คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ศพนิรนาม
ศพนิรนาม
“ลงไปทำอะไรน่ะ “
“ถ่ายรูป” “เดี๋ยวปีเตอร์ก็มาแลัว” เอดมัน ชิฟเฟอร์ เผลอถอนหายใจออกมาดังๆ ขณะมองดูลูกน้องคนสำคัญถ่ายรูปศพหญิงสาวที่เด็กวัยรุ่นสองคนเป็นคนพบขณะนั่งตกปลากันที่ริมตลิ่ง เด็กคนแรกเล่าว่ารู้สึกว่าสายเบ็ดตึง จึงรีบสาวสายเบ็ด แต่สาวยังไงก็ไม่ขึ้น เลยเรียกเพื่อนอีกคนมาช่วยสาว ตอนแรกก็ดีใจคิดว่าจะได้ปลาตัวใหญ่แน่ พอดึงขึ้นมาได้ถึงได้รู้ว่าเป็นศพคน ตอนนี้ทั้งสองกำลังให้จิตแพทย์ดูอาการอยู่ แน่ล่ะใครเจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่สติแตกก็แปลกเต็มที การที่ตำรวจจะถ่ายรูปศพที่ถูกฆาตกรรมนั้นไม่ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะสภาพศพตอนที่ถูกพบครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด ในตอนแรกอาจจะพลาดหลักฐานบางส่วนไป แต่เมื่อกลับมามองรูปนั้นอีกครั้งก็อาจจะพบหลักฐานที่ซ่อนอยู่ได้ เมื่อคดีถูกปิดไปแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะนำหลักฐานทุกอย่างรวมทั้งรูปถ่ายเข้าแฟ้ม และเก็บไว้ในที่ที่มันสำควรอยู่ แต่ในกรณีของเจสสิกาไม่เหมือนกัน เธอมักจะถ่ายรูปศพเอาไว้ดูเอง โดยให้ปีเตอร์ถ่ายไว้อีกชุดเพื่อเก็บเข้าแฟ้ม เธอยังคงเก็บรูปพวกนั้นเอาไว้จนถึงตอนนี้ ชิพเฟอร์เคยเห็นอัลบัมรูปพวกนั้นครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ไปบ้านเธอ เจสสิกาเก็บกล้องถ่ายรูปเข้าประเป๋าทันที เมื่อได้ยินเสียงไซเรนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คงจะเป็นปีเตอร์ เขามักมาพร้อมกับเสียงเอะอะ ต่างจากเธอที่ต้องการความเงียบสงบในเวลาทำงานมากกว่า ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอแอบถ่ายรูปศพเก็บเอาไว้ ปีเตอร์อาจไม่ถ่ายรูปอีก แล้วเธอจะต้องเสียรูปพวกนี้ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมไม่ได้ “สารวัตร บอกว่าฉันเพิ่งมาถึงนะ” เจสิกาพูดพลางเงยหน้าขึ้นมา เธอเห็นชายร่างเล็กผอมแห้งแรงน้อย ผมเรียบไร้รอยคลื่น กำลังเดินตรงมา เขาคือปีเตอร์ แฮริส เขามักจะสวมเสื้อเชิร์ตกับกางเกงสแลคเสมอ เจสสิกาคิดว่าเขาสำอางเกินกว่าที่จะเป็นตำรวจ “มานานแล้วเหรอเจส” “เรย์มอน ฉันเพิ่งมา” ปีเตอร์มองหญิงสาวข้างหน้าเขาพลางถอนใจ เธอไม่เคยยอมให้ใครเรียกชื่อเลยสักครั้ง เขาเคยสงสัยว่าหากวันใดที่ต้องไปบ้านเธอ คงจะเจอแต่บุคคลที่ชื่อว่าเรย์มอนเต็มไปหมด “ข้างล่างเหรอ” เขาถามเจสสิกาพลางเดินลงมาที่ริมตลิ่ง เจสสิกาหลีกทางให้เขา แต่เมื่อเห็นสภาพศพ เขาถึงกับผงะ ต้องกระโจนถอยออกมาอาเจียน สภาพปีเตอร์ในตอนนั้นดูไม่จืดเลยจริงๆ เจสสิกาเหนื่อยใจกับภาพที่เห็น ปีเตอร์เป็นต้องอาเจียนทุกครั้งที่เห็นศพ เหมือนกับเป็นการเอาฤกเอาชัยก่อนการทำงาน “ถ่ายซะ” น้ำเสียงที่เจสสิกาพูดเหมือนเจ้านายสั่งลูกน้องมากกว่าพูดกับเพื่อนร่วมงาน แต่ปีเตอร์รู้ดีว่าเธอไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น ถึงเธอจะเข้ากรมตำรวจมาก่อนเขาก็ตาม เขาแข็งใจก้าวขาที่ออกจะสั่นนิดๆออกไป ในมือถือกล้องถ่ายรูปเตรียมพร้อม สภาพศพหญิงสาวเบื้องหน้าทำให้ปีเตอร์รู้สึกคลื่นไส้ แต่หน้าที่ต้องเป็นหน้าที่ “เพศหญิงอายุประมาณ 20 กว่าๆ หนังศรีษะถูกถลกออกพร้อมกับผิวหนังบริเวณใบหน้า ที่แขนก็ด้วย ดวงตาถูกควักออกไป สภาพศพถูกแช่อยู่ในน้ำ จนผิวหนังเหี่ยวและเปื่อย มีบางส่วนที่ถูกปลาตอดเอาไปกิน เห็นไหม ตรงนั้นน่ะ” เจสสิกาเริ่มรายงานสภาพศพอย่างคร่าวๆ พลางใช้นิ้วชี้ไปที่คอของศพ ซึ่งมีสภาพเปื่อยยุ่ยกว่าที่อื่น นอกจากรอยถูกกัดแทะแล้วยังพบรอยกรีดเป็นทางยาวตั้งแต่เหนือลูกกระเดือกลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า เจสสิกาใช้ปากคีบแยกรอยกรีดนั้นออกจากกัน เธอใช้นิ้วมือสำรวจช่องนั้นราวกับควานหาอะไรซักอย่าง “กล่องเสียงหายไป ” เจสสิกาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป เธอไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ “ถูกแทงที่หน้าอก น่าจะตายด้วยสาเหตุนี้” เสื้อยืดสีขาวมีคราบเลือดจางๆ ติดอยู่ เนื้อผ้าขาดออกบริเวณหน้าอกข้างซ้าย เจสสิกายังคงไล่สายตาต่อไปเรื่อยๆ “ข้อเท้าขวาถูกของมีคมบาดลึกไปถึงกระดูก“ ปีเตอร์มองตามที่เจสสิกาชี้ เขาเห็นส่วนสีขาวๆ โผล่ออกมานั่นคงเป็นกระดูก บริเวณปากแผลยังมีรอยสัตว์กัดแทะ ที่จริงร่างของหญิงสาวคนนี้ถูกแทะเกือบจะทั้งตัว เขาเผลอมองกลับไปยังส่วนที่ถูกถลกหนังออก ใบหน้าที่ปราศจากผิวหนัง เบ้าตาที่กลวงโบ๋ ศรีษะโล้นเลี่ยนปราศจากเส้นผมกระทั่งหนังศรีษะก็ไม่มี เนื้อบริเวณนั้นซีดและเปื่อยยุ่ยกว่าบริเวณอื่น ยุ่ยมาก ยุ่ยเสียจนเรียกได้ว่าเป็นแค่เนื้อเละๆ เขารู้สึกคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นครั้งที่สอง เจสสิกายังคงสำรวจบริเวณข้างเคียงเพื่อหาหลักฐานชิ้นอื่นๆ แต่เมื่อเป็นศพที่ลอยน้ำมา โอกาสที่จะเจอหลักฐานนั้นแทบจะไม่มีเลย หลักฐานมักอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ไม่ก็ตามตัวศพ แต่ศพที่ลอยน้ำมา อาจจะถูกน้ำพัดหลักฐานไป หรือถูกทำลายโดยสัตว์น้ำที่หิวโหย ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ เธอไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ไม่มีหลักฐานที่นี่ เธอส่งสัญญาณบอกให้ชิฟเฟอร์เรียกเจ้าหน้าที่มาเก็บศพเพื่อไปชัณสูตรยังห้องแลปต่อไป เจสสิกาเดินกลับมาที่รถด้วยสีหน้าครุ่นคิด ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมาย +++++++++++++++++++++++++ คมมีดบาดลึกเข้าไปกลางอก เผยให้เห็นส่วนประกอบภายในของร่างเย็นเยียบบนเตียงเหล็ก รอยกรีดลากเป็นทางยาวตั้งแต่กลางอกไปจนถึงหน้าท้องของร่างๆ นั้น มือเล็กๆ ใช้คีมคีบแยกรอยนั้นออกจากกัน สายตาสำรวจสิ่งที่อยู่ภายในช่องนั้นอย่างละลาบละล้วง โดยมีบุคคลสามคนกำลังยืนจ้องมองดูด้วยสนใจ “ตายจากการถูกแทงที่หน้าอก ตัดขั้วหัวใจพอดี” เจนนิเฟอร์ ลี เจ้าหน้าที่แผนกนิติเวชเชื้อสายจีน เอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ หลังผ่าศพนิรนามที่ส่งมาเมื่อเช้าเพื่อสำรวจดูความเสียหายภายใน “อวัยวะภายในส่วนอื่นไม่เสียหาย” ลีพูดขึ้นพร้อมกับใช้เข็มเย็บรอยกรีดที่แยกออกเหล่านั้นให้ติดกัน เจสสิกาสังเกตุเห็นรอยเล็บในฝ่ามือของศพ นั่นแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวคนนี้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานก่อนที่จะตาย เป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะถลกหนังหัวของเธอก่อนจะลงมือฆ่าเธอ เพราะรอยหนังที่ถูกถลกออกบริเวณหน้าผากนั้นดูไม่เรียบร้อย นั่นอาจเป็นผลมาจากการต่อสู้ดิ้นรนของหญิงสาวคนนี้ ไม่มีร่องรอยถูกข่มขืน หรือการทำร้ายร่างกายอื่นๆ นอกจากการกรีดตัดกล่องเสียง การแทงที่ข้อเท้า และการถลกหนัง ฆาตกรจะเอาของเหล่านี้ไปทำไมกัน หากเป็นฆาตกรจิตวิปลาส ของเหล่านี้ต้องมีความสำคัญกับเขา ของเหล่านี้ต้องให้ความสุขกับเขาได้ และแน่นอนว่าเขามีความสุขที่ได้ทำ สายตาของเจสสิกาพลันสะดุดลงที่มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งข้างเตียงชันสูตร มันส่งประกายวิบวับ สะท้อนแสงไฟบนเพดานเป็นเงาวาวดูราวกับเชื้อเชิญให้ใช้มันกรีดเนื้อหนังตรงหน้า จิตใจของเจสสิกาว้าวุ่นจนเผลอนึกไปถึงเรื่องๆ หนึ่งในอดีต “มานี่สิเจส ลองดูสิ แล้วเธอจะรักมัน” ใครคนหนึ่งกำลังร้องเรียกเธอ เสียงหัวเราะใสๆ ออกมาจากปากของเด็กหญิงเจสสิกาวัย6ขวบ ทั่วทั้งร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงข้น กลิ่นคาวของมันไม่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกคลื่นเหียนเลยสักนิด เด็กหญิงหยิบมีดโกนออกมาส่องกับแสงไฟบนเพดาน ริมฝีปากน้อยๆ เอ่ยถามบุคคลอันเป็นที่รักเบื้องหน้าด้วยความใคร่รู้ “หนูทำได้จริงๆหรือ”
ฉับพลันความรู้สึกกดดันจากภายในกายก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สติที่ยังไม่กลับมาถูกปิดลง พร้อมเสียงแผ่วเบาสุดท้ายที่ได้ยิน “เยี่ยมมาก เจสที่รัก”
++++++++++++++
จบแล้วจ้าบทนี้
“ถ่ายรูป”
“เดี๋ยวปีเตอร์ก็มาแลัว”
เอดมัน ชิฟเฟอร์ เผลอถอนหายใจออกมาดังๆ ขณะมองดูลูกน้องคนสำคัญถ่ายรูปศพหญิงสาวที่เด็กวัยรุ่นสองคนเป็นคนพบขณะนั่งตกปลากันที่ริมตลิ่ง เด็กคนแรกเล่าว่ารู้สึกว่าสายเบ็ดตึง จึงรีบสาวสายเบ็ด แต่สาวยังไงก็ไม่ขึ้น เลยเรียกเพื่อนอีกคนมาช่วยสาว ตอนแรกก็ดีใจคิดว่าจะได้ปลาตัวใหญ่แน่ พอดึงขึ้นมาได้ถึงได้รู้ว่าเป็นศพคน ตอนนี้ทั้งสองกำลังให้จิตแพทย์ดูอาการอยู่ แน่ล่ะใครเจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่สติแตกก็แปลกเต็มที
การที่ตำรวจจะถ่ายรูปศพที่ถูกฆาตกรรมนั้นไม่ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะสภาพศพตอนที่ถูกพบครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด ในตอนแรกอาจจะพลาดหลักฐานบางส่วนไป แต่เมื่อกลับมามองรูปนั้นอีกครั้งก็อาจจะพบหลักฐานที่ซ่อนอยู่ได้ เมื่อคดีถูกปิดไปแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะนำหลักฐานทุกอย่างรวมทั้งรูปถ่ายเข้าแฟ้ม และเก็บไว้ในที่ที่มันสำควรอยู่ แต่ในกรณีของเจสสิกาไม่เหมือนกัน เธอมักจะถ่ายรูปศพเอาไว้ดูเอง โดยให้ปีเตอร์ถ่ายไว้อีกชุดเพื่อเก็บเข้าแฟ้ม เธอยังคงเก็บรูปพวกนั้นเอาไว้จนถึงตอนนี้ ชิพเฟอร์เคยเห็นอัลบัมรูปพวกนั้นครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่ไปบ้านเธอ
เจสสิกาเก็บกล้องถ่ายรูปเข้าประเป๋าทันที เมื่อได้ยินเสียงไซเรนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คงจะเป็นปีเตอร์ เขามักมาพร้อมกับเสียงเอะอะ ต่างจากเธอที่ต้องการความเงียบสงบในเวลาทำงานมากกว่า ถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอแอบถ่ายรูปศพเก็บเอาไว้ ปีเตอร์อาจไม่ถ่ายรูปอีก แล้วเธอจะต้องเสียรูปพวกนี้ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมไม่ได้
“สารวัตร บอกว่าฉันเพิ่งมาถึงนะ” เจสิกาพูดพลางเงยหน้าขึ้นมา เธอเห็นชายร่างเล็กผอมแห้งแรงน้อย ผมเรียบไร้รอยคลื่น กำลังเดินตรงมา เขาคือปีเตอร์ แฮริส เขามักจะสวมเสื้อเชิร์ตกับกางเกงสแลคเสมอ เจสสิกาคิดว่าเขาสำอางเกินกว่าที่จะเป็นตำรวจ
“มานานแล้วเหรอเจส”
“เรย์มอน ฉันเพิ่งมา” ปีเตอร์มองหญิงสาวข้างหน้าเขาพลางถอนใจ เธอไม่เคยยอมให้ใครเรียกชื่อเลยสักครั้ง เขาเคยสงสัยว่าหากวันใดที่ต้องไปบ้านเธอ คงจะเจอแต่บุคคลที่ชื่อว่าเรย์มอนเต็มไปหมด
“ข้างล่างเหรอ” เขาถามเจสสิกาพลางเดินลงมาที่ริมตลิ่ง เจสสิกาหลีกทางให้เขา แต่เมื่อเห็นสภาพศพ เขาถึงกับผงะ ต้องกระโจนถอยออกมาอาเจียน สภาพปีเตอร์ในตอนนั้นดูไม่จืดเลยจริงๆ เจสสิกาเหนื่อยใจกับภาพที่เห็น ปีเตอร์เป็นต้องอาเจียนทุกครั้งที่เห็นศพ เหมือนกับเป็นการเอาฤกเอาชัยก่อนการทำงาน
“ถ่ายซะ” น้ำเสียงที่เจสสิกาพูดเหมือนเจ้านายสั่งลูกน้องมากกว่าพูดกับเพื่อนร่วมงาน แต่ปีเตอร์รู้ดีว่าเธอไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้น ถึงเธอจะเข้ากรมตำรวจมาก่อนเขาก็ตาม
เขาแข็งใจก้าวขาที่ออกจะสั่นนิดๆออกไป ในมือถือกล้องถ่ายรูปเตรียมพร้อม สภาพศพหญิงสาวเบื้องหน้าทำให้ปีเตอร์รู้สึกคลื่นไส้ แต่หน้าที่ต้องเป็นหน้าที่
“เพศหญิงอายุประมาณ 20 กว่าๆ หนังศรีษะถูกถลกออกพร้อมกับผิวหนังบริเวณใบหน้า ที่แขนก็ด้วย ดวงตาถูกควักออกไป สภาพศพถูกแช่อยู่ในน้ำ จนผิวหนังเหี่ยวและเปื่อย มีบางส่วนที่ถูกปลาตอดเอาไปกิน เห็นไหม ตรงนั้นน่ะ” เจสสิกาเริ่มรายงานสภาพศพอย่างคร่าวๆ พลางใช้นิ้วชี้ไปที่คอของศพ ซึ่งมีสภาพเปื่อยยุ่ยกว่าที่อื่น นอกจากรอยถูกกัดแทะแล้วยังพบรอยกรีดเป็นทางยาวตั้งแต่เหนือลูกกระเดือกลงมาถึงกระดูกไหปลาร้า เจสสิกาใช้ปากคีบแยกรอยกรีดนั้นออกจากกัน เธอใช้นิ้วมือสำรวจช่องนั้นราวกับควานหาอะไรซักอย่าง
“กล่องเสียงหายไป ” เจสสิกาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป เธอไล่สายตาลงมาเรื่อยๆ
“ถูกแทงที่หน้าอก น่าจะตายด้วยสาเหตุนี้” เสื้อยืดสีขาวมีคราบเลือดจางๆ ติดอยู่ เนื้อผ้าขาดออกบริเวณหน้าอกข้างซ้าย เจสสิกายังคงไล่สายตาต่อไปเรื่อยๆ
“ข้อเท้าขวาถูกของมีคมบาดลึกไปถึงกระดูก“ ปีเตอร์มองตามที่เจสสิกาชี้ เขาเห็นส่วนสีขาวๆ โผล่ออกมานั่นคงเป็นกระดูก บริเวณปากแผลยังมีรอยสัตว์กัดแทะ ที่จริงร่างของหญิงสาวคนนี้ถูกแทะเกือบจะทั้งตัว เขาเผลอมองกลับไปยังส่วนที่ถูกถลกหนังออก ใบหน้าที่ปราศจากผิวหนัง เบ้าตาที่กลวงโบ๋ ศรีษะโล้นเลี่ยนปราศจากเส้นผมกระทั่งหนังศรีษะก็ไม่มี เนื้อบริเวณนั้นซีดและเปื่อยยุ่ยกว่าบริเวณอื่น ยุ่ยมาก ยุ่ยเสียจนเรียกได้ว่าเป็นแค่เนื้อเละๆ เขารู้สึกคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นครั้งที่สอง
เจสสิกายังคงสำรวจบริเวณข้างเคียงเพื่อหาหลักฐานชิ้นอื่นๆ แต่เมื่อเป็นศพที่ลอยน้ำมา โอกาสที่จะเจอหลักฐานนั้นแทบจะไม่มีเลย หลักฐานมักอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ไม่ก็ตามตัวศพ แต่ศพที่ลอยน้ำมา อาจจะถูกน้ำพัดหลักฐานไป หรือถูกทำลายโดยสัตว์น้ำที่หิวโหย ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ เธอไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ไม่มีหลักฐานที่นี่ เธอส่งสัญญาณบอกให้ชิฟเฟอร์เรียกเจ้าหน้าที่มาเก็บศพเพื่อไปชัณสูตรยังห้องแลปต่อไป
เจสสิกาเดินกลับมาที่รถด้วยสีหน้าครุ่นคิด ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
+++++++++++++++++++++++++
คมมีดบาดลึกเข้าไปกลางอก เผยให้เห็นส่วนประกอบภายในของร่างเย็นเยียบบนเตียงเหล็ก รอยกรีดลากเป็นทางยาวตั้งแต่กลางอกไปจนถึงหน้าท้องของร่างๆ นั้น มือเล็กๆ ใช้คีมคีบแยกรอยนั้นออกจากกัน สายตาสำรวจสิ่งที่อยู่ภายในช่องนั้นอย่างละลาบละล้วง โดยมีบุคคลสามคนกำลังยืนจ้องมองดูด้วยสนใจ
“ตายจากการถูกแทงที่หน้าอก ตัดขั้วหัวใจพอดี” เจนนิเฟอร์ ลี เจ้าหน้าที่แผนกนิติเวชเชื้อสายจีน เอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ หลังผ่าศพนิรนามที่ส่งมาเมื่อเช้าเพื่อสำรวจดูความเสียหายภายใน
“อวัยวะภายในส่วนอื่นไม่เสียหาย” ลีพูดขึ้นพร้อมกับใช้เข็มเย็บรอยกรีดที่แยกออกเหล่านั้นให้ติดกัน
เจสสิกาสังเกตุเห็นรอยเล็บในฝ่ามือของศพ นั่นแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวคนนี้ต้องได้รับความทุกข์ทรมานก่อนที่จะตาย เป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะถลกหนังหัวของเธอก่อนจะลงมือฆ่าเธอ เพราะรอยหนังที่ถูกถลกออกบริเวณหน้าผากนั้นดูไม่เรียบร้อย นั่นอาจเป็นผลมาจากการต่อสู้ดิ้นรนของหญิงสาวคนนี้
ไม่มีร่องรอยถูกข่มขืน หรือการทำร้ายร่างกายอื่นๆ นอกจากการกรีดตัดกล่องเสียง การแทงที่ข้อเท้า และการถลกหนัง ฆาตกรจะเอาของเหล่านี้ไปทำไมกัน หากเป็นฆาตกรจิตวิปลาส ของเหล่านี้ต้องมีความสำคัญกับเขา ของเหล่านี้ต้องให้ความสุขกับเขาได้ และแน่นอนว่าเขามีความสุขที่ได้ทำ
สายตาของเจสสิกาพลันสะดุดลงที่มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งข้างเตียงชันสูตร มันส่งประกายวิบวับ สะท้อนแสงไฟบนเพดานเป็นเงาวาวดูราวกับเชื้อเชิญให้ใช้มันกรีดเนื้อหนังตรงหน้า จิตใจของเจสสิกาว้าวุ่นจนเผลอนึกไปถึงเรื่องๆ หนึ่งในอดีต
“มานี่สิเจส ลองดูสิ แล้วเธอจะรักมัน” ใครคนหนึ่งกำลังร้องเรียกเธอ เสียงหัวเราะใสๆ ออกมาจากปากของเด็กหญิงเจสสิกาวัย6ขวบ ทั่วทั้งร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวสีแดงข้น กลิ่นคาวของมันไม่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกคลื่นเหียนเลยสักนิด เด็กหญิงหยิบมีดโกนออกมาส่องกับแสงไฟบนเพดาน ริมฝีปากน้อยๆ เอ่ยถามบุคคลอันเป็นที่รักเบื้องหน้าด้วยความใคร่รู้ “หนูทำได้จริงๆหรือ”
ฉับพลันความรู้สึกกดดันจากภายในกายก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สติที่ยังไม่กลับมาถูกปิดลง พร้อมเสียงแผ่วเบาสุดท้ายที่ได้ยิน “เยี่ยมมาก เจสที่รัก”
++++++++++++++
จบแล้วจ้าบทนี้
ฉับพลันความรู้สึกกดดันจากภายในกายก็พุ่งขึ้นถึงขีดสุด สติที่ยังไม่กลับมาถูกปิดลง พร้อมเสียงแผ่วเบาสุดท้ายที่ได้ยิน
“เยี่ยมมาก เจสที่รัก”
++++++++++++++
จบแล้วจ้าบทนี้
ความคิดเห็น