คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ++ก่อนสอบเข้า กับ ชายปริศนา++
“เฮ้ย ตัวเล็กตื่นเด่ะ มะรืนนี้ก้ต้องสอบเข้าแล้วนะ ต้องมาฝึกหนักหน่อย ข่าววงในเค้าว่าไว้ ปีนี้ภาค ปฏิบัติเจอหนักนะ” เควินเข้ามาปลุกน้องสาวในห้อง แล้วตลบผ้าห่มขึ้น
“ไม่จริงใช่ม้าย” -..- เอเลนอร์เงยหน้าขึ้นมาจากหมอนแล้วทำตาโต ทำไมปีนี้ถึงเจอหนักล่ะ ทำไมไม่เป็นปีที่แล้วล่ะฮะ “พี่พูดเล่นเพื่อให้เอตื่นใช่มั้ยเคฟ บอกทีว่ามันไม่จิง เอไม่อยากเจอหนักกว่าคนอื่นนะ ขี้เกียจอ่ะ เคฟ...” เอเลนอร์บ่นยาวเป็นหางว่าว
“ไม่จิงก้ได้จ๊ะ 55+ เพียงแต่มีกระจิบข่าวมาบอกน่ะ ปีนี้เกรโนเบลทำโดมให้เป็นป่าดงดิบ ซึ่งดีกว่าทะเลทรายพี่ตรงที่มันจะเล็กกว่า แต่ว่าป่าดงดิบมันก้มีที่ซ่อนเยอะแยะนะ ลำบากหน่อยเหมือนกัน แต่ว่าพ่อสั่งทำป่าดงดิบจำลองไว้หลังบ้านแทนเขาลูกนั้นแล้วแหละ ลองไปเดินๆดูละกันนะ” เควินยิ้มให้น้องสาวตัวเอง จิงๆแล้วเค้าเลี่ยงที่จะบอกว่าป่าดงดิบที่เกรโนเบลสร้างขึ้นมาน่ะ ถูกเนรมิตมาจากป่าจิงๆ เพื่อให้เธอสบายใจเท่านั้น
เอเลนอร์งัวเงียลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป สิบห้านาทีก้ออกมาใหม่ในกางเกงทหารกับเสื้อยืดสีเขียว ผมสีทองของเธอถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า “เคฟ ไปได้แล้ว มาปลุกแล้วยังจะนอนซะเองอีก อะไรเนี่ย” เอเลนอร์เขย่าแขนพี่ชายตัวเองที่ดันหลับไปซะเองบนเตียงของเธอ
“อื้อๆ ไปก้ไป” เควินลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปหลังบ้าน ที่ๆภูเขาเคยอยู่ตอนนี้กลายเป็นผืนดินใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นาๆชนิดที่แย่งกันขึ้นจนแสงอาทิตย์แทบจะไม่มีที่ลอดผ่านเข้าไปเลย พ่อทำอะไรของเค้านะ เอเลนอร์คิดในใจแล้วหาวรับบรรยากาศอึมครึมในป่าใหญ่นี้ เธอยังรุ้สึกง่วงๆอยู่เลย แถมไม่มีกะจิตกะใจจะออกเดินป่าด้วย ถ้าไม่เป็นเพราะงานบ้าๆนี้
“เอ้า มายืนหาวอะไรเล่า อ่ะ เอานี่ไป” เควินยื่นเป้ใบนึงให้น้องสาว “ของที่ต้องใช้น่ะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปตรงใจกลางป่านี้นะ แล้วเธอก้เดินหาทางออกไปเรื่อยๆละกัน ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นนะเอ เดี๋ยวฉันจะเดินตามหลังเธอไปเรื่อยๆล่ะกัน” เควินเสริม เมื่อเห็นหน้าบูดเบี้ยวของเอเลนอร์ “เคฟ ตอนพี่เข้าเอจำไม่ได้เลยว่าต้องฝึกอะไรแบบนี้กะเค้าด้วย เห็นว่าเติมเอกสารเสร็จแล้วก้ไปทดสอบเลยนี่นา ไม่ยุติธรรมเลยที่เอต้องมาฝึกแบบเนี้ยอ่ะ ทำไมพ่อไม่ปฏิเสธงานนี้ไปก้ไม่รุ”
“บ่นไปได้อะไรเล่า” เควินส่ายหน้าแล้วใช้พลังหายตัวของเค้าพาตัวเองกับน้องสาวไปใจกลางป่า
บ่ายวันนั้น
เอเลนอร์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในบ้านแล้วถอดบู๊ตเดินป่าเธอออก เวลานี้เพิ่งจะบ่ายๆเองเธอก้นำพี่ชายเธอกลับมาที่ตัวบ้านได้สำเร็จ เควินได้ขึ้นไปอาบน้ำแล้ว ส่วนเอเลนอร์ไม่มีแรงจะเดินขึ้นบ้านด้วยซ้ำ วันนี้เธอขี้เกียจเกินจะทำอะไรแล้วแหละ
“เควิน เอเลนอร์มานี่หน่อย” ดอรัสตะโกนเรียกจากห้องทำงานของเค้า เอเลนอร์เบิกตาโต อะไรกันเนี่ย เพิ่งกลับมาถึงแท้ๆนะ แต่เควินก้เดินลงมาลากเอเลนอร์ไปหาพ่อพวกเค้าได้สำเร็จ ในห้องทำงานดอรัสมีแมทธิวที่นั่งกินข้าวอยู่บนโซฟาคนเดียว แล้วพ่อพวกเค้าไปไหนล่ะเนี่ย
“พ่อไปเอางานแปบนึง” แมทธิวยิ้มให้ ว่าแล้วดอรัสก้เดินออกมาจากห้องลับข้างๆ “อ่ะก่อนแกจะไปสอบเข้าเอานี่ไปทำก่อนละกันดอรัสปาซองสีน้ำตาลให้เอเลนอร์ “ส่วนแกเอางานนี้ไปว่างนักหนิ” แล้วซองจดหมายอีกซองก้ถูกปาไปทางเควิน เอเลนอร์หรี่ตาลงมองพ่อตัวเอง “อะไรเนี่ยพ่อ มะรืนก้จะไปสอบแล้ว แมท ธิวว่างหนิเอาไปทำดิ ขี้เกียจแล้ว”
“เฮ้ย” เควินตะโกนออกมา “งานนี้มันต้องไปแคนาดานี่นา ผมจะเปิดเทอมแล้วนะพ่อ” เควินขมวดคิ้ว ดอรัสหัวเราะร่าเหมือนว่าล้อเล่น “ฮะๆๆๆๆ ทำซะ” เค้าตีหน้าเข้นก่อนจะตวัดมือไล่ลูกสองคนเล็กออกจากห้องทำงานเค้าแล้วปาซองจดหมายอันใหญ่เบิ้มให้แมทธิว
แมทธิวยิ้มรับงานก่อนจะเดินตามน้องสองคนออกไปจากห้อง เค้าได้งานที่บราซิลเป็นเจ้าของบริษัทชื่อดัง หวานหมูละทีนี้ “ได้ไรกันมั่งล่ะ” แมทถาม “แคนาดาอ่ะ” เควินตอบ ส่วนเอเลนอร์ได้แต่ค้อนใส่พี่ชายเท่านั้นแล้วเดินขึ้นห้องไป
เอเลนอร์เข้าไปอาบน้ำแล้วออกมารื้อตู้เสื้อผ้า ถ้าจะต้องทำงานเธอเลือกที่จะทำให้มันจบๆไปเลยดีกว่า ดังนั้นเธอจึงหยิบชุดราตรีสีชมพูซาตินออกมาสวม ผมสีทองถูกรวบเป็นมวยสูง และใส่ต่างหูเพชรที่เธอชนะมาจากงานที่แล้ว และเข็มกลัดมุขล้อมเพชรที่เธอถูกใจเป็นพิเศษ เอเลนอร์เปิดตู้ใบใหญ่ข้างๆตู้เสื้อผ้าอีกตัวออก แล้วมองเข้าไป ด้านในมีระเบิด ปืน มีด ดาบและทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการฆ่า แต่คราวนี้เธอมองข้ามของพวกนั้นไปและหยิบขวดเล็กๆขวดนึงขึ้นมาใส่กระเป๋าสีเงินใบเล็กที่ใช้ออกงาน
พอเอเลนอร์ลงไปข้างล่างก้เจอพี่ชายทั้งสองคน เควินอยู่ในชุดสูทและมีกระเป๋าเดินทางใบเบิ้มอยู่ข้างๆทำเอาเค้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะส่วนแมทธิวยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ ดูท่าแล้วเค้าคงยังไม่ออกเดินทางวันนี้ “จะไปแล้วหรอเคฟ” เอเลนอร์ถามก่อนจะหันหากระจกแล้วหยิบลิปสติกขึ้นมาทา
“ยังหรอกออกเช้าตรู่อ่ะ เตรียมตัวไว้ก่อน แล้วเอล่ะไปเลยหรอ งานสังคมอ่ะเด่ะ ไปเป็นเพื่อนเอาป่าว” เอเลนอร์ส่ายหัว “พี่ขับรถไปก็พออ่ะ ไม่ต้องเข้าไปหรอกแปบเดียวก้เสร็จ” เธอยักคิ้วแบบที่เควินชอบทำแล้วเดินออกจากบ้านไป เควินเดินตามเธออกไปแล้วสตาร์ทเครื่องรถสีดำคันหรู
ชั่วโมงต่อมารถคันนั้นก็จอดหน้าโรงแรมหรูตรงชานเมืองพอดี ฟ้าเริ่มมืดแล้ว คนที่จะเข้าร่วมงานปาร์ตี้คืนนั้นเลยเริ่มทยอยกันมาแล้ว ทุกคนล้วมแต่แต่งตัวด้วยชุดที่ดูหรูหราทั้งนั้น เอเลอนอร์ก้าวลงจากรถแล้วกลืนหายไปกับคนที่ดริ่มเดินเข้าโรงแรม เควินเลี้ยวรถสีดำไปจอดแล้วยืนพิงรถรอเวลาที่เอเลนอร์จะออกมา
เอเลนอร์หันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหาเหยื่อเธอ หรือจะเข้าไปข้างในแล้วก็ไม่รู้ ทันใดนั้น พลั่ก ก็มีคนเดินเข้าชนไหล่เธอเต็มๆ เธอหันซ้ายไปพบชายคนนึง เค้ามีรูปร่างสูงโปร่งผมสีฟ้าอ่อนๆแซมเงิน ตาสีม่วงเป็นประกายตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่เธอ แล้วหันกลับไปทางเดิม ชายคนนั้นเดินเข้าดรงแรมไปโดยไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ
เอ๊ะ นายนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เดินชนแล้วไม่ยอมขอโทษ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษซะเลย ผู้ชายแบบไหนกันนะนี่ เอเลนอร์คิดด่าในใจ แต่ว่าความสนใจเธอถูกเบนไปซักพัก เพราะเหยื่อของเธอมากแล้ว
หญิงอ้วนท้วมแต่งตัวด้วยชุดราตรีสีฟ้ากับเสื้อขนมิ้งค์สีขาวดำ ทั้งร่างกายเธอถูกประดับประดาไปด้วยของแพงๆมากมาย ไม่ว่าจะเป้นเสื้อผ้าเครื่องประดับ หรือแม้แต่สุนัขไร้ขนตัวจ้อยที่เธออุ้มมา นั่นมันตัวอะไรน่ะ เอเลนอร์ขมวดคิ้วมอง เอาล่ะได้เวลางานแล้ว
“โอ๊ะ มาดามค่ะเราเคยพบกันที่ไหนรึป่าว” เอเลนอร์เดินเข้าไปทัก และเอามือแตะไว้ที่อก ประมาณว่าอุ้ย ตกใจ หญิงอ้วนคนนั้น กวาดตามองเอเลนอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่แน่นะคะ โฮะๆๆๆ สาวน้อยหน้าตาสวยแบบหนูถ้าเคยพบกันฉันคงจะไม่ลืมหรอกจ๊ะ โฮะๆๆๆๆ ฉันชื่อมาดามโรสเซร่านะจ๊ะ” เธอยื่นมือที่เต็มไปด้วยแหวนเพชรมาทางเอเลนอร์
เอเลนอร์จับมือเธอและเขย่าอย่างเป็นทางการ “ตายแล้วแหวนคุณสวยจังเลยนะคะ” เอเลนอร์แสร้งชมเธอไปอย่างนั้น มาดามโรเซร่าดูจะเป็นปลื้มอย่างมากแล้วเริ่มสาธยายยาวเกี่ยวกับว่าเธอต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะได้แหวนคืนมา เมื่อเอเลนอร์เดินกับมาดามโรเซร่า ยามที่เฝ้าโรงแรมจึงไม่ได้สงสัย หรือแม้แต่ถามถึงบัตรเชิญของเอเลนอร์เลย คงจะเข้าใจว่ามากับมาดามโรเซร่ากระมัง
เควินที่ดูอยู่ไกลๆ ยิ้มออกมาแล้วกลับเข้าไปนอนรอในรถแทน งานนี้หมูน่าดูเลยสำหรับเอเลนอร์
เอเลนอร์เองใช้เวลาทั้งชั่วโมงนั่งฟังเรื่องราวต่างๆของมาดามโรเซร่า เธอทั้งยิ้มทั้งพยักหน้าเห็นด้วย และทำท่าตกใจบ้าง เวลาก็ผ่านไปได้ซักพักแล้ว ได้เวลาลงมือ เอเลนอร์คิด
“โฮะๆๆๆ มาดามคะคุยกันซะนานหิวน้ำจังเลยนะคะ พอดีฉันเห็นน้ำพั๊นช์อยู่ตรงนั้น ฉันจะหยิบมาเผื่อซักแก้วนะคะ โฮะๆๆๆ” เอเลนอร์ยิ้มหวานให้กับมาดามโรเซร่า แล้วเดินไปทางน้ำพั๊นช์ เธอกวาดตามองไปรอบๆห้องจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครดูอยู่ แต่แล้วกลับมีคนมองเธออยู่ ชายคนที่เดินชนเธอตอนที่เข้ามานั่นเอง ตาสีม่วงของเค้าจับจ้องอยู่ที่เธอไม่กระพริบเลย
เอเลนอร์หันหลังให้เค้าแล้วขมวดคิ้ว อะไรกันนักหนา ถ้ามองแบบนี้แล้วจะทำงานได้มั้ยเนี่ย แต่เมื่อเอเลนอร์หันกลับไปมองชายคนนั้นอีกที เค้าก็หายไปแล้ว เธอถอนหายใจเบาๆแล้วตักน้ำพั๊นช์ไว้สองแก้ว เมื่อเธอเปิดกระเป๋าถือเธอเพื่อหยิบของที่อยู่ข้างในนั่นเอง . . .
“เฮ้ย ตัวเล็กตื่นเด่ะ มะรืนนี้ก้ต้องสอบเข้าแล้วนะ ต้องมาฝึกหนักหน่อย ข่าววงในเค้าว่าไว้ ปีนี้ภาค ปฏิบัติเจอหนักนะ” เควินเข้ามาปลุกน้องสาวในห้อง แล้วตลบผ้าห่มขึ้น
“ไม่จริงใช่ม้าย” -..- เอเลนอร์เงยหน้าขึ้นมาจากหมอนแล้วทำตาโต ทำไมปีนี้ถึงเจอหนักล่ะ ทำไมไม่เป็นปีที่แล้วล่ะฮะ “พี่พูดเล่นเพื่อให้เอตื่นใช่มั้ยเคฟ บอกทีว่ามันไม่จิง เอไม่อยากเจอหนักกว่าคนอื่นนะ ขี้เกียจอ่ะ เคฟ...” เอเลนอร์บ่นยาวเป็นหางว่าว
“ไม่จิงก้ได้จ๊ะ 55+ เพียงแต่มีกระจิบข่าวมาบอกน่ะ ปีนี้เกรโนเบลทำโดมให้เป็นป่าดงดิบ ซึ่งดีกว่าทะเลทรายพี่ตรงที่มันจะเล็กกว่า แต่ว่าป่าดงดิบมันก้มีที่ซ่อนเยอะแยะนะ ลำบากหน่อยเหมือนกัน แต่ว่าพ่อสั่งทำป่าดงดิบจำลองไว้หลังบ้านแทนเขาลูกนั้นแล้วแหละ ลองไปเดินๆดูละกันนะ” เควินยิ้มให้น้องสาวตัวเอง จิงๆแล้วเค้าเลี่ยงที่จะบอกว่าป่าดงดิบที่เกรโนเบลสร้างขึ้นมาน่ะ ถูกเนรมิตมาจากป่าจิงๆ เพื่อให้เธอสบายใจเท่านั้น
เอเลนอร์งัวเงียลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป สิบห้านาทีก้ออกมาใหม่ในกางเกงทหารกับเสื้อยืดสีเขียว ผมสีทองของเธอถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า “เคฟ ไปได้แล้ว มาปลุกแล้วยังจะนอนซะเองอีก อะไรเนี่ย” เอเลนอร์เขย่าแขนพี่ชายตัวเองที่ดันหลับไปซะเองบนเตียงของเธอ
“อื้อๆ ไปก้ไป” เควินลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปหลังบ้าน ที่ๆภูเขาเคยอยู่ตอนนี้กลายเป็นผืนดินใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้นาๆชนิดที่แย่งกันขึ้นจนแสงอาทิตย์แทบจะไม่มีที่ลอดผ่านเข้าไปเลย พ่อทำอะไรของเค้านะ เอเลนอร์คิดในใจแล้วหาวรับบรรยากาศอึมครึมในป่าใหญ่นี้ เธอยังรุ้สึกง่วงๆอยู่เลย แถมไม่มีกะจิตกะใจจะออกเดินป่าด้วย ถ้าไม่เป็นเพราะงานบ้าๆนี้
“เอ้า มายืนหาวอะไรเล่า อ่ะ เอานี่ไป” เควินยื่นเป้ใบนึงให้น้องสาว “ของที่ต้องใช้น่ะ เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปตรงใจกลางป่านี้นะ แล้วเธอก้เดินหาทางออกไปเรื่อยๆละกัน ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นนะเอ เดี๋ยวฉันจะเดินตามหลังเธอไปเรื่อยๆล่ะกัน” เควินเสริม เมื่อเห็นหน้าบูดเบี้ยวของเอเลนอร์ “เคฟ ตอนพี่เข้าเอจำไม่ได้เลยว่าต้องฝึกอะไรแบบนี้กะเค้าด้วย เห็นว่าเติมเอกสารเสร็จแล้วก้ไปทดสอบเลยนี่นา ไม่ยุติธรรมเลยที่เอต้องมาฝึกแบบเนี้ยอ่ะ ทำไมพ่อไม่ปฏิเสธงานนี้ไปก้ไม่รุ”
“บ่นไปได้อะไรเล่า” เควินส่ายหน้าแล้วใช้พลังหายตัวของเค้าพาตัวเองกับน้องสาวไปใจกลางป่า
บ่ายวันนั้น
เอเลนอร์ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในบ้านแล้วถอดบู๊ตเดินป่าเธอออก เวลานี้เพิ่งจะบ่ายๆเองเธอก้นำพี่ชายเธอกลับมาที่ตัวบ้านได้สำเร็จ เควินได้ขึ้นไปอาบน้ำแล้ว ส่วนเอเลนอร์ไม่มีแรงจะเดินขึ้นบ้านด้วยซ้ำ วันนี้เธอขี้เกียจเกินจะทำอะไรแล้วแหละ
“เควิน เอเลนอร์มานี่หน่อย” ดอรัสตะโกนเรียกจากห้องทำงานของเค้า เอเลนอร์เบิกตาโต อะไรกันเนี่ย เพิ่งกลับมาถึงแท้ๆนะ แต่เควินก้เดินลงมาลากเอเลนอร์ไปหาพ่อพวกเค้าได้สำเร็จ ในห้องทำงานดอรัสมีแมทธิวที่นั่งกินข้าวอยู่บนโซฟาคนเดียว แล้วพ่อพวกเค้าไปไหนล่ะเนี่ย
“พ่อไปเอางานแปบนึง” แมทธิวยิ้มให้ ว่าแล้วดอรัสก้เดินออกมาจากห้องลับข้างๆ “อ่ะก่อนแกจะไปสอบเข้าเอานี่ไปทำก่อนละกันดอรัสปาซองสีน้ำตาลให้เอเลนอร์ “ส่วนแกเอางานนี้ไปว่างนักหนิ” แล้วซองจดหมายอีกซองก้ถูกปาไปทางเควิน เอเลนอร์หรี่ตาลงมองพ่อตัวเอง “อะไรเนี่ยพ่อ มะรืนก้จะไปสอบแล้ว แมท ธิวว่างหนิเอาไปทำดิ ขี้เกียจแล้ว”
“เฮ้ย” เควินตะโกนออกมา “งานนี้มันต้องไปแคนาดานี่นา ผมจะเปิดเทอมแล้วนะพ่อ” เควินขมวดคิ้ว ดอรัสหัวเราะร่าเหมือนว่าล้อเล่น “ฮะๆๆๆๆ ทำซะ” เค้าตีหน้าเข้นก่อนจะตวัดมือไล่ลูกสองคนเล็กออกจากห้องทำงานเค้าแล้วปาซองจดหมายอันใหญ่เบิ้มให้แมทธิว
แมทธิวยิ้มรับงานก่อนจะเดินตามน้องสองคนออกไปจากห้อง เค้าได้งานที่บราซิลเป็นเจ้าของบริษัทชื่อดัง หวานหมูละทีนี้ “ได้ไรกันมั่งล่ะ” แมทถาม “แคนาดาอ่ะ” เควินตอบ ส่วนเอเลนอร์ได้แต่ค้อนใส่พี่ชายเท่านั้นแล้วเดินขึ้นห้องไป
เอเลนอร์เข้าไปอาบน้ำแล้วออกมารื้อตู้เสื้อผ้า ถ้าจะต้องทำงานเธอเลือกที่จะทำให้มันจบๆไปเลยดีกว่า ดังนั้นเธอจึงหยิบชุดราตรีสีชมพูซาตินออกมาสวม ผมสีทองถูกรวบเป็นมวยสูง และใส่ต่างหูเพชรที่เธอชนะมาจากงานที่แล้ว และเข็มกลัดมุขล้อมเพชรที่เธอถูกใจเป็นพิเศษ เอเลนอร์เปิดตู้ใบใหญ่ข้างๆตู้เสื้อผ้าอีกตัวออก แล้วมองเข้าไป ด้านในมีระเบิด ปืน มีด ดาบและทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการฆ่า แต่คราวนี้เธอมองข้ามของพวกนั้นไปและหยิบขวดเล็กๆขวดนึงขึ้นมาใส่กระเป๋าสีเงินใบเล็กที่ใช้ออกงาน
พอเอเลนอร์ลงไปข้างล่างก้เจอพี่ชายทั้งสองคน เควินอยู่ในชุดสูทและมีกระเป๋าเดินทางใบเบิ้มอยู่ข้างๆทำเอาเค้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะส่วนแมทธิวยังอยู่ในชุดเดิม เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ ดูท่าแล้วเค้าคงยังไม่ออกเดินทางวันนี้ “จะไปแล้วหรอเคฟ” เอเลนอร์ถามก่อนจะหันหากระจกแล้วหยิบลิปสติกขึ้นมาทา
“ยังหรอกออกเช้าตรู่อ่ะ เตรียมตัวไว้ก่อน แล้วเอล่ะไปเลยหรอ งานสังคมอ่ะเด่ะ ไปเป็นเพื่อนเอาป่าว” เอเลนอร์ส่ายหัว “พี่ขับรถไปก็พออ่ะ ไม่ต้องเข้าไปหรอกแปบเดียวก้เสร็จ” เธอยักคิ้วแบบที่เควินชอบทำแล้วเดินออกจากบ้านไป เควินเดินตามเธออกไปแล้วสตาร์ทเครื่องรถสีดำคันหรู
ชั่วโมงต่อมารถคันนั้นก็จอดหน้าโรงแรมหรูตรงชานเมืองพอดี ฟ้าเริ่มมืดแล้ว คนที่จะเข้าร่วมงานปาร์ตี้คืนนั้นเลยเริ่มทยอยกันมาแล้ว ทุกคนล้วมแต่แต่งตัวด้วยชุดที่ดูหรูหราทั้งนั้น เอเลอนอร์ก้าวลงจากรถแล้วกลืนหายไปกับคนที่ดริ่มเดินเข้าโรงแรม เควินเลี้ยวรถสีดำไปจอดแล้วยืนพิงรถรอเวลาที่เอเลนอร์จะออกมา
เอเลนอร์หันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหาเหยื่อเธอ หรือจะเข้าไปข้างในแล้วก็ไม่รู้ ทันใดนั้น พลั่ก ก็มีคนเดินเข้าชนไหล่เธอเต็มๆ เธอหันซ้ายไปพบชายคนนึง เค้ามีรูปร่างสูงโปร่งผมสีฟ้าอ่อนๆแซมเงิน ตาสีม่วงเป็นประกายตาคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่เธอ แล้วหันกลับไปทางเดิม ชายคนนั้นเดินเข้าดรงแรมไปโดยไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ
เอ๊ะ นายนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เดินชนแล้วไม่ยอมขอโทษ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษซะเลย ผู้ชายแบบไหนกันนะนี่ เอเลนอร์คิดด่าในใจ แต่ว่าความสนใจเธอถูกเบนไปซักพัก เพราะเหยื่อของเธอมากแล้ว
หญิงอ้วนท้วมแต่งตัวด้วยชุดราตรีสีฟ้ากับเสื้อขนมิ้งค์สีขาวดำ ทั้งร่างกายเธอถูกประดับประดาไปด้วยของแพงๆมากมาย ไม่ว่าจะเป้นเสื้อผ้าเครื่องประดับ หรือแม้แต่สุนัขไร้ขนตัวจ้อยที่เธออุ้มมา นั่นมันตัวอะไรน่ะ เอเลนอร์ขมวดคิ้วมอง เอาล่ะได้เวลางานแล้ว
“โอ๊ะ มาดามค่ะเราเคยพบกันที่ไหนรึป่าว” เอเลนอร์เดินเข้าไปทัก และเอามือแตะไว้ที่อก ประมาณว่าอุ้ย ตกใจ หญิงอ้วนคนนั้น กวาดตามองเอเลนอร์ตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่แน่นะคะ โฮะๆๆๆ สาวน้อยหน้าตาสวยแบบหนูถ้าเคยพบกันฉันคงจะไม่ลืมหรอกจ๊ะ โฮะๆๆๆๆ ฉันชื่อมาดามโรสเซร่านะจ๊ะ” เธอยื่นมือที่เต็มไปด้วยแหวนเพชรมาทางเอเลนอร์
เอเลนอร์จับมือเธอและเขย่าอย่างเป็นทางการ “ตายแล้วแหวนคุณสวยจังเลยนะคะ” เอเลนอร์แสร้งชมเธอไปอย่างนั้น มาดามโรเซร่าดูจะเป็นปลื้มอย่างมากแล้วเริ่มสาธยายยาวเกี่ยวกับว่าเธอต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะได้แหวนคืนมา เมื่อเอเลนอร์เดินกับมาดามโรเซร่า ยามที่เฝ้าโรงแรมจึงไม่ได้สงสัย หรือแม้แต่ถามถึงบัตรเชิญของเอเลนอร์เลย คงจะเข้าใจว่ามากับมาดามโรเซร่ากระมัง
เควินที่ดูอยู่ไกลๆ ยิ้มออกมาแล้วกลับเข้าไปนอนรอในรถแทน งานนี้หมูน่าดูเลยสำหรับเอเลนอร์
เอเลนอร์เองใช้เวลาทั้งชั่วโมงนั่งฟังเรื่องราวต่างๆของมาดามโรเซร่า เธอทั้งยิ้มทั้งพยักหน้าเห็นด้วย และทำท่าตกใจบ้าง เวลาก็ผ่านไปได้ซักพักแล้ว ได้เวลาลงมือ เอเลนอร์คิด
“โฮะๆๆๆ มาดามคะคุยกันซะนานหิวน้ำจังเลยนะคะ พอดีฉันเห็นน้ำพั๊นช์อยู่ตรงนั้น ฉันจะหยิบมาเผื่อซักแก้วนะคะ โฮะๆๆๆ” เอเลนอร์ยิ้มหวานให้กับมาดามโรเซร่า แล้วเดินไปทางน้ำพั๊นช์ เธอกวาดตามองไปรอบๆห้องจัดงานครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครดูอยู่ แต่แล้วกลับมีคนมองเธออยู่ ชายคนที่เดินชนเธอตอนที่เข้ามานั่นเอง ตาสีม่วงของเค้าจับจ้องอยู่ที่เธอไม่กระพริบเลย
เอเลนอร์หันหลังให้เค้าแล้วขมวดคิ้ว อะไรกันนักหนา ถ้ามองแบบนี้แล้วจะทำงานได้มั้ยเนี่ย แต่เมื่อเอเลนอร์หันกลับไปมองชายคนนั้นอีกที เค้าก็หายไปแล้ว เธอถอนหายใจเบาๆแล้วตักน้ำพั๊นช์ไว้สองแก้ว เมื่อเธอเปิดกระเป๋าถือเธอเพื่อหยิบของที่อยู่ข้างในนั่นเอง . . .
ความคิดเห็น