา" กานต์เลื่อนโทรศัพท์มาตรงหน้า มิลินจ้องมองโทรศัพท์ตัวต้นเหตุ เมื่อคืนถ้าเธอไม่ตัดสินใจไปเอามันคืน แล้วดันไปเคาะประตูผิดห้อง เรื่องอัปยศก็คงไม่เกิดขึ้น นึกๆแล้วอยากจะปาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด

     

     

    ผู้โดยสารพากันทยอยขึ้นเรือที่เพิ่งเข้ามาเทียบท่า ในขณะที่มิลินร่ำลาพลางขอโทษขอโพยเพื่อนฝูงที่เธอต้องขอตัวกลับก่อนโดยอ้างว่าไม่สบายขึ้นมากะทันหัน กานต์เองก็เลือกที่จะกลับพร้อมเธอ คงเพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยหากปล่อยให้กลับเองเพียงลำพัง นึกๆแล้วก็รู้สึกผิดที่เธอทำให้เขาต้องอดสนุกเพียงเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง

     

    หญิงสาวกวาดตามองโดยรอบ ไม่ปรากฏวี่แววของ "ผู้ชายจอมหื่น" คนนั้น ดีแล้วที่ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก เรื่องทั้งหมดควรจะจบลงที่ตรงนี้ โชคดีแค่ไหนที่เมื่อคืนไม่เกิดเรื่องเกินเลยไปมากกว่านั้น เธอเองก็จะเก็บมันไว้เป็นบทเรียนสำคัญของชีวิต ดวงตากลมโตเลื่อนมองทอดยาวไปยังเส้นขอบฟ้าไกลสุดลูกหูลูกตาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ที่นั่งด้านซ้ายมีคนเข้ามาจับจอง แต่มิลินไม่ได้หันไปมอง เห็นเพียงหางตาว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงสวมแว่นกันแดดสีเข้ม เมื่อผู้คุมเรือประกาศว่าเรือกำลังจะออกจากท่า ผู้โดยสารทั้งหมดจึงเริ่มจับจองที่นั่ง กานต์เดินมานั่งฝั่งขวาของหญิงสาวที่ว่างอยู่

     

    "อ้าวพี่โจ จะกลับแล้วเหรอครับ" มิลินที่กำลังก้มเช็ดฝุ่นบนแว่นกันแดดเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนชายซึ่งเริ่มบทสนทนากับผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งอยู่อีกข้างของเธอ มิลินหันมองตาม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงนั้นถอดแว่นกันแดดออกพอดี หัวใจเธอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อสบตาเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาซึ่งตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่ชาติเธอก็ไม่มีวันลืม ฝ่าย "ผู้ชายจอมหื่น" ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจไม่ต่างกันกับเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาจำเธอได้ ร่างบางผุดลุกขึ้นในทันทีเพื่อจะไปหาที่นั่งใหม่ หากแต่มือใหญ่ของจิรัชญ์กลับคว้าแขนเรียวของเธอเอาไว้ ฝ่ามืออุ่นร้อนนั้นยิ่งทำให้เธอป่วนปั่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา

     

    "เรือออกแล้วอย่าลุกเดินเผ่นผ่านสิ มันอันตราย" เจ้าของมือดุก่อนจะดึงเธอให้นั่งลง นี่จะถือวิสาสะเกินไปมั้ย? มิลินแสดงสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ต้องจำใจนั่งลงที่เดิม

     

    "มิ้นท์ นี่พี่โจ รุ่นพี่ที่ภาค" กานต์แนะนำอย่างร่าเริง ไม่ทันสังเกตเห็นแววตาแสดงความไม่สบอารมณ์ของเพื่อนสาวที่เพิ่งรู้ว่า "ผู้ชายจอมหื่น" เป็นรุ่นพี่ที่คณะ

    "แล้วทำไมรีบกลับล่ะ เห็นเพื่อนๆยังอยู่ต่อกันนี่?" จิรัชญ์เอ่ยถาม

    "พอดีมิ้นท์รู้สึกไม่ค่อยสบายเลยพากลับก่อนน่ะครับ" กานต์กล่าวตอบถึงเหตุผลที่ต้องแยกตัวกลับก่อน หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ในเมื่อคนตัวเล็กตรงกลางยังนั่งตาใส แก้มอมชมพูระเรื่อ ดูเหมือนคนป่วยตรงไหน? หรือจะเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน นี่เธอคงตั้งใจจะหลบหน้าเขาเป็นแน่ หลังจากที่กวาดสายตามองหาทั่วห้องอาหารเมื่อเช้าแล้ว ไม่พบใครที่ใกล้เคียงกับหญิงสาวลึกลับที่ทำให้เขาค้างเติ่งเมื่อคืน จิรัชญ์ก็ถอดใจแกมเสียดายที่คิดว่าคงจะไม่ได้พบกันอีก หากแต่จู่ๆก็ดันได้พบเจอกันอีกครั้งโดยไม่ต้องพยายาม เพียงแค่สบตาเขาก็จำเธอได้ในทันที ฝั่งคนตัวเล็กก็ได้แต่ก้มหน้างุดแต่ก็รับรู้ถึงสายตาที่คอยลอบมองเธอเป็นระยะๆตลอดการเดินทาง

     

    น้ำทะเลสีฟ้าเริ่มขุ่นขึ้นเรื่อยๆเมื่อใกล้ถึงฝั่ง เพียง 30 นาทีเท่านั้นเรือก็จอดเทียบท่า

     

    “กลับกันยังไง?” จิรัชญ์เอ่ยถามรุ่นน้อง หากแต่สายตากลับจับจ้องอยู่กับคนตัวเล็กที่เดินตามมาติดๆ ตลอดทางเขาไม่ได้ยินเสียงเธอแม้แต่คำเดียว

     

    “เดี๋ยวไปขึ้นรถตู้ที่ท่ารถข้างหน้าอ่ะครับ” กานต์เอ่ยตอบ

     

    “กลับกับพี่ก็ได้นะ พี่เอารถมา เพื่อนไม่ค่อยสบายนี่ นั่งรถพี่น่าจะดีกว่า” พอจบประโยคจิรัชญ์ก็หันไปคุยกับเพื่อนร่วมกลุ่มเพื่อให้ย้ายไปนั่งรถคันอื่น ก่อนจะออกเดินนำไม่เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้ปฏิเสธ

     

    “เอาแต่ใจชะมัด” มิลินเอ่ยเบาๆแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เมื่อคิดว่าต้องนั่งในรถคันเดียวกับคนตัวโตที่เดินตัวปลิวอยู่ด้านหน้าอีกเกือบ 3 ชั่วโมง ครั้นจะให้กานต์ปฏิเสธก็รู้ว่าคงไม่มีหวัง เพราะดูท่าแล้วเพื่อนชายคงจะเกรงใจรุ่นพี่คนนี้อยู่ไม่น้อย

     

    แอร์ในรถที่ปรับลงจนสุดแล้วก็ยังเย็นฉ่ำจนหญิงสาวสะท้านหนาวเป็นระยะ จากที่ป่วยหลอกๆตอนนี้เริ่มตัวร้อนรุมๆ หรือว่าจะป่วยจริงขึ้นมา ไม่น่าแช่งตัวเองเลย กานต์ที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ ส่งเสื้อกันหนาวที่พกติดตัวมาให้กับเพื่อนสาวเพื่อคลุมให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น

     

    มิลินเสมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างราวกับมันน่าสนใจเสียเต็มประดา หากแต่ความจริงเธอพยายามหลบสายตาคู่นั้นเสียมากกว่า สายตาคมที่จ้องผ่านกระจกมองหลังขนาดใหญ่กว่าปกติ ที่ไม่ว่าเธอจะขยับไปนั่งอยู่มุมไหนของเบาะก็หนีไม่พ้น สายตาคมที่ทำให้ใบหน้าเธอร้อนผ่าวทุกคราวที่เผลอสบ เขาแทบไม่ได้ปกปิดสายตายั่วเย้านั่นเลย สายตาที่เหมือนเธอกำลังโดนถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น อึดอัดชะมัด มิลินภาวนาให้การเดินทางนี้สิ้นสุดลงโดยเร็ว

     

    รถราเริ่มแน่นขึ้นเมื่อเข้าสู่เขตชานเมืองของกรุงเทพมหานคร รถยุโรปคันโตสีดำสนิทแล่นเลียบลำคลองก่อนจะหักเลี้ยวข้ามสะพานเข้าสู่ถนนเส้นหลักที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัย ขับไปอีกไม่ไกลก็ถึงหอพักของกานต์ ส่วนหอพักของหญิงสาวอยู่ถัดไปอีก 2 ซอย มิลินลงจากรถพร้อมกานต์ เธอเลือกที่จะเดินไปหอพักดีกว่าต้องนั่งรถไปผู้ชายคนนั้นสองต่อสอง

     

    “ฉันไม่ชอบรุ่นพี่แกคนนี้เลยว่ะ” หญิงสาวเปิดบทสนทนาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวทันทีที่รถของจิรัชญ์เคลื่อนตัวออกไป

     

    “พี่โจอ่ะนะ แกคงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไม่ชอบเขาอ่ะ” กานต์ตอบกลั้วเสียงหัวเราะ เพราะทุกทีเห็นมีแต่สาวๆคลั่งไคล้รุ่นพี่หน้าตาดีของเขา

     

    “ชอบมองแปลกๆ ดูหื่นๆชอบกล”

     

    “คิดมากไปป่าวแก พี่เขามองแกแบบนั้นเหรอ เอ..หรือว่าเขาจะสนใจแกขึ้นมาวะมิ้นท์ มิน่ามาถามอะไรแปลกๆ” กานต์ทำหน้าครุ่นคิด ถึงแม้จะรู้ว่าเพื่อนสาวของเขาไม่ใช่สเปคของจิรัชญ์ที่มักจะเลือกคบแต่สาวเซ็กซี่ดีกรีระดับดาวคณะดาวมหาลัยเท่านั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามิลินเองก็จัดว่าเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ค่อนไปทางน่ารักมากกว่าจะสวยคมสะดุดตา ไม่แน่จิรัชญ์เองอาจจะอยากลองอะไรที่ผิดแผกไปจากเดิมก็เป็นได้

     

    “ถามว่าอะไร ที่ว่าแปลกๆน่ะ”

     

    “ก็..ถามว่าแกกับฉันเป็นแฟนกันรึเปล่า?” มิลินสงสัยว่าพวกเขาไปคุยกันตอนไหน ทำไมเธอถึงไม่ได้ยิน น่าจะเป็นตอนที่เธอปลีกตัวไปเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันแน่ๆ

     

    “แล้วแกตอบว่าไง” คนตัวเล็กยังคงเบิกตากว้างรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

     

    “อ้าว ไอ้นี่ แล้วแกคิดว่าฉันจะตอบว่าไงวะ” กานต์หัวเราะ ก็เธอกับเขาเป็นเพื่อนกัน แล้วนี่เธอคาดหวังว่าเขาจะตอบว่าอะไร

     

    “ตกลงตอบว่าไง” หญิงสาวเค้นเสียงถาม ไม่ตลกไปด้วย กานต์มองหน้าเพื่อนสาวด้วยความงุนงงที่เธอจริงจังถึงเพียงนี้

     

    “ไม่ทันได้ตอบ แกเดินมาขัดซะก่อน” บทสนทนาหยุดไว้เพียงเท่านี้เมื่อร่างสูงเดินนำเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะยื่นแผงยาแก้ปวดลดไข้ให้มิลินพร้อมน้ำเปล่า

     

    “น่าจะช่วยได้บ้าง” หญิงสาวเพียงเอ่ยขอบคุณเบาๆที่เพื่อนชายยังอุตส่าห์เป็นห่วง อีกใจก็นึกกระหวัดไปถึงหน้าผู้ชายอีกคนที่เพิ่งร่วมทางกันมา คิดถึงสายตาคู่นั้น คิดถึงคำถามที่เขาเอ่ยถามกานต์แล้วยังไม่ได้รับคำตอบ คิดแล้วก็หวั่นๆชอบกลว่าเขาจะมาไม้ไหน แต่ที่แน่ๆถ้าอยากให้ชีวิตสงบสุขเธอต้องหลีกหนีเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×